ตอนที่ 22 หลินเฟิงหนีไป
" สุ่ม "
[การสุ่มความสามารถสำเร็จ เลือกหนึ่งในความสามารถต่อไปนี้]
1: ทักษะเปียโนระดับสูงสุด
2: ทักษะการเต้นระดับสูงสุด
ครั้งนี้ทักษะทั้งสองไม่ดีทั้งคู่ แต่ทักษะที่สุ่มมาโดยพื้นฐานแล้วเป็นทักษะที่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน
ต้องใช้แต้มวายร้าย 1,000 แต้มเพื่อจับหนึ่งรางวัล และรางวัลแต่ละรางวัลมีมูลค่า 100 ล้านหยวน
และทักษะทั้งสองนี้ต้องใช้พรสวรรค์ในการเรียนรู้ซึ่งไม่สามารถวัดเป็นจำนวนเงินได้
ดังนั้นฉินเทียนจึงไม่บ่น
แน่นอน! ความสามารถทั้งสองนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขามากนัก ดังนั้นฉินเทียนจึงสุ่มเลือกสิ่งที่ดูค่อนข้างเหมาะสม—ทักษะเปียโนระดับสูงสุด
————-
เจ้าของ: ฉินเทียน
แต้มความแข็งแกร่ง: 110
แต้มเสน่ห์: 550
แต้มโชค: 700
แต้มสุขภาพ: 100
(ค่าเฉลี่ยสำหรับผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ปกติคือ 100)
แต้มวายร้าย: 900
ทักษะ: วิชารักษาพิษเทวะ, ทักษะการต่อสู้ระดับสูงสุด, ทักษะเปียโนระดับสูงสุด
————-
ครั้งนี้ทั้งแต้มวายร้ายและแต้มโชคเพิ่มขึ้นอย่างมาก
แม้ว่าหลังจากสุ่มจากระบบแล้ว เขาก็ยังมีแต้มวายร้าย 900 แต้ม
อีกแค่100 แต้มวายร้ายเขาจะสามารถสุ่มได้อีกครั้ง
แต้มโชคสิโหดมาก ทำแค่นี้เขาก็ได้รับ 500 แต้ม?
เมื่อเห็นสิ่งนี้แม้แต่ฉินเทียนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
แต้มโชค 500 แต้ม?
นี่หมายความว่าตระกูลซูมีบทบาทอย่างมากในอนาคตของหลินเฟิง?
ฉันเพิ่งทำลายความสัมพันธ์ของหลินเฟิงกับตระกูลซูหรือเปล่า?
ประมาณหนึ่งนาทีต่อมา
“พ่อ.....พ่อเป็นยังไงบ้างคะ? พ่อ!”
ซูเจิ้งหยางซึ่งถูกบอดี้การ์ดพามานั่งที่โซฟาในห้องส่วนตัว ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ใบหน้าของซูหยานหรานดูประหม่ามาก
“หยาน...หยานหราน...”
ซูเจิ้งหยางที่เพิ่งตื่น ยังหายใจไม่คล่องและความจำยังไม่กลับมาเต็มร้อย: “พะ พ่อ...เป็นอะไร?”
“พ่อเป็นลมกะทันหันและอาฉินช่วยพ่อไว้ค่ะ” ซูหยานหรานธิบาย
"โอ้? เอ่อ...มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”
เมื่อความทรงจำกลับคืนมา ซูเจิ้งหยางก็มองไปที่ฉินเทียนราวกับว่าเขากำลังมองสัตว์ประหลาด
ผู้ชายคนนี้รู้จักเรื่องพวกนี้ด้วย?
เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้?
.........
ซูเจิ้งหยางถูกส่งไปตรวจที่โรงพยาบาล
แม้ว่าหลังจากการช่วยเหลือของฉินเทียนแล้วเขาก็ดูปกติดี แต่การไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายจริงไหม?
พวกเขาจึงไปโรงพยาบาล
ในฐานะลูก แน่นอนว่าซูหยานหรานต้องพาเขาไปอยู่แล้ว!
แต่เธอได้ขอโทษฉินเทียนก่อนจะไป
ท้ายที่สุด ตระกูลซูขอร้องให้ฉินเทียนปล่อยหลินเฟิง แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่านี่จะเป็นการจะปล่อยหมาป่าตาขาว...
“ประธานฉิน เรา...” เมื่อเห็นว่าห้องส่วนตัวมีแค่พวกเขา มู่เตี๋ยก็พูดขึ้น
"ไปกันเถอะ" ฉินเทียนยักไหล่อย่างไม่แยแส
หลังจากฉากนี้ เขาไม่เพียงได้แต้มวายร้ายและแต้มโชคจำนวนมากเท่านั้น แต่เขายังสร้างความสัมพันธุ์อันดีกับตระกูลซูอีกด้วย
เขาพอใจกับผลลัพธ์มาก
ความร่วมมือทางธุรกิจก็จบลงด้วยดี
เนื่องจากฉินเทียนช่วยซูเจิ้งหยางไว้ ซูเจิ้งหยางจึงเสนอที่จะสละกำไร 10 เปอร์เซ็นต์เพื่อแสดงความขอบคุณ
10 เปอร์เซ็นต์อาจดูไม่มากนัก แต่ยักษ์ใหญ่อย่างตระกูลฉินและซู โปรเจ็คร่วมมือคาดว่าจะทำกำไรได้อย่างน้อย 500 ล้านหรือมากกว่านั้น
10 เปอร์เซ็นต์นั่นคืออย่างน้อย 50 ล้านหยวน2
ไม่น้อยเลย
แต่สิ่งเดียวที่เขาเสียใจคือการหายตัวไปกะทันหันของหลินเฟิง?
เด็กคนนี้ใช้ประโยชน์จากความโกลาหลหลบหนีตอนที่ฉินเทียนกำลังทำ CPR ให้ซูเจิ้งหยาง
สิ่งนี้ทำให้ฉินเทียนไม่มีพอใจมาก เพราะเขาต้องการยืมมือตระกูลซูเพื่อสอนบทเรียนให้กับหลินเฟิง
แต่ฉินเทียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลื่อนการแก้แค้นออกไป
เนื่องจากหลินเฟิงเป็นตัวเอกและมีแต้มโชคมากเกินจะเชื่อ
การพยายามแก้ปัญหาไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในหนึ่งหรือสองวัน
.........
หลินเฟิงหนี?
ใช่ หลินเฟิงหนีไปแล้ว!
เขารู้ว่าเขาทำให้สองตระกูลไม่พอใจ ดังนั้นหลังจากได้เห็นเทคนิคการทำ CPR แบบมืออาชีพของฉินเทียน เขาก็เลิกหวังที่จะพลิกสถานการณ์ และใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายหลบหนี
ชีวิตของซูเจิ้งหยางไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เขาจึงไม่มีโอกาสให้ฉวยและออกมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หลินเฟิงหนีมา เขาก็รู้สึกหดหู่ใจ
เพราะตลอดทาง จิตใจของเขาเอาแต่วนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ตลอดสองวันที่ผ่านมา
ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ในใจเสมอ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉินเทียน เขาไม่ได้ใช้เส้นสายหรือข่มขู่เขาโดยตรง
ถ้าเทียบกับกุ้งตัวเล็กๆ อย่างเขา เขาจะเลือกโทรแจ้งตำรวจ?
แน่นอนว่ามหาเศรษฐีอย่างเขาต้องไม่รู้วิชาทางการแพทย์หรือเปล่า?
คนรวยอย่างเขาควรจะยุ่งอยู่แต่กับธุรกิจหรือเปล่า?
เขาจะเรียนรู้ทักษะการช่วยชีวิต และช่วยชีวิตผู้อื่นได้ยังไง?
นี่ไม่ใช่ตรรกะเลย
แต่ในฐานะพระเอก เขารู้ดีว่าที่จู่ๆ ซูเจิ้งหยางเป็นลม มันเป็นเพราะเขา
ถ้าเขาเป็นคนที่ช่วยซูเจิ้งหยาง สถานการณ์จะแตกต่างออกไป
แต่คนที่ช่วยชีวิตซูเจิ้งหยางไม่ใช่เขา แต่ดันเป็นฉินเทียน
ซึ่งหมายความว่าเขาสูญเสียการสนับสนุนจากตระกูลซู
เขาไม่สามารถพึ่งพาตระกูลซูได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงต้องไปหาโอกาสอื่น
ดังนั้นเขาจึงต้องออกมา
เป็นการดีที่สุดที่จะออกจากตระกูลถัง และหายไปจากสายตาตระกูลฉิน
ด้วยวิธีนี้เขาจึงจะมีความหวังกลับมา
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลินเฟิงก็มีแผนแล้ว
“เห้ ส่งเงินมา”
ขณะที่หลินเฟิงกำลังคิด ก็มีเด็กผมเหลืองสองคนเข้ามาขวางทางเขา
พวกพังก์คนหนึ่งถือมีดอยู่ในมือ ดูค่อนข้างโหด
หลินเฟิงหันไปมองและพบว่าเขาเดินเข้ามาในตรอกที่ไม่มีไฟถนน
“พวกขยะพวกนี้คิดจะปล้นฉัน?”
หลินเฟิงตัดสินใจ และสายตาของเขาก็มีเจตนาฆ่า
“ให้ตายเถอะ พวกแกหาเรื่องเองนะ”
ปัง ปัง ปัง!
ในไม่ช้า...เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากตรอก
เด็กผมเหลืองผู้น่าสงสารสองคนที่บังเอิญเจอหลินเฟิง กลายเป็นที่ระบายความโกรธของเขา
จุดจบของพวกเขาเป็นไปอย่างที่พวกคุณคิดนั่นแหละ