บทที่ 13: รับเลี้ยงเจ้าหมาดำ! ผู้จัดการเฉินทุ่มสุดตัว!
ความกังวล ความไม่สบายใจ และความหวาดกลัว… เจ้าหมาดำวิ่งไปหลบด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยอาการดังกล่าว แววตาของมันเต็มไปด้วยความสิ้นหวังกับชีวิต
แล้วทันใดนั้นเองมันก็พบกับกลิ่นที่คุ้นเคย เมื่อเห็นฉินหลินกลับมาดวงตาของมันดูเหมือนจะมีสีสันขึ้นมาทันที
“โฮ่ง!”
มันเห่าใส่ฉินหลินแล้วรีบวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างกระวนกระวาย
ซึ่งจังหวะนี้ทำให้เทศกิจได้โอกาสเอาตาข่ายครอบหัวมันได้แล้วดึงเชือกรัดคอมันให้แน่น
“งี้ด ๆ ๆ!” ดวงตาของเจ้าหมาดำเผยให้เห็นความกลัวขณะที่มันร้องใส่ฉินหลินอย่างตื่นตระหนก ดวงตาของมันปรากฏแววคาดหวังอะไรบางอย่าง
เทศกิจคนหนึ่งเอากรงออกมา ส่วนพรรคพวกอีกสองสามคนก็ช่วยจับเจ้าหมาดำไปขังไว้ในกรงนั้น
เจ้าหมามันก็ยังร้องงี้ด ๆ ใส่ฉินหลินด้วยความสิ้นหวัง และเมื่อประตูกรงปิดลงเรี่ยวแรงขัดขืนของมันก็ดับลงไปด้วย มันทรุดตัวลงกับพื้นกรงแล้วก้มหน้า
ดูเหมือนว่ามันจะยอมแพ้กับชีวิต ดวงตาของมันดูเหมือนจะสูญเสียสีสันไป แต่ลึก ๆ แล้วก็ยังมีความคาดหวังอะไรบางอย่างและแอบชำเลืองหางตามองฉินหลิน
ฉินหลินรู้เลย! รู้อะไรก็ไม่รู้แหล่ะแต่รู้เลย! แววตาของมันที่มองมานั้นทำเอาเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างช่วยไม่ได้และเดินไปหาเทศกิจคนหนึ่ง
ช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เข้าไปในโลกแห่งเกมได้เขาก็เห็นเจ้าหมาดำนี่ตลอดทุกวี่ทุกวัน และตอนนี้ก็ใช่ว่าเขาจะเลี้ยงมันไม่ได้ซักหน่อยนี่นา
เจ้าหมามันก็เหมือนจะสังเกตเห็นท่าทีของฉินหลินเลยลุกขึ้นยืนอีกรอบด้วยแววตาที่มีสีสันกลับคืนมา
ฉินหลินเดินเข้าไปคุยกับเทศกิจ “หัวหน้าหลิวครับ เจ้าหมาดำนี่ดูจะถูกชะตากับผมนะ ช่วยปล่อยมันหน่อยได้มั้ยครับ เดี๋ยวผมรับเลี้ยงเอง”
เขาพูดพลางยัดบุหรี่ที่ผู้จัดการเฉินให้มาใส่มืออีกฝ่าย
“เถ้าแก่ฉิน!” หัวหน้าหลิวมักจะมาทำธุระที่ตลาดบ่อย ๆ ดังนั้นเลยรู้จักพ่อค้าแม่ขายทุกคนที่นี่ดีอยู่แล้ว
เมื่อมองลงมาดูบุหรี่ในมือเขาก็พูดกับฉินหลินอย่างใจเย็นว่า “ในเมื่อเถ้าแก่ว่างั้นพวกผมก็จะไม่ใจไม้ไส้ระกำ แต่ถ้าเถ้าแก่จะเลี้ยงมันล่ะก็ต้องเอามันไปตรวจร่างกายกับฉีดวัคซีนและทำใบรับรองก่อนนะครับ ตอนนี้กฎหมายเราเข้มงวดกันมา ไม่งั้นเดี๋ยวพวกผมจะลำบากเอา”
ฉินหลินพยักหน้าและสัญญาว่า “ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมจะเอามันไปจัดการทั้งหมดโดยเร็วที่สุดเลย!”
จากนั้นหัวหน้าหลิวก็หันไปพยักหน้าให้กับเทศกิจคนอื่น ๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วเขาก็เห็นอยู่เหมือนกันว่าเจ้าหมาดำตัวนี้มันต่างจากหมาตัวอื่น ๆ อยู่บ้างเหมือนกัน ครั้งนี้เลยถือว่าเมตตาหมามันไป
เมื่อฉินหลินกับเทศกินเดินมาที่หน้ากรง เจ้าหมาดำเหมือนจะรู้เรื่องทำเสียงคร่ำครวญงี้ด ๆ ใส่เขาพลางเดินวนไปวนมาอยู่ไม่สุขในกรง
และทันทีที่กรงเปิดออกมันก็รีบออกจากกรงอย่างไวแล้วเอาหัวมาถูไถขาของฉินหลินอย่างบ้าคลั่ง
ฉินหลินรู้สึกถึงอารมณ์ของเจ้าหมาดำและนั่งลงลูบหัวมันเพื่อปลอบโยน
“โฮ่ง!” เสียงเห่าของสุนัขดำดังขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ
หัวหน้าหลิวเองก็พาลูกน้องกลับไป เมื่อเห็นว่าเสร็จเรื่องแล้วฉินหลินก็กะจะเอาเจ้าหมาดำไปฉีดวัคซีนและกำจัดเห็บหมัด นี่เป็นสิ่งที่ผู้ที่รับเลี้ยงสุนัขจรจัดต้องกระทำตามที่กฎหมายกำหนด
มีร้านขายสัตว์เลี้ยงอยู่ไม่ไกลจากตลาด ฉินหลินเรียกเจ้าหมาดำและมันก็เดินตามเขามาติด ๆ ไม่ไปไหน
เมื่อเขาไปถึงร้านขายสัตว์เลี้ยงเถ้าแก่ร้านที่ดูเป็นคนขี้เกียจและซกมกสุด ๆ กำลังดูแลหมาตัวหนึ่งเป็นอย่างดีพิถีพิถัน
ฉากนี้จะว่าตลกก็ตลกอยู่แหล่ะ
เพราะชายที่ไม่ใส่ใจภาพลักษณ์ของตนมากนักกลับกำลังทำความสะอาดให้หมาจรจัดตัวหนึ่งจนมันสวยนิ้งเลยทีเดียว
“เชิญครับ!” ชายคนนั้นเห็นฉินหลินก็ทักทาย
ฉินหลินยิ้มและพูดว่า “เถ้าช่วยดูเจ้าหมานี่ให้หน่อยนะครับ จับมันอาบน้ำ ฉีดวัคซีนแล้วก็ไล่เห็บหมัดให้ด้วย”
เมื่อชายคนนั้นเห็นเจ้าหมาดำก็สนใจขึ้นมาทันที “สุนัขจรจัดเหรอครับ?”
ฉินหลินพยักหน้า “มันมาอยู่นี่ได้พักใหญ่ ๆ แล้ว ผมจะรับเลี้ยงมันไว้!”
ชายคนนั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “พี่ชายนี่โคตรโชคดีเลยรู้ตัวมั้ย? เพราะการที่สุนัขจรจัดเลือกเจ้านายก็แปลว่ามันมีความเฉลียวฉลาด และยังแปลว่าคุณให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่มันด้วย มันเองก็ต้องการบ้านที่อบอุ่นเหมือนกัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าคุณไม่ทำให้มันผิดหวัง…”
แล้วก็พล่ามยาวไปเรื่อย ดูเหมือนเจ้าหมอนี่พอเปิดปากปุ๊บจะหยุดได้ยาก แต่มือก็ไม่ได้หยุดทำงานนะ เขาดึงเอาเจ้ามาดำเข้ามาเช็ค จากนั้นก็จับอาบน้ำ ไล่เห็บหมัด และฉีดวัคซีนให้มันอย่างชำนิชำนาญ
กระบวนการนี้ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมง เจ้าหมาดำเวอร์ชันอาบน้ำดูแตกต่างจากเจ้าหมาดำเวอร์ชันจรจัดไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้มันเต็มไปด้วยพลังงาน ขนของมันตอนนี้เป็นมันเงาดูดีไม่กร้านไม่เหนียวไม่เหม็นอีกต่อไป
เถ้าแก่ร้านสัตว์เลี้ยงเห็นแล้วยังประหลาดใจ “พี่ชายนี่เจ้าหญิงน้อย เจ้านี่มันเคยโดยทำหมันมาแล้ว ต้องเคยเป็นสัตว์เลี้ยงมาก่อน แต่ไม่รู้ทำไมถึงถูกทิ้งเหมือนกัน”
“สายพันธุ์นี้เป็นสุนัขล่าเนื้อสีดำ และยังเป็นสุนัขที่ฉลาดและซื่อสัตย์ที่สุดอีกด้วย ดูแลมันให้ดี ๆ ล่ะ แล้วมันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
“การที่สุนัขจรจัดจะเลือกเจ้านายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นา เมื่อมันเลือกแล้วโลกทั้งใบของมันคือคุณเท่านั้น”
“ผู้หญิงนั้นทอดทิ้งและทำร้ายเราได้ แต่มันไม่ พวกมันตอบสนองต่อความรู้สึกของคนได้ดีกว่ามาก หากเลี้ยงอย่างเอาใจใส่มันจะไม่มีวันทิ้งคุณไปไหน แถมยังเอาใจง่ายกว่าผู้หญิง…”
“…” ฉินหลินอ้าปากค้าง ตอนแรกเจ้าหมอนี่มันก็เน้นเรื่องหมาอยู่หรอก แต่ต่อมากลายเป็นว่าเรื่องหมาลดลงไปซะงั้น จนสุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องตัวเอง ท่าทางไอ้หมอนี่จะเหงาจัดไม่เคยมีคนคุยด้วย
ขณะที่เถ้าแก่ร้านสัตว์เลี้ยงพล่ามจบเขาก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็บอกกับฉินหลินว่า “ค่าอาบน้ำสองร้อย ยากำจัดแมลงห้าสิบ วัคซีนหนึ่งร้อย ตรวจร่างกายอีกห้าสิบ รวมเป็นสี่ร้อยหยวน!”
เมื่อฉินหลินได้ยินราคานี้เขาก็ถอนหายใจบ้าง ‘โคตรแพงเลยเว่ย!’
เขาเริ่มเข้าใจขึ้นมาตงิด ๆ แล้วว่าทำไมเถ้าแก่ถึงพิถีพิถันกับการดูแลหมานัก ก็เพราะมันเป็นงานและงานก็คือเงินนั่นเอง!
เถ้าแก่ถามว่า “คุณมีสายจูงแล้วยัง ตอนนี้เขาเข้มงวดกันมากเลยนา เวลาเอาหมาไปเดินเล่นข้างนอกบ้านต้องมีสายจูง! แล้วก็ควรซื้ออาหารหมาไว้ให้มันซักสองห่อด้วย!”
ฉินหลินพยักหน้า “งั้นขอสายจูงเส้นนึงกับอาหารหมาสองห่อ”
เถ้าแก่ก็ไปหยิบสายจูงกับอาหารหมา 2 ห่อจากเคาน์เตอร์มาให้แล้วบอกว่า “สายจูงห้าสิบ อาหารหมาสามร้อย รวมเป็นเจ็ดร้อยห้าสิบหยวนนะ”
ฉินหลินรู้แล้วว่าทำไมถึงได้มีหมาจรจัดในอำเภอโหยวเฉิงเยอะนัก ก็ดูดิ มาร้านหมาทีเดียวโดนไปตั้ง 750 สิบหยวนแล้ว! (ประมาณ 3,700 บาท)
เงินเดือนเฉลี่ยในอำเภอโหยวเฉิงอยู่ที่เดือนละสามสี่พันเอง ถ้าต้องเจียดออกมาเลี้ยงหมาด้วยล่ะก็ถือว่ากดดันสุด ๆ เพราะงั้นถ้าไม่พร้อมก็ไม่ควรเลี้ยง ไม่อย่างนั้นสุดท้ายแล้วมันจะทำร้ายทั้งตัวเองและคนอื่นด้วย
หลังจากจ่ายเงินแล้วฉินหลินก็หยิบสายจูงขึ้นมาจะสวมให้เจ้าหมาดำ และไม่คิดเลยว่ามันจะโน้มหัวเข้าหาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
เถ้าแก่ที่เห็นก็ถอนหายใจอีกรอบ “เจ้านี่ฉลาดมากจริง ๆ ถ้าฝึกฝนซักหน่อยล่ะก็มันกลายเป็นเน็ตไอดอลได้ละนะนั่น เสียดายที่มันเลือกคุณเป็นเจ้านายไปแล้ว”
เมื่อเจ้าหมาดำเดินออกจากร้านขายสัตว์เลี้ยงมันกลับดูกระฉับกระเฉงระริกระรี้ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะมันรู้แล้วไงว่าตอนนี้ตัวเองมีบ้านให้อยู่อีกครั้งแล้ว
ต่อไปเขาก็พามันไปที่สำนักงานเขตพื้นที่เพื่อลงบันทึกข้อมูล จากนั้นจะต้องเอาข้อมูลของตนไปยืนยันที่สถานีตำรวจเพื่อขึ้นทะเบียนสุนัข
ในเมื่อตัดสินใจรับเลี้ยงแล้วมันก็ต้องทำ ทั้งเพื่อตัวเองและเพื่อเจ้าหมาด้วย
ทว่าการดำเนินการเรื่องนี้มันก็ยุ่งยากอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เวลาตอนนี้ล่วงเลยจนถึงตอนที่กระเจี๊ยบเขียวกับสตรอว์เบอร์รี่ชุดต่อไปสุกแล้ว
ดังนั้นเรื่องใบรับรองของเจ้าหมาคงต้องเอาไว้พรุ่งนี้ ตอนนี้ต้องจัดการเรื่องขายของก่อน และเขาได้กระเจี๊ยบเขียวเลเวล 2 มาอีก 5 จิน
หลังจากเก็บเกี่ยวชุดเก่าและปลูกชุดใหม่แล้วเขาก็เอาเจ้าหมาดำไปเก็บที่ร้านแล้วไปยังโกดังเช่าเพื่อย้ายผลผลิตจากเกมออกมา
ล็อตนี้ส่งให้ RT-Mart เหมือนเดิมโดยวันนี้มีมีสตรอว์เบอร์รี่ทั้งหมด 610 จินและกระเจี๊ยบเขียว 3,110 จิน
คราวนี้ผู้จัดการเฉินก็ออกมาคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง
“เถ้าแก่ฉินมาแล้วเหรอครับ” ผู้จัดการเฉินถามด้วยรอยยิ้มแล้วรับใบแจ้งหนี้มาเซ็นอย่างรีบร้อน
ฉินหลินรู้ถึงเจตนาแอบแฝงของอีกฝ่ายอยู่แล้ว เขาเดินยิ้ม ๆ ไปที่หลังรถสามล้อบรรทุกบุโรทั่งแล้วหยิบถุงออกมาส่งให้ผู้จัดการเฉินถุงหนึ่ง “ถุงนี้มีกระเจี๊ยบเขียวแบบพิเศษห้าจิน กว่าจะแย่งมาได้ผมนี่ลำบากสุด ๆ เลยล่ะครับ”
เขาไม่ได้เอากระเจี๊ยบเขียวเลเวล 2 ออกมาทั้ง 10 จิน เพราะยิ่งเอามาน้อยอีกฝ่ายก็ยิ่งร้อนรน และเขาก็ยิ่งขายดีทำกำไรได้มาก
ผู้จัดการเฉินรับกระเจี๊ยบเขียวเลเวล 2 ถุงนั้นมาด้วยสีหน้ามีความสุข จากนั้นก็แอบกระซิบกับฉินหลินว่า “ครั้งนี้ฉันรบกวนเถ้าแก่แล้ว คราวหน้าช่วยหาเพิ่มอีกหน่อยได้มั้ยครับ? ถ้าช่วยหามาได้ทุกวันล่ะก็เดี๋ยวผมจ่ายให้ตามราคาจริงในใบแจ้งหนี้เลย!”
แปลว่าเจ้าหมอนี่จะไม่ยักยอกเงินบริษัทใส่กระเป๋าตัวเองแต่จะเอาให้เขาแทนไปเลย
ดูท่าเมื่อเป็นเรื่องเซ็กซ์แล้วผู้จัดการเฉินจะทุ่มสุดตัวจริง ๆ นะเนี่ย!
ดังนั้นเมื่อฉินหลินจากไปจึงมีการจ่ายเงินเพิ่มขึ้นมาตามใบแจ้งหนี้
จึงกลายเป็นว่าสตรอว์เบอร์รี่เดิมเขาได้ราคาจินละ 30 หยวน ตอนนี้ได้จินละ 32 หยวนตามใบแจ้งหนี้ วันนี้ขายได้ 610 จินจึงเป็นเงิน 19,520 หยวน กระเจี๊ยบเขียวจากเดิมจินละ 6 หยวน ตอนนี้ได้ราคาจินละ 6.5 หยวนตามใบแจ้งหนี้ วันนี้ขายได้ 3,110 จินจึงเป็นเงิน 20,215 หยวน เมื่อรวมกับกระเจี๊ยบเขียวเลเวล 2 อีก 5 จินที่ขายให้ผู้จัดการเฉินเป็นการส่วนตัวอีก 2,000 หยวนแล้ว สรุปวันนี้มีเงินเข้ากระเป๋ามา 39,735 หยวน รายได้ต่อวันเกือบจะถึง 40,000 หยวนแล้ว
ยอดเงินคงเหลือในบัญชีตอนนี้คือ 318,482 หยวน เกิน 300,000 หยวนไปแล้วเรียบร้อย!