ตอนที่ 849 ด่านที่ห้าหุบเขาอสูร
เมื่อผ่านด่านที่สี่หุบเขาราคะได้
เย่ว์หยางพักผ่อนเล็กน้อย ก่อนจะย่างเท้าเข้าด่านที่ห้า หุบเขาอสูร
สำหรับหุบเขาอสูร แม่เฒ่าซาเคยอธิบายให้ฟังไว้ว่า ‘ในสถานการณ์นั้นห้ามนักรบใช้พลังของตนเอง เขาต้องฝึกอสูรตั้งแต่แรกและใช้พลังของมันก้าวผ่านอุปสรรคให้ได้ ตั้งแต่มันยังอ่อนแอจนกระทั่งแข็งแกร่ง ถ้าอสูรที่ฝึกมีพลังไม่มากพอจะผ่านออกจากหุบเขาอสูรได้ อย่างนั้นผู้ท้าทายจะติดอยู่ในหุบเขาอสูรตลอดไปและจะกลายเป็นสมาชิกของหุบเขาอสูร
นอกจากนี้ไม่สามารถใช้พลังในหุบเขาอสูรได้ อสูรที่ฝึกมาจากข้างนอกนั้นมีกฎของการตายคือ ตายได้สามครั้ง หลังจากนั้นผู้ท้าทายจะถูกลงโทษโดยกฎสวรรค์ให้กลายเป็นอสูรปีศาจโดยตรง ถ้าผู้ท้าทายกลายเป็นอสูรปีศาจแล้วก็ยังตายอีก จากนั้นวิญญาณของผู้ท้าทายจะถูกกำจัดตลอดไป
หือ?
มีข้อมูลที่แม่เฒ่าซาบอกไว้ว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีมีความสามารถผ่านได้สบายอยู่แล้ว และเย่ว์หยางยังถามข้อมูลโดยเฉพาะกับผู้เฒ่าหนานกง จึงได้ทราบว่าจักรพรรดิอวี้ได้ฝึกอสูรภูตเพลิงพิโรธจนผ่านไปได้ เย่ว์หยางหาดูข้อมูลความสำเร็จและล้มเหลวของทุกคนเตรียมพร้อมไว้เมื่อมาถึงหุบเขาอสูร ความคิดที่ว่าจะผ่านหุบเขาอสูรให้ได้อย่างราบรื่นไม่เคยผุดขึ้นมาเลย มีแต่ความลำบากยุ่งยาก
เหตุผลก็คือภูตเพลิงฟ้าที่เย่ว์หยางวางตัวไว้แต่เดิมเพื่อใช้ผ่านอุปสรรค ก็ไม่รู้ว่าจะดูดซับพลังเทพวิบัติและพลังปั่นป่วนเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ นางจมอยู่ในสภาวะหลับลึก นางอยู่ในสภาพที่เย่ว์หยางไม่รู้กำลังวิวัฒนการอะไรโดยอัตโนมัติ ยังไม่สามารถปลุกนางได้ทันที
โชคดีที่เสวี่ยอู๋เสียรอบคอบ นางเตือนให้เย่ว์หยางเก็บอสูรพิเศษเอาไว้ อย่างตั๊กแตนมัจจุราชเมื่อมันฝึกในบันไดสวรรค์ก้าวหน้าได้ช้า ก็น่าจะเก็บไว้เผื่อมีอุบัติเหตุ ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ อย่างนั้นเย่ว์หยางคงไม่อยากฝ่าด่านโดยไม่เตรียมตัว นอกจากนี้เขาไม่รู้ศักยภาพของไข่อสูร
ในกรณีเช่นนั้น ทุกอย่างไม่สามารถควบคุมไว้ได้ในมือ
“สถานการณ์ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว เจ้าต้องพยายามให้หนัก!” เย่ว์หยางยืนอยู่หน้าป้อมปราการหุบเขาอสูร และยื่นมือลูบปีกตั๊กแตนมัจจุราชเบาๆ การฝึกอสูรของหุบเขาอสูรมีสองทางเลือก ทางแรก ทำเหมือนกับที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีทำ ใช้อสูรของตนเองโดยตรงเดินเข้าสู่กฎการจำกัด และเข้าประตูย้อนเวลากำเนิดทำให้ได้ชีวิตใหม่ ความได้เปรียบเช่นนี้คล้ายกับลักษณะเติบโตตามลักษณะเฉพาะของอสูร และเจ้าของสามารถฝึกให้โดยตรง นางพญาเฟ่ยเหวินหลีใช้วิธีนี้ฝึกปีศาจน้ำแข็งที่แข็งแกร่ง และกวาดล้างทั่วหัวหุบเขาอสูร ส่วนอีกวิธีก็คือเลือกไข่อสูรในหุบเขาอสูรเหมือนกับจักรพรรดิอวี้ ให้ไข่อสูรฟักตัวในบ่อต้นกำเนิด และจากนั้นจึงค่อยสอนวิทยายุทธ ถ้าไม่โชคร้าย ได้เมล็ดพันธุ์อย่างจักรพรรดิอวี้ ภูตไฟ ก็สามารถผ่านหุบเขาอสูรได้
มีเพียงสองทาง แต่ละทางมีความได้เปรียบและเสียเปรียบในตนเอง
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีรู้จุดเด่นที่ได้เปรียบของอสูรตนเองดีมากกว่าจะอาศัยโชค
วิธีการของจักรพรรดิอวี้ แม้ว่าจะต้องอาศัยโชคเข้ามาช่วยด้วย แต่เขาก็เป็นสุดยอดนักสู้ เป็นไปได้ที่จะหาอสูรที่มีศักยาพไม่เลวจากไข่อสูรนับไม่ถ้วนในป้อมหุบเขาอสูร นอกจากนี้ทางเลือกอย่างจักรพรรดิอวี้ ถ้าประสบผลสำเร็จก็จะเพิ่มอสูรที่ทรงพลังมาเป็นผู้ช่วย
ในทางตรงกันข้าม วิธีของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีต้องใช้อสูรที่ทรงพลังและอาจเป็นสุดยอดอสูรและปล่อยให้มันกลับมาผจญอีกครั้ง
“กัชๆ, กัชๆ.....” ตั๊กแตนมัจจุราชรับผลึกมังกรจากเย่ว์หยางและกินอาหารโอชะครั้งล่าสุด มันไม่มีความเห็นใดเกี่ยวกับการจัดการของเจ้านาย แม้ว่ามันจะไม่ฉลาดมากที่สุด ไม่ได้เติบโตรวดเร็วที่สุด ยังไม่วิวัฒนาการเป็นระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่โดยสัญชาตญาณของมันสามารถเข้าใจได้ว่าเจ้านายไม่เคยละทิ้งมัน แต่ยังรักมันอีกด้วย
มันใช้แขนเคียวที่ฆ่าศัตรูมานับไม่ถ้วนกอดเย่ว์หยางอย่างแผ่วเบา
ตั๊กแตนมัจจุราชบินเข้าไปในประตูหวนกำเนิด
แสงศักดิ์สิทธิ์ฉายวาบขึ้น
พลังกฎสวรรค์ในหุบเขาอสูรเปิดใช้งานประตูหวนกำเนิดย้อนเวลาทำให้อสูรกลับไปเริ่มต้นชีวิตตั้งแต่ปฏิสนธิ ร่างของตั๊กแตนมัจจุราชหดขนาดลงอย่างรวดเร็ว ภายในร่างของมันแฝงไปด้วยพลังงานที่น่ากลัวถูกเปลี่ยนไปเป็นศักยภาพของมันอย่างสมบูรณ์ แต่ร่างของมันที่ได้รับการปรับเปลี่ยนซ้ำๆ จากพลังปราณก่อกำเนิดและเพลิงอมฤตของเย่ว์หยางสามารถดึงพลังสนับสนุนจากกฎสวรรค์พลังหวนกำเนิดได้และเปลี่ยนร่างมันให้เป็นร่างมนุษย์พร้อมทั้งเปลี่ยนเส้นเอ็นผลัดกระดูก
เมื่อตั๊กแตนมัจจุราชผ่านประตูหวนกำเนิด มันบินวกกลับผ่านเส้นทางหวนกำเนิดและกลับมาหาเย่ว์หยาง
มันกลายเป็นอสูรมีขนาดจิ๋ว โตกว่านิ้วเพียงเล็กน้อย
นอกจากนี้จากเดิมที่เป็นอสูรสายบู๊ มันกลายเป็นอสูรสายพิเศษ
จากแต่เดิมเริ่มต้นจากอสูรระดับทอง
ก็กลายเป็นอสูรระดับเพชร
ตอนนี้กล่าวได้ว่านางยังเล็กเหมือนทัมเบลินา (หญิงสาวจากนิทานตะวันตก ตัวขนาดหัวแม่มือ) หลังจากถือกำเนิดใหม่ตั๊กแตนมัจจุราชก็ปลดสภาวะคอขวดของพัฒนาการทิ้ง และมีบางส่วนของร่างกายที่ผ่านวิวัฒนาการมาแล้ว
เมื่อบินลงที่ฝ่ามือของเย่ว์หยาง ร่างของนางเล็กและงดงามเริ่มวิวัฒนาการมีศีรษะคล้ายมนุษย์และมีสติปัญญาสูง
ร่างของนางยังไม่วิวัฒนาการเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ยังไม่ถึงกับเหมือนมนุษย์นัก นอกจากแขนที่ดูใกล้เคียงมนุษย์มาก ขาของนางยังเรียวเล็กน้อย ปีกสีทองด้านหลังยังคงมีอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางตื่นเต้นและประหลาดใจก็คือ นางมีมีดโค้งคู่มือต่างหากที่ทรงพลังที่สุด ดูเหมือนมีดคู่มือทั้งคู่จะกลายเป็นอาวุธสังหารได้ นางสามารถใช้แขนเคียวในรูปลักษณ์เดิมได้และสามารถถอดแขนมีดเคียวไว้ด้านหลังเหมือนที่นักรบมนุษย์พกพาอาวุธ
ควาก....
เย่ว์หยางฉีกชิ้นผ้าบนร่างตนเองและค่อยๆ พันให้บนร่างนางใช้ต่างเสื้อผ้าไปก่อน
ตั๊กแตนมัจจุราชที่มีขนาดเท่าแฟรี่น้อยหมุนตัวมอง
นางมองดูรูปลักษณ์ใหม่ตนเองด้วยความพอใจ..ในที่สุดก็จะวิวัฒนาการไปเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ นางตื่นเต้นมากเป็นธรรมดา เพราะนี่คือความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอสูรทั้งหมด
ข้างนอกป้อม
มีอสูรปีศาจที่ดุร้ายซุ่มรออยู่บริเวณประตู ดวงตาของพวกมันมีแววกระหายเลือด
ขณะที่พวกมันต่างอดทนรอ มีพลังงานปั่นป่วนออกมาจากป้อมปราการ พวกมันรู้ได้ทันทีว่ามีผู้ท้าทายใหม่มาถึง ไม่ว่าผู้ท้าทายใหม่จะแข็งแกร่งเพียงไหนก็ไม่สำคัญ ตราบใดที่สามารถฆ่าอสูรเปราะบางที่เพิ่งถือกำเนิดได้ และฆ่าได้ถึงสามครั้ง ผู้ท้าทายใหม่จะต้องถูกกฎสวรรค์ลงโทษและกลายเป็นพวกเดียวกับพวกมัน
พวกเขารู้ดีว่า พวกเขาพ่ายแพ้มาแล้ว ร่างของพวกเขากลายเป็นอสูรปีศาจ และพวกเขาถูกกำหนดไว้ว่าจะไม่สามารถออกไปจากหุบเขาอสูรได้ตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ต้องการให้พวกมือใหม่หลุดพ้นไปจากสายตาพวกเขาได้
ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร พวกเขาจะต้องฉุดลากลงมาให้ได้
ต้องให้เขากลายเป็นอสูรปีศาจด้วยเช่นกัน และอยู่ในหุบเขาอสูรและกลายเป็นสหายของพวกเขาตลอดไป! ที่โชคร้ายก็คือจะไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยตนเองตามลำพัง พวกเขาต้องการให้มีคนมากๆ ตกเข้าสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวังตลอดไป
อสูรปีศาจเหล่านี้ คาดว่าน่าจะเป็นผู้ท้าทายที่ล้มเหลวและถูกเปลี่ยนเป็นอสูรปีศาจ พวกเขารอซุ่มโจมตีอยู่นอกป้อมปราการ
นอกจากนี้ยังมีนักรบปราณฟ้าสามคนกำลังขับขี่อสูที่ทรงพลังเคียงข้างกัน และปรึกษาวางแผนต่อสู้ พวกเขาก็อยู่ในกลุ่มผู้แพ้เช่นกัน แต่ต่างจากผู้แพ้ที่กลายเป็นอสูรปีศาจ พวกเขายังมีโชค เพราะอสูรของพวกเขายังตายไม่ถึงสามครั้ง ในฐานะเจ้านายพวกเขายังไม่ถูกกฎสวรรค์ลงโทษ แต่ยังคงรักษารูปลักษณ์เดิมไว้ได้ อย่างไรก็ตามเพราะเหตุผลนานัปการ อสูรของพวกเขาถูกฝึกมาผิด และทักษะของอสูรศึกของพวกเขาที่เพิ่มมากขึ้นก็มีข้อบกพร่อง ตัวอย่างเช่น อสูรศึกมีปัญญาไม่เพียงพอจะผ่านด่านได้ และไม่สามารถออกไปจากหุบเขาอสูรได้
หากอสูรมีปัญญาไม่เพียงพอ แม้ว่าจะมีความแข็งแกร่ง การผ่านด่านหุบเขาอสูรก็เป็นไปไม่ได้
ความลับนี้เย่ว์หยางรู้มานานแล้ว
นอกจากข้อมูลคลุมเครือของแม่เฒ่าซาแล้ว นางพญาเฟ่ยเหวินหลีชี้ชัดว่ามีสถานที่ในหุบเขาอสูรซึ่งมีผลปัญญาเติบโตงอกงาม ตราบเท่าที่เขาคว้าเอามาได้ อสูรศึกไม่เพียงแต่จะผ่านด่านได้เท่านั้น แต่จะเติบโตก้าวหน้าได้มากขึ้น
แน่นอนว่าจะมีอสูรที่แข็งแกร่งคอยอารักขาต้นผลภูมิปัญญา ซึ่งยังมีพลังต่างกันมาก ถ้าเขาบุ่มบ่ามบุกเข้าไปตั้งแต่เริ่มแรก อสูรของเขาตายแน่นอน!
ในหุบเขาอสูรมีผู้ท้าทายอยู่มากมาย เป็นเวลานานมาแล้ว เขาเองก็รู้ว่ามีการดำรงคงอยู่ของผลภูมิปัญญา แต่เขาก็ยังไม่กล้าไป เพราะเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะเข้าไปท้าทายในตอนนี้ มีผลลัพธ์ของการผจญภัยมีเพียงประการเดียวเท่านั้นก็คือ อสูรศึกจะถูกฆ่าตายทันที และร่างกายหลักจะเสื่อมลงกลายเป็นอสูรปีศาจ และถ้าอสูรปีศาจยังทำไม่ได้อีก วิญญาณก็จะถูกทำลายโดยตรง
“ผู้ท้าทายคนใหม่ไม่ได้ออกมานานแล้ว จวนได้เวลาแล้ว!” นักรบปราณฟ้าที่ขับขี่อสูรรูปร่างคล้ายกวางด้านซ้ายรู้สึกประหลาดใจ
“เด็กใหม่มักจะระมัดระวังตัวอย่างนี้ เจ้าไม่รู้หรือว่ามีขีดจำกัดสามครั้ง พลาดโอกาสให้อสูรออกมาจากป้อมปราสาท และทำให้เจ้าของคนใหม่ตายจากอสูรโดยตรงเลย นั่นไม่มีโอกาสถึงสามครั้งไม่ใช่หรือ?” นักรบปราณฟ้าที่ด้านขวาซึ่งขี่เพกาซัสเขาเงินตะโกนด่าเหยียดเหยียม
“ทุกคนเอาจริง ข้าหวังว่าครั้งนี้คงจะไม่เปิดช่องทางอีกครั้ง ก่อนหน้านี้มีมือใหม่หลายคนที่ฝ่าวงล้อมเราออกไปได้ และมีผู้ท้าทายถึงสามคนที่ผ่านด่านได้สำเร็จ นี่เป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับเราที่อยู่ที่นี่มากที่สุด อย่างไรก็ตามครั้งนี้จะไม่มีการผิดพลาดอีกต่อไป! เจ้าเด็กใหม่ออกมาจากป้อมปราการ อสูรที่เขามีจะอยู่ในช่วงเวลาอ่อนแอที่สุด ถ้าครั้งนี้ไม่สามารถขัดขวางได้สำเร็จ ต่อไปจะยากมากขึ้นทุกที! ต้องเอาจริง ต้องมั่นใจว่าสามารถฆ่าอสูรเกิดใหม่ได้” นักสู้ปราณฟ้าผู้ขับขี่กริฟฟินอัคคีตรงกลางน่าจะเป็นผู้นำของคนทั้งสาม เขาตะโกนด้วยความโกรธ และทำให้นักรบปราณฟ้าทั้งสองได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าเถียง
ในป้อมปราการหุบเขาอสูร จะมีเวลาป้องกันให้สามชั่วโมง
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีเวลาอย่างน้อยสามชั่วโมงที่อสูรเกิดใหม่จะเติบโตได้อย่างปลอดภัย
หลังจากหมดเวลาสามชั่วโมงแล้วยังไม่เข้าสู่พื้นที่หุบเขาอสูรแท้ๆ กฎสวรรค์ประจำหุบเขาอสูรจะฆ่าอสูรในป้อมปราการทั้งหมด
นี่คือการป้องกัน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการกดดันไปด้วย.... อสูรเกิดใหม่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์โหดร้ายโดยรอบให้เร็วที่สุด และเผชิญกับภัยคุกคามถึงตาย มิฉะนั้นมันจะถูกกำจัด! อสูรใหม่จะเหมือนกันหมด ไม่สำคัญว่ามันเป็นใคร ไม่สำคัญว่าเจ้านายมันจะมีสถานะอะไร ไม่สำคัญว่าเจ้านายของมันจะยิ่งใหญ่เพียงไหน ล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้กฎเดียวกัน
หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงเข้าสู่นาทีสุดท้ายและเริ่มนับถอยหลัง ศัตรูที่ซุ่มซ่อนอยู่ภายนอก, อสูรปีศาจเตรียมพร้อมเข้าโจมตี
เงาร่างหนึ่งปรากฏ
ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังทำอะไร เย่ว์หยางปรากฏตัวออกมาในที่สุด
แตกต่างจากมือใหม่คนอื่น ไม่มีอสูรเกิดใหม่อยู่ข้างตัวเขา...
ยกเว้นกล่องเล็กที่ถืออยู่ในมือของเขา นอกนั้นไม่มีอะไรอื่น
อสูรเกิดใหม่อยู่ในกล่องนี้ไม่ใช่หรือ?
อย่าว่าแต่กล่องเลย ต่อให้เป็นภูเขา อสูรปีศาจที่ซุ่มอยู่โดยรอบก็สามารถถล่มให้ราบได้ พวกมันไม่สามารถโจมตีเย่ว์หยาง แต่กล่องในมือของเย่ว์หยาง ถ้ามีอสูรเกิดใหม่อยู่ ขอเพียงถูกโจมตีครั้งเดียว มันจะต้องตายอย่างมิต้องสงสัย!
เพราะการกินอสูรเกิดใหม่ จะทำให้แข็งแกร่งขึ้นและมีอายุยืนยาวขึ้น
อสูรปีศาจซึ่งเปลี่ยนไปหลังจากท้าทายหลังสิบครั้งกำหมัดและพุ่งเข้าหา กลัวว่าตนจะเป็นคนสุดท้าย...
เป้าหมายก็คือกล่องในมือของเย่ว์หยาง!