ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 179 จอมยุทธ์ผีดิบ
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 179 จอมยุทธ์ผีดิบ
แปลโดย iPAT
“อย่าแม้แต่จะคิด!” นักพรตผีดิบยื่นมือออกไปปัดดาบสายลมพุ่งเข้ากระแทกแท่นหินอย่างแรง
ในเวลาเดียวกันผีดิบเหล็กไหลก็ฟาดกรงเล็บออกไปและทิ้งรอยข่วนสามรอยไว้บนชุดเครื่องแบบผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่สามารถป้องกันการโจมตีจากธนูหรือหน้าไม้
หลี่ฉิงซานถูกบังคับให้ล่าถอย เขาตะโกน “เสี่ยวอัน!”
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!” ลูกดอกอีกาเพลิงส่งเสียงหวีดหวิวขณะพุ่งผ่านอากาศ
นักพรตผีดิบมองไปรอบๆก่อนจะค้นพบเด็กหญิงตัวน้อยที่เคยนั่งอยู่บนหลังคาของห้องเก็บศพภายใต้แสงจันทร์อย่างเงียบๆก่อนหน้านี้ถือหน้าไม้พันศรเอาไว้ในมือ
พายุอีกาเพลิงพุ่งเข้าหานักพรตผีดิบ
“พยายามหลอกล่อผีดิบเหล็กไหลงั้นหรือ?” นักพรตผีดิบเย้ยหยันและไม่พยายามหลบเลี่ยง เขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นหก นอกเหนือจากความสามารถในการปรับแต่งซากศพ เขายังมีพลังปราณที่แข็งแกร่ง แล้วเขาจะถูกฆ่าโดยง่ายได้อย่างไร
พลังปราณพุ่งออกมาจากตันเถียนของเขาและเครือบคลุมร่างกายของเขาเอาไว้ เสื้อคลุมของเขาเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับต่ำ ด้วยการส่งพลังปราณเข้าไป มันจึงกลายเป็นเกราะเหล็กที่แข็งแกร่ง
“บึม บึม บึม บึม!” ลูกดอกอีกาเพลิงปะทะเสื้อคลุมและสร้างเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นชุด
แม้เสื้อคลุมจิตวิญญาณจะลดความสว่างไสวลง แต่นักพรตผีดิบก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เขาหยิบหน้าไม้พันศรที่เหมือนกันออกมา “ลองของข้าดูบ้าง!” เขาได้รับสิ่งนี้มาจากจางหลานฉิงและวางแผนที่จะใช้มันโจมตีกลับไป
จางหลานฉิงไม่เคยคิดว่าอาวุธที่เขาสร้างขึ้นจะกลายเป็นเครื่องมือของศัตรู
เสี่ยวอันไม่ได้พยายามที่จะใช้หน้าไม้พันศรอย่างจริงจัง นางถอยกลับไปด้านหลังเสาหิน จากนั้นลูกดอกอีกาเพลิงสองสามลูกก็พุ่งเข้าระเบิดเสาหินจนแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่เสี่ยวอันหายตัวไปแล้ว
นักพรตผีดิบขมวดคิ้วก่อนจะหันหน้าไม้พันศรไปทางห่าวปิงหยาง “เจ้าพยายามทำสิ่งใด?” เขายิงลูกดอกออกไป
ห่าวปิงหยางพยายามลอบโจมตีนักพรตผีดิบหลังจากโซ่เหล็กถูกทำลาย
เสี่ยวอันไม่เคยคิดที่จะเอาชนะนักพรตผีดิบด้วยหน้าไม้พันศรตั้งแต่แรก ในทางตรงข้ามนางช่วยห่าวผิงหยางขณะที่นางใช้ลูกดอกอีกาเพลิงโจมตีนักพรตผีดิบ อย่างไรก็ตามนักพรตผีดิบยังสังเกตเห็นอย่างรวดเร็ว
ห่าวปิงหยางไม่พยายามหลบลูกดอกอีกาเพลิง เขาเหวี่ยงโซ่เหล็กออกไปทำลายลูกดอกอีกาเพลิงกลางอากาศ จากนั้นเขาก็คำรามและพุ่งเข้าหานักพรตผีดิบราวกับเขาต้องการตกตายไปพร้อมกัน ตอนนี้เขาโกรธมากและต้องการปลดปล่อยความโกรธทั้งหมดออกมา
นักพรตผีดิบยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมและเผชิญหน้ากับห่าวปิงหยางที่กำลังโกรธเกรี้ยว เขายิงลูกดอกอีกาเพลิงออกไปเป็นชุด เขาควบคุมมันได้ดีมาก เขาไม่เหมือนจินเป่าและจินหยวนที่ยิงลูกดอกออกไปแบบสุ่ม
แสงจากการระเบิดทำให้ใบหน้าของเขาสว่างขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาเย้ยหยัน มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะแพ้ศัตรูที่เขาพึ่งจับได้
เมื่อห่าวปิงหยางอยู่ห่างจากนักพรตผีดิบประมาณห้าก้าว ในที่สุดลูกดอกลูกหนึ่งก็สามารถทะลวงการป้องกันและพุ่งเข้าปะทะหน้าอกของเขา
ห่าวปิงหยางใช้พลังปราณของเขาปิดกั้นมันแต่เขาก็ยังกระเด็นออกไปกระแทกกำแพงหินที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตรอย่างแรง นั่นทำให้ความพยายามทั้งหมดของเขากลายเป็นสูญเปล่า จอมยุทธ์ที่ไม่มีสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณก็เหมือนเสือที่สูญเสียเขี้ยวเล็บ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขายังเป็นเสือที่อ่อนแอ
นักพรตผีดิบวางหน้าไม้ลงและมองไปที่ห่าวปิงหยาง ทันใดนั้นหัวใจของเขาพลันเต้นไม่เป็นจังหวะ เขารีบป้องกันเอวของตนแต่มันสายไปแล้ว ร่างเล็กวิ่งผ่านเขาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อพร้อมกับขโมยระฆังทองไปจากเขา
นักพรตผีดิบตกใจแต่เขาไม่หวั่นไหว เขากล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าตอนนี้เจ้าสามารถควบคุมผีดิบเหล็กไหลงั้นหรือ? ระฆังเป็นเพียงเครื่องมือ สิ่งที่ควบคุมผีดิบเหล็กไหลจริงๆคือเจตจำนง นอกจากนี้ระฆังก็มีประโยชน์กับเจ้านายของมันเท่านั้น”
เสี่ยวอันหันหลังกลับและรีบวิ่งออกไป ผีดิบเหล็กไหลกำลังไล่ล่าหลี่ฉิงซาน แม้ความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้นเพราะยันต์เคลื่อนวายุแต่ชุดผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ของเขาก็ฉีกกระชากจนขาดไปแล้ว อย่างไรก็ตามบาดแผลของเขาไม่รุนแรงนักเพราะเขาได้รับการปกป้องจากผิวหนังปีศาจวัว
หากไม่ใช่เพราะเขาไม่มีวิธีอธิบายตนเอง เขาคงแปลงร่างเป็นปีศาจและกำจัดผีดิบเหล็กไหลไปนานแล้ว ผีดิบเหล็กไหลแข็งแกร่งและว่องไว แต่มันไม่รู้จักทักษะท่าร่างและไม่มีทักษะการต่อสู้ใดๆ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่คู่แข่งของเขา
เสี่ยวอันสั่นระฆังแต่ผีดิบเหล็กไหลยังไล่ล่าหลี่ฉิงซานเหมือนมันไม่ได้ยิน ดังที่นักพรตผีดิบกล่าว มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถควบคุมผีดิบเหล็กไหลตัวนี้
เสี่ยวอันเก็บระฆังและยกมือเล็กๆของนางขึ้น
หลี่ฉิงซานหลบการโจมตีของผีดิบเหล็กไหลอย่างฉิวเฉียด แต่ในจังหวะนี้ผีดิบเหล็กไหลราวกับได้ยินบางสิ่ง มันหันกลับไปและเห็นอสรพิษเพลิงสีแดงทะยานร่างเข้ามา
หัวใจที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและกระหายเลือดของมันพัฒนาเป็นความรู้สึกหวาดกลัวโดยพลัน
ผีดิบเหล็กไหลไม่มีพลังปราณหรือปราณปีศาจ มันพึ่งพาร่างเหล็กไหลในการป้องกันการโจมตีทั้งหมด อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถต่อต้านเปลวเพลิงสีแดงที่พุ่งเข้าไปในปากของมันและหายไปอย่างสมบูรณ์
การเคลื่อนไหวของผีดิบเหล็กไหลหยุดลงทันที เปลวไฟสีแดงราวกับส่องประกายขึ้นในดวงตาของมันขณะที่สมองภายใต้หัวกะโหลกของมันถูกเผาทำลายทั้งหมด
เมื่อเสี่ยวอันสั่นระฆังอีกครั้ง ผีดิบเหล็กไหลก็ทะยานร่างมายืนอยู่ตรงหน้านาง แน่นอนว่าสิ่งที่ควบคุมมันไม่ใช่ระฆังแต่เป็นไฟของเสี่ยวอัน ไฟของนางสามารถควบคุมคนตายเมื่อมันหลอมรวมเข้ากับกระดูกของพวกเขา
ร่างกายของคนธรรมดาหรือกระทั่งจอมยุทธ์ไม่คุ้มที่จะควบคุมเพราะเลือดเนื้อของพวกเขาจะสลายไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้โครงกระดูกที่ไม่ได้รับการปรับแต่งของพวกเขาก็มีความแข็งแกร่งที่จำกัด มันไม่คุ้มกับความพยายามของนาง
อย่างไรก็ตามผีดิบเหล็กไหลแตกต่างออกไป หลังจากถูกปรับแต่ง มันจะไม่สูญสลายโดยง่าย ร่างกายของมันแข็งแกร่งมาก โดยพื้นฐานแล้วมันเหมือนกับถูกจัดเตรียมไว้ให้เสี่ยวอันโดยเฉพาะ นี่คือพลังอำนาจของทักษะที่เหนือกว่า
หลี่ฉิงซานยิ้ม “ทำได้ดีมาก!” ด้วยวิธีนี้ เขาจึงได้รับลูกสมุนที่ทรงพลังและทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีก ยิ่งไปกว่านั้นทุกอย่างจะสะดวกขึ้นรวมถึงการตายของจ้าวจื่อป๋อก็จะสมเหตุสมผล
เสี่ยวอันล้อเลียนหลี่ฉิงซานด้วยการยักไหล่และเผยรอยยิ้มเล็กน้อย
กลับมาที่จางหลานฉิงและเหออี้ซื่อที่จมอยู่ในความสิ้นหวัง พวกเขาเชื่อว่าอีกไม่นานผีดิบเหล็กไหลจะกลับมาพร้อมกับศพของหลี่ฉิงซานและเสี่ยวอันเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับจินหยวนและจินเป่า
ห่าวปิงหยางยืนขึ้นอย่างยากลำบากและต้องอาศัยกำแพงหินเพื่อค้ำยันร่างกายของตนเอาไว้ เขามองนักพรตผีดิบด้วยสายตาแหลมคมแต่ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ยิ่งไปกว่านั้นพลังปราณส่วนใหญ่ของเขาก็ถูกใช้ไปแล้ว เขาไม่เหลือหินวิญญาณที่สามารถเติมเต็มพลังปราณอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำสิ่งใดนักพรตผีดิบ
นักพรตผีดิบเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่เมื่อใดก็ตามที่เขานึกถึงเสี่ยวอัน เขามักรู้สึกไม่สบายใจอย่างไม่สามารถอธิบาย ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น ความเชื่อมต่อระหว่างเขากับผีดิบเหล็กไหลถูกตัดขาดอย่างกะทันหัน
เขาสูญเสียความสงบและรีบวิ่งออกจากถ้ำโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก นี่คือผลจากความพยายามหลายปีของเขา เขาไม่สามารถสูญเสียมัน เขาต้องควบคุมผีดิบเหล็กไหลให้ได้ไม่ว่าต้องจ่ายด้วยราคาใดก็ตาม
แต่ก่อนที่เขาจะออกจากถ้ำ ร่างสูงใหญ่ก็ปิดกั้นเขาเอาไว้ มันก็คือผีดิบเหล็กไหล!
นักพรตผีดิบสวดมนต์และใช้ทักษะของเขาอย่างเร่งรีบ แต่คำสั่งทั้งหมดของเขากลับเหมือนการโยนหินลงในทะเล ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆทั้งสิ้น
เสี่ยวอันสั่นระฆัง จากนั้นผีดิบเหล็กไหลก็ส่งกรงเล็บไปทางนักพรตผีดิบ
นักพรตผีดิบเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ผีดิบเหล็กไหลที่เขาใช้เวลาหลายปีในการปรับแต่งถูกนำไปใช้อย่างง่ายดายได้อย่างไร หากสิ่งนี้เป็นไปได้จริง ความพยายามทั้งหมดของเขาจะไม่ไร้ความหมายเช่นนั้นหรือ?
อย่างไรก็ตามความจริงที่โหดร้ายปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม การทำงานหนักนับสิบปีของเขาถูกพรากไปจากเขาหลังจากที่เขาพึ่งดื่มด่ำกับความรู้สึกพึงพอใจได้เพียงชั่วครู่ เรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนบุตรบุญธรรมที่เขาเฝ้าเลี้ยงดูมาอย่างยากลำบากแต่สุดท้ายเขากลับเรียกผู้อื่นว่าพ่อ มันเพียงพอที่จะทำให้เขากระอักเลือดออกมา
“ดี!” ห่าวปิงหยางโห่ร้อง จางหลานฉิงและเหออี้ซื่อรู้สึกยินดีเช่นกัน พวกเขาไม่รู้วิธีควบคุมศพ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแปลก พวกเขารู้สึกเพียงว่าหลี่ฉิงซานโชคดีมากที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อจิตใจของนักพรตผีดิบปั่นป่วน เขาก็ไม่สามารถตอบสนองต่อการโจมตี บาดแผลฉกรรจ์สี่สายปรากฎอยู่บนหน้าอกของเขา อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดทำให้เขาสามารถกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง เขาหันหลังและออกวิ่ง ตราบเท่าที่เขายังมีชีวิต ทุกอย่างก็ยังเป็นไปได้ เขามีประสบการณ์ในการปรับแต่งผีดิบอยุ่แล้ว มันยังมีโอกาสที่เขาจะหลับมาหลังจากหลบหนี
ผีดิบเหล็กไหลปิดกั้นเส้นทางของนักพรตผีดิบอีกครั้ง มันยกมือขึ้นและปล่อยหมัดออกไป
นักพรตผีดิบใช้พลังปราณเป็นโล่ป้องกันตามสัญชาตญาณ แต่ผีดิบเหล็กไหลสามารถทำลายมันและส่งฝ่ายตรงข้ามบินออกไป
ดวงตาของนักพรตผีดิบเบิกกว้างขณะที่เขามองผีดิบเหล็กไหล เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดผีดิบเหล็กไหลจึงทรงพลังถึงเพียงนี้
เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมา เขารู้จักความแข็งแกร่งของมันดีที่สุด อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกลับแข็งแกร่งกว่าตอนที่เขาควบคุมมันมาก
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพราะเปลวเพลิงของเสี่ยวอัน เปลวเพลิงของนางสามารถเปลี่ยนโครงกระดูกของคนธรรมดาเป็นนักรบที่ทรงพลัง ดังนั้นมันจึงช่วยยกระดับความแข็งแกร่งให้กับผีดิบเหล็กไหลได้อีกมาก
เมื่อนักพรตผีดิบควบคุมผีดิบเหล็กไหล เขาทำได้เพียงออกคำสั่ง มันเคลื่อนไหวเพราะความกระหายเลือดและโจมตีด้วยสัญชาตญาณเท่านั้น มันไม่รู้จักวิธีการต่อสู้และไม่สนใจสิ่งนั้น
แต่ภายใต้การควบคุมจากเปลวเพลิงของเสี่ยวอัน ผีดิบเหล็กไหลเหมือนเป็นร่างแยกของนาง นางสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของมันได้อย่างสมบูรณ์
สิ่งนี้เหมือนคนธรรมดาที่รู้วิธีการต่อสู้อย่างกะทันหันและมันก็ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น
ก่อนที่นักพรตผีดิบจะทันได้ตั้งสติ ผีดิบเหล็กไหลก็วิ่งใกล้เข้ามา ทุกย่างก้าวของมันดูงดงามและมีระเบียบแบบแผนบางอย่าง แต่นั่นกลับทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถอ่านการเคลื่อนไหวของมัน ชัดเจนว่าการโจมตีครั้งนี้แตกต่างจากการโจมตีอย่างตรงไปตรงมาก่อนหน้าของมันมาก
นักพรตผีดิบก้าวถอยหลังและสร้างระยะห่างออกไปจากระยะการโจมตีของศัตรู เขาเฝ้าดูต่อไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อเมื่อผีดิบเหล็กไหลกระโดดขึ้นและหมุนตัวส่งลูกเตะใส่หน้าเขา
แรงปะทะทำให้ใบหน้าของนักพรตผีดิบบิดเบี้ยว เขาพ่นฟันสองสามซี่ออกมา เขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าเหตุใดผีดิบเหล็กไหลจึงรู้จักวิธีกระโดดหมุนตัวเตะ! เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าผีดิบสามารถใช้ทักษะการต่อสู้ โดยพื้นญานแล้วพวกมันจะใช้กรงเล็บหรือฟันเท่านั้น
ก่อนที่นักพรตผีดิบจะล้มลงบนพื้น ผีดิบเหล็กไหลก็พุ่งเข้ามาจับน่องของเขาและเหวี่ยงเขาไปชนกับเสาหินที่อยู่ด้านข้าง
ทุกการเคลื่อนไหวของผีดิบเหล็กไหลทำให้มันดูเหมือนจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่ง มันแสดงให้เห็นถึงการครอบครองศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง นี่คือการเอาชนะด้วยทักษะและความเร็ว
หลี่ฉิงซานเห็นกระบวนท่ามากมายที่ลอกเลียนมาจากทักษะหมัดปีศาจวัวและกรงเล็บปีศาจพยัคฆ์ เสี่ยวอันเฝ้ามองหลี่ฉิงซานฝึกฝนมาตลอดและตอนนี้นางก็ปลดปล่อยมันออกมาผ่านผีดิบเหล็กไหลซึ่งเป็นเหตุให้นักพรตผีดิบไม่สามารถต้านทาน
หลี่ฉิงซานถอนหายใจ ผีดิบรู้วิธีการต่อสู้จริงๆ