ตอนที่ 844 คุยเรื่องเรือรบรังสีกัมปนาท
เมืองสามวิญญาณ
เซรีน,ม่อเหล่งและลั่วซือนั่งล้อมโต๊ะกลมคุยและทะเลาะกันเรื่องเรือรบรังสีกัมปนาททั้งคืน
ถังเทียนพาลั่วซือกลับมาเมืองสามวิญญาณจากนั้นสั่งให้เซรีนและม่อเหล่งหยุดงานของพวกเขาทั้งหมดและหันหน้ามาคุยกันเรื่องเรือรบรังสีกัมปนาท
โชคดีที่ในช่วงเวลานี้ที่ถังเทียนกลับมาผี่ผาเดาว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการเคลื่อนไหวใหญ่ ดังนั้นนางจึงขอให้ศาสตราจารย์ม่อเหล่งกลับมายังเมืองสามวิญญาณก่อนเวลาเพื่อเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือเท่าที่จำเป็น ตอนแรกศาสตราจารย์ม่อเหล่งรีบวางงานที่ค้างคาอยู่ในมือ แต่ภายใต้การร้องขอของผี่ผาเขาจึงมาเมืองสามวิญญาณ
นี่คือที่ซึ่งถังเทียนชื่นชมผี่ผามากที่สุด นางมักจัดการหลายเรื่องอย่างสมบูรณ์
การรวมตัวของสามปรมาจารย์ทำให้ถังเทียนมั่นใจมาก
เซรีนค้นคว้าแทบบ้า เมื่อคราวได้รับวัสดุสร้างเรือรบจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์นางนำห้องปฏิบัติการจักรกลให้ช่วยกันค้นคว้าและวิเคราะห์อย่างละเอียดแนวคิดของนางมาจากชัยชนะของสัมพันธมิตรใต้ พวกเขาจะมีวัสดุที่เป็นประโยชน์มากมายไม่สิ้นสุด จากนั้นนางสามารถผลิตเรือรบลำหนึ่งสำหรับกลุ่มดาวหมีใหญ่ ในสวรรค์วิถีเรือรบจะเป็นเครื่องจักรสังหารขนาดใหญ่ได้แน่นอนและความสามารถทำลายที่น่ากลัวและพลังป้องกันของมัน จะทำให้การสู้รบง่ายขึ้น
ความคิดเรื่องการพ่ายแพ้ของสัมพันธมิตรใต้ไม่เคยอยู่ในใจนาง
สิ่งที่ลั่วซือนำมากับตัวเขาไม่ใช่เพียงแค่ข้อมูลที่ได้รับผ่านการวิเคราะห์เรื่องเรือรบรังสีกัมปนาทเท่านั้น แต่เป็นข้อมูลทั้งหมดของวัสดุจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ เมื่อจงหลีไป๋ทำลายกองพลเมืองกลางวัน เขากวาดไปทั่วเมืองกลางวันและผลประโยชน์ที่ได้นั้นเกินคาดไปมาก แต่ลั่วซือไม่ได้ตื่นเต้นไปกับทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ที่พวกเขาได้รับมา แต่กลับทุ่มเททดลองและค้นคว้าคุณสมบัติต่างๆของวัสดุ
ข้อมูลครั้งแรกของเขาจึงมีค่ามากที่สุด
เมื่อเซรีนและม่อเหล่งเห็นข้อมูลรายงาน จากนั้นทั้งสองถึงกับตื่นเต้นจัดทั้งสองคนเกือบโดดเต้นด้วยความดีใจ แม้แต่ม่อเหล่งผู้มักจะสงบใจเย็นก็ยังตื่นเต้นมากไปด้วย เซรีนถึงกับทึ้งผมตัวเองอยากจะเข้าไปดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเองใจจะขาด
ม่อเหล่งไม่ยอมเสียเวลาของเขาเช่นกันฐานของเขาแตกต่างจากของเซรีนสิ้นเชิง เป็นการค้นคว้าที่ต่างกันออกไป
สำหรับตระกูลม่อเขาเน้นไปที่การค้นคว้าถึงวิธีขุดศักยภาพของวัสดุธรรมดา วิธีจัดโครงสร้างอาวุธจักรกลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่าย เขามากับทฤษฎีที่แข็งแกร่งมากมาย และในอดีตสองสามปีที่ผ่ามาอาวุธจักรกลวิญญาณตระกูลม่อเริ่มจะมีชื่อเสียงมากขึ้นทุกปี ผลการดำเนินงานอาวุธจักรกลวิญญาณตระกูลม่อไม่ถึงกับเป็นงานขั้นสุดยอดแต่มักจะอยู่ในจุดที่ค่อนข้างดี อาวุธจักรกลวิญญาณของพวกเขาจะสะดวกสบายที่สุดและใช้ได้ง่าย ด้วยการเรียนรู้ระดับต่ำที่สุดส่งผลต่อมูลค่าของอาวุธจักรกลวิญญาณ
วิศวกรจักรกลระดับปรมาจารย์ทั้งสามคนมีความเชี่ยวชาญที่ต่างกัน สร้างผลิตผลทางปัญญาและทำให้การสู้รบเหนือกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
แต่เมื่อเห็นทั้งสามคนเอาแต่สุมหัวทะเลาะกันไปมาทำให้ถังเทียนสะท้านไปถึงสันหลัง
‘การทะเลาะครั้งนี้....มันมากเกิน!’
ถังเทียนไม่มีทางเลือกได้แต่ขัดขวางแทรกแซงคนที่เกือบบ้าทั้งสามคนด้วยบุคลิกเข้มงวดที่ยากจะได้เห็น “เฮ้ เฮ้ เฮ้ พวกท่าน, ดูเวลาด้วย! เราไม่ได้มีเวลามาก!พวกท่านต้องเอาคำตอบออกมาให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ , ถ้าพวกท่านยังลากเวลาออกไปเราจะเสียเปรียบมากยิ่งขึ้น! วันนี้ข้าต้องการคำตอบ มีความเป็นไปได้สูงมากที่กองทัพอื่นของทวีปกวงหมิงกำลังมาหาเรา เราไม่มีเวลา! ข้าต้องการคำตอบที่สมบูรณ์,ข้าต้องการคำตอบที่ใช้งานได้จริง!”
ทั้งสามคนตะลึงกับเสียงที่เข้มงวดและจริงจังของถังเทียนและห้องกลับคืนสู่ความเงียบอีกครั้ง
หลังจากนั้นความกระตือรือร้นในสายตาของพวกเขาค่อยๆลดลงและพวกเขาสงบลงได้
‘ถูกแล้วถังเทียนพูดถูก’
เซรีนมองดูถังเทียนด้วยสายตาที่ตกใจ ถังเทียนไม่มีรอยยิ้มอย่างปกติและใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเขา ดวงตาของเขาลึกล้ำอย่างน่าประหลาดและเขาปลดปล่อยราศีที่กล้าแข็ง น้ำเสียงที่แข็งแต่ไม่ได้แสดงความขุ่นเคืองทำให้พวกเขาไม่มีทางต่อต้าน
นางค่อนข้างตกใจและตระหนักได้ว่าเด็กหนุ่มห้าวคนเดิมผู้ชอบโม้ได้เติบโตเป็นผู้นำที่โดดเด่นแล้ว
นางรีบสงบจิตใจอย่างรวดเร็วทันที “ใช่แล้วๆ เราต้องรีบ”
ทั้งสามคนรีบกลับมาปรึกษากันทันที แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่คัดค้านกันเองอีกแล้วและพูดคุยอย่างสงบ แต่รีบเร่ง
“เมื่อพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมซึ่งเรือรบรังสีกัมปนาทจะมีในอนาคตการถูกล้อมกรอบจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติ เราต้องเพิ่มพลังป้องกันก่อน จุดแข็งที่สุดของเรือรบรังสีกัมปนาทอยู่ที่ตัวเรือ เราจำเป็นต้องป้องกันและการป้องกันเรือรบทั้งลำจะต้องครอบคลุมให้รอบหมด สำหรับเรื่องนี้เราคงต้องมีการเบี่ยงเบนหักเหสองสามอย่างด้วยการสร้างพลังงานเบี่ยงเบนให้กับพลังป้องกันรอบตัวเรือ เมื่อทำได้เช่นนี้นอกจากจะสามารถสร้างเป็นม่านพลังป้องกันแล้วเรือรบรังสีกัมปนาทจะมีพลังงานป้องกันและเบี่ยงเบนพลังได้เป็นการป้องกันแบบทวีคูณการเอาตัวรอดของเรือรบก็จะทรงพลังอย่างมาก”
“จากชั้นต่างๆของเรือรบ ตัวเรือน่าจะมีห่วงวงจรของตัวเอง แม้ว่าการใช้ประโยชน์ของวงจรพลังงานจะไม่สูง และมันค่อนข้างจะเก่าแต่ก็เป็นข้อได้เปรียบที่ดี มันสามารถทนต่อพลังงานประหลาดมหาศาลได้ วิธีเช่นนี้เราอาจเพิ่มพลังงานลอยตัวได้เนื่องจากหินดวงดาวในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีค่าอะไรอยู่แล้ว และเราสามารถใช้สมบัติดวงดาวได้เราสามารถทำเหมือนกับเป็นป้อม...”
“เราไม่มีวัสดุในมือมากพอและส่วนใหญ่ของลำเรือรบก็ต้องการใช้มันมากเสียด้วย ข้าขอแนะนำว่าติดตั้งภายในลำเรือใหญ่วิธีนี้เราจะสามารถเสริมความแข็งแกร่งและทนทานได้จากนั้นใช้วิธีกระจายและใช้วัสดุสร้างด้านนอกแค่หลวมๆ ด้วยวิธีนี้ถ้ามันจะต้องได้รับความเสียหายอยู่บ้าง ส่วนที่สร้างหลวมๆจะช่วยดูดซับพลังงานไว้ และลำเรือส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้รับความเสียหายมาก..”
ทั้งสามคนพูดคุยประโยคต่อประโยคเสร็จสิ้นกันอย่างรวดเร็วทำให้ถังเทียนไม่สามารถทำความเข้าใจอะไรได้ เพียงแต่รู้สึกว่ามันน่าประทับใจมาก
ขณะที่การประชุมกันมีอย่างเข้มข้นในเมืองสามวิญญาณ กองพลสัตว์ประหลาดของจงหลีไป๋ก็เดินทางทั้งคืนไปเมืองดินแดง
คนนำทางพวกเขาก็คือเมลิซซาและจอห์นสันนั่งอยู่ในเรือขนส่งสินค้าและมองดูกองพลสัตว์ประหลาดเร่งความเร็วอยู่ด้านใต้เขาเพื่อป้องกันไม่ให้สถานะพวกเขาถูกเปิดเผย เรือขนส่งที่พวกเขาใช้ค่อนข้างเก่ามากซึ่งพวกเขาขุดออกมาจากสุสานเรือรบทำให้ทั้งเรือและกองพลสัตว์ประหลาดเหมือนกับผ่านการปลอมแปลง กลุ่มการค้าเมซฟิลด์ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดกำลังพิสูจน์ตัวว่าเป็นประโยชน์ต่อแผนการของถังเทียนมาก
จงหลีไป๋คำรามด้วยความโกรธสามารถได้ยินจากที่ไกลได้
“เร่งขึ้นอีกเด็กๆ พวกเจ้าทุกคนต้องเอาจริงให้มากกว่านี้!”
“วิ่งนั่นแหละ นี่คือการฝึกฝนของพวกเรา! เว้นแต่พวกเจ้าต้องการนั่งอยู่ในเรือรบของหน่วยสุญญตาในอนาคตข้างหน้ามิฉะนั้นพวกเจ้าวิ่งไปยังจะดีกว่า”
พอพูดเช่นนั้นพวกหุ่นสัตว์ประหลาดทั้งหมดเริ่มเร่งความเร็วทันที ราวกับว่าพวกเขาทุ่มเทกำลังทั้งหมด
“เรือรบไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวใช่ไหม?!” เมลิซซางุนงง
จอห์นสันเองก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เขาเคยเห็นกองทัพมามากมายและรู้ถึงบุคลิกของทหาร ทหารธรรมดาทั้งหมดมักจะอาศัยยานขนส่งเพื่อระดมพล และมีแต่ทหารระดับสูงไม่กี่กองพลที่ใช้วิธีฝึกเพื่อพัฒนาความอดทนของพวกเขา
เขาจำได้ทันทีเกี่ยวกับข่าวลือพวกสัมพันธมิตรใต้ มีคนเล่าว่ากองทัพของสัมพันธมิตรใต้ชอบฝึกให้เกิดภูมิต้านทานในทะเลพลังงานและแม้แต่มหาอำนาจอื่นก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไม
“ต้องเป็นประเพณีบางอย่างแน่” จอห์นสันพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “พวกเขามีประเพณีฝึกสร้างพลังความต้านทานโดยการวิ่งอยู่ในทะเลพลังงาน และข้าคิดว่าพวกเขาใช้วิธีนี้ฝึกฝนความมุ่งมั่นของทหาร”
เมลิซซาตะลึง “ฝึกสร้างภูมิต้านทานในทะเลพลังงาน?”
“ใช่”จอห์นสันพยักหน้า “และพวกเขาเดินทางไกลมาก ข้าได้ยินมาว่ามีคนที่ชายแดนทวีปกวงหมิงเห็นกองทหารลึกลับ และพวกเขาหลายคนคาดว่าเป็นกองทัพของสัมพันธมิตรใต้”
“นั่นบ้าระห่ำจริงๆ!” เมลิซซาอุทาน
ถ้ากองพลสัตว์ประหลาดด้านใต้พวกเขาที่เดินทางเป็นระยะไกลจะทำให้พวกเขารู้สึกเหนื่อย อย่างนั้นการฝึกพลังต้านทานในทะเลพลังงานไม่เพียงแต่ทำให้พวกเขาเหน็ดเหนื่อยยิ่งกว่า แต่ยังอันตรายอีกด้วย! มีพลังกัดกร่อนนับไม่ถ้วนและการเกิดขึ้นของวังวนพลังงานอย่างฉับพลันแม้แต่เรือรบก็ยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย
เมลิซซาอดถามไม่ได้ “พวกเขาไม่กลัวตายกันเลยหรือ?”
จอห์นสันโบกมือ “เป็นธรรมเนียมที่น่าสะพรึงกลัว!”
“กล่าวกันว่าชาวภูมิภาคใต้ชอบความสบายและฟุ่มเฟือยกันหมดไม่ใช่หรือ?” เมลิซซาถามอย่างสงสัย กลุ่มการค้าเมซฟิลด์ในที่สุดแล้วก็ยังเป็นองค์กรธุรกิจการค้าขนาดใหญ่และทำธุรกิจกับภูมิภาคใต้มานับครั้งไม่ถ้วนเป็นเพราะสงครามทำให้ธุรกิจการค้าชะงักไป
“ภูมิภาคใต้ก็คือภูมิภาคใต้และสัมพันธมิตรใต้ก็คือสัมพันธมิตรใต้” จอห์นสันส่ายศีรษะ “ดูพวกเขาสิ,พวกเขามองดูเหมือนคนที่รักความสบายหรือไม่?”
เมลิซซาพูดไม่ออก
เป็นความจริงหลังจากที่เห็นและเฝ้ามองดูพวกเขาสองสามวันที่ผ่านมา พวกเขาไม่ใช่พวกคนที่เอาแต่สนุกเพลิดเพลิน พวกเขาแต่งกายเรียบง่ายและแม้แต่เจ้านายอย่างถังเทียนก็ไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย เทียบกับพวกเขาคนของตระกูลชั้นสูงแต่งกายตามแบบชาวทวีปกวงหมิงอย่างเลิศหรู ทหารจักรกลที่อยู่ด้านใต้พวกเขามีอาวุธจักรกลที่น่าเกลียดมีหนามอยู่ทั่วตัวไม่มีการทาสีแต่อย่างใด เหมือนกับว่าไปเก็บมาจากขยะ
แต่เมื่อพวกเขาวิ่งออกไป ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาเป็นแบบนั้นต่อไป
พวกเขาวิ่งเร็วราวกับสายฟ้าสายลมมีพลังน่ากลัวไม่มีใครต้านทานได้ ทำให้ผู้คนรู้ว่าอะไรก็ตามที่พยายามหยุดพวกเขาจะต้องถูกเหยียบย่ำจมธุลี
“เหตุใดถึงมีความเหลื่อมล้ำมากนัก?”เมลิซซาพึมพำ
จอห์นสันมองไปที่กองกำลังบรอนซ์เขาลังเลเล็กน้อย จากนั้นพูด “พวกเขาไม่ใช่คนภูมิภาคใต้”
“พวกเขาไม่ใช่คนภูมิภาคใต้?” เมลิซซาอ้าปากกว้าง นางตกใจและค่อยรู้สึกตัวหลังจากผ่านไปชั่วขณะ และพูดเสียงเบา “พวกเขาเป็นชาวทวีปทอง?”
“ไม่ใช่”จอห์นสันพูดเบาๆ และชี้ไปที่ท้องฟ้า “มีคำที่เผยแพร่มาจากเบื้องสูง กล่าวกันว่าพวกเขาอาจมาจากอีกที่หนึ่ง”
เมลิซซาตกใจ “ที่อื่นยังไง?”
“ข้าไม่รู้” จอห์นสันส่ายศีรษะ “ข้ารู้มากเท่านี้ว่า มีเพียงเบื้องสูงที่รู้ มีการพูดว่าสภาอาวุโสรู้จักที่นั้นมานานแล้วและกำลังคิดจะพิชิตมัน”
ถ้าเป็นในอดีตจอห์นสันคงไม่เผยข้อมูลดังกล่าวให้ใครรู้ กลุ่มการค้าเมซฟิลด์จ้างวานเขา แต่ก็เป็นเพียงแค่การจ้างวาน แต่ตอนนี้ ทุกคนลงเรือลำเดียวกัน เรือที่พวกเขาตีจากออกไปไม่ได้
ทุกคนเป็นสหายกันแล้ว นั่นคือเหตุผลที่จอห์นสันกล้าพูดข่าวลือที่น่าตกใจ
เมลิซซาคิดถึงข่าวลือสภาอาวุโสทันทีและมีสีหน้าตกใจ “หรือว่าข่าวที่สภาอาวุโสกรีฑาทัพลงใต้ก็เพราะสัมพันธมิตรใต้ใช่ไหม?”
เหตุผลที่รุกรานลงใต้ได้ประกาศต่อสาธารณชนว่าสัมพันธมิตรใต้ยั่วยุต่อความสนใจทวีปกวงหมิง แต่ไม่มีใครเชื่อเรื่องนั้น แม้แต่พลเมืองของทวีปกวงหมิงก็ยังรู้สึกว่าเหตุที่แท้จริงสำหรับการรุกรานลงใต้ก็คือเพื่อกลืนภูมิภาคใต้
แต่ใครจะรู้...
“ตราบใดที่เจ้ารู้เรื่องและไม่แพร่กระจายออกไป” จอห์นสันพูดเบาๆ
ภาพเงามืดของเมืองดินแดงปรากฏอยู่ในแนวเส้นขอบฟ้า
จงหลีไป๋ยิ่งตื่นเต้นขึ้นเมืองดินแดงไม่มีทหารคอยปกป้องก็เป็นเพียงเนื้ออ้วนสำหรับกองทัพสัตว์ประหลาด