(ฟรี) บทที่ 190 เข้าสู่ดินแดนอาสัญฆาต!
เมื่อเห็นนักพรตสตรีทั้งหลายโค้งคำนับต่อหน้าเขา หลี่หรานก็ปิดหูของเขาอย่างรำคาญใจ
เต๋าที่ต่างกันย่อมไม่ข้องแวะกัน
ความสุภาพแบบเสแสร้งเช่นนี้เป็นเรื่องไร้สาระ
เมื่อผู้อาวุโสของสถาบันเทียนซูเห็นท่าทางไม่เต็มใจของเขา พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าในกรณีใดพวกเขาก็เป็นผู้อาวุโสของนิกายระดับสูง พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเหนือวิบัติและถึงกับโค้งคำนับเพื่อทักทายรุ่นเยาว์คนนี้ แต่รุ่นเยาว์คนนี้กลับยังคงเพิกเฉยต่อพวกเขา?
นี่เป็นการหยิ่งยโสเกินไป
ในเวลานี้ ผู้อาวุโสผู้สูงสุดก้าวมาข้างหน้าและถามว่า “ผู้นำนิกาย ตอนนี้หัวหน้าศิษย์หลินยังคงติดอยู่ในดินแดนอาสัญฆาต แม้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่จะเป็นผู้มีพระคุณของสถาบันเทียนซู แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้!”
“ใช่แล้ว การช่วยชีวิตหัวหน้าศิษย์หลินสำคัญกว่า!”
“หากเลื่อนไปหนึ่งหรือสองวันหลังจากนี้นางจะไม่สามารถกลับมาได้จริงๆ!”
“หัวหน้าศิษย์หลินกำลังตกอยู่ในอันตราย!”
“หากหัวใจเต๋าของนางพังทลายลง ข้าเกรงว่าหลางเยว่จะไม่สามารถอยู่รอดได้!”
ผู้อาวุโสและผู้ดูแลทุกคนพูดออกมา
พวกเขาไม่ได้มุ่งเป้าไปที่หลี่หรานแต่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหลินหลางเยว่
อวี้ชิงหลันพยักหน้าและพูดว่า “ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกเจ้าทุกคน หลางเยว่ติดตามข้าตั้งแต่นางยังเด็กเพื่อแสวงหาเส้นทางอมตะและข้าปฏิบัติต่อนางเสมอเหมือนคนของตัวเองตลอดมา”
“ตอนนี้นางถูกกักขังโดยมารภายในจิตใจ นักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้ย่อมไม่สามารถนั่งเฉยๆได้”
ผู้อาวุโสผู้สูงสุดกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าขอให้ผู้นำนิกายดำเนินการด้วย! แม้ว่าหัวใจเต๋าของนางจะเสียหายแต่ก็ยังดีกว่าการสูญเสียมันไป!”
อวี้ชิงหลันตอบว่า “นักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้จะไม่ยอมให้หัวใจเต๋าของนางเสียหายและจะไม่ยอมเฝ้าดูนางตายเด็ดขาด”
ผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกยินดีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “เป็นไปได้ไหมว่าผู้นำนิกายค้นพบวิธีแล้ว?”
อวี้ชิงหลันส่ายหัว “ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้ แต่มีบางอย่างที่เราสามารถทำได้ วันนี้ข้าเชิญบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่มาช่วยหลินหลางเยว่!”
“อะไรนะ?!”
“หลี่หรานสามารถช่วยหลางเยว่ได้?”
“เขาอยู่เพียงขอบเขตกำเนิดจิตวิญญาณเท่านั้น เขาจะทำอะไรได้?”
“ปีศาจจะเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามของนิกายเราได้อย่างไร?”
ทุกคนคุยกันอย่างออกรสออกชาติ
อวี้ชิงหลันส่ายหัว
ไม่มีใครรู้ว่าหลี่หรานกลายเป็นเต๋าแห่งสวรรค์ของหลินหลางเยว่ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม นางไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ไม่เช่นนั้นสถาบันเทียนซูจะไม่สามารถเก็บหลินหลางเยว่ไว้ได้
“นักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้มีแผนเป็นของตัวเอง เจ้าไม่ควรพูดอะไรมากกว่านี้”
อวี้ชิงหลันโบกแขนเสื้อของนางทำให้ทุกคนออกจากลานกว้างและมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง
หน้าผาสูงหลายร้อยเมตรและมีสีเขียวเข้ม ภายนอกเรียบราวกับกระจกแต่ไม่มีใครมองเข้าไปด้านในได้
อวี้ชิงหลันกล่าวกับหลี่หรานว่า “ในดินแดนอาสัญฆาต โลกทั้งใบถูกแยกออกจากภายนอก เต๋าแห่งความยิ่งใหญ่ไม่มีอยู่จริง และไม่มีร่องรอยของพลังปราณแม้แต่น้อย ผู้บ่มเพาะเต๋าไม่แตกต่างจากมนุษย์ธรรมดา”
“ที่นั่นมีวิญญาณมารนับไม่ถ้วน หากหัวใจเต๋าของเจ้าไม่มั่นคงเจ้าจะสลายไปในทันที”
“เจ้าไม่ได้บ่มเพาะเต๋าไร้อารมณ์ ตราบใดที่เจ้าไม่ปลดปราการทางจิตใจลง มารภายในจะไม่เริ่มโจมตีเจ้า”
“เราสามารถใช้ด้ายสีแดงในการสื่อสารได้ นักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้จะเป็นคนแนะนำเจ้า”
“หากมีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น นักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้จะช่วยเจ้าเอง”
นางเตือนเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในขณะที่หลี่หรานกำลังจะพูด เสียงเบาๆก็ดังขึ้นในใจเขา
ติ๊ง!
【ภารกิจใหม่: ขัดเกลาจิตใจ】
【เข้าสู่ดินแดนอาสัญฆาต ใช้ชิ้นส่วนวิญญาณเพื่อขัดเกลาจิตใจและทำให้จิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้น!】
‘มันเป็นภารกิจจริงๆ?’
ขัดเกลาจิตใจ... หัวใจของหลี่หรานเต้นไม่เป็นจังหวะ
ในเวลานี้ อวี้ชิงหลันถามว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ เจ้าพร้อมหรือยัง?”
“พร้อมแล้ว” หลี่หรานพยักหน้า
“ดีมาก” อวี้ชิงหลันเหยียดนิ้วที่เรียวงามของนางออกมาแล้วเคาะหน้าผาเบาๆ
หน้าผาทั้งหมดสั่นสะเทือน ช่องว่างที่มืดและลึกปรากฏขึ้น มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่อ้างว้างและเปล่าเปลี่ยว
หลี่หรานก้าวเข้าไปโดยไม่ลังเล
ร่างของเขาถูกความมืดมิดกลืนกินและช่องว่างก็ปิดลงทันที
ดวงตาของอวี้ชิงหลันเป็นประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ขณะที่นางมองผ่านความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ ราวกับว่านางกำลังมองเข้าไปในดินแดนอาสัญฆาต
ผ่านความมืดมิดที่ดำราวกับหมึก หลังจากเวลาผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง ในที่สุดหลี่หรานก็เหยียบลงบนพื้นแข็ง
ในสายตาของเขา มันเป็นดินแดนรกร้าง
ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดครึ้ม พื้นผิวโลกแตกระแหงราวกับทะเลทราย มีเพียงต้นไม้คดเคี้ยวสองสามต้นที่ตั้งอยู่เดียวดาย ดูไร้ชีวิตชีวามาก
วิญญาณกึ่งโปร่งแสงลอยไปลอยมาทั่วทั้งอากาศ เปล่งกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว
อ้างว้างและเงียบงัน
นี่ไม่ใช่สถานที่ที่สิ่งมีชีวิตควรจะอยู่
หลี่หรานรู้สึกเช่นนั้น
ไม่มีร่องรอยของพลังปราณในอากาศ และไม่มีเทคนิคเต๋าหรือทักษะศักดิ์สิทธิ์ใดๆที่สามารถใช้งานได้
หลี่หรานเชื่อมต่อประสาทสัมผัสและส่งข้อความทางจิต “นักพรตเต๋าอวี้ ข้าควรไปทางไหน?”
อวี้ชิงหลันตอบว่า “เดินตรงไป หลางเยว่อยู่ไม่ไกล”
หลี่หรานทำตามคำพูดของนางและเดินไปข้างหน้า
อวี้ชิงหลันไม่ได้โกหกเขา วิญญาณกึ่งโปร่งแสงในอากาศเพิกเฉยต่อเขาและไม่มีความตั้งใจที่จะโจมตีเขาเลย
“แต่ถ้ามารในนี้ไม่โจมตีข้า ข้าจะขัดเกลาจิตใจได้อย่างไร?”
หลี่หรานอดไม่ได้ที่จะเกาหัว “ลืมมันซะ ต้องไปช่วยนางก่อน...”
เขาปฏิบัติตามคำแนะนำของอวี้ชิงหลันตลอดทาง และหลังจากหนึ่งก้านธูป เขาก็เห็นร่างสีขาวจากระยะไกล
หลินหลางเยว่นั่งไขว่ห้างและหลับตา มีเหงื่อเย็นหยดลงมาจากหน้าผาก
วิญญาณกึ่งโปร่งแสงจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่เหนือศีรษะของนาง จ้องมองนางอย่างตะกละตะกรามเหมือนนกแร้ง
ทันทีที่หัวใจเต๋าของนางพังทลาย นางจะถูกมารเหล่านี้กลืนกิน
อวี้ชิงหลันตอบว่า “มารในใจถูกดึงดูดเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ระวังและอย่ายั่วยุพวกมัน”
“เข้าใจแล้ว” หลี่หรานเดินไปด้านข้างและผลักนางเบาๆ “หลินหลางเยว่ ตื่นได้แล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงของเขา หลินหลางเยว่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับว่ากำลังดิ้นรน
แต่นางก็ยังลืมตาไม่ขึ้น
เสียงของอวี้ชิงหลันเคร่งขรึม “ดูเหมือนว่านางจะถูกครอบงำอย่างหนักและไม่สามารถปลุกได้ง่ายๆ ดังนั้นเราจึงทำได้เพียงใช้วิธีที่สองเท่านั้น”
หลี่หรานพยักหน้าและหยิบกระจกออกมา
กระจกหยินหยาง
นี่เป็นสมบัติเวทมนตร์ที่พิเศษมาก
ด้านสีดำคือหยินและด้านสีขาวคือหยาง
ด้านหยินสามารถดูดซับวิญญาณที่เหลืออยู่และเก็บไว้ในกระจก ส่วนด้านหยางสามารถปลดปล่อยวิญญาณที่เหลืออยู่ซึ่งเป็นวิธีโจมตีที่ไม่เหมือนใคร
นี่เป็นวิธีที่สองที่อวี้ชิงหลันบอกเขา
เขาจะใช้กระจกหยินหยางเพื่อดึงมารภายในใจออกมา
หลี่หรานวางด้านสีดำไว้ตรงหน้าหลินหลางเยว่ และแสงจางๆก็กะพริบขณะที่ใบหน้าของนางปรากฏบนกระจกสีดำ
ในเวลาเดียวกัน วิญญาณกึ่งโปร่งแสงก็ค่อยๆถูกกำจัดออกไป
สีหน้าของหลินหลางเยว่เปลี่ยนเป็นเจ็บปวดขณะที่มารในใจค่อยๆถูกดึงออก กลิ่นอายของนางเริ่มวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆและร่างกายของนางก็เริ่มสั่นสะท้าน
ทันที่พวกเขาแยกจากกันอย่างสมบูรณ์ ดวงตาฟีนิกซ์ของนางก็เปิดออก แสงสว่างในดวงตาของนางเหมือนแสงเทียนในสายลมที่พร้อมจะดับในวินาทีถัดไป
หัวใจเต๋าของนางกำลังจะพังทลายลงเมื่อมารในใจถูกบังคับดึงออก
ในเวลานี้ เสียงแผ่วเบาของหลี่หรานดังขึ้น “ความว่างเปล่าล้วนจางหาย ถึงเวลากลับคืนสู่นิพพาน”
ใบหน้าซีดขาวของหลินหลางเยว่ได้กลับมามีสีสันอีกครั้งเมื่อนางได้ยินเสียงของเต๋าแห่งสวรรค์ หัวใจเต๋าของนางซึ่งกำลังจะพังทลายได้กลับมามั่นคงอีกครั้ง
สำหรับนาง หลี่หรานคือเต๋าแห่งสวรรค์ มีเพียงหลี่หรานเท่านั้นที่สามารถทำให้หัวใจเต๋าของนางมั่นคงได้
อวี้ชิงหลันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นฉากนี้
“โชคดีที่...” ก่อนที่นางจะพูดจบ ดวงตาของนางก็หรี่ลง “ระวัง!”
/////