ตอนที่แล้วตอนที่ 844 คุยเรื่องเรือรบรังสีกัมปนาท
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 846 แผนยุทธศาสตร์ของปิง

ตอนที่ 845 ไม่เสียเลือดเนื้อ


เสียงพื้นดินสะเทือนกึกก้องปลุกชาวเมืองดินแดงตื่นจากความหลับใหล  บางคนพอแต่งตัวได้ก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า

มีเงาร่างทีละร่างบินออกมากันหมดและกวาดสายตามอง หน้าของชาวเมืองทุกคนที่บินอยู่ในอากาศตกใจกันหมด

เมื่อคลื่นสีบรอนซ์เข้มหลั่งไหลกรูกันมาพร้อมกับรัศมีดวงอาทิตย์ขึ้นที่เส้นขอบฟ้าทั่วทั้งเมืองดินแดงเงียบกันหมด

หลังจากผ่านไปสองสามวินาทีผู้คนสองสามคนก็ควบคุมตนเองไม่ได้ กรีดเสียงร้องลั่น

“โจรทวีปทอง!”

“โจรทวีปทองมาที่นี่แล้ว!

…..

ใบหน้าที่ซีดเผือดของพวกเขาปรากฏแววสิ้นหวัง พวกเขาคิดถึงความเป็นไปได้ที่ทวีปทองจะมาเมืองดินแดง  แต่พวกเขาไม่เคยคาดว่าจะมาเร็วขนาดนั้น

ครืนน ครืนน

กองพลสัตว์ประหลาดรุกหน้าไปพร้อมกันทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย สัตว์ประหลาดหนักเคลื่อนไหวไปอย่างหนักแน่นความเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดเป็นหมื่นย่ำลงพื้นพร้อมกันทำให้พื้นสั่นสะเทือน  แม้จะมีระยะไกล ทุกเสียงกึกก้องดังมาก้าวย่างพร้อมกันของพวกเขาดังเหมือนกลองที่รัวอยู่ในหัวใจของพลเมืองทุกคน

ทรายและฝุ่นฟุ้งขึ้นไปถึงก้อนเมฆทำให้ร่างบรอนซ์จางเลือนรางดูน่ากลัว

พวกนี้เป็นโจรทวีปทองผู้อื้อฉาวแต่น่าประทับใจและทรงพลัง

พวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วมองดูคล้ายกับสัตว์ป่าบรอนซ์ ค่อยๆ เข้ามาถึงเมืองดินแดง

พวกเขามาอย่างสงบและไม่หวั่นไหวกับความสับสนวุ่นวายก้าวย่างที่หนักหน่วงทรงพลังเหมือนกับค้อนหนักหมื่นด้ามหวดใส่พื้นเมืองดินแดง   กำลังใจของผูคนทุกคนที่จะต่อต้านแล้วความมุ่งมั่นของพวกเขาหลังจากเสียงเหมือนค้อนหวดดังขึ้นถูกฉีกออกจนล่มสลาย

เมืองดินแดงแตกฮือเหมือนรังผึ้งประชาชนนับไม่ถ้วนวิ่งออกจากเมืองโดยไม่มีจุดหมาย หลายคนขนสิ่งของของพวกเขาไปด้วยอย่ารวดเร็วและออกไปที่ทางออกเมืองด้านตรงกันข้ามจากทิศทางที่โจรทวีปทองเข้ามา

กระแสทหารบรอนซ์ไหลบ่าเข้าเมืองดินแดงและหยุดทันที

วิ้วววว

ลมพัดทรายหอบใหญ่

หน้าของสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวค่อยๆปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคนที่ละชุดๆ

เวลาดูเหมือนจะค่อยคืบคลาน  ทหารทุกคนและพลเมืองจ้องมองดูสัตว์ประหลาดทุกคนแทบหายใจไม่ออกเหมือนกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นบีบคือพวกเขาทำให้พวกนั้นไม่สามารถหายใจได้

ใจของพวกเขาว่างเปล่า

“จะยอมแพ้หรือไม่?”

ทันใดนั้นจงหลีไป๋ส่งเสียงคำรามดังลั่นเหมือนฟ้าผ่าในท่ามกลางความเงียบเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน ทุกคนสั่นสะท้านทันที

ก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกตัว

สัตว์ประหลาดข้างนอกกำแพงเมืองย่ำเท้าพร้อมกันทั้งหมดทำให้ดูเหมือนว่าพื้นเหมือนกับกลองศึก ฝุ่นบนกำแพงฟุ้งเหมือนควัน

“ยอมแพ้หรือไม่!”

เสียงทั้งหนึ่งหมื่นดังออกมาพร้อมกันเหมือนเสียงเพลงที่ทรงพลังกระทบเข้าไปในใจของพลเมืองและแรงสั่นสะเทือนนั้นค่อยจางหายไป

รังสีฆ่าฟันที่สามารถโยกภูเขาทุ่มลงทะเลท่วมทะลักบรรยากาศเปลี่ยนไป เหมือนกับว่าเมืองดินแดงกำลังจะถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆ!

แรงต้านทานที่เหลือทั้งหมดก่อนที่มันจะปะทุออกมาถูกกวาดออกไปในตอนนี้ เลือดลมของพวกเขาทุกคนพลุกพล่าน ก่อนที่จะเย็นลงก็คงแตกเป็นเสี่ยงๆ เสียก่อน

เงียบราวป่าช้า อนาคตที่สิ้นหวัง

เมืองดินแดงยอมแพ้

เมลิซซาและจอห์นสันที่อยู่บนเรือขนส่งตัวสั่นไปหมด ทั้งสองคนมีสีหน้าตะลึงปากอ้าค้างและตกใจจนคิดอะไรไม่ออก

ใช้เวลาครึ่งนาทีจึงฟื้นความรู้สึกได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกินจินตนาการพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง

พวกเขารู้ว่าการป้องกันเมืองดินแดงอ่อนแอ พวกเขาไม่เคยคิดว่าเมืองดินแดงจะสามารถต้านทานพลังของกองพลสัตว์ประหลาดได้  แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่ากองพลสัตว์ประหลาดจะสามารถเอาชนะเมืองดินแดงโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ

พวกเขาอยู่ในทวีปทุ่งขาวที่ซึ่งคนเลวอาละวาดภูมิภาคตะวันตกที่ซึ่งโจรไล่ฆ่าผู้คน และเมืองใดไม่อ่อนแอผู้คนมีกำลังใจธุรกิจภายในเมือง ตราบเท่าที่พวกเขาค่อนข้างเป็นที่รู้จักจะมีทหารหลายร้อยคนผู้กล้าหาญและฝีมือดีคอยป้องกัน สำหรับองค์กรธุรกิจชั้นสูงอย่างกลุ่มการค้าตะวันตกไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพวกเขา มีทหารคุ้มกันนับพันนาย ยังเพิ่มกลุ่มคนทำเหมืองทหารรับจ้าง ทำให้พลเมืองของเมืองดินแดงเกินกว่าที่กองพลสัตว์ประหลาดจะคาดได้

แต่พวกเขายอมแพ้

สิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นอยู่ต่อหน้าพวกเขา

แต่แม้สำหรับเมลิซซาจะเห็นประจักษ์ด้วยตนเองก็ยังไม่สามารถโกรธที่เมืองดินแดงแสดงความอ่อนแอออกมา

ไม่มีใครสามารถรักษากำลังใจของพวกเขาให้กล้าเผชิญกับพลังนั่นในฐานะสหายที่ดูอยู่ด้านข้าง เมลิซซาเองตะลึงกับพลังพวกเขา  ดังนั้นนางจินตนาการได้ถึงความกลัวมากมายที่ครอบงำประชาชนเมืองดินแดง

พวกเขาเป็นกลุ่มอสูรร้ายอย่างแท้จริงมีพร้อมทั้งความดุร้าย ความกล้าหาญและความบ้าระห่ำกองทัพเหล็กที่มีระเบียบวินัยนี้นำความสิ้นหวังและความตายมาสู่ศัตรูของพวกเขา

สีหน้าของจอห์นสันซึมเซา หน้าของเขาซีดขาว

หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาพึมพำ“สงครามจิตวิทยา....”

ครั้งหนึ่งเขาเคยนำกองทัพมาก่อนและสามารถเห็นได้ว่าจงหลีไป๋ใช้สงครามจิตวิทยาเอาชนะเมืองดินแดง  แต่สามารถดำเนินการได้อย่างนั้นเป็นการพิสูจน์ว่าจงหลีไป๋เป็นแม่ทัพทหารที่โดดเด่น

ในประสบการณ์ทั้งหมดของจอห์นสัน เขารู้ว่าเขาไม่เคยพบกับแม่ทัพนายกองคนใดที่มีความสามารถทำได้เหมือนอย่างนั้น

เป็นแม่ทัพนายกองทหารที่น่ากลัวอย่างแท้จริง!

การสู้รบนี้, ไม่สิ, ยังไม่นับว่าเป็นการสู้รบก่อนหน้านี้เขาไม่มีความประทับใจที่ดีกับจงหลีไป๋ หยาบคาย ก้าวร้าวและบ้าคลั่งด้วยร่องรอยระห่ำที่มีอยู่ เขาทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัด และจอห์นสันรู้สึกว่าจงหลีไป๋ไม่สามารถทำอะไรได้ดี เทียบกับขุนพลแม่ทัพอีกคนหนึ่งอย่างเนี่ยชิวยังมีราศีน่าประทับใจกว่าดูเหมือนว่าเขาจะสงบอยู่ได้ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร

จอห์นสันรู้แล้วว่าเขาคิดผิดถนัด

ภายใต้ความดิบเถื่อนและห้าวหาญ  จงหลีไป๋มีความลึกซึ้งซับซ้อน

‘สัมพันธมิตรใต้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!’

จอห์นสันรู้สึกดีใจ เมื่อกองทัพกวงหมิงกรีฑาพลลงใต้ตอนเริ่มต้นทั่วทั้งทวีปกวงหมิงตื่นเต้นกันใหญ่และกองทัพของพวกเขาก็เคลื่อนทัพเหมือนอสูรร้ายโจนทะยาน  ในช่วงแรกของสงคราม ความเป็นจริงคือสิ่งที่อยู่ต่อหน้าเขาไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคใต้หรือสัมพันธมิตรใต้ พวกเขาจะต้องแพ้อย่างแน่นอน แต่ขณะที่สงครามดำเนินไป แม้จากภูมิภาคใต้ก็สามารถสร้างการป้องกัน  ไม่มีการคุกคามพวกเขาและขณะที่สัมพันธมิตรใต้เพิ่งจัดตั้งไม่นานพวกเขาสร้างสถานการณ์ได้มั่นคงอย่างคาดไม่ถึงและแสดงความอดทนอย่างน่าประหลาด

ในอดีตจอห์นสันไม่เคยคิดอะไรมากแต่หลังจากเข้าไปใกล้พวกเขา ในที่สุดก็รู้ว่าพวกเขาทรงพลังขนาดไหน

ทุกคนนั้นมีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใคร นายท่านสามารถรวมผู้มีพรสวรรค์มากมายไว้ใต้บัญชาการของเขา  หัวใจของจอห์นสันเร่าร้อนมีความปราถนาสำหรับอนาคตของพวกเขา

เมื่อเห็นจงหลีไป๋ เมลิซซาทักทาย  “ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านแม่ทัพ”

จงหลีไป๋ส่ายศีรษะ  “ไม่มีอะไรต้องยินดีเลย”

เมลิซซาคิดว่าจงหลีไป๋กำลังถ่อมตัว และหัวเราะ“ก็ยังเป็นชัยชนะอยู่ดี”

“เจ้าเรียกนี่ว่าชัยชนะหรือ?”  จงหลีไป๋พูดอย่างจริงจัง  หน้าของเขาเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ยดูถูก  “สวะกลุ่มหนึ่งเจ้ายังคิดว่าคู่ควรเป็นศัตรูของข้าหรือ? พวกเจ้ารีบดีกว่า อย่าได้เสียเวลาเลย”

พูดแค่นั้นเขาหมุนตัวเดินออกมาปล่อยให้เมลิซซาและจอห์นสันให้ยืนตะลึง อีกฝ่ายหนึ่งเต็มไปด้วยความนับถือ

ตระกูลต่างๆในเมืองดินแดงปิดประตูบ้านของตน พวกเขาซ่อนตัวอยู่หลังประตูสั่นสะท้านด้วยความกลัว  ถ้าเมืองใดถูกโจรในภูมิภาคตะวันตกล้อมปล้นการฆ่าการปล้นเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้น แม้แต่การฆ่าหมู่ทั้งเมืองไม่ใช่เรื่องแปลก

จงหลีไป๋พาองครักษ์ส่วนตัวของเขาตระเวนไปตามถนนพร้อมกับแผ่รังสีฆ่าฟัน

จงหลีไป๋คือแม่ทัพนายกองที่มีความรู้แต่เต็มไปด้วยราศีโจร  แต่เขาปฏิบัติตามวินัยอย่างเคร่งครัดเกือบจะเป็นสัญชาตญาณ เขามีเกณฑ์เคร่งครัดเพียงอย่างเดียว  และนั่นก็คือต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา  เขาแสดงออกชัดเจนว่าเขาเป็นคนแบบไหนพวกเขาเป็นโจรสีน้ำเงินแท้ และในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาไม่ง่ายเลยที่จะเปลี่ยนแปลง

หน้าของจงหลีไป๋เคร่งเครียดขณะที่องครักษ์ส่วนตัวของเขาจับทหารได้มากกว่า 10 คน ทั้งหมดร้องคร่ำครวญขอชีวิต

“อย่าไว้ชีวิตพวกมัน”น้ำเสียงของจงหลีไป๋เยือกเย็นไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย  “แขวนศพพวกมันประจานไว้ในจุดที่สูงสุดของเมือง  ใครก็ตามที่หักหลังข้า ต้องตาย”

เขาสามารถรับความจริงได้ว่าทหารของเขาครั้งหนึ่งเคยเป็นโจร  และสามารถทนได้ว่าพวกเขายังเป็นโจรตราบเท่าที่พวกเขายังเชื่อฟังคำสั่ง

สำหรับอนาคตของพวกเขา  พวกเขาต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้กฎของเขา

ไม่ว่าจะดูยังไงก็ตามจงหลีไป๋ไม่ใช่แม่ทัพที่ดูแลทหารเหมือนลูก เขารู้ขีดจำกัดของเขาเองและภูมิใจกับสิ่งนี้

เมื่อเมลิซซาเห็นศพของพวกเขาแขวนอยู่หน้าของนางซีดขาว นางไม่เคยเห็นแม่ทัพที่อำมหิตโหดร้ายต่อทหารของตนเอง ‘เขาไม่กลัวว่าบริวารของเขาจะกบฏต่อเขาหรือไง?’

แต่ความนับถือที่จอห์นสันมีต่อเขาเพิ่มมากขึ้น  ‘แม่ทัพจงเข้มงวดและจริงจังมากกว่าที่เขาคาดคิดเสียอีก’

ทั้งสองคนคุ้นกับเมืองดินแดงมากและภายใต้การนำ พวกเขาพบกับคลังสินค้าของเมืองดินแดงได้อย่างรวดเร็ว  รวมทั้งคลังสินค้าใหญ่ของกลุ่มการค้าตะวันตก จงหลีไป๋และคนที่เหลือรีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาเก็บสมบัติของพวกเขาไปด้วย

‘’ปล้นเรือของพวกเขา  ปล้นร้านของพวกเขา  ปล้นวัสดุของพวกเขา...’

จงหลีไป๋รู้สึกว่าการกระทำของเขาไม่ต่างอะไรกับโจรแต่เขาก็ยังกระตุ้นพวกทหารของเขาให้เร่งรีบ

เมื่อเห็นฉากภาพกิจกรรมที่วุ่นวาย  เขาค่อนข้างดีใจ

พวกทหารไม่ได้พบกับการต่อต้านแต่อย่างใดไม่ว่าจะเป็นคลังสินค้าของรัฐบาล หรือคลังสินค้าขององค์การธุรกิจ  ทหารทั้งหมดไม่เสี่ยงชีวิตด้วยเนื่องจากสินค้าในคลังไม่ได้เป็นของเขา

นั่นคือเหตุผลที่จงหลีไป๋ไม่ได้ปล้นจากพลเมืองและไม่ใช่เพราะกฎบังคับ การปล้นความมั่งคั่งจากพลเมืองที่พวกเขาสะสมจากการทำงานหนักจะทำให้พวกเขาทุ่มชีวิตสู้ตลอดเส้นทาง

จงหลีไป๋ไม่กังวลเรื่องการหลั่งเลือดอย่างปัจจุบันทันด่วน  แต่เขาจะดูหมิ่นความไร้ประสิทธิภาพ

สำหรับเหตุผลที่เขาฆ่าทหารของตนไม่ใช่เพราะพวกเขาปล้นพลเมือง แต่เป็นเพราะพวกเขาขัดคำสั่งของเขา

“ดำเนินการเร็วเข้า  เราจะถอนกำลังในอีก 10 ชั่วโมง”

จงหลีไป๋กล่าวทันที

เมลิซซาตะลึงเมื่อเห็นคลังสินค้าที่เต็มอย่างนั้น นางอดร้องไม่ได้ “เราไม่สามารถขนย้ายทั้งหมดภายใน 10 ชั่วโมงได้!”

“ถ้าเจ้าไม่สามารถขนย้ายทั้งหมดได้  อย่างนั้นก็ไม่ต้องย้ายแล้ว”  จงหลีไป๋พูดตามตรง

“แต่..”เมลิซซาตื่นตระหนก

จงหลีไป๋โบกมือและพูดเย็นชา  “ไม่มีแต่ นี่เป็นคำสั่ง”

จอห์นสันห้ามเมลิซซาทันที  เขารู้ว่าเมื่อจงหลีไป๋ตัดสินใจ เขาจะไม่คืนคำ

จงหลีไป๋ไม่สนใจทั้งสองคน  ตาของเขาจับตามองดูแผนที่วางแผนเวลาไว้ในใจ เขามีมุมมองในสถานการณ์ทั่วไปที่โดดเด่นและรู้ว่าก่อนที่หน่วยสุญญตาจะสร้างพลังต่อสู้ที่น่ากลัวเขาจะต้องรับผิดชอบดึงดูดความสนใจของศัตรู

‘กองพลสัตว์ประหลาดระดับปัจจุบันและพลังต่อสู้ของพวกมันน่าจะเป็นความเข้าใจส่วนใหญ่ของศัตรูของเรา

‘ตอนนี้ ศัตรูรวมกองทัพและเตรียมจะทำลายเรา จำเป็นต้องให้เวลาพวกเขาทำเช่นนั้น

‘เวลานี้จะเป็นโอกาสของเรา!

ตาของจงหลีไป๋เป็นประกายขณะจ้องมอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด