(ฟรี) บทที่ 195 หัวใจของหลินหลางเยว่!
“หลี่หรานช่วยข้าอีกแล้ว?” หลินหลางเยว่พิงเตียงด้วยสายตาสับสน
นางนึกถึงรอยยิ้มอันหล่อเหลาที่นางเห็นตอนลืมตาขึ้นหลังจากที่มารในใจถูกกำจัดออกไป ตอนแรกนางคิดว่ามันเป็นเพียงความฝันอีกครั้ง นางไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นความจริง
ในฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ของปีศาจ หลี่หรานรีบเร่งมาจากทางเหนือหลายหมื่นกิโลเมตรโดยเฉพาะ เขามาที่นิกายของวิถีธรรมและเข้าสู่ดินแดนอาสัญฆาตที่อันตรายอย่างยิ่งยวดเพื่อช่วยนาง?
“ดูเหมือนว่าในใจของเขาข้าก็ยังมีพอพื้นที่อยู่บ้าง…” ดวงตาของหลินหลางเยว่สว่างขึ้นขณะที่รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
ศิษย์น้องมองดูท่าทางมึนงงและซับซ้อนของนางแล้วส่ายหัว
“หัวหน้าศิษย์หลินคงประหลาดใจมากใช่ไหม?”
“เมื่อข่าวนี้แพร่ออกมาทั่วทั้งนิกายก็โกลาหล ไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่ช่วยท่านจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่!”
ในหัวใจของผู้คนจากสถาบันเทียนซู แม้ว่าหลี่หรานได้ช่วยชีวิตศิษย์มากกว่าหนึ่งโหลในคลื่นสัตว์อสูร แต่เขาก็ยังเป็นปีศาจจากวิถีมาร
นอกจากนี้เขายังมีความแค้นกับหลินหลางเยว่ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ศัตรูแต่เขาก็ไม่น่าเป็นคนเข้ามาช่วยนาง
เหตุการณ์นี้ทำหลายคนสับสนไปตามๆกัน
รอยยิ้มผลิบานอยู่เต็มดวงตาของหลินหลางเยว่ “ใช่ ข้าก็ไม่ได้คาดคิดเหมือนกัน!”
ศิษย์น้องถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าวิถีมารจะไม่ใช่คนชั่วร้ายทั้งหมด เพื่อช่วยท่าน วิญญาณของบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่จึงได้รับบาดเจ็บสาหัส...”
ก่อนที่นางจะพูดจบประโยค จู่ๆนางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
รอยยิ้มของหลินหลางเยว่จางหายไปขณะที่นางมองมาด้วยความไม่เชื่อ
“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ? วิญญาณของหลี่หรานได้รับบาดเจ็บสาหัส?”
“ใช่”
ศิษย์น้องพยักหน้า “ผู้อาวุโสและผู้ดูแลทุกคนเห็นว่าหลี่หรานเดินออกจากดินแดนอาสัญฆาตพร้อมกับท่านในอ้อมแขน ขณะที่เขามอบตัวท่านให้กับผู้นำนิกาย เขาก็ล้มลงกับพื้น”
“ผู้นำนิกายกล่าวว่าวิญญาณของเขาจำเป็นต้องได้รับการพักฟื้นอย่างเงียบๆ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นเมื่อไหร่”
ใบหน้าของหลินหลางเยว่ซีดเผือกและเสียงของนางก็สั่นเครือ “แล้วเขาอยู่ที่ไหน?”
“เขาอยู่ในวิหารของยอดเขาหลัก เขายังไม่ได้สติ...”
ก่อนที่นางจะพูดจบประโยค หลินหลางเยว่ก็ยกผ้าห่มขึ้นและเดินโซซัดโซเซไปที่ประตู
“หัวหน้าศิษย์ ท่านยังไม่ฟื้นตัวดี ท่านไม่สามารถไปไหน... ทะ...ท่านยังไม่ได้สวมเสื้อคลุมเลย!”
หลินหลางเยว่ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
—
ยอดเขาหลัก
ในลานบ้านที่สะอาด ผู้ดูแลสองสามคนกำลังกระซิบกระซาบกัน
“ปีศาจหลี่หรานนอนอยู่ในห้องจริงๆเหรอ?”
“ถูกต้อง ผู้นำนิกายขอให้เราดูแลเขา… แต่ข้าจะดูแลเขาได้ยังไง?”
ผู้ดูแลตัวน้อยคนหนึ่งกล่าวว่า “จริงๆแล้วมันง่ายมาก แค่สังเกตอาการแล้วใช้น้ำเช็ดหน้ากับมือของเขา”
อีกคนหนึ่งถามว่า “แล้วเราต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาหรือเปล่า?”
“ไม่ต้องหรอก ข้าเปลี่ยนให้เขาแล้ว…”
“โอ้~” พวกเขาสองสามคนยิ้มให้สตรีคนนั้นขณะที่อุทานออกมาพร้อมกัน
“เจ้าเห็นทุกอย่างแล้วเหรอ?”
“บอกมาตรงๆเลยนะ รูปร่างของบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่เป็นยังไงบ้าง?”
“ผู้ดูแลซุน ให้ความสนใจกับหัวใจเต๋าของเจ้าด้วย!”
“อะแฮ่ม นักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้แค่สงสัย”
เมื่อได้ยินการสนทนาของพวกเขา ผู้ดูแลตัวน้อยก็ยิ่งเขินอายมากขึ้น นางกระทืบเท้าและพูดว่า “ข้าแค่ช่วยเขาถอดเสื้อคลุมออก พวกท่านกำลังพูดถึงอะไรกัน!”
“อย่าพูดไร้สาระ หากผู้คุมกฎได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาจะพาพวกท่านไปที่กำแพง...”
ขณะที่พวกเขากำลังหยอกล้อกัน ประตูวิหารก็ถูกเปิดออก
ใบหน้าของหลินหลางเยว่ซีดเผือกและไร้สีเลือด นางกำลังหอบหายใจอย่างหนักขณะพิงประตู
“หัวหน้าศิษย์หลิน?”
พวกเขาสองสามคนตกตะลึง “ท่านฟื้นแล้วหรือ?”
โดยไม่ตอบคำถาม หลินหลางเยว่ถามกลับว่า “หลี่หรานอยู่ข้างในหรือเปล่า?”
“เจ้าค่ะ” ผู้ดูแลพยักหน้า
“เอาล่ะ พวกเจ้ากลับไปก่อนได้” หลินหลางเยว่กล่าวขณะเดินไปทางห้องพัก
“แต่เราได้รับคำสั่งให้ดูแลบุตรศักดิ์สิทธิ์” ผู้ดูแลกล่าวอย่างลังเล
หลินหลางเยว่พูดโดยไม่หันกลับมามอง “ข้าจะดูแลเขาเอง ไม่ต้องรบกวนพวกเจ้า”
“นี่... เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” ผู้ดูแลมองหน้ากันและเดินออกไปอย่างช่วยไม่ได้
ดูเหมือนจะมีความเสียดายอยู่เต็มไปใบหน้า
หลินหลางเยว่เดินเข้าไปในห้อง
ธูปในห้องลอยขึ้นเป็นเกลียวและหญ้าสงบวิญญาณก็ส่งกลิ่นหอมหวานออกมา มันมีผลทำให้จิตวิญญาณมั่นคง
ร่างสีขาวนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆเดินไปข้างเตียง
ดวงตาของหลี่หรานปิดลง สีหน้าของเขาสงบราวกับว่าเขากำลังนอนหลับสนิท
ดวงตาของหลินหลางเยว่เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที นางหันกลับไปเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
นางขยี้ตาแล้วกระซิบว่า “หลี่หราน เจ้าช่วยข้าไว้อีกแล้ว...”
นึกถึงการต่อสู้ที่ดุเดือดกับอวี้เย่แห่งนิกายเต๋าหยิน ในช่วงเวลาที่ม่านพลังแตกสลาย ร่างสีทองก็ทะลวงผ่านหมอกดำเข้ามาและพานางออกไปในช่วงเวลาแห่งชีวิต ความช่วยเหลือครั้งล่าสุดของเขายังไม่ทันได้ตอบแทน และครั้งนี้อีกฝ่ายกลับยอมบาดเจ็บสาหัสเพื่อนาง
หลินหลางเยว่ลดสายตาของนางลง “ข้าเป็นหนี้เจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าคงตอบแทนเจ้าได้ไม่หมดไปตลอดชีวิต”
มองดูใบหน้าที่ขาวผ่องและหล่อเหลาของเขา นางส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่ชินกับการที่เจ้าเงียบแบบนี้เลย”
“เทียบกับตอนนี้ ข้าชอบตอนที่เจ้าทำตัวไร้สาระมากกว่า”
“ไม่ต้องห่วงนะ ท่านอาจารย์แข็งแกร่งมาก นางต้องรักษาเจ้าได้อย่างแน่นอน”
เมื่อหลินหลางเยว่พูดจบ สายตาของนางก็พร่ามัวอีกครั้ง
นางนึกถึงช่วงเวลาที่พวกเขาใช้ร่วมกันในห้องลับ ฉากในเวลานั้นยังอยู่ตรงหน้านาง
พวกเขากินเนื้อย่างด้วยกัน ทำหม้อไฟด้วยกัน นอนด้วยกัน...
นี่เป็นความทรงจำที่นางไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลินหลางเยว่ก็นอนลงข้างๆหลี่หรานและวางมือขวาของนางไว้บนหน้าอกของเขา สัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจที่สม่ำเสมอและทรงพลัง
ราวกับว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้หัวใจของนางมั่นคง
“เจ้าคนเลว เจ้าไม่ได้บอกว่าท้องฟ้าเหนือศีรษะถูกปกคลุมไปด้วยสายธารแห่งดวงดาวและจะเล่นกับดวงจันทร์ในฝ่ามือเจ้าหรือไง?”
“เจ้าไม่ได้บอกว่าจะแยกดวงจันทร์ออกจากกันหรอกหรือ?”
“เจ้าต้องฟื้นตัวเร็วๆนะ ถ้าเจ้าตื่นขึ้นมา ข้าจะ...”
ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง แม้ว่าอีกฝ่ายจะหมดสติแต่ก็ยากที่นางจะพูดมันออกมา
“ข้า...”
“เจ้าจะทำอะไรล่ะ?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในหูของนาง
ร่างกายของหลินหลางเยว่แข็งทื่อขณะที่นางเงยหน้าขึ้น
หลี่หรานมองนางด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ดวงตาของหลินหลางเยว่เบิกกว้างขณะที่นางพูดตะกุกตะกัก “จะ...เจ้าไม่ได้หมดสติอยู่เหรอ!”
หลี่หรานยักไหล่ “ข้าหมดสติไปจริงๆ แต่ก่อนที่เจ้าจะเข้ามาข้าก็ตื่นแล้ว”
“อา?”
หลินหลางเยว่คิดอะไรบางอย่างและพูดตะกุกตะกัก “จะ...เจ้าได้ยินทุกอย่างที่ข้าพูด?”
หลี่หรานพยักหน้า “ชัดทุกถ้อยคำ”
ใบหน้าของหลินหลางเยว่เปลี่ยนเป็นสีแดงและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นางลุกขึ้นยืนและพยายามหนี
แต่สุดท้ายนางก็ถูกหลี่หรานดึงกลับไป
เขาหัวเราะเบาๆ “อย่าหยุดกลางคันสิ ถ้าข้าตื่นขึ้นมาแล้วเจ้าวางแผนจะทำอะไร?”
“ขะ...ข้าไม่บอกเจ้าหรอก!”
/////