ตอนที่ 17 ที่มาที่ไป
ตอนที่ 17 ที่มาที่ไป
บนพื้นตัว เกาจิ้ง ซึ่งเต็มไปด้วยเลือด นั่งดูซากงูยักษ์ที่กองอยู่บนพื้นอย่างสบาย ๆ
ดูจากสายตาคร่าวๆโดยการประมาณภาพความยาวของงูยักษ์ที่ลำตัวปกคลุมด้วยเกล็ดสีแดงเข้มนี้มีความยาวอย่างน้อย 9 เมตร ขนาดอวบใหญ่ดูน่ากลัวมากเมื่อเทียบกับ ขนาดของงูหลามหรืองูอนาคอนด้าในโลกเดิม
แต่ในโลกใบใหญ่นี้เขาก็เป็นแค่ผู้ชายตัวเล็กๆ
สิ่งที่พิเศษที่สุดเกี่ยวกับงูยักษ์ตัวนี้คือนอกจากจะมีเกล็ดสีแดงสดแล้วยังมีเขาสีทองสองเขาบนหัวเหมือนมังกรในตำนาน
เกาจิ้ง พยายามหักเขาที่ดูเหมือนทองคำ แต่ไม่ใช่ทอง เพียงเพื่ออยากพิสูจน์ดู เขาจึงพบว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมาก เนื่องจากมันมีความแข็งแกร่งที่สูงมาก
เห็นได้ชัดว่ามันเกินกำลังของ เกาจิ้ง ที่จะทำลายมันลง
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เกาจิ้ง ก็ดึงมีดเดินที่พกติดตัวออกมา ง้างมีดขึ้นสูงแล้วหวดฟันลงมาอย่างเต็มแรง
เป๊ง!
ใบมีดที่แหลมคมปะทะเข้าบริเวณหัวของงูอย่างแรง เกิดเป็นประกายไฟแลบออกมา เกิดเสียงดังสนั่น
ใบมีดเด้งกลับทันที!
เกาจิ้ง กำด้ามมีดไว้แน่น ถึงกับสะท้านเมือ มองไปที่ใบมีดเกิดรอยบิ่นช่องว่างขนาดใหญ่ เขานิ่งเงียบได้แต่ทำตาปริบๆพูดอะไรไม่ออกอยู่คู่นึง
แม้ว่า มีดเดินป่าออนแทรีโอ นี้จะเป็นของเลียนแบบแต่ฝีมือและวัสดุค่อนข้างดีแต่ไม่ดีเท่าของแท้
อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถทำลายความแข็งแกร่งและเหนียวของหนังงูได้แม้แต่น้อย
ไม่มีแม้แต่รอยบนหัวของงูยักษ์ นับประสาอะไรกับการที่จะตัดเขาของงูยักษ์ออกมา
ในความเป็นจริงผลลัพธ์ดังกล่าวไม่ได้คาดคิดไว้มาก่อน เกาจิ้ง ล้มเหลวในการเจาะเกล็ดงูยักษ์ด้วยหน้าไม้สองครั้งก่อนหน้านี้มันคือความดื้อรั้นจนเป็นที่ประจักษ์แจ้งแล้ว
แต่ เกาจิ้ง ไม่รู้สึกหงุดหงิดหรือรำคาญกับเรื่องนี้ แต่รู้สึกยินดี
ถ้าหาวิธีลอกหนังงูมาทำเกราะได้ก็คาดว่าผลการป้องกันน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าชุดเกราะที่มีบนโลก
ยังมีเนื้องู ถุงน้ำดีงู กระดูกงูและอื่นๆ
สิ่งที่ทรงพลังเช่นนี้เต็มไปด้วยมูลค่าดั่งสมบัติการโยนมันทิ้งไว้ที่นี่ก็เหมือนการทิ้งเงินจำนวนมหาศาลให้สูญเปล่า
และถึงแม้สุดท้ายจะทำเป็นอุปกรณ์อะไรไม่ได้ก็ยังใช้ทำเครื่องดื่มบำรุงกำลังได้
เกาจิ้ง เคยมีประสบการณ์อย่างลึกซึ้งมาก่อน ประโยชน์มากมายที่เลือดงูนำมาให้เขา!
แน่นอนว่าส่วนที่เหลือไม่สามารถปล่อยไปได้
ในอดีต เกาจิ้ง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับซากงูยักษ์ที่มีน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัมอย่างแน่นอน
แต่สิ่งต่าง ๆ ในวันนี้ทำให้เขาได้รับรู้
ยื่นมือไปแตะหัวงู เขาวางงูยักษ์ทั้งตัวลงในพื้นที่เก็บของสมอทองแดงได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าจะมีรายการจำนวนมากที่จัดเก็บไว้ในพื้นที่จัดเก็บ แต่ก็ไม่มีปัญหาในการรองรับงูยักษ์สีแดงตัวนั้น
หลังจากจัดการซากงูยักษ์เสร็จ เกาจิ้ง ก็หันความสนใจไปที่ถ้ำข้างหน้า
เขาสนใจถ้ำหมาป่านี้เล็กน้อย
ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นอาณาเขตของหมาป่า แต่ตอนนี้กลายเป็นรังของงูยักษ์สีแดงไปแล้ว
หมาป่าถูกขับไล่ให้อพยพออกจากถิ่นที่อยู่อาศัย ด้วยอำนาจความหวาดกลัว
มีอะไรดีในนั้นที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันและในที่สุดงูยักษ์สีแดงนี้ก็ชนะ?
ทั้งที่หมาป่านี่ขนาดลำตัวที่ใหญ่กว่าและจำนวนที่มากกว่า
ตอนนี้ เกาจิ้ง ฆ่างูยักษ์สีแดงได้แล้วดังนั้น
หากมีสมบัติอยู่ในถ้ำ มันคือรางวัลของเขา!
เกาจิ้ง จัดเรียงอุปกรณ์ของเขา ขึ้นสายใส่ลูกศรหน้าไม้ล่าสัตว์ทั้งสาม และเก็บไว้ในที่เก็บของในสมอทองแดง
มือซ้ายถือไฟฉายแรงสูงและมีดเดินป่าในมือขวา เขาเดินเข้าไปในถ้ำอย่างระมัดระวัง
ถ้ำหมาป่านี้มีขนาดใหญ่มาก ลึกและมืด แต่ภายใต้แสงสว่างของไฟฉายแรงสูง สามารถมองเห็นฉากภายในได้อย่างแจ่มชัด
อากาศค่อนข้างอับ มีกลิ่นเหม็นเหมือนอะไรบางอย่างถูกไฟเผา และมีหินขรุขระอยู่ทั่วไป
เกาจิ้ง เดินตรงไปข้างหน้า และเขายังค้นไม่เจอสมบัติใดๆ เลยหลังจากเดินลึกลงไปหลายร้อยเมตร
'นี่เป็นถ้ำธรรมดา!'
เมื่อ เกาจิ้ง หมดความอดทนและกำลังจะยอมแพ้ในการที่จะสำรวจต่อไป
ภาพตรงหน้าทำให้เขาตกใจ!และประหลาดใจ
ข้างหน้าก็สุดถ้ำแล้วไม่มีทางออกอื่น
แต่ขณะนี้ภาพที่เขาเห็น นั่นก็คือซากของหมาป่านับ 10 ตัว นอนกลองเกลื่อนกลาดกระจายออกไปเป็นพื้นที่หลายสิบเมตร
เกาจิ้ง เดินเข้าไปสำรวจใกล้ๆ ก็พบว่า ซากหมาป่าเหล่านั้น ที่อยู่ด้านนอกใกล้จุดที่เขายืนมากเท่าไหร่ สภาพความเสียหายก็น้อยลง แต่กลับกันในส่วนที่ไกลออกไปซากหมาป่าเหล่านั้นก็มีความเสียหายรุนแรงมากขึ้นตามลำดับ หลายตัวไหม้ดำเป็นตอตะโก
หมาป่าที่มีซากศพค่อนข้างสมบูรณ์ยังคงสภาพที่น่าสังเวช เหมือนมีการดิ้นทุรนทุราย ก่อนที่พวกมันจะเสียชีวิต
ความกลัว ความเจ็บปวด และความสิ้นหวังถูกแช่แข็งอยู่ในดวงตาที่ ไม่อาจหลีกเลี่ยงหลบหนีได้
มันทำให้ เกาจิ้ง รู้สึกมือเท้าเย็นไปหมด
ฉากดังกล่าวปรากฏขึ้นในใจของเขาอย่างช่วยไม่ได้ในการคาดเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เหมือนราวกับว่าเขาอยู่ในเหตุการณ์นี้ ซึ่งจู่ๆทันใดนั้น น่าจะมีงูสีแดงโผล่ขึ้นมาจากโพรงใต้พื้นดินในส่วนลึกสุดของถ้ำ
และก่อนที่หมาป่าเหล่านี้ที่อาศัยอยู่ในถ้ำจะทันได้รู้ตัว ก็ถูกเจ้างูสีแดงนั้นสะกดให้หยุดนิ่ง เหมือนกับตอนที่ เกาจิ้ง เคยโดนมาก่อน แล้วมันก็อ้าปากสีแดงของมัน พ่นไฟหรือสารเคมีบางอย่างนี่มีลักษณะคล้ายกรดที่ร้อนแรงเผาไหม้หมาป่าเหล่านี้
หมาป่าที่ใกล้ที่สุดถูกกำจัดลงทันที และหมาป่าหลายสิบตัวก็ถูกฆ่าตายในจุดนั้น
ด้วยความตกใจกลัวในพลังอำนาจหมาป่าที่เหลือหมดปัญญาต่อสู้และรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
งูสีแดงยึดครองถ้ำนี้อย่างสง่างามจนกระทั่ง เกาจิ้ง ปรากฏตัว...แล้วสิ่งสำคัญอีกอย่างที่เขาเห็นในเหตุการณ์นี้นั่นก็คือ
เหตุใดงูสีแดงจึงไม่กินหมาป่าก่อนที่จะออกมาเจอเขาแล้วเห็นเขาเป็นเหยื่ออันโอชะ
เนื่องจากนิสัยการกินของงู จะเขมือบเหยื่อลงไปทั้งตัว ไม่มีการกัดฉีดเนื้อกินเหมือนสัตว์กินเนื้อชนิดอื่น
นั่นเป็นเหตุผลสำคัญเพราะขนาดลำตัวของงูสีแดงนั้น มีขนาดเล็กกว่าหมาป่าอยู่มาก จึงไม่สามารถกินแล้วกลืนลงไปทั้งตัวได้
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเขาโชคดีมากแค่ไหน!ที่ยังเหลือรอดชีวิตมาได้
รางวัลใหญ่ในใช้เงิน 2 หยวนแลกไม่ใช่ 10 ล้าน แต่เป็น 1 พันล้าน! !ของความโชคดี
ก่อนเข้าไปในถ้ำหมาป่า เกาจิ้ง ภูมิใจและพอใจมาก แต่ตอนนี้จิตใจที่ร้อนรุ่มของเขาตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์
ความเป็นจริงในเหตุการณ์นองเลือดและโหดร้ายต่อหน้า เกาจิ้ง นั้นบอกกับตัวเอง ว่าแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ตอนนี้เขาก็ยังเป็นเพียงสัตว์ตัวเล็กๆในโลกใบใหญ่นี้
เป็ยสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กที่ไม่มีนัยสำคัญ
อย่าหยิ่งผยอง ไม่งั้นตายไม่รู้ตัว!
โชคไม่สามารถอยู่กับเขาได้ตลอดไป
เกาจิ้ง ออกจากถ้ำหมาป่าอย่างช้าๆ
ออกไปข้างนอก สูดอากาศบริสุทธิ์และ อาบแดดอุ่นๆ ความกล้าหาญของ เกาจิ้ง ยังคงอยู่ไม่ลดลง
เขาแค่เตือนตัวเอง อย่าหลงทาง!
การสำรวจโลกใบใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป
เดิมที เกาจิ้ง วางแผนที่จะหลีกเลี่ยงภูเขาที่อยู่ข้างหน้าเขา แล้วหาทางเดินอ้อมไป
เมื่อมองไปที่ภูเขาหินสูงสองถึงสามร้อยเมตรในตอนนี้ เกาจิ้ง เปลี่ยนใจและตัดสินใจที่จะปีนขึ้นไป
เพราะจะช่วยประหยัดเวลาได้มาก
ภูเขาลูกนี้ไม่เป็นอุปสรรคต่อเขามากนัก
แต่เพื่อความปลอดภัย ก่อนปีนเขา เกาจิ้ง ใช้โดรนในการลาดตระเวน
หลังจากที่ เกาจิ้ง สำรวจแล้วยืนยันว่าไม่มีสัตว์ประหลาดหรือสัตว์ร้ายบนภูเขา เขาก็กระโดดขึ้นไปบนหินสูง
ปีนขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยมือและเท้า
การปรับเสริมสมรรถภาพทางกายได้เพิ่มความสามารถด้านกีฬาของ เกาจิ้ง อย่างมาก
การกระทำที่ไม่เคยทำมาก่อนสามารถทำได้ง่าย ๆ อาศัยความคล่องตัวที่ไม่ธรรมดาของเขาเขากระโดดและยึดเหนี่ยวก้อนหินบนภูเขาที่ขรุขระและสูงชัน
ง่ายดายจนแทบจะไม่ต่างอะไรกับการเดินบนพื้น
เกาจิ้ง ใช้เวลาและความพยายามไม่นานนักในการปีนขึ้นไปบนยอดเขา
และแล้วฉากที่อยู่ตรงหน้าก็ได้เปิดกว้างออก เผยให้เห็นมุมมองใหม่ของโลกใบใหญ่
เนินเขาด้านล่างจากมุมมองสูงนั้นดูราบรื่นมากขยายไปถึงที่ราบมีพุ่มไม้และหญ้าเป็นบริเวณกว้างแทนที่ป่าทึบ
ริมแม่น้ำที่เชิงเขาเท่านั้นที่มีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นประปราย
ทางทิศเหนือ มองเห็นภูเขาสูงตระหง่าน และทางทิศตะวันออก มองเห็นทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
ลมพัดมาแต่ไกล หอบเอากลิ่นหอมของดินและดอกไม้มาให้สดชื่น
ภูเขาและแม่น้ำงดงาม ถิ่นทุรกันดารไร้ขอบเขต และหัวใจของ เกาจิ้ง เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ!
หลังจากผ่านอันตรายมากมายเพื่อมาที่นี่ เขารู้สึกว่าการผจญภัยครั้งก่อนนั้นคุ้มค่ามาก
หลังจากยืนอยู่บนยอดเขาและชื่นชมทิวทัศน์ที่สมบูรณ์แบบแล้ว เกาจิ้ง ก็ลงไป
ง่ายกว่ามากในการไต่ลงเขา
เมื่อเทียบกับ ร่างกาย ของเขา แม้แต่พุ่มไม้เล็กๆก็ยังสูงใหญ่ และหญ้าที่ยาวถึงเอวของเขา
มียุงจำนวนมากอาศัยอยู่ตามหญ้าและพุ่มไม้
แต่เมื่อ เกาจิ้ง ผ่านไป ยุงและแมลงที่อยู่ใกล้เคียงก็หลีกหนีออกไปไกลทันที และในบางครั้ง แมลงขนาดใหญ่ต่างๆ เช่น ตะขาบและแมงมุมที่ปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวเขา
ต่างแตกกระเจิงหนี!
ดูเหมือนว่า เกาจิ้ง เป็นศัตรูตามธรรมชาติของพวกมันไปฉะนั้น
สถานการณ์ดังกล่าวค่อนข้างแปลก
เนื่องจาก เกาจิ้ง ยังไม่ได้ฉีดพ่นยากันยุงบนร่างกายของเขา และผลของยากันยุงก็ไม่ได้แรงขนาดนั้น
หลังจาก เกาจิ้ง เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกแมลง อยู่หลายครั้งก็คิดอนุมานขึ้นได้ว่า
เขากลืนกืนเลือดของงูยักษ์สีแดงเข้าไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงมีกลิ่นไอลมหายใจของงูยักษ์สีแดง
ลมหายใจและกลิ่นไอแบบนี้ทำให้ยุง มด แมลงหลีกเลี่ยงไม่กล้าเข้าใกล้เลย
นี่เป็นสิ่งที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย
จากนี้ไป เกาจิ้ง ไม่จำเป็นต้องฉีดสเปรย์กันยุงให้ตัวเองบ่อย ๆ และเขาไม่ต้องทนกับกลิ่นที่เหม็นฉุนของยากันยุง
ไม่จำเป็นต้องคอยระวังการโจมตีของมดและแมลงที่ไม่กลัวยากันยุงอีกต่อไป
เขาเร่งความเร็วและมาถึงเชิงเขา
ข้างหน้าเป็นแม่น้ำใสกว้างกว่า20เมตรแต่น้ำกลับดูตื้นเขินมาก
ยืนอยู่ริมแม่น้ำ เขาสามารถมองเห็นก้นแม่น้ำได้อย่างชัดเจน
แม่น้ำเต็มไปด้วยก้อนหินและก้อนกรวดน้อยใหญ่ ซึ่งหลายแห่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำและมีตะไคร่น้ำปกคลุม
คลื่นสีฟ้ากระเพื่อมและน้ำไหลเชี่ยว พืชน้ำไหว ปลาว่ายไปมา มันดูสวยงามมาก
เกาจิ้ง คิดว่าตามมาตรฐานของโลกใบใหญ่ แม่น้ำสายนี้ควรถูกมองว่าเป็นลำธารเล็กๆ
มีต้นกำเนิดจากภูเขาทางเหนือและไหลลงใต้เป็นระยะทางที่ไม่รู้จัก
เกาจิ้ง หยิบปากกา TDS และกระดาษทดสอบออกจากกระเป๋าเป้สะพายหลังของเขา และทดสอบน้ำในลำธาร
ผลการทดสอบพบว่าคุณภาพน้ำสะอาดมาก
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการทดสอบแบบง่ายๆ สำหรับมือสมัครเล่น และการทดสอบแบบครอบคลุมจะต้องใช้อุปกรณ์ระดับมืออาชีพ
แต่เกาจิงเชื่อว่าน้ำที่นี่ควรต้มดื่มได้จึงไม่น่ามีปัญหา
ขณะที่เขากำลังเก็บเครื่องมือกลับเข้าไปในกระเป๋าเป้ ก็มีเสียงกรอบแกรบอยู่ไม่ไกล
ร่างสีเทาและดำสองสามร่างปรากฏขึ้นในสายตาของ เกาจิ้ง!
จบตอน
ปล
ปากกาTDS (Total Dissolved Solids) เป็นเครื่องมือวัดปริมาณของแข็งที่ละลายเจือปนอยู่ในน้ำซึ่งตาเปล่าไม่สามารถมองเห็น เนื่องจากมีขนาดเล็ก มีหน่วยวัดเป็น PPM (mg/L) สำหรับงานคุณภาพน้ำทั่วไป เช่น เครื่องกรองน้ำ น้ำดื่ม ตู้น้ำหยอดเหรียญ