ตอนที่ 845 ไม่เสียเลือดเนื้อ
เสียงพื้นดินสะเทือนกึกก้องปลุกชาวเมืองดินแดงตื่นจากความหลับใหล บางคนพอแต่งตัวได้ก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า
มีเงาร่างทีละร่างบินออกมากันหมดและกวาดสายตามอง หน้าของชาวเมืองทุกคนที่บินอยู่ในอากาศตกใจกันหมด
เมื่อคลื่นสีบรอนซ์เข้มหลั่งไหลกรูกันมาพร้อมกับรัศมีดวงอาทิตย์ขึ้นที่เส้นขอบฟ้าทั่วทั้งเมืองดินแดงเงียบกันหมด
หลังจากผ่านไปสองสามวินาทีผู้คนสองสามคนก็ควบคุมตนเองไม่ได้ กรีดเสียงร้องลั่น
“โจรทวีปทอง!”
“โจรทวีปทองมาที่นี่แล้ว!
…..
ใบหน้าที่ซีดเผือดของพวกเขาปรากฏแววสิ้นหวัง พวกเขาคิดถึงความเป็นไปได้ที่ทวีปทองจะมาเมืองดินแดง แต่พวกเขาไม่เคยคาดว่าจะมาเร็วขนาดนั้น
ครืนน ครืนน
กองพลสัตว์ประหลาดรุกหน้าไปพร้อมกันทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย สัตว์ประหลาดหนักเคลื่อนไหวไปอย่างหนักแน่นความเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดเป็นหมื่นย่ำลงพื้นพร้อมกันทำให้พื้นสั่นสะเทือน แม้จะมีระยะไกล ทุกเสียงกึกก้องดังมาก้าวย่างพร้อมกันของพวกเขาดังเหมือนกลองที่รัวอยู่ในหัวใจของพลเมืองทุกคน
ทรายและฝุ่นฟุ้งขึ้นไปถึงก้อนเมฆทำให้ร่างบรอนซ์จางเลือนรางดูน่ากลัว
พวกนี้เป็นโจรทวีปทองผู้อื้อฉาวแต่น่าประทับใจและทรงพลัง
พวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วมองดูคล้ายกับสัตว์ป่าบรอนซ์ ค่อยๆ เข้ามาถึงเมืองดินแดง
พวกเขามาอย่างสงบและไม่หวั่นไหวกับความสับสนวุ่นวายก้าวย่างที่หนักหน่วงทรงพลังเหมือนกับค้อนหนักหมื่นด้ามหวดใส่พื้นเมืองดินแดง กำลังใจของผูคนทุกคนที่จะต่อต้านแล้วความมุ่งมั่นของพวกเขาหลังจากเสียงเหมือนค้อนหวดดังขึ้นถูกฉีกออกจนล่มสลาย
เมืองดินแดงแตกฮือเหมือนรังผึ้งประชาชนนับไม่ถ้วนวิ่งออกจากเมืองโดยไม่มีจุดหมาย หลายคนขนสิ่งของของพวกเขาไปด้วยอย่ารวดเร็วและออกไปที่ทางออกเมืองด้านตรงกันข้ามจากทิศทางที่โจรทวีปทองเข้ามา
กระแสทหารบรอนซ์ไหลบ่าเข้าเมืองดินแดงและหยุดทันที
วิ้วววว
ลมพัดทรายหอบใหญ่
หน้าของสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวค่อยๆปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคนที่ละชุดๆ
เวลาดูเหมือนจะค่อยคืบคลาน ทหารทุกคนและพลเมืองจ้องมองดูสัตว์ประหลาดทุกคนแทบหายใจไม่ออกเหมือนกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นบีบคือพวกเขาทำให้พวกนั้นไม่สามารถหายใจได้
ใจของพวกเขาว่างเปล่า
“จะยอมแพ้หรือไม่?”
ทันใดนั้นจงหลีไป๋ส่งเสียงคำรามดังลั่นเหมือนฟ้าผ่าในท่ามกลางความเงียบเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน ทุกคนสั่นสะท้านทันที
ก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกตัว
สัตว์ประหลาดข้างนอกกำแพงเมืองย่ำเท้าพร้อมกันทั้งหมดทำให้ดูเหมือนว่าพื้นเหมือนกับกลองศึก ฝุ่นบนกำแพงฟุ้งเหมือนควัน
“ยอมแพ้หรือไม่!”
เสียงทั้งหนึ่งหมื่นดังออกมาพร้อมกันเหมือนเสียงเพลงที่ทรงพลังกระทบเข้าไปในใจของพลเมืองและแรงสั่นสะเทือนนั้นค่อยจางหายไป
รังสีฆ่าฟันที่สามารถโยกภูเขาทุ่มลงทะเลท่วมทะลักบรรยากาศเปลี่ยนไป เหมือนกับว่าเมืองดินแดงกำลังจะถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆ!
แรงต้านทานที่เหลือทั้งหมดก่อนที่มันจะปะทุออกมาถูกกวาดออกไปในตอนนี้ เลือดลมของพวกเขาทุกคนพลุกพล่าน ก่อนที่จะเย็นลงก็คงแตกเป็นเสี่ยงๆ เสียก่อน
เงียบราวป่าช้า อนาคตที่สิ้นหวัง
เมืองดินแดงยอมแพ้
เมลิซซาและจอห์นสันที่อยู่บนเรือขนส่งตัวสั่นไปหมด ทั้งสองคนมีสีหน้าตะลึงปากอ้าค้างและตกใจจนคิดอะไรไม่ออก
ใช้เวลาครึ่งนาทีจึงฟื้นความรู้สึกได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกินจินตนาการพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง
พวกเขารู้ว่าการป้องกันเมืองดินแดงอ่อนแอ พวกเขาไม่เคยคิดว่าเมืองดินแดงจะสามารถต้านทานพลังของกองพลสัตว์ประหลาดได้ แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่ากองพลสัตว์ประหลาดจะสามารถเอาชนะเมืองดินแดงโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ
พวกเขาอยู่ในทวีปทุ่งขาวที่ซึ่งคนเลวอาละวาดภูมิภาคตะวันตกที่ซึ่งโจรไล่ฆ่าผู้คน และเมืองใดไม่อ่อนแอผู้คนมีกำลังใจธุรกิจภายในเมือง ตราบเท่าที่พวกเขาค่อนข้างเป็นที่รู้จักจะมีทหารหลายร้อยคนผู้กล้าหาญและฝีมือดีคอยป้องกัน สำหรับองค์กรธุรกิจชั้นสูงอย่างกลุ่มการค้าตะวันตกไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพวกเขา มีทหารคุ้มกันนับพันนาย ยังเพิ่มกลุ่มคนทำเหมืองทหารรับจ้าง ทำให้พลเมืองของเมืองดินแดงเกินกว่าที่กองพลสัตว์ประหลาดจะคาดได้
แต่พวกเขายอมแพ้
สิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นอยู่ต่อหน้าพวกเขา
แต่แม้สำหรับเมลิซซาจะเห็นประจักษ์ด้วยตนเองก็ยังไม่สามารถโกรธที่เมืองดินแดงแสดงความอ่อนแอออกมา
ไม่มีใครสามารถรักษากำลังใจของพวกเขาให้กล้าเผชิญกับพลังนั่นในฐานะสหายที่ดูอยู่ด้านข้าง เมลิซซาเองตะลึงกับพลังพวกเขา ดังนั้นนางจินตนาการได้ถึงความกลัวมากมายที่ครอบงำประชาชนเมืองดินแดง
พวกเขาเป็นกลุ่มอสูรร้ายอย่างแท้จริงมีพร้อมทั้งความดุร้าย ความกล้าหาญและความบ้าระห่ำกองทัพเหล็กที่มีระเบียบวินัยนี้นำความสิ้นหวังและความตายมาสู่ศัตรูของพวกเขา
สีหน้าของจอห์นสันซึมเซา หน้าของเขาซีดขาว
หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาพึมพำ“สงครามจิตวิทยา....”
ครั้งหนึ่งเขาเคยนำกองทัพมาก่อนและสามารถเห็นได้ว่าจงหลีไป๋ใช้สงครามจิตวิทยาเอาชนะเมืองดินแดง แต่สามารถดำเนินการได้อย่างนั้นเป็นการพิสูจน์ว่าจงหลีไป๋เป็นแม่ทัพทหารที่โดดเด่น
ในประสบการณ์ทั้งหมดของจอห์นสัน เขารู้ว่าเขาไม่เคยพบกับแม่ทัพนายกองคนใดที่มีความสามารถทำได้เหมือนอย่างนั้น
เป็นแม่ทัพนายกองทหารที่น่ากลัวอย่างแท้จริง!
การสู้รบนี้, ไม่สิ, ยังไม่นับว่าเป็นการสู้รบก่อนหน้านี้เขาไม่มีความประทับใจที่ดีกับจงหลีไป๋ หยาบคาย ก้าวร้าวและบ้าคลั่งด้วยร่องรอยระห่ำที่มีอยู่ เขาทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัด และจอห์นสันรู้สึกว่าจงหลีไป๋ไม่สามารถทำอะไรได้ดี เทียบกับขุนพลแม่ทัพอีกคนหนึ่งอย่างเนี่ยชิวยังมีราศีน่าประทับใจกว่าดูเหมือนว่าเขาจะสงบอยู่ได้ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร
จอห์นสันรู้แล้วว่าเขาคิดผิดถนัด
ภายใต้ความดิบเถื่อนและห้าวหาญ จงหลีไป๋มีความลึกซึ้งซับซ้อน
‘สัมพันธมิตรใต้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!’
จอห์นสันรู้สึกดีใจ เมื่อกองทัพกวงหมิงกรีฑาพลลงใต้ตอนเริ่มต้นทั่วทั้งทวีปกวงหมิงตื่นเต้นกันใหญ่และกองทัพของพวกเขาก็เคลื่อนทัพเหมือนอสูรร้ายโจนทะยาน ในช่วงแรกของสงคราม ความเป็นจริงคือสิ่งที่อยู่ต่อหน้าเขาไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคใต้หรือสัมพันธมิตรใต้ พวกเขาจะต้องแพ้อย่างแน่นอน แต่ขณะที่สงครามดำเนินไป แม้จากภูมิภาคใต้ก็สามารถสร้างการป้องกัน ไม่มีการคุกคามพวกเขาและขณะที่สัมพันธมิตรใต้เพิ่งจัดตั้งไม่นานพวกเขาสร้างสถานการณ์ได้มั่นคงอย่างคาดไม่ถึงและแสดงความอดทนอย่างน่าประหลาด
ในอดีตจอห์นสันไม่เคยคิดอะไรมากแต่หลังจากเข้าไปใกล้พวกเขา ในที่สุดก็รู้ว่าพวกเขาทรงพลังขนาดไหน
ทุกคนนั้นมีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใคร นายท่านสามารถรวมผู้มีพรสวรรค์มากมายไว้ใต้บัญชาการของเขา หัวใจของจอห์นสันเร่าร้อนมีความปราถนาสำหรับอนาคตของพวกเขา
เมื่อเห็นจงหลีไป๋ เมลิซซาทักทาย “ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านแม่ทัพ”
จงหลีไป๋ส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไรต้องยินดีเลย”
เมลิซซาคิดว่าจงหลีไป๋กำลังถ่อมตัว และหัวเราะ“ก็ยังเป็นชัยชนะอยู่ดี”
“เจ้าเรียกนี่ว่าชัยชนะหรือ?” จงหลีไป๋พูดอย่างจริงจัง หน้าของเขาเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ยดูถูก “สวะกลุ่มหนึ่งเจ้ายังคิดว่าคู่ควรเป็นศัตรูของข้าหรือ? พวกเจ้ารีบดีกว่า อย่าได้เสียเวลาเลย”
พูดแค่นั้นเขาหมุนตัวเดินออกมาปล่อยให้เมลิซซาและจอห์นสันให้ยืนตะลึง อีกฝ่ายหนึ่งเต็มไปด้วยความนับถือ
ตระกูลต่างๆในเมืองดินแดงปิดประตูบ้านของตน พวกเขาซ่อนตัวอยู่หลังประตูสั่นสะท้านด้วยความกลัว ถ้าเมืองใดถูกโจรในภูมิภาคตะวันตกล้อมปล้นการฆ่าการปล้นเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้น แม้แต่การฆ่าหมู่ทั้งเมืองไม่ใช่เรื่องแปลก
จงหลีไป๋พาองครักษ์ส่วนตัวของเขาตระเวนไปตามถนนพร้อมกับแผ่รังสีฆ่าฟัน
จงหลีไป๋คือแม่ทัพนายกองที่มีความรู้แต่เต็มไปด้วยราศีโจร แต่เขาปฏิบัติตามวินัยอย่างเคร่งครัดเกือบจะเป็นสัญชาตญาณ เขามีเกณฑ์เคร่งครัดเพียงอย่างเดียว และนั่นก็คือต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา เขาแสดงออกชัดเจนว่าเขาเป็นคนแบบไหนพวกเขาเป็นโจรสีน้ำเงินแท้ และในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาไม่ง่ายเลยที่จะเปลี่ยนแปลง
หน้าของจงหลีไป๋เคร่งเครียดขณะที่องครักษ์ส่วนตัวของเขาจับทหารได้มากกว่า 10 คน ทั้งหมดร้องคร่ำครวญขอชีวิต
“อย่าไว้ชีวิตพวกมัน”น้ำเสียงของจงหลีไป๋เยือกเย็นไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย “แขวนศพพวกมันประจานไว้ในจุดที่สูงสุดของเมือง ใครก็ตามที่หักหลังข้า ต้องตาย”
เขาสามารถรับความจริงได้ว่าทหารของเขาครั้งหนึ่งเคยเป็นโจร และสามารถทนได้ว่าพวกเขายังเป็นโจรตราบเท่าที่พวกเขายังเชื่อฟังคำสั่ง
สำหรับอนาคตของพวกเขา พวกเขาต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้กฎของเขา
ไม่ว่าจะดูยังไงก็ตามจงหลีไป๋ไม่ใช่แม่ทัพที่ดูแลทหารเหมือนลูก เขารู้ขีดจำกัดของเขาเองและภูมิใจกับสิ่งนี้
เมื่อเมลิซซาเห็นศพของพวกเขาแขวนอยู่หน้าของนางซีดขาว นางไม่เคยเห็นแม่ทัพที่อำมหิตโหดร้ายต่อทหารของตนเอง ‘เขาไม่กลัวว่าบริวารของเขาจะกบฏต่อเขาหรือไง?’
แต่ความนับถือที่จอห์นสันมีต่อเขาเพิ่มมากขึ้น ‘แม่ทัพจงเข้มงวดและจริงจังมากกว่าที่เขาคาดคิดเสียอีก’
ทั้งสองคนคุ้นกับเมืองดินแดงมากและภายใต้การนำ พวกเขาพบกับคลังสินค้าของเมืองดินแดงได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งคลังสินค้าใหญ่ของกลุ่มการค้าตะวันตก จงหลีไป๋และคนที่เหลือรีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาเก็บสมบัติของพวกเขาไปด้วย
‘’ปล้นเรือของพวกเขา ปล้นร้านของพวกเขา ปล้นวัสดุของพวกเขา...’
จงหลีไป๋รู้สึกว่าการกระทำของเขาไม่ต่างอะไรกับโจรแต่เขาก็ยังกระตุ้นพวกทหารของเขาให้เร่งรีบ
เมื่อเห็นฉากภาพกิจกรรมที่วุ่นวาย เขาค่อนข้างดีใจ
พวกทหารไม่ได้พบกับการต่อต้านแต่อย่างใดไม่ว่าจะเป็นคลังสินค้าของรัฐบาล หรือคลังสินค้าขององค์การธุรกิจ ทหารทั้งหมดไม่เสี่ยงชีวิตด้วยเนื่องจากสินค้าในคลังไม่ได้เป็นของเขา
นั่นคือเหตุผลที่จงหลีไป๋ไม่ได้ปล้นจากพลเมืองและไม่ใช่เพราะกฎบังคับ การปล้นความมั่งคั่งจากพลเมืองที่พวกเขาสะสมจากการทำงานหนักจะทำให้พวกเขาทุ่มชีวิตสู้ตลอดเส้นทาง
จงหลีไป๋ไม่กังวลเรื่องการหลั่งเลือดอย่างปัจจุบันทันด่วน แต่เขาจะดูหมิ่นความไร้ประสิทธิภาพ
สำหรับเหตุผลที่เขาฆ่าทหารของตนไม่ใช่เพราะพวกเขาปล้นพลเมือง แต่เป็นเพราะพวกเขาขัดคำสั่งของเขา
“ดำเนินการเร็วเข้า เราจะถอนกำลังในอีก 10 ชั่วโมง”
จงหลีไป๋กล่าวทันที
เมลิซซาตะลึงเมื่อเห็นคลังสินค้าที่เต็มอย่างนั้น นางอดร้องไม่ได้ “เราไม่สามารถขนย้ายทั้งหมดภายใน 10 ชั่วโมงได้!”
“ถ้าเจ้าไม่สามารถขนย้ายทั้งหมดได้ อย่างนั้นก็ไม่ต้องย้ายแล้ว” จงหลีไป๋พูดตามตรง
“แต่..”เมลิซซาตื่นตระหนก
จงหลีไป๋โบกมือและพูดเย็นชา “ไม่มีแต่ นี่เป็นคำสั่ง”
จอห์นสันห้ามเมลิซซาทันที เขารู้ว่าเมื่อจงหลีไป๋ตัดสินใจ เขาจะไม่คืนคำ
จงหลีไป๋ไม่สนใจทั้งสองคน ตาของเขาจับตามองดูแผนที่วางแผนเวลาไว้ในใจ เขามีมุมมองในสถานการณ์ทั่วไปที่โดดเด่นและรู้ว่าก่อนที่หน่วยสุญญตาจะสร้างพลังต่อสู้ที่น่ากลัวเขาจะต้องรับผิดชอบดึงดูดความสนใจของศัตรู
‘กองพลสัตว์ประหลาดระดับปัจจุบันและพลังต่อสู้ของพวกมันน่าจะเป็นความเข้าใจส่วนใหญ่ของศัตรูของเรา
‘ตอนนี้ ศัตรูรวมกองทัพและเตรียมจะทำลายเรา จำเป็นต้องให้เวลาพวกเขาทำเช่นนั้น
‘เวลานี้จะเป็นโอกาสของเรา!
ตาของจงหลีไป๋เป็นประกายขณะจ้องมอง