ตอนที่ 34 - ติงห่าว
1/2 หลังจากนี้จะพยายามลงให้ทุกวันนะครับ
ตอนที่ 34 - ติงห่าว
“ของขวัญอะไร? ทำไมเธอถึงลังเลที่จะบอก เซอร์ไพรส์หรอ?” ดวงตาของมู่เย่ชิงโค้งเป็นรอยยิ้ม
“ใช่ เซอร์ไพรส์ และมันใหญ่มาก ใส่ที่นี่ไม่พอ พวกเราต้องออกไปกันก่อน”
มู่เย่งชิงสงสัย “แต่ห้องฉันสูงสามชั้นเลยนะ ยังใส่ไม่พออีกหรอ?”
“ก็ ... คิดว่าคงไม่พออยู่ดี”
“โอเค งั้นออกไปดูกัน” มู่เย่ชิงหัวเราะ
เจียงหลินยิ้ม ลากเธอลงไปชั้นล่าง ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงกลางจัตุรัสโล่งๆหน้าตึกที่พักอาศัย จากนั้นเจียงหลินยกมือขึ้น ปุ๋ยดิน ปุ๋ยดอกไม้ทั้งหมดที่เก็บไว้ในพื้นที่มิติถูกปลดปล่อยออกมา กองพะเนินเป็นภูเขาลูกเล็ก
หากยืนอยู่บนยอดเขาจะสามารถมองเห็นหน้าต่างชั้นสามได้พอดี
อย่างไรก็ตาม ในตึกของธาตุไม้ ชั้นล่างๆไม่มีคนอาศัยอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่รบกวนหรือบดบังวิสัยทัศน์ของพวกเขา
กระนั้น ผู้คนที่สัญจรไปมาได้สังเกตเห็นมัน หลายคนตะลึงงัน! เพราะมองจากระยะไกลมันเหมือนภูเขาลูกหนึ่งเพิ่มขึ้นมาในเมือง และพวกเขาจำไม่ได้ว่าเคยมีมัน!
บางคนตบไหล่เพื่อนข้างๆ ชี้ไปและถามว่า “นายมีตาทิพย์ใช่ไหม ช่วยดูให้หน่อยว่านั่นมันอะไร”
“ไม่มีปัญหา!” คนข้างๆมองไปตามทิศทางที่ชี้ จากนั้นพึมพำว่า “เป็นกระสอบปุ๋ยดอกไม้ .... ปุ๋ยอินทรีย์ ... แถวนั้นเป็นที่อยู่ของธาตุไม้พอดี ฉันคิดว่าคงเป็นฝีมือของเธอนั่นแหละ”
“โอ้โห!” มู่เย่ชิงมองกองปุ๋ยดอกไม้ที่เป็นภูเขาเล็กๆ ด้วยใบหน้าที่ตกใจ ต้นไม้ของเธอก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมา แต่ละต้นเริ่มเลื้อยไปตามเนินเขาปุ๋ย
“เจียงหลิน นี่มันของขวัญวันเกิดหรือของขวัญขอแต่งงานกันแน่ฮะ?” ในเวลานี้ เสียงหัวเราะคิกคักของเสี่ยวชิงดังมาจากข้างหลัง
ปี้ฉู่ เสี่ยวชิง และจงชางต่างก็มา พวกเธอถือของขวัญวันเกิดของมู่เย่ชิงไว้ในมือ
“มันดูมากเกินไปหรอ?” เจียงหลินเกาหัวด้วยความลำบากใจ “ไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหนดีใช่ไหม?”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย” มู่เย่ชิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ยังมีห้องว่างอีกหลายห้องข้างบนห้องของฉัน ในเมื่อไม่มีคนอยู่ก็ขอเก็บพวกมันเอาไว้ก่อน แต่ถ้ายังไม่พอเอาไปเก็บไว้บนดาดฟ้าก็ได้
สิ้นเสียงมู่เย่ชิง ต้นไม้กลายพันธุ์ของเธอก็เริ่มพัวพันกันกันเป็นสายพานลำเลียง ขนปุ๋ยดอกไม้ขึ้นไปข้างบน
ต้นไม้ก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนคนอื่นๆก็กลับขึ้นไปกินเค้กที่เจียงหลินเตรียมมา
พอได้เห็นเค้ก เสี่ยวชิงรู้สึกตื่นเต้นมาก “เค้กใหญ่โคตร! หน้าตาน่ากินสุดๆ นี่เธอไปหามันมาจากไหนเนี่ย?”
ทุกคนหัวเราะเสียงดัง เจียงหลินช่วยมู่เย่ชิงเสียบเทียน
หลังจากมู่เย่ชิงขอพร เธอก็เป่าเทียน ทุกคนเริ่มตัดเค้ก
ปี้ฉู่ยิ้มและถามว่า “เธอขอพรอะไร?”
“ขอให้ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าแบบนี้ตลอ--”
เสี่ยวชิงรีบขัดจังหวะมู่เย่ชิง “อย่าพูดๆ ถ้าพูดแล้วมันจะไม่ศักดิ์สิทธิ์”
หลังตัดแบ่งเค้ก เสี่ยวชิงหยิบส่วนของเธอขึ้นมาดู และพอเห็นว่าข้างในเค้กมีอะไรสอดไส้ไว้บ้าง เธอก็มีความสุขขึ้นมาทันที
ก่อนวันสิ้นโลกเธอชอบกินเค้กมาก แต่นับวันของพวกนี้กลับยิ่งหาได้น้อยลง
“พวกเราได้รับภารกิจใหม่มา และครั้งนี้อาจแตกต่างจากครั้งก่อน” มู่เยชิงนึกขึ้นได้ เธอบอกแก่ทุกคน
“ภารกิจอะไร?” เสี่ยวชิงพูดทั้งๆที่เคี้ยวเค้กอยู่
“พวกเธอรู้จักตระกูลติงห่าวไหม?” มู่เย่ชิงถาม
“เป็นตระกูลที่ร่ำรวยระดับแนวหน้าถูกไหม?” ปี้ฉู่กล่าว
“ถูกต้อง แม้ก่อนวันสิ้นโลก ก็มีเพียง 3 - 5 คนในทวีปนี้เท่านั้นที่คู่ควรได้รับนามสกุลนี้”มู่เยชิงอธิบาย
“สินทรัพย์ของพวกเขามีมากมายเหนือจินตนาการของเรา”
“งั้นภารกิจนี้มันเกี่ยวข้องกับตระกูลติงห่าว?” เจียงหลินถาม
“ใช่ พวกเราจะไปสำรวจวิลล่าหลังใหญ่ที่มีมูลค่าระดับมรดกโลก” มู่เย่ชิงมองไปยังเจียงหลินและยิ้มทันที “คราวนี้เธอน่าจะชอบมันมาก ว่ากันว่าพวกเขามีเครื่องประดับเกรดสะสมจากงานประมูลนับไม่ถ้วน และอาจจะมีอัญมณีที่มีมูลค่าสูงเป็นหนึ่งในสิบของโลกอยู่ด้วย”
ของสะสมเกรดประมูล!?
อัญมณีติดหนึ่งในสิบของโลก!?
จิตใจของเจียงหลินเริ่มลุกโชน
“แต่คราวนี้คนของฐานทัพไปด้วยใช่ไหม? พวกเขาต้องการอะไรกัน?” ปี้ฉู่ถาม
“ทางฐานทัพจะส่งเจ้าหน้าที่พิเศษมากับเราด้วย ภารกิจนี้คือการบุกค้นบ้านของตระกูลติงห่าว นำโลหะหายากที่ไม่สามารถหาขุดได้อีกต่อไปออกมา” มู่เย่ชิงตอบอย่างจริงจัง
“จากเอกสารที่ได้มาจากภารกิจครั้งก่อน มันได้ระบุว่าโลหะนั้นอยู่ในวิลล่าของตระกูลติงห่าว”
หายาก? ไม่สามารถขุดหาได้อีก? เจียงหลินรู้สึกสงสัยเล็กน้อย เมื่อนึกว่ามันเป็นแร่ธาตุที่ไม่สามารถหาได้อีกต่อไปในวันสิ้นโลก เธอก็คิดว่ามันยิ่งเป็นสิ่งล้ำค่าเข้าไปใหญ่
เจียงหลินเอ่ยถาม “แล้วมันคือโลหะประเภทไหน?”
“ครั้งนี้ฉันถามให้แล้ว มันคือโลหะแคลิฟอร์เนี่ยม” มู่เย่ชิงกล่าว “ว่ากันว่า 1 กรัมมีค่า 27 ล้านดอลลาร์ มากกว่าทองคำถึง 650,000 เท่า เธอน่าจะใช้มันได้นะฉันว่า”
“ฉันคงใช้มันไม่ได้หรอก” เจียงหลินยักไหล่
ของแพงกับของมีค่าไม่เหมือนกัน หากมันแพงเกินไป เธอนำมาสุดท้ายก็ขายไม่ได้อยู่ดี
“เสียดายจัง ฉันอุตส่าห์คิดว่าจะแอบเอาบางส่วนมาให้เธอ” มู่เยชิงยิ้ม ขยิบตาให้เจียงหลิน “งั้นก็ทำแค่ปกป้องคนของฐานทัพ แล้วหยิบของบางส่วนจากที่อยู่แถวๆนั้นติดไม้ติดมือกลับมาเถอะ อ้อ คราวนี้ทีมธาตุดินจะเดินทางไปกับพวกเราด้วย”
“ฉันรู้จัก! พวกเขาเป็นทีมที่ดี” เจียงหลินหัวเราะ ทีมธาตุดินมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทีมธาตุน้ำมาโดยตลอด และธาตุดินเป็นกลางเสมอมา
หลังอธิบายภารกิจคร่าวๆ ทุกคนหัวเราะเฮฮากันทั้งวัน และค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เช้าวันรุ่งขึ้น
เจียงหลินเปลี่ยนเป็นชุดสำหรับออกไปทำภารกิจ สวมแจ็คเก็ตมีตะขอแบบทหารและเหน็บปืนแม็กนั่มไว้ข้างเอว
เธอตัวสูงอยู่แล้ว เวลานี้เลยยิ่งเหมือนนักรบมากเข้าไปอีก ราวกับพรีเดเตอร์ในหนังไซไฟ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจียงหลินเปิดออกไปและเห็นมู่เย่ชิงยืนอยู่นอกประตู
อีกฝ่ายยังคงสวมพวงมาลัยดอกไม้บนหัว และชุดกระโปรงยาวสีขาวเช่นเดิม เหมือนนางฟ้าบุปผาที่ลงมายังโลกมนุษย์
มู่เย่ชิงยิ้มและพูดว่า “ได้เวลาไปแล้ว ทหารเตรียมรถไว้แล้ว ครั้งนี้จะมีผู้ใช้พลังของทางกองทัพตามมาด้วย”
เมื่อมาถึงจุดนัดพบ เจียงหลินเห็นว่าทางฐานทัพได้ส่งคนมามากกว่าครั้งที่แล้ว
และผู้นำของปฏิบัติการนี้ มีผู้ใช้พลังที่เป็นทหารคอยอารักขาถึง 5 คน
เจียงหลินสามารถบอกได้ว่าทางฐานทัพให้ความสำคัญกับภารกิจนี้มากขนาดไหน
โลหะแคลิฟอร์เนี่ยม ..... เจียงหลินพึมพำในใจ ฐานทัพจะเอามันไปทำอะไรกันนะ?
ครั้งนี้ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ แต่ใช้เวลาในการเดินทางนาน เจียงหลินนั่งในรถจนเบื่อ เธอเอนหัวอิงกระจกและมองออกไป
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง แต่ท้องฟ้าข้างบนค่อนข้างขมุกขมัว ให้ความรู้สึกชวนขนลุกยากจะหายใจ
ไม่นาน อาคารสีดำค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่ปลายขอบฟ้า เป็นความหรูหราทางสถาปัตยกรรมอันซับซ้อน มองไกลๆราวกับภาพของสัตว์ร้ายที่กำลังหลับใหล
ต้นไม้เหี่ยวเฉาในลานแกว่งไกวไปตามแรงลม ให้ความรู้สึกเหมือนเงาคน น่าขนลุกสุดจะพรรณนา
กำแพงลานสีดำล้อมรอบ และมีเถาวัลย์เหี่ยวขดติดอยู่ เหมือนกรงหนามสำหรับขังสัตว์ร้าย
คิ้วของมู่เย่ชิงย่นเข้าหากัน “นี่มันเถาวัลย์กลายพันธุ์ขั้น 4 แต่กลับเฉาตายอยู่ที่นี่ ฉันว่าพวกเราต้องเพิ่มความระมัดระวังแล้วล่ะ”
เมื่อรถหยุด เจียงหลินติดตามเพื่อนๆลงจากรถ ในที่สุดก็ได้เห็นภาพเต็มของวิลล่า
ที่นี่คือวิลล่าที่ตกแต่งสไตล์ยุโรป ประตูเหล็กด้านนอกวิลล่ามีลวดลายงดงาม ราวกับกำลังประกาศให้โลกรู้ว่าเจ้าของเดิมมั่งคั่งเพียงใด