ตอนที่ 860 กับดัก
ถังเทียนเล่าให้เชียนฮุ่ยฟังมากมายว่าเขาไปถึงแดนบาปได้ยังไงออกมาได้ยังไง เรื่องแผนการของปิงและแน่นอนว่าหนุ่มชาวฟ้าทรงพลังมากเพียงไหน...
เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาสามารถเดินหน้าต่อไปทั้งหมดต้องใช้ความอดทนมาก เสียงของเขาบางครั้งก็สูง บางครั้งก็ต่ำเขาอธิบายเรื่องราวของเขาด้วยสีสันต่างๆ ในอีกด้านหนึ่งหน้าของเชียนฮุ่ยยังคงยิ้มหวานนางฟังอย่างตั้งใจและหัวเราะเป็นบางคราวโดยไม่รู้สึกเบื่อหรือรำคาญ
ขณะที่พวกเขาสนทนากันต่อเนื่องเชียนฮุ่ยจะคุยเรื่องของนางด้วยเช่นกัน เรื่องประสบการณ์ของนางวิธีที่นางออกจากสนามรบโบราณ เกี่ยวกับเรื่องแปลกประหลาดที่นางได้พบเห็นเรื่องอาซิ่นและเรื่องสนุกๆ ของเสี่ยวม่าน.....
เชียนฮุ่ยพูดอ่อนโยนขณะที่ถังเทียนตะโกนดังลั่น บางครั้งอุทานออกมาดังๆ อย่างมีชีวิตชีวา
‘เสียงของเชียนฮุ่ยไพเราะมาก’ ถังเทียนคิด
เขามีความสุขมาก และไม่รู้ว่าจะอธิบายอารมณ์ของเขายังไง เขาเพียงแต่รู้ว่าเขามีความสุขมากขนาดที่อยากจะกระโดดไชโยด้วยความดีใจ
เวลาผ่านไปโดยที่ทั้งสองคนไม่รู้
ทั้งสองคนคุยกันถึงสี่ชั่วโมงก่อนจะจบลงอย่างไม่เต็มใจนัก โชคดีที่ทั้งสองคนอยู่ในทวีปกวงหมิงและสามารถติดต่อกันได้สะดวกมากขึ้น
เมื่อกลับมายังทวีปกวงหมิง ถังเทียนเต็มไปด้วยจิตใจพร้อมจะสู้ ร่างของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังไม่มีขีดจำกัด เมื่อคิดถึงเรื่องที่สนทนาเขายืนงงอยู่กับที่และหัวเราะเองคนเดียว
เมื่อซือหม่าเซี่ยวเห็นถังเทียน เขาผิวปากและพูดด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “ดูเหมือนชายหนุ่มจะติดเชื้อเสียแล้ว! หึหึ แม้แต่หนุ่มชาวฟ้าก็ไม่สามารถต้านพลังแห่งความรักได้ ข้าสงสัยจริงแม่นางเชียนฮุ่ยเป็นยังไงบ้างถึงทำให้หนุ่มชาวฟ้าของเรามึนเมาตกหลุมรักนางได้”
หน้าของคนอื่นมีท่าทีแปลกประหลาดพวกเขาต้องการหัวเราะแต่ว่าไม่กล้า ซือหม่าเซี่ยวสามารถหยอกล้อถังเทียนได้ แต่พวกเขาไม่กล้า แต่หลายคนมีท่าทีแปลกประหลาด กองพลเกราะเทพเจ้าติดตามถังเทียนมานานแล้วและไม่เคยเห็นถังเทียนแสดงท่าทีกับหญิงสาว ไม่ว่าพวกนางจะงดงามอย่างไรก็ตาม จอห์นสันรู้เรื่องนี้ชัดเจนเนื่องจากเขาอยู่ใกล้เมลิซซาเสมอและชายหนุ่มธรรมดาทุกคนไม่ว่าพวกเขาจะมีตำแหน่งอะไรหรือมีอาชีพใดก็ตามทุกคนที่คุยกับเมลิซซาจะชื่นชมความงามของนาง สรรเสริญนาง หรือไม่ก็น้ำลายหก
ยกเว้นอยู่คนเดียว คือเจ้านายเขาไม่เคยเห็นการแสดงออกอย่างนั้นมาก่อน เขาจำได้ชัดเจน เจ้านายเคยแสดงรังสีฆ่าฟันแม้ต่อเมลิซซาด้วย ในใจเขาเจ้านายเย็นชาและไร้อารมณ์และไม่มีหญิงใดที่ส่งผลอิทธิพลต่อเขาแม้แต่น้อย เขาคือเครื่องจักรฆ่าคน
เมื่อเขาเห็นถังเทียนหัวเราะอย่างโง่เขลากับตัวเองถึงครึ่งค่อนวันมองดูเหมือนคนปัญญาอ่อนเขาตกใจ ‘นี่คือนายท่านผู้ไร้ปราณีเย็นชา ละเอียดอ่อนและไร้อารมณ์ใช่หรือเปล่า?’
จู่ๆ จอห์นสันก็เต็มไปด้วยความสงสัยต่อแม่นางเชียนฮุ่ย ‘สตรีแบบไหนที่ทำให้นายท่านเป็นแบบนั้นได้?หรือว่านางจะงดงามมากกว่าเมื่อเทียบกับคุณหนูเมลิซซา?’
หลังจากหัวเราะกับตัวเองถึงครึ่งค่อนวันแล้ว ถังเทียนเทียนตัดสินใจเริ่มงานที่เหมาะสม เขาคิดถึงเรื่องความคิดที่เชียนฮุ่ยให้เขาและเรื่องที่นางเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อถังเทียนพูดกับทุกคนถึงแผนของเชียนฮุ่ยทุกคนเงียบ พวกเขาทุกคนทำหน้าแปลกประหลาด
ปฏิกิริยาของทุกคนทำให้ถังเทียนตกใจ“มีปัญหาอย่างนั้นหรือ?”
หลังจากนั้นเป็นเวลานานซือหม่าเซี่ยวเป็นคนแรกที่หายตกใจเขามีสีหน้าซับซ้อน “แม่นางเชียนฮุ่ยน่าทึ่งมาก เจ้ามันโชคดีบัดซบ!”
“มันแน่อยู่แล้ว! ไม่มีใครฉลาดกว่าเชียนฮุ่ย!” เมื่อยินเช่นนั้นถังเทียนดีใจแต่ทันใดนั้นเขาเหลือกตากว้าง “ใครพูดวะ..โชคดีบัดซบ? อยากมีเรื่องหรือไง?”
ทุกคนหายตกใจ แต่ละคนมีสีหน้าเทิดทูนบูชา
*******************
ทวีปป่าน้อย
เถี่ยจี๋อำลาซ่างกวนเชียนฮุ่ยด้วยความรู้สึกเคารพอย่างสูง “คุณหนู, ขอให้สบายใจได้ผู้น้อยจะทำให้สำเร็จได้อย่างแน่นอน! ขอให้คุณหนูรักษาตัวเองด้วย!”
เขาไม่ชักช้าอีกต่อไปและจากไปพร้อมกับซางเป่ย พวกเขาเริ่มเดินตรงไปที่ทางน้อยซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายกลับไปยังทวีปแดนเถื่อน
เมื่อเห็นเถี่ยจี๋และซางเป่ยแยกจากไป เสี่ยวม่านอดยกดาบยักษ์ขนาดประตูในมือชูขึ้นอย่างกระตือรือร้นไม่ได้“ข้าอยากได้การต่อสู้ดีๆ สักตั้ง!”
อาซิ่นได้เพ่งสายตาเต็มที่เสียทีแต่ตาของเขากลับมองอยู่ที่หน้าอกยั่วยวนของเสี่ยวม่านที่สั่นเคลื่อนไหวไปตามจังหวะการเคลื่อนไหวของดาบยักษ์เขากลืนน้ำลายอย่างลุ่มหลง
เสี่ยวม่านหันหน้ากลับมาทันใดและยิ้มหวานให้อาซิ่น “เป็นไง ดูดีไหม?”
“มันดีจริงๆ...”อาซิ่นโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว
เงาร่างหนึ่งบดบังสายตาของเขาอย่างรวดเร็วดาบยักษ์, โอว ต้องบอกว่าอาวุธขนาดบานประตูกระแทกใส่หน้าอาซิ่นจนเขากลิ้งเป็นลูกบอลไปไกลเกินกว่า30 เมตร
ซ่างกวนเชียนฮุ่ยที่อยู่ข้างๆยังหยุดยิ้มไม่ได้
เสี่ยวม่านไม่สนใจอาซิ่นอีกต่อไปและถามเชียนฮุ่ยอย่างกังวล “คุณหนู, ตอนนี้ซางเป่ยกลับไปแล้วเราควรจะเคลื่อนไหวด้วยตนเองหรือเปล่า?”
เป็นงานยากมากในการเคลื่อนไหวในดินแดนศัตรูโดยไม่มีใครนำทางพวกเขา นอกจากนี้พวกเขายังสะดุดตาเกินไปกลุ่มที่ประกอบด้วยขุนพลวิญญาณเป็นส่วนใหญ่ตราบใดที่พวกเขาเดินอยู่ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ก็ยากที่จะไม่ดึงดูดความสนใจ
เชียนฮุ่ยส่ายศีรษะ “ไม่, เรารออยู่ที่นี่ จะมีคนมารับเรา”
“จะมีคนมารับเราหรือ? นั่นเยี่ยมเลย!” เสี่ยวม่านถอนหายใจโล่งอกจากนั้นถามอย่างสงสัย “คุณหนู, ใครจะมารับเรา?”
“กลุ่มการค้าเมซฟิลด์” เชียนฮุ่ยยิ้ม จากนั้นถาม “ทุกคนรู้สึกยังไงบ้าง?”
เสี่ยวม่านตอบอย่างตื่นเต้น “แตกต่างจากทวีปแดนเถื่อนโดยสิ้นเชิง พลังงานที่นี่มีชีวิตชีวามากกว่า และหนาแน่นมากกว่าเมื่อเทียบกับทวีปแดนเถื่อน ทุกคนแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องถ้ามีเวลาเพียงพอ ข้าเชื่อว่าทุกคนสามารถเผยร่างจริงออกมาได้แต่นั่นคงต้องใช้เวลายาวนาน”
เชียนฮุ่ยหัวเราะและกล่าว “เราจะมีเวลานั้น”
*****************
เมื่อมองดูพื้นที่ก่อสร้างซึ่งกำลังขยายตัวอย่างมีชีวิตชีวา โรเจอร์ไม่สบายใจแม้แต่น้อย อัศวินพิเศษกวงหมิงผู้มีตำแหน่งสูงส่งถูกปล่อยให้อยู่ในเขตที่ก่อสร้างที่ไม่มีแม้แต่นกบินผ่านเป็นเหมือนหัวหน้าช่างก่อสร้าง
ถูกแล้วเขารู้สึกตนเองว่าเป็นเหมือนหัวหน้าช่าง
‘ไม่มีอะไรที่นี่เลย,เป็นไปได้ว่าสหายของข้าคงต้องมุ่งหน้าไปยังทวีปซางโจวพร้อมกับฝ่าบาท’ เขามีท่าทีอยากไปทวีปซางโจวเพื่อประกาศความสำเร็จและมีแนวโน้มว่าพวกเขาจะสามารถจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์สภาอาวุโสได้ ‘แล้วข้าเล่า?ในหนังสือประวัติศาสตร์ของอัศวินพิเศษกวงหมิงที่รุ่งเรือง โรเจอร์ผู้โชคร้ายกลายเป็นคนคุมงานก่อสร้าง’
โรเจอร์ยังต้องคอยปกป้องคาร์ล ถูกแล้วอัศวินพิเศษกวงหมิงคนหนึ่งต้องมาคอยปกป้องพ่อค้าคนหนึ่ง ทำให้เขารู้สึกอับอายทั่วทั้งหน่วยอัศวินพิเศษกวงหมิงได้รับอิทธิพลจากโซเฟียและไม่มีใครในพวกเขามีความรู้สึกที่ดีต่อพ่อค้าอย่างคาร์ล ในทวีปกวงหมิง สภาอาวุโสคือผู้ปกครองที่แท้จริงและภายในสภาฯ อัศวินกวงหมิงอยู่ในตำแหน่งที่น่านับถือและแต่ละคนล้วนเป็นอัจฉริยะในอัจฉริยะและโรเจอร์เองก็มีอัจฉริยะมากผ่านการคัดเลือกทดสอบมาหลายครั้งหลายครา ด้วยตำแหน่งที่สูงส่งและน่านับถือและความสามารถที่เหลือล้น พวกเขามีพลังเฉพาะตัวสูงกันทุกคนมีคุณสมบัติพอจะแสดงความหยิ่งต่อคนที่มีบุคลิกโดดเด่นได้
โรเจอร์ไม่สามารถขัดคำสั่งของโอรสศักดิ์สิทธิ์ได้ เนื่องจากเขามีความภักดีต่อสภาฯและโอรสศักดิ์สิทธิ์ และเริ่มคิดว่าไม่ว่าเขาจะคิดยังไงก็อาจเป็นการล่วงละเมิดต่อโอรสศักดิ์สิทธิ์
ขณะนั้นยามคนหนึ่งวิ่งเขามาหาทันที โรเจอร์จำเขาได้ทันที เขาเป็นผู้ช่วยที่น่าเชื่อถือของคาร์ล
“ท่านโรเจอร์,ท่านคาร์ลเชิญให้ท่านมาหาขอรับ” ยามผู้นั้นพูดเสียงอ่อน “นายท่านมีการค้นพบใหม่ขอรับ”
เมื่อโรเจอร์ได้ยินครึ่งประโยคแรก สีหน้าของเขาพลันเย็นชา ‘โรเจอร์ผู้นี้ยังจะมีผู้บังอาจขอให้ข้าไปหาหรือ?’ แต่เมื่องเขาได้ยินครึ่งประโยคต่อมา เขาตกใจ
‘การค้นพบใหม่?’
เขาสงสัยทันที “การค้นพบอะไร?”
ยามผู้นั้นพูดเบาๆ“นายท่านค้นพบกลุ่มซากหักพัง และพบพลังงานเฉพาะแบบเหลืออยู่”
‘พลังงานตกค้างที่ไม่เหมือนใครหรือ?’
โรเจอร์ตาเป็นประกายความสนใจของเขาเพิ่มขึ้นทันที ‘พลังงานที่เหลืออยู่ต้องเป็นพวกโจรทิ้งไว้แน่นอนหรือว่ายังมีความแตกต่างระหว่างพวกมัน?’
“นำทางได้” โรเจอร์พูดโดยไม่ลังเล
โดยมีทหารยามนำทางโรเจอร์พบตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วที่ซึ่งมีการคุ้มกันหนาแน่นโดยหลายคนที่ใบหน้าไม่คุ้นเคย โรเจอร์รู้ว่าองค์กรใหญ่อย่างกลุ่มการค้าตะวันตกจะมีสมบัติมั่งคั่งมากกว่าองค์กรธรรมดาทั่วไปและมียอดฝีมือมากมาย ทั้งหมดเป็นกลุ่มทหารยามที่ไม่คุ้นและเป็นคนเช่นนั้น
โรเจอร์ตื่นเต้นอยู่ภายใน ‘เพราะคาร์ลให้ความสำคัญต่อที่นี้มากต้องมีอะไรบางอย่างจริงๆ งั้นหรือ?’
ถ้ามีการค้นพบที่พิเศษ สำหรับโรเจอร์ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังคือโอกาสอีกด้วย กลุ่มที่ทำการสอบสวนก็ไม่ได้อะไรที่ชัดเจนเกี่ยวกับโจร อาจเป็นเพราะโกวเฉิงเวิ่นเต้ายึดทวีปซางโจวก็ได้ ถ้าโรเจอร์สามารถพบอะไรบางอย่างที่มีค่าจากการสอบสวนอาจจะเป็นประโยชน์ต่อเขามากมายก็ได้
เขาเห็นคาร์ลนั่งอยู่กับพื้นเหมือนกับเขากำลังคุยปรึกษาเบาๆ กับกลุ่มทหารยามรอบตัวเขา
โรเจอร์เดินตรงไปที่กลุ่มโดยไม่ลังเลและพูดเสียงดัง “พูดไป, ว่าเป็นการค้นพบอะไร?”
เมื่อทหารที่ก้มหน้าอยู่ ได้ยินเขาพูดพวกเขายืนขึ้น
โรเจอร์หรี่นัยน์ตาทันที
รังสีดาบแดงงดงามปรากฏออกมาจากคนในกลุ่มนั้นบดบังทัศนวิสัยของเขาทันที
สายเกินไปที่โรเจอร์จะทันได้ชักดาบออกมาแต่ในที่สุดเขาแข็งแกร่งทรงพลังและมีประสบการณ์ต่อสู้เต็มที่ เขาไม่ตื่นเต้นเมื่อเผชิญกับการโจมตีกะทันหัน แต่คำรามและรวบฝ่ามือกลายเป็นหมัดเปล่งรังสีกระแทกใส่รังสีดาบสีแดง
รังสีหมัดและรังสีดาบแดงปะทะกัน เลือดในร่างของโรเจอร์ดูเหมือนจะถูกจับไว้ด้วยเชือกที่มองไม่เห็น
เป็นครั้งแรกที่โรเจอร์เผชิญกับกับความรู้สึกแปลกประหลาดแบบนั้นและหน้าของเขาเปลี่ยนไป
รังสีหมัดของเขาเพิ่มพลังขึ้นทันทีและรัศมีสีขาวคลุมรอบหมัดของเขาทันทีกลายเป็นเข็มที่แหลมคมขณะที่มันสลายรังสีดาบสีเลือดกระจายออกไป
จี๋เจ๋อครางแต่เขาก้าวหน้าแทนที่จะถอยหลัง รังสีดาบแดงกระจายขยายเป็นข่ายที่รวบรัดโรเจอร์
โรเจอร์โกรธทันทีแต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่โจมตีรวดเร็ว เขาไม่สามารถป้องกันและสูญเสียโอกาสตกอยู่ในสภาพเฉื่อยชาได้ แต่อัศวินพิเศษกวงหมิงทุกคนมีประสบการณ์ฝึกฝนอดทนที่สุดและโหดร้ายที่สุดแม้จะอยู่ในสภาวะอันตราย ก็ไม่ตื่นเต้น
โรเจอร์ตระหนักว่ารังสีดาบของคู่ต่อสู้แปลกประหลาด ตาของเขาเป็นประกายโกรธกร้าวและเกราะทองของเขาเปล่งแสงเจิดจ้าโดยรอบ
เพลิงสีขาวดูเหมือนจะลุกโชนออกมาจากผิวภายในของเกราะเมื่อทั่วทั้งร่างของโรเจอร์เต็มไปด้วยเปลวเพลิงขาว
สายเส้นสีทองนับไม่ถ้วนแฝงอยู่ในเปลวเพลิงทำให้ดูเหมือนมีสายฟ้าสีทองกระพริบอยู่ในเปลวไฟ
เมื่อใยดาบสีเลือดถูกเพลิงขาวขัดขวางจึงเหมือนหยดน้ำที่หยดลงไปในเปลวเพลิงลุกโชน มีเสียงดังฉ่า.. แล้วใยนั้นก็หายไป
จี๋เจ๋อสะดุด เลือดไหลออกจากมุมปากของเขา
โรเจอร์อยู่ในเปลวเพลิงมองดูเหมือนกับเทพสงคราม ม่านตาของเขากลายเป็นสีขาวขณะที่เขาพูดอย่างเฉยเมย “คาร์ล เจ้ากล้าทรยศต่อสภาฯข้าจะลงโทษประหารเจ้าซะ!”
เขาใช้ฝ่ามือแทนกระบี่ที่มีเปลวเพลิงคลุมและแทงไปที่คาร์ล
เป็นการแทงง่ายๆ แต่ทุกคนสีหน้าเปลี่ยน พลังงานรอบตัวพวกเขาระเบิดออกทำให้ไม่สามารถต้านทานได้
“ฮึ”
บุรุษหนุ่มคนหนึ่งแค่นเสียงขึ้น
หมัดที่ดูเหมือนธรรมดาปรากฏขึ้นมาโดยไม่มีเค้าลางเตือนหยุดมือของโรเจอร์ไว้ได้
ระเบิดในท้องฟ้าก็หยุดกะทันหัน