ตอนที่ 855 ศัตรูหนทางแคบ
มู่จือเสียจ้องมองป่าบรอนซ์ที่เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน สายตาของเขาหม่นหมอง และรู้สึกตกใจ
เขามักมองราชวงศ์เพอร์ซูสด้วยความขมขื่นเทพธิดาศึกในตำนานเป็นจุดสำคัญของการรวมตัวของทวีปแดนเถื่อน มู่จือเสียตัดสินใจนานแล้วไม่ว่าจะต้องทุ่มเทเท่าใดเขาต้องฝังทวีปแดนเถื่อนและฆ่าสตรีนั้นให้ได้ ตราบเท่าที่เขาฆ่านาง อย่างนั้นทวีปแดนเถื่อนที่เพิ่งรวมตัวกันจะต้องล่มสลายและแตกกระจายทันที
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถหาร่องรอยพวกนั้น แต่เขาจะต้องมาพบกับกองทัพจักรกลในทวีปแดนเถื่อน
จากลักษณะของหุ่นจักรกลพวกมันคือหุ่นจักรกลจากทวีปทองแน่นอน ร่างผอมของพวกมันที่ไม่มีส่วนใดที่โป่งพองดาบคู่สีทึมที่แขวนอยู่บนหลังพวกเขามีด้ามอยู่ด้านล่างบนหลังของพวกเขามีปีกหกคู่แสดงให้เห็นถึงความคล่องตัวที่โดดเด่นเกราะโลหะสีทึมฉลุไปด้วยลวดลายตกแต่งมีเฉพาะในการออกแบบหุ่นจักรกลระดับสูงพวกมันมีชื่อเฉพาะว่าตราทวีปทอง
หุ่นตราทวีปทองสามารถเพิ่มพลังป้องกันในระดับที่สูงขึ้น และเพิ่มความเข้ากันกับพลังงานทำให้มันใช้และควบคุมระดับพลังของหุ่นจักรกลได้เพิ่มมากขึ้น แต่ฝีมือในการใช้สร้างมีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการผลิตก็แพงมาก เพียงหุ่นกลระดับชั้นสูงสุดมีแนวโน้มว่าจะติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้มากหุ่นจักรกลมาตรฐานระดับนี้ไม่เคยมีในท้องตลาด แต่ในเครือข่ายข่าวกรองของทวีปกวงหมิง มันมีความโดดเด่นมากซึ่งมู่จือเสียก็ได้รู้มาเช่นกันมู่จือเสียยังรู้ว่าคนที่ใช้หุ่นจักรกลตราทวีปทองเป็นทหารที่มีอำนาจสูงจากทวีปทอง
แต่มีหุ่นจักรกลเกินกว่า 2000ตัวอยู่ด้านหน้าของเขา!
ถ้าเขาไม่พบเห็นกับตัวเองมู่จือเสียคงไม่มีทางเชื่อ หน้าของเขาเต็มไปด้วยความฉงน รู้สึกลำบากใจ
‘ทวีปทองหาวิธีคลี่คลายเรื่องราคาของ ‘หุ่นตราทวีปทองได้แล้วหรือ?’
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจของมู่จือเสียทำให้อารมณ์ของเขาพลันเคร่งเครียดมากขึ้น เขารู้มีความหมายอะไรต่อทวีปกวงหมิง เขาเพียงแต่ต้องการฆ่าสตรีคนหนึ่งเพื่อแก้ปัญหาทวีปแดนเถื่อนและจากตั้งแต่แรก พวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัวภูมิภาคใต้ นอกจากทวีปกวงหมิงแล้ว ยังมีมหาอำนาจอื่นที่เข้มแข็งและเป็นปึกแผ่นพอกัน และนั่นก็คือทวีปทอง
ทวีปทองเป็นทวีปมหาอำนาจทรงพลังที่สุดของภูมิภาคตะวันออก มีประวัติศาสตร์รุ่งเรืองมายาวนานและเป็นผู้ครองอำนาจที่แท้จริงของภูมิภาคตะวันออก
แต่สิ่งที่ทำให้มู่จือเสียกังวลก็คือกองทัพจักรกลของทวีปทองปรากฏในทวีปแดนเถื่อน ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นความจงใจทางกลยุทธ
‘พวกเขาพยายามจะยึดทวีปแดนเถื่อนอย่างนั้นหรือ? ไม่การยึดทวีปแดนเถื่อนไม่มีประโยชน์เหมือนกับการเข้าโจมตีภูมิภาคใต้และยังจะได้รับประโยชน์มากกว่า
ถ้าทวีปทองและทวีปกวงหมิงโจมตีภูมิภาคใต้พร้อมกันเป็นการโจมตีขนาบจากด้านหลังและด้านหน้า ก็คงแบ่งภูมิภาคทั้งหมดได้ง่าย และในประวัติศาสตร์ทวีปแดนเถื่อน พวกเขาไม่เคยถูกพิชิตมาก่อนเทียบกับภูมิภาคใต้ที่อุดมสมบูรณ์และร่ำรวยแล้ว ทวีปแดนเถื่อนกันดารและยากจน แม้ว่าทวีปทองจะต้องการโจมตีทวีปแดนเถื่อนพวกเขาคงไม่ส่งมาแค่ทหารระดับสูง 2000 คนเป็นแน่ นั่นจะมีประโยชน์อะไร?
‘เว้นแต่พวกเขามีความคิดจะทำอย่างเดียวกับที่ข้าทำ?’
มู่จือเสียตาเป็นประกาย ‘ใช่แล้ว ทวีปคนเถื่อนรวมตัวกันได้ จะทำให้ทวีปทองเสียเปรียบมีแนวโน้มเป็นไปได้ว่าพวกเขาเห็นอันตรายของทวีปแดนเถื่อนที่รวมตัวกันและต้องการฆ่าสตรีนางนั้น’
นี่คือเหตุผลเดียวที่เป็นไปได้ที่สามารถอธิบายถึงการปรากฏของทหารฝีมือดี2000 ในทวีปแดนเถื่อนต่อหน้ามู่จือเสีย
ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมากขึ้นเท่านั้น แต่มู่จือเสียก็ต้องระมัดระวังไม่ประมาท และสังเกตดูอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง เมื่อเขาสังเกตธง เขาค่อนข้างประหลาดใจเนื่องเป็นกางเขนบรอนซ์
มู่จือเสียคุ้นเคยกับเครื่องหมายของกองทหารระดับสูงของทวีปทองมาก แต่เขาไม่เคยเห็นตราสัญลักณษณ์แบบนั้นมาก่อน
‘ดูเหมือนพวกเขาอยู่ในระหว่างปลอมตัว’ มู่จือเสียคิด
หลังจากคิดดูแล้วเขาตัดสินใจส่งคนไปสำรวจสองสามคน
ขณะนั้นสายตาของเขากวาดผ่านหุ่นจักรกลตัวหนึ่งและตะลึง
เขาไม่เคยเห็นหุ่นจักรกลแปลกประหลาดอย่างนั้นมาก่อน มันมีสองหัวและสี่แขน เนื่องจากตัวหุ่นถูกสร้างเป็นสองร่างร่างทั้งสองแยกเป็นสีขาวกับดำต่างกันชัดเจน ร่างขาวมีนัยน์ตาสีดำ ขณะที่ร่างดำมีนัยน์ตาขาว ร่างของมันแยกเป็นดำและขาว และมีชื่อสีแดงสดใสเขียนไว้“ราชันย์เจมินี”
‘ราชันย์เจมินี?’
‘ชื่อแปลกประหลาด’ มู่จือเสียไม่เคยได้ยินชื่อแปลกประหลาดแบบนั้นมาก่อน
‘แต่ทำไมจึงฟังดูคุ้นๆ? ข้าเคยได้ยินคำแบบนั้นมาจากที่ใด?’
มู่จือเสียรู้สึกสงสัย
********************
“โชคที่น่ากลัวแบบนั้นเห็นไหมเล่าปากเสียของเจ้านำอะไรมาให้เรา”
ภายในหุ่นราชันย์เจมินีคือใบหน้าที่ดูคล้ายกับถังเทียนยกเว้นแต่เขาค่อนข้างจะหล่อกว่า เขาเผยยิ้มหยอกล้อ ด้วยศีรษะมีผมขาวอยู่ในชุดยาวดำงดงามประกอบด้วยราศีอันสูงส่ง
“ฮ่าฮ่า,ในที่สุดเราก็พบกับสถานที่ให้ได้ต่อสู้แล้ว”บนที่นั่งข้างตัวเขาเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ เขากำลังหัวเราะด้วยสีหน้าตื่นเต้น “วิ่ง วิ่ง วิ่ง, เราวิ่งมามากจนปากข้ามีรสชาติเหมือนไก่อยู่แล้ว แต่ในที่สุดเราก็สามารถสู้รบได้เสียที! และยิ่งกว่านั้นเขาคือมู่จือเสีย, ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เราผู้เฒ่าชักเลือดลมพลุกพล่านแล้ว!”
ถ้ามีคนมองดูอย่างระมัดระวัง เขาจะรู้ได้ทันทีว่าคนร่างสูงใหญ่นั้นเป็นขุนพลวิญญาณ
พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างเงียบงันเมื่อทวีปกวงหมิงเริ่มรุกรานลงใต้
“ท่านไม่มีเลือดสักหน่อย”เล่าถังเตือนเขา
แม่ทัพโกรธ “เจ้าอยากมีเรื่องใช่ไหม?”
“ใจเย็นๆศัตรูมาอยู่ต่อหน้าเราแล้ว เว้นแต่เราต้องการให้พวกเขาหัวเราะเยาะเรา?” เล่าถังพูดอย่างสบายใจ “หึหึ,สำหรับมู่จือเสียมาปรากฏตัวในทวีปแดนเถื่อน ไม่มีเหตุผลอะไรอื่นเว้นแต่ว่าเขาต้องการเอาชนะลูกสะใภ้ของข้า, เขากำลังหาที่ตายจริงๆ”
ประโยคสุดท้ายของเขาแฝงไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
แม่ทัพใหญ่ก็พูดอย่างห้าวหาญ“เขายังคงต้องการเอาชนะลูกชายของเจ้าด้วย!”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา เขาสามารถทำเช่นนั้นได้” ความโกรธในใบหน้าเล่าถังหายไปขณะที่เขาตอบอย่างใจเย็น เนื่องจากเขาจำได้ “หนังของเจ้านั่นหนาอยู่แล้วสามารถทนโดนทุบตีได้ เฮ้อ.. ข้ายังไม่เคยทุบตีเขาตั้งแต่เด็กเลย.. เฮ้อ,ข้าไม่เคยให้เขาได้พบกับความรักของพ่อเมื่อเขายังเด็กนั่นคือความเสียใจอย่างแท้จริง”
“เจ้ากลัวว่าเขาจะสะดุดด้วยความโชคร้ายที่คาดไม่ถึงไม่ใช่หรือ?” แม่ทัพทหารมองดูอย่างเหลือเชื่อ แต่จากนั้นเขาแค่นเสียง “โอว, ข้าลืมเสี่ยวเอ้อไป ปีนั้นเจ้าตั้งความหวังกับเสี่ยวเอ้อผู้เป็นบุคลิกด้านมืดไว้สูง เจ้าเล่ห์ หักหลังและเย็นชาทั้งมีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงนับไม่ถ้วนคอยแนะนำเขาหึหึ นั่นชื่อว่าอะไรบ้างนะ โอวใช่ ข้าจำได้แล้วเขาสามารถรวบรวมแบบอย่างที่ดีเลิศของราชวงศ์เจมินี และสามารถควบคุมรากฐานของกลุ่มดาวคนคู่ เขาคือไพ่เด็ดของเจ้าสำหรับการกลับมาในที่สุดเลือดบ้าตระกูลถังก็ไม่สนใจและยังทำลายวังเสียอีก!”
ไกลออกไปในทวีปซางโจวเสี่ยวเอ้อผู้หมกตัวทำงานดูเหมือนจะได้ยินใครบางคนคุยเรื่องของเขา เขาเงยหน้ามึนงง
‘ทำไมถังห้าวไม่กลับมา?’
‘เมื่อไหร่ข้าจะจบชีวิตการทำงานที่ขมขื่นนี่เสียที!’เสี่ยวเอ้อในตอนนี้โหยหาให้ถังเทียนกลับมา
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหน้าของเล่าถังเขียวคล้ำเป็นก้นหม้อ ความจริงเขาไม่เคยคาดเลยว่าคนที่ครอบครองร่างได้จะกลายเป็นถังเทียนด้านสว่าง
ในอดีตเขาผนึกเสี่ยวเอ้อไว้ในวังเพื่อให้เขามีเวลาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขณะที่ด้านสว่างของถังเทียนที่ไร้เดียงสาและร่าเริง เล่าถังไม่เคยคิดถึงเขาและด้วยความยากลำบากในการหลีกเลี่ยงความระมัดระวังของคนอื่น เขาส่งถังเทียนออกไปเพื่อป้องกันและให้เขาเติบโตอย่างปลอดภัย
ใครจะรู้ว่าหลายอย่างกลับกลายเกินกว่าเขาคาดไว้ เสี่ยวเอ้อทำลายผนึกสูงสุดออกมาได้ แต่เขาไม่สามารถครองร่างหลักขณะที่มีสติได้แต่กลับถูกถังเทียนด้านสว่างข่มอยู่หมัด และถังเทียนที่เขาคิดว่าโง่ กลับเป็นคนเด็ดขาดห้าวระห่ำอย่างน่าประหลาดตั้งแต่ต้นดูเหมือนเสี่ยวเอ้อจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยซึ่งทำให้เล่าถังไม่สามารถเข้าใจได้
ความปลอดภัยของถังเทียนทำให้เขาเหมือนยกภูเขาออกจากอก เหตุผลที่เขาให้ภรรยาของเขาพาถังเทียนไปยังเมืองซิงฟงก็เพื่อให้พวกเขาใช้ชีวิตโดยไม่ต้องพบกับเรื่องยุ่งยากและไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจ
แต่ความสำเร็จของถังเทียนทำให้เขาตกใจและประหลาดใจ
เขารู้สึกว่าทั้งโลกทั้งใบของเขาถูกพลิกคว่ำ
เหมือนกับว่าเขามีลูกชายสองคน คนหนึ่งน่ากลัวร้ายกาจ เย็นชาและเฉยเมย ลูกชายคนที่เขารับตามคำแนะนำของอาจารย์ไม่สามารถเทียบได้กับลูกชายที่ไร้เดียงสา โง่ และมีความคิดเรียบง่ายซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในที่กันดารและมีการศึกษาน้อย?
‘ไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น!’
แต่ความจริงกลับปรากฏอยู่ต่อหน้าของเขา
ความสำเร็จของถังเทียนไม่เพียงแต่กล้าแข็งมากกว่าเสี่ยวเอ้อ แต่แม้ตัวเล่าถังเองที่ทำอยู่นี้ก็ยังรู้สึกละอาย
แม่ทัพขุนพลวิญญาณพูดถึงรากฐานของกลุ่มดาวคนคู่เทียบกับรากฐานที่ถังเทียนสร้างขึ้นด้วยตัวเองเทียบไปแล้วเหมือนกับนักมายากลในเมืองเล็กกับนักมายากลชื่อก้องโลก
หลังจากที่พวกเขาเข้าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งแม่ทัพขุนพลวิญญาณก็มาจากทวีปทองและดำรงตำแหน่งสูง แม้ว่าเขาจะกลับไปทวีปทองในฐานขุนพลวิญญาณ แต่เขาก็ยังเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางนั่นคือวิธีที่ทั้งสองคนสร้างกองทัพได้
แต่เทียบกับถังเทียนผู้สร้างสัมพันธมิตรใต้จากที่ไม่มีอะไรเลย เนื่องจากถ้ามีเวลาพอก็จะมีโอกาสสูงที่เขาสามารถรวบรวมภูมิภาคใต้ได้ทั้งหมด
เล่าถังยังจับเค้าไม่ได้ว่าถังเทียนทำได้ยังไง เขารู้สึกว่าลูกชายของเขาคนนี้บ้าระห่ำเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถใช้ประโยชน์จากคนอื่นๆได้ และสามารถอยู่สถานะที่ดีได้อยู่เสมอ
แต่เล่าถังบุรุษผู้มีหนังหนาไม่เคยได้รับผลจากเรื่องไร้สาระเช่นนั้น เขาละอายอยู่ไม่กี่วินาทีก่อนที่จะปรับอารมณ์ด้วยตนเองและพูดอย่างมีความสุขและภูมิใจ “เขาก็ยังเป็นลูกชายข้าอยู่ดี ศิษย์สามารถเหนืออาจารย์ได้ท่านเห็นไหมแผนการในอดีตของข้า เลิศเพียงไหน! ข้ามีสายตายาวไกลมาก! แม่ทัพ, ท่านคิดว่าอะไรคือความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์คนหนึ่ง?”
แม่ทัพขุนพลวิญญาณคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นกล่าว“โจมตีได้ทุกเมื่อและไม่ถูกยับยั้งขัดขวาง สำเร็จในกิจการทุกอย่าง!”
“ผิด!” เล่าถังตอบตามตรง
ผู้บัญชาการไม่เข้าใจเขา “ผิด? ข้าผิดยังไง?”
เล่าถังพูดอย่างอิสระและสงบแต่ด้วยอารมณ์เหมือนกับว่าเขามองโลกด้วยสายตาเหยียดหยาม “ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขามีก็คือทิ้งเชื้อสายเผ่าพันธุ์ที่สามารถเปลี่ยนโลกได้!”
หน้าของผู้บัญชาการเขียวคล้ำทันที “มาเลย, อย่างนี้มาสู้กันดีกว่าเราจะได้ออกกำลังกัน”
“เราค่อยๆใช้เวลาของเราสู้ในศึกของเราเถอะ ไม่ต้องกระวนกระวายไป เรารอกันมาหลายปีมากแล้ว” เล่าถังตอบ“แต่โอกาสที่จะได้เผชิญหน้ากับมู่จือเสียไม่ใช่เรื่องหาได้ง่ายๆข้าเพียงแต่ฝืนใจยอมรับชูธงกางเขนใต้เพราะท่านอุตส่าห์ไปคุ้ยมาจากขยะหมื่นปี แต่เสี่ยวมู่ไม่รู้จักธงนี้ นอกจากนี้สัญลักษณ์ของกองทัพกางเขนใต้หายไปหมื่นปี ใครยังจะจำได้อีก? เนื่องจากเราชูธงนี้เราจะยอมเสียหน้าไม่ได้ นอกจากนี้..ท่านผู้บัญชาการ ท่านคงยังไม่ลืมความสามารถเก่าของท่านใช่ไหม...”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่าถังไม่รู้จักจบ ความคิดของผู้บัญชาการกระเจิงความทรงจำทั้งหมดที่แทบกัดกร่อนไม่เหลืออะไร ค่อยๆ ผุดขึ้นมาในใจของเขา ใบหน้าทั้งหมดที่เขาคิดว่าลืมไปหมดแล้วแจ่มชัดเหมือนกลางวัน
เป็นเหมือนกับว่าเขากลับไปยังสมรภูมิในอดีต เสียงสายลมที่คุ้นเคย เสียงคำรามที่คุ้นเคยแม้แต่กลิ่นในอากาศที่คุ้นเคย และกลิ่นควัน
ใบหน้าที่ตรงของเขาผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน
หัวใจของนักสู้ที่กองเต็มไปด้วยสนิม จู่ๆก็เริ่มเต้นแรงอีกครั้งทำให้สนิมที่เกาะจับทั้งหมดร่วงกราว.. ปลายคมที่เย็นเหมือนหิมะพลันมีอุณหภูมิร้อนขึ้น
ผู้บัญชาการยิ้ม และเงยหน้าขึ้น
‘ธงนี้มักจะอยู่ในสมรภูมิเหมือนกัน!’