ตอนที่ 852 หายเรียบ
ร่างของถังเทียนขยายออก ขณะที่สายใยกฎธรรมชาติที่เชื่อมโยงถูกดึงอย่างช้าๆ
หมัดเรียบง่ายที่แหวกอากาศกระทบกับส่วนที่สะท้อนพลังงาน
โซโลมอนเพียงแต่รู้สึกเหมือนถูกตบดังสนั่นขณะที่เขาไม่สามารถตั้งหลักขณะที่ลำแสงที่เขาโอบไว้สว่างขึ้นด้วยรัศมีสีเงิน
หน้าของถังเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
พร้อมกับเสียงแค่น เขาดึงทุกคนและรีบเร่งออกไป
ความคิดสุดท้ายของโซโลมอนอยู่ที่แสงเงินที่ไม่มีที่สุด แสงสีเงินที่เขาคุ้นเคยกับมันมากที่สุดกลืนกินเขา
ปัง!
แสงสีเงินสูญเสียการควบคุมล่มสลายเหมือนกับกระแสคลื่นในมหาสมุทรที่ปั่นป่วน
แสงเงินเป็นแสงที่มีระดับพลังงานเข้มข้นสูงมากได้รับการเสริมพลังหลายเท่าจากไม้ตายเพลงโศกกระบี่แสงจึงเต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง ทหารของกลุ่มการค้าตะวันตกถูกกลืนกินเป็นพวกแรกพวกเขาไม่มีเวลาได้ส่งเสียงใดๆ และถูกย่อยสลายในแสงเงิน ทหารของกองกำลังจอมฉีกกระชากเปล่งประกายแสงเจิดจ้ากันทุกคนซึ่งทะลุผ่านผิวของพวกเขาและแทงเข้าไปในกระดูกของพวกเขาทำให้เปลวไฟสีเงินลุกพรึ่บจากกระดูกของพวกเขา เสียงโหยหวนคร่ำครวญของพวกเขาดังเข้าหูไม่หยุดหย่อนพวกเขาดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่เพลิงเงินจากร่างกายพวกเขาปะทุออกมาแล้ว และกลับเผาผลาญคนทั้งหมด เสียงโหยหวนของพวกเขาค่อยๆ เบาลง ขณะที่ทุกคนสลายไปภายในแสงเงินจนไม่มีอะไรเหลือ
กำแพงที่สามารถป้องกันอาวุธเรือรบได้ ชั้นป้องกันหลายชั้นที่สร้างขึ้นด้วยราคาแพงพังทลายเหมือนกับกระดาษ ในแสงสีเงินนั้นมันถูกเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านทันที
แสงสีเงินแผ่กระจายไปเหมือนน้ำ
ในแสงสีเงินถังเทียนและหน่วยของเขาทุ่มกำลังหนีออกมา
พลังของแสงสีเงินเกินกว่าที่ถังเทียนคาดไว้มาก เขาเพ่งความสนใจอยู่ข้างหน้าตนเองทำหน้าที่ของเขาอย่างดีที่สุดเพื่อเลียนแบบคลื่นความถี่ของแสงสีเงิน แสงสีเงินที่สูญเสียการควบคุมความถี่ของมันแทนที่จะเป็นพลังมั่นคง กลับกลายเป็นยุ่งเหยิงหนักขึ้น
เขาต้องการให้แน่ใจว่าคลื่นพลังผันผวนของพวกเขาเทียบเท่ากับแสงสีเงิน
โดยการทำเช่นนั้นจะทำให้แสงสีเงินเห็นพวกเขาเหมือนกับตัวมันเองและพวกมันจะไม่ทำร้าย ถ้าเขามีความคลาดเคลื่อนแม้แต่เล็กน้อย แสงสีเงินจะกลายเป็นอันตรายเขาเองอาจจะสามารถอาศัยเกราะเทพเจ้าหนีเอาตัวรอดได้ แต่จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือจะถูกแสงกินจนหมด
การคุกคามของความตายโดยตรงทำให้ความระมัดระวังของเขาถึงในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนทำให้ถังเทียนเข้าสู่สภาวะแปลกประหลาด
เวลาดูเหมือนจะคืบคลานช้าลง ในแสงสีเงินรอบตัวของเขา คลื่นความถี่ที่แกว่งไปมาถูกถังเทียนจับจังหวะได้เหมือนกับว่ามีความชัดเจนขึ้นเห็นได้ชัดว่าเขาสามารถเห็นว่าภายใต้แสงสีเงินที่แพรวพราวยังมีตาข่ายที่มองไม่เห็นเป็นระลอกคลื่นต่อเนื่อง
‘นั่นคือ...’
ถังเทียนตระหนักได้ทันที ‘มันคือผิวกฎธรรมชาติ!’
‘ข่ายที่มองไม่เห็นนั้นก็คือผิวกฎธรรมชาติ!’
ความคิดของเขาชัดเจนมากขึ้นและหลายสิ่งหลายอย่างที่คลุมเครือสำหรับเขากลับกลายเป็นชัดขึ้นทันที เขาไม่ได้ยินดีกับความจริงนั้นแต่ยังคงสงบใจเย็น สภาวะใจของเขาที่อยู่ในสภาพเพ่งสมาธิหนักทำให้ถังเทียนแทบไม่พูด
คลื่นพลังผันผวนนับไม่ถ้วนของแสงสีเงินชัดเจนกับเขายิ่งขึ้น
จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของถังเทียนทันที ความเคลื่อนไหวช้าในตอนแรกกลายเป็นเร็วและนุ่มนวล พวกเขาเป็นเหมือนฝูงปลาที่มีชีวิตอยู่ภายในแสงสีเงิน เคลื่อนไหวไปตามแสงสีเงินเหมือนกับว่าพวกเขาผสานรวมกับแสงสีเงิน
ควั่บ!
ภายในทะเลแสงสีเงินกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งทะยานขึ้นฟ้าพร้อมกับเพลิงเงินรุนแรง
พวกเขาบินขึ้นไปสูงขึ้นทุกทีสูงขึ้นทุกที เปลวเพลิงสีเงินที่พวกเขาสร้างขึ้นมาร่วงลงมาเหมือนกับสายฝน
พอมาถึงจุดนี้ถังเทียนและทุกคนถอนหายใจโล่งอก หลังจากเห็นประจักษ์ทุกสิ่งว่ามีอะไรเกิดขึ้นภายในทะเลแสงและผ่านจะอันตรายร้ายแรงซึ่งถ้าพวกเขาประมาทเล็กน้อย พวกเขาอาจตายได้
“ออกไปจากที่นี่!”
เมื่อถังเทียนพูดเช่นนั้น ตาของเขาเหลือกค้างเนื่องเขาหมดสติไปแล้ว
ทุกคนยังคงตกใจกลัวแสงสีเงิน แต่เมื่อจู่ๆพวกเขาเห็นเจ้านายร่วงลงจากท้องฟ้า พวกเขาตกใจกันหมด โชคดีที่จี๋เจ๋อตั้งตัวได้ทันและไวที่สุดเขาคว้าตัวถังเทียนได้ในพริบตา
เมื่อเขาตระหนักว่าถังเทียนหมดสติ หน้าของเขาเปลี่ยน เขาตะโกนอย่างกระวนกระวาย“ออกไปได้แล้ว”
ขณะนี้จอห์นสันหน้าซีดบินเข้ามาทันทีและกล่าว “ทางนี้!”
ทุกคนติดตามจอห์นสันมุ่งหน้าออกจากเมืองทันที
พวกเขาไม่กล้าหยุดแม้แต่น้อยและเร่งความเร็วบินออกไปเกินกว่า100 ลี้ก่อนจะหยุด
แม้หลังจากบินออกไปแล้ว พวกเขาก็ยังเห็นแสงสีเงินในความมืด ทุกคนเงียบแสงสีเงินที่ฉายพุ่งขึ้นท้องฟ้าในยามราตรี พวกเขาสามารถจินตนาการได้ว่าเมืองวายุน้ำเงินกลายเป็นนรกไปแล้ว
จากนั้นจอห์นสันรู้สึกตัวว่าขาเขากำลังสั่น
เมื่อเขาเห็นเพลงโศกกระบี่แสง เขาคิดว่าถังเทียนและกองพลเกราะเทพเจ้าคงตายแน่นอน ‘จะมีทหารกี่คนที่สามารถรอดอยู่ได้จากไม้ตายสังหารของกองทัพระดับทอง? บางทีถังเทียนสามารถเอาตัวรอดได้ด้วยพลังที่ผิดธรรมดา แต่คนอื่นจะไม่สามารถรอดได้’
แต่ความเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้นทำให้เขาตะลึง
เขาสู้กับกองกำลังจอมฉีกกระชากก่อนและเห็นไม้ตายเพลงโศกกระบี่แสง แต่กลับเพิ่มพลังขึ้นอย่างต่อเนื่องและแสงสีเงินทำให้เขากลัว
ในขณะนั้น เขาถอยออกมาอยู่ในระยะห่างเพื่อรักษาชีวิตของเขาไว้
เมื่อเขาเห็นทหารของกองกำลังจอมฉีกกระชากถูกแสงเงินกลืนและเผาจนเหลือแต่เถ้า ความกลัวที่มองไม่เห็นเกิดขึ้นไปทั่วร่างกายของเขา แต่ว่าเขายังมีสายใยความหวังว่าสถานการณ์ของการสู้รบจะแตกต่างจากที่เขาคิด
‘หรือว่าถังเทียนจะชนะ?’
มันเป็นสายใยแห่งความหวังที่ทำให้เขาไม่ตื่นตระหนกและหลบหนีไป แต่เลือกที่จะอยู่ เมื่อเขาเห็นถังเทียนและพวกวิ่งออกมาจากแสงสีเงิน เขาไม่อยากเชื่อสายตาของเขา
‘พวกเขาชนะจริงๆ!’
‘โอวพระเจ้า!’
มือของเขากุมศีรษะ ปากของเขาพึมพำไม่ได้ศัพท์
เพียงแต่เมื่อเขาเห็นท่าทีเหนื่อยล้าของทุกคนและแสงสีเงินที่สว่างไกลในท้องในยามราตรี ในที่สุดก็ยืนยันว่าพวกเขาชนะ
‘แม้ในวิชาไม้ตายสังหารของกองทัพระดับระดับทองแต่พวกเขากำจัดกองกำลังจอมฉีกกระชากได้
‘โอว..พระเจ้า...’
เขาพึมพำกับตนเอง
ทุกคนที่อยู่ข้างตัวเขามองดูเมืองวายุน้ำเงินที่มีแสงสีเงินครอบคลุมทั้งท้องฟ้าทุกคนอยู่ในอาการงงงวย
พวกเขาไม่รู้ว่าการสู้รบของพวกเขาจะเป็นให้เกิดเรื่องตื่นเต้นใหญ่โต
*************************
พลโทโอลิเวอร์ฟังบริวารของเขาอ่านรายงานโดยไม่มีความรู้สึกอะไรตอนนี้เขาอายุ 54 ปีอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารเขาผมสีขาวแซมซึ่งได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ผิวของเขาสะอาดซึ่งยังมีร่องรอยของความยากลำบากที่ผ่านมา ในฐานะอัจฉริยะจากสภาอาวุโสที่สามารถก้าวเข้าสู่ยศพลโทได้การรบทุกอย่างที่เขาประสบมาล้วนแต่รุนแรงมากทั้งนั้น
แม่ทัพนายกองทั้งหมดในตำแหน่งของเขาเป็นคนมีชื่อเสียงและแข็งแกร่งกันทุกคน
“...เราคลาดร่องรอยของพวกเขาเนื่องจากพวกเขาบินเข้าไปในหุบใหญ่บิล ซึ่งนั่นทำให้คนของพวกเราหายไปด้วย มีแนวโน้มว่าพวกเขาคงจะพบกับความยากลำบาก”
ทั้งหมดนั้นเป็นข่าวร้ายทั้งนั้น
ดวงตาของโอลิเวอร์ทอประกายโกรธเกรี้ยว หุบเขาบิลเป็นภูมิประเทศที่ไม่เหมือนใครมันทอดตัวยาวกินพื้นที่เกินกว่าพันลี้ มีถ้ำอีกนับไม่ถ้วน เป็นสถานที่ดีที่สุดในการซ่อนตัวและหลบเลี่ยงการถูกโจมตี
“เราส่งหน่วยสอดแนมไปเพิ่มแล้วและลาดตระเวนในท้องฟ้าเหนือพื้นที่ โจรทวีปทองแข็งแกร่งแต่อ่อนหัดในเรื่องการบิน เรามีเปรียบในการสู้ทางอากาศตราบใดที่เรารักษาความปลอดภัยพื้นที่เหนือหุบเขาไว้ได้ พวกมันไม่สามารถหลบหนีจากสายตาพวกเรา”
โอลิเวอร์พยักหน้าพอใจปฏิกิริยาของบริวารของเขาไม่ชักช้า และพวกเขาเป็นมืออาชีพสามารถเข้าใจจุดอ่อนของคู่ต่อสู้พวกเขาได้
“ไม่ต้องกังวลศัตรูก็แค่มีกองทัพเดียว เรายังมีพลังเริ่มแรกอย่างเพียงพอ ตราบใดที่พวกมันเปิดเผยร่องรอยเราสามารถล้อมพวกมันจากจุดใดๆ ก็ได้”
โอลิเวอร์พูดอย่างเฉยเมย เสียงของเขาทุ้มและเต็มไปด้วยอำนาจทำให้คนเชื่อมั่นเขาโดยไม่รู้ตัว
“ขอรับ!” บริวารของเขาลังเลเล็กน้อยจากนั้นกล่าว “ฝ่ายกลุ่มการค้าตะวันตกกำลังเร่งรัดเรื่องนี้มากขึ้น”
“ช่างพวกเขา” โอลิเวอร์พูดอย่างสบายๆ
แม้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับกลุ่มการค้าตะวันตกจะดีก็ตาม แต่พวกเขาไม่เคยเป็นหุ่นเชิดของกลุ่มการค้าตะวันตก การร่วมมือของพวกเขาเป็นเพราะมีความสนใจร่วมกันส่วนจะสู้รบอย่างไรนั้น กลุ่มการค้าตะวันตกไม่เคยทำอะไรเขาได้
โอลิเวอร์รู้ว่าเขาสามารถดำรงตำแหน่งพลโทได้เป็นเวลายาวนานเป็นเพราะกลุ่มการค้าตะวันตก แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่เคยทำอะไรผิดพลาด
มีการสู้รบขนาดไม่ใหญ่ในภูมิภาคตะวันตก แต่แม้จะมีกองโจรขนาดใหญ่และขนาดเล็กการแสดงฝีมือของเขายังเป็นไปอย่างสม่ำเสมอเป็นอย่างดี และนั่นคือเหตุผลที่แท้จริง ตราบใดที่เขายังทำหน้าที่อย่างมั่นคง ตำแหน่งของเขาก็จะมั่นคงด้วย ‘ผลประโยชน์ลดน้อยลงหรือ? แล้วยังไง? ผู้นำของห้าแม่ทัพใหญ่มู่จือเสียก็ไม่เห็นต้องทำอะไรมากเหมือนกันไม่ใช่หรือ?’
แต่ถ้าเขาพ่ายแพ้การรบแม้แต่ศึกเดียว ตำแหน่งที่มั่นคงของเขาจะพังทลายอย่างรวดเร็ว มีคนที่อยู่เบื้องล่างเขาหลายคนริษยาตำแหน่งของเขา มีเก้าอี้พลโทเพียง 12ตำแหน่งเท่านั้น และเพื่อให้ได้เลื่อนขึ้นไป พวกเขาจำเป็นต้องออกไปคนหนึ่ง
สภาอาวุโสไม่เคยขาดแคลนแม่ทัพที่ทรงพลัง
ตราบใดที่เขามั่นคง กลุ่มการค้าตะวันตกจะไม่มีทางกล้าล่วงเกินเขา และมีแต่ต้องการจะผูกมัดเขา
“ผู้อาวุโสวอร์เรนท่านเข้าไปไม่ได้นะ!ตอนนี้นายท่านกำลังอยู่ในช่วงประชุมการทหาร!”
“ข้ามีข่าวเร่งด่วนมารายงานนายท่าน!”
“ข้าเสียใจด้วย,แต่การประชุมทางทหารยังไม่จบ, ไม่มีใครเข้ามารบกวนได้!”
“ไม่ได้,มันเป็นเรื่องเร่งด่วน! ข้าจำเป็นต้องพบท่านโอลิเวอร์เดี๋ยวนี้!”
……
ความสับสนวุ่นวายสามารถได้ยินจากด้านนอกโอลิเวอร์ขมวดคิ้วและเกิดโทสะขึ้นในใจ ‘กลุ่มการค้าตะวันตกชักจะกำเริบมากขึ้นทุกคนพวกเขายังกล้าทำผยองที่นี่อีก’
“ให้เขาเข้ามา”
โอลิเวอร์พูดอย่างเฉยเมยเก็บความไม่พอใจไว้ในใจ
ประตูใหญ่เปิดทันทีและมีร่างหนึ่งวิ่งเข้ามา
เมื่อโอลิเวอร์เห็นสารรูปของผู้อาวุโสวอร์เรน เขาตะลึง ‘นี่ผู้อาวุโสวอร์เรนหรือนี่? ทำไมเขาดูเหมือนแก่ขึ้นเป็นสิบๆ ปี ทั้งผมหงอกและรอยย่นนั่น?’
โอลิเวอร์ประหลาดใจสัมผัสได้ถึงความรู้สึกไม่ดี เขาถามทันที “ผู้อาวุโสวอร์เรนเกิดอะไรขึ้นกับท่าน? มีอะไรเกิดขึ้น?”
หน้าของผู้อาวุโสวอร์เรนซีดขาวมีท่าทางหวาดกลัว เขาละล่ำละลักพูด “นายท่าน, แย่แล้ว, แย่จริงๆ!”
ความรู้สึกแย่ในตัวโอลิเวอร์รุนแรงมากขึ้น เขาพูดอย่างรวดเร็วทันที “ผู้อาวุโสวอร์เรน, เกิดอะไรขึ้น?”
“พวกมันฆ่ากองกำลังจอมฉีกกระชากได้ เมืองวายุน้ำเงิน.. เมืองวายุน้ำเงิน...” ผู้อาวุโสวอร์เรนตะกุกตะกัก
‘กองกำลังจอมฉีกกระชาก?’ โอลิเวอร์เลิกคิ้ว ‘กองกำลังจอมฉีกกระชากเข้ามาอยู่ในภาพนี้ตั้งแต่เมื่อใด?’ แต่คำพูดที่ตามมาทำให้เขาแตกตื่นและลุกขึ้นยืน “เกิดอะไรขึ้นกับเมืองวายุน้ำเงิน?”
ผู้อาวุโสวอร์เรนสั่นสะท้านไปทั้งตัว “เมืองวายุน้ำเงิน.. เมืองวายุน้ำเงินหายไปแล้ว!”
“หายไป?”โอลิเวอร์ตะลึง แต่ครู่ต่อมาเขาถึงกับโกรธ “ท่านหมายความว่ายังไง หายไป? ผู้อาวุโสวอร์เรน, พูดให้ชัดกว่านี้!”
“มัน...หายไปหมดแล้ว” เหมือนกับว่าผู้อาวุโสวอร์เรนอยู่ในความฝันตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
‘หายไปหมด...’
ห้องประชุมเงียบกริบ ทุกคนตะลึงกับข่าวและมีแต่เพียงเสียงของผู้อาวุโสวอร์เรนเท่านั้น
“เมืองวายุน้ำเงินได้ร้องขอความช่วยเหลือจากกองกำลังจอมฉีกกระชาก แต่ใครจะรู้มีการลอบเข้ามาโจมตีในคืนนั้น กองกำลังจอมฉีกกระชากใช้ไม้ตายเพลงโศกกระบี่แสงของพวกเขา แต่พวกเขาตายกันหมด เมืองวายุน้ำเงิน... เมืองวายุน้ำเงินได้รับผลกระทบและถูกลบหายไปด้วย”
‘เมืองวายุน้ำเงินถูกลบหายไปอย่างสิ้นเชิง...’
ทุกคนมองหน้ากันเองความรู้สึกกลัวแล่นไปทุกสัดส่วนของร่างกายพวกเขา
โอลิเวอร์ทิ้งตัวลงกับพื้น ใบหน้าซีดขาว