ตอนที่ 842 ด่านที่สี่ กลายเป็นหมากของศัตรู
รองเจ้าตำหนักไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงด้วย แต่กลับควบแน่นพลังและฟันใส่เป็นแนวตรง
พื้นแตกระเบิด
ภูเขาถูกผ่าเป็นสองส่วน ในที่สุดบุรุษผมงูก็จำได้ว่าเขาถูกอีกฝ่ายหนึ่งโจมตีพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ เขารีบเขย่ามือเย่ว์หยางส่งภาษาลับ “เจ้าผู้นี้เป็นรองเจ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ พลังมิอาจดูแคลนได้ เราแยกย้ายกันหนีเถอะ เราค่อยเจอกันที่เมืองแม่น้ำน้ำขาว ทวีปศรีสวรรค์ ข้ามีเรื่องจะขอให้เจ้าช่วย ขอเชิญไปพบกันภายหลัง!”
เย่ว์หยางคิดว่าคนผู้นี้ ลองถ้าได้นัดหมายกับเขา เขาคงไม่รอคอยจนกระทั่งใยแมงมุมขึ้นตัวแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่พูดว่าจะเอาชนะผ่านอุปสรรคได้ยังไง แต่กลับบอกว่าเขาจะไปตามนัดแน่นอน
ฮะฮะฮะ ต่อให้เจ้านี่รอคอยจนเห็ดงอกเต็มตัว เขาก็คงไม่ไปเมืองแม่น้ำขาวในช่วงสองสามเดือนนี้แน่....
เดิมทีบุรุษผมงูคิดว่าตัวเขาเองต้องการจะทำตัวเป็นพี่ใหญ่ทุ่มเทกำลังขัดขวางรองเจ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้เย่ว์หยางมีโอกาสหลบหนี ใครจะคิดกันเล่าว่าเย่ว์หยางใช้เท้ายันก้นบุรุษผมงูที่ต้องการทำตัวเป็นลูกพี่ใจใหญ่จนกระทั่งลอยละลิ่ว ลูกพี่ใหญ่มิใช่ใครๆ ก็เป็นได้ บุรุษผมงูตะลึง แต่เขาไม่โกรธ แต่ตื่นเต้นเล็กน้อย
เขาทิ้งให้เย่ว์หยางจัดการกับศัตรู และไม่ว่าจะมีปัญหาใหญ่อะไรกับเย่ว์หยาง ที่สำคัญเย่ว์หยางผ่านวิหารปีศาจดินมาได้ ถ้าไม่มีฝีมือจริงๆ ก็คงทำเช่นนั้นไม่ได้ แม้ว่าบุรุษผมงูไม่ได้มองโลกในแง่ดีว่าเย่ว์หยางจะเอาชนะรองเจ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ในช่วงไม่กี่นาทีนี้สมควรไม่มีปัญหา สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ รั้งอยู่เพื่อต่อต้านศัตรู แสดงว่าเขามั่นใจในพลังความแข็งแกร่ง!
“จำไว้! โปรดมาตามที่นัดหมาย ข้ามีเรื่องที่สำคัญมากจริงๆ ไม่เกี่ยวว่าเจ้าจะนำแม่นางผู้สง่างามนั้นมาด้วยหรือไม่!” บุรุษผมงูหนีไปพร้อมกับกำชับเย่ว์หยางไม่ให้ลืมกำหนดนัดหมาย
“พูดมากจริง!” นี่คือคำตอบจากเย่ว์หยาง
นักรบมรณะและนักรบแดนทมิฬบินตาม
อย่างไรก็ตามคิดจะหยุดคุณชายตู๋กูฉางฟง ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะทำได้
ในที่สุดทุกคนระบายความโกรธลงที่เย่ว์หยางคนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าผู้นี้โผล่ออกมา คาดกันว่าถ้าเขาจับเป็นคุณชายฉางฟงได้ พวกเขาคงได้หน้าได้ตาบ้าง แต่คุณชายฉางฟงกลับหนีไปได้ ไม่ว่ายังไงเจ้าเด็กนี่ต้องรั้งอยู่ มีเขาเป็นตัวประกัน คุณชายฉางฟงหนีไปก็จะต้องกลับมาเจรจาไม่เร็วก็ช้า
ครืน ครืน ครืน....
รองเจ้าตำหนักใช้ไม้ตายสองสามกระบวนท่า แต่เขาไม่สามารถทำให้เย่ว์หยางเสียเหงื่อได้แม้แต่ครึ่งหยด
แม้ว่าเย่ว์หยางยังไม่ใช้พลังที่แท้จริง เฉพาะความเร็วอย่างเดียวพวกเขาก็ไล่ไม่ทันเย่ว์หยางแล้ว มือของเขาสวมถุงมือเร่งความเร็วที่ได้มาจากผู้อาวุโสหวีมู่ รองเท้าเงินปีกลมที่ผู้อาวุโสหวีมู่ใช้ และเย่ว์หยางสร้างหมวกอินทรีระดับแพลตตินัมที่ใช้หลอกล่อนักรบปราณฟ้าได้
นี่ยังไม่พูดถึงแหวนเร่งความเร็วระดับรองจากสมบัติเทพ ท่าร่างลึกลับสามกระบวนท่า และไม่รวมพลังเทเลพอร์ตที่เหนือชั้นกว่า หรือแม้แต่การใช้สนามพลังสร้างโลก
เขาใช้แค่เครื่องมือเร่งความเร็วเท่านั้น
แค่นี้ก็เพียงพอให้ฝ่ายตรงข้ามต้องเกิดอาการหอบหืดได้แล้ว
พวกเขาไล่กันไปมา
เย่ว์หยางหยอกเล่นอยู่ไม่กี่นาทีก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาบ้าง ด้วยวิธีการใช้คนมากกักตัว เขาลอบกลั่นระเบิดดวงกลุ่มหนึ่งอย่างลับๆ
“บึ้ม!”
ระเบิดมีควันขึ้นเป็นรูปดอกเห็ดสูงขึ้นไปในท้องฟ้า เปลวไฟจากระเบิดที่รุนแรงกวาดขยายไปทั่วภาคพื้น
ในท่ามกลางการสกัดกั้นขัดขวางนักรบมรณะและนักรบแดนทมิฬเหล่านี้ พวกที่มีพลังต่ำกว่าปราณฟ้าระดับสาม ไม่สามารถต้านทานหรือหนีได้ทันก็ถูกกวาดล้างกำจัดออกไปทันที แม้แต่รองหัวหน้าที่พลังสูงกว่าปราณฟ้าระดับสาม ก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย รองเจ้าตำหนักผู้ชั่วร้ายถูกความโกรธครอบงำ เขาอยากจะฉีกเย่ว์หยางให้เป็นชิ้นๆ เขาไม่เคยคิดเลยว่าหนูที่พวกเขาไล่จับจะกลายร่างกะทันหันได้ บางครั้งผู้เชี่ยวชาญก็มีเวลาผิดพลาดได้เหมือนกัน.. รอจนเขาเห็นเย่ว์หยางวิ่งเข้าไปในใจกลางดินแดนฝึกฝน ผ่านประตูเทเลพอร์ตเข้าไปที่ด่านแรกหุบเขาพิรุณได้ เขาก็ยิ่งโกรธจนควันออกหู
ในชีวิตของเขานี้ เขาไม่เคยพบเห็นมนุษย์ที่ช่างยั่วโทสะเขาได้ขนาดนี้มาก่อน!
ในท่ามกลางวงล้อมของคนหลายพัน เขาโจมตีครั้งเดียวก็ฆ่าทหารของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้หลายร้อยคนแล้วยังกล้าวิ่งเข้าไปในดินแดนฝึกฝน สถานที่ต้องห้ามของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ นี่เท่ากับรนหาที่ตายเสียแล้ว
“ถ้าข้าเซิ่นตู้ไม่สามารถจับเจ้ามาแขวนคอได้ ข้าจะขอขมาท่านจีอู๋ลี่และสละตำแหน่งรองเจ้าตำหนัก” เซิ่นตู้แหงนหน้าตะโกนด้วยความโมโห
เขาขานชื่อนักรบมรณะห้าสิบคน เตรียมการใช้การสื่อสารถึง 200% เพื่อตามหาคนผู้นี้ในดินแดนฝึกฝน ถ้าไม่ฆ่าเจ้าเด็กมนุษย์ผู้นี้ ความโกรธในใจของเขาคงยากสงบลงได้ และในเวลาเดียวกัน ด้วยการตามหาของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครสามารถหลบหนีได้พ้น
ไม่ว่าจะโดยส่วนตัวหรือส่วนรวม เขาต้องเอาศีรษะของเจ้าเด็กนี่มาแขวนให้ได้ ถึงจะสามารถลบล้างความอัปยศในวันนี้ออกไปได้
“อ๊า....”
ทันทีที่เขาเข้ามาในหุบเขาพิรุณ รองเจ้าตำหนักที่อ้างชื่อว่าเซิ่นตู้ก็พบได้ทันทีว่า เจ้าเด็กนั่นไม่ได้หลบหนี แต่ลอบทำร้ายอยู่ที่ทางเข้า เมื่อเขาเข้ามาข้างใน เขาฆ่ายอดฝีมือของตำหนักกลางทันที
ในท่ามกลางเสียงสบถด่าและตวาดลั่นอย่างไม่เต็มใจ เย่ว์หยางมีความเร็วและคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี อย่าหมายว่าจะมีผู้ใดไล่ทัน
ยิ่งไล่ ก็ยิ่งถูกทิ้งห่าง สองสามนาทีต่อมา ภายใต้สายตาของนักรบมรณะที่มองดูอย่างจนใจ ทั้งแสงและฝุ่นควันก็หายไป นอกจากรองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้ที่ได้แต่ยืนกัดฟันกรอดเพราะทำอะไรไม่ค่อยได้
เวลาเล่นสนุกสนานผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเย่ว์หยางย่างเท้าเข้าด่านที่สองหุบเขาวายุ มีคนของรองเจ้าตำหนักเหลืออยู่เพียงสามสิบคน ยี่สิบคนถูกเย่ว์หยางลอบฆ่าในหุบเขาพิรุณเหลือแต่กระดูกที่น่าสมเพชอยู่ข้างทางในหุบเขาพิรุณ เมื่อเย่ว์หยางเพิ่งย่างเข้าด่านที่สาม หุบเขาทราย คนของรองเจ้าตำหนักเหลืออยู่เพียงสิบคน เมื่อเย่ว์หยางเข้าด่านที่สี่หุบเขาราคะ ยกเว้นรองเจ้าตำหนัก ทหารตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ผู้ไล่ล่าทั้งห้าสิบคน ถูกฝังกลายเป็นเหยื่อในระหว่างทาง กลายเป็นว่าเป้าหมายของเย่ว์หยางก็คือรองเจ้าตำหนัก....
ถ้ารองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้รู้ว่ามีรองเจ้าตำหนักเว่ยซู่ที่ก่อนหน้านั้นถูกเย่ว์หยางขู่ขวัญจนยอมแพ้เพราะสนามพลังสร้างโลกเป็นตาย เขาคงไม่ประมาทไล่ล่าตามเย่ว์หยางเป็นแน่
ความจริงพ่อแม่และครูบาอาจารย์ของรองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้ตั้งชื่อเขาว่า ‘เซิ่นตู้’ ด้วยหวังว่าจะปลูกฝังนิสัยระมัดระวังรอบคอบไม่บุ่มบ่ามให้กับเขา
ต้องถ่อมตัวและระมัดระวังตลอดเวลา เมื่อไม่แข็งแกร่งมากพอก็อย่าดึงดัน อย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงโดยพลการ
น่าเสียดายที่รองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้ไม่มีทางเข้าใจความหมายของชื่อตนเองที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ตั้งให้
ความผิดพลาดโดยทั่วไปทำอะไรเขาไม่ได้ เขาจึงละเมิดหลักการได้โดยง่าย
ด่านที่สี่ หุบเขาราคะ
เมื่อเข้ามาในด่านนี้ ก่อนที่การทดสอบจะทำได้สำเร็จ จะไม่มีใครออกไปจากการทดสอบนี้ได้ นี่คือโลกเฉพาะเจาะจงมีกฎสวรรค์ควบคุมเป็นพิเศษ เมื่อผู้ใดสอบไม่ผ่าน จะไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้
“ในที่สุดข้าก็ตามเจ้าทัน!”
“ตาย ต้องตายเท่านั้น!”
“มอบหัวมาให้ข้า, เจ้าคงไม่หวงใช่ไหม? มีอะไรจะแสดงให้ข้าดูอีก ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ในสนามพลังสร้างโลกของเย่ว์หยาง รองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้ไม่รู้ตัวเลยว่าเขากลายเป็นหมากตัวหนึ่งที่เย่ว์หยางตั้งใจพ่วงไปด้วยอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังเป็นการเต็มใจไปด้วยตนเอง เขาคิดว่าเย่ว์หยางใช้พลังไปหมดแล้ว และโจมตีใส่ภาพลวงตาอย่างบ้าคลั่ง หลังจากภาพลวงตาของสนามพลังสร้างโลกเป็นตายให้ข้อมูลผิดเพี้ยนล่อหลอก รองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้เข้าใจว่าฆ่าเย่ว์หยางที่หมดเรี่ยวแรงได้สำเร็จ
เขาหัวเราะลั่นด้วยความภูมิใจที่ไม่ธรรมดา
แต่ความจริงเขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขาถูกใช้เป็นหมากเพื่อใช้สำรวจเส้นทาง
ด้วยพลังและสติปัญญาของเย่ว์หยางแม้ว่าจะไม่ต้องใช้ประสบการณ์ของเฟ่ยเหวินหลี การผ่านหุบเขาราคะสำหรับเขาย่อมไม่มีปัญหา แต่เขาให้ความสำคัญกับการประหยัดเรี่ยวแรงไว้ก่อน ถ้าสามารถใช้รองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้ให้ช่วยเบิกเส้นทางง่ายๆ นั่นมีอะไรที่ไม่ดีเล่า?
เย่ว์หยางพรางตัวและไม่พูดคอยจับตาดูรองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้เงียบๆ ในหุบเขาราคะ
หลังจากหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเขาค่อยได้ระบายความอัดอั้นใจได้บ้าง
รองเจ้าตำหนักเริ่มสังเกตดูหุบเขาราคะอย่างเป็นทางการ
ที่ทางเข้าหุบเขามีรูปสลักหินขนาดใหญ่ที่แตกหัก ดูเหมือนจะเป็นรูปชายกับหญิงกำลังกอดกัน แต่ที่ศีรษะดูเหมือนจะถูกตัดออกไป
รูปปรักหังพังขนาดใหญ่ทั้งสองเต็มไปด้วยพลังงานเกลียดชังที่น่ากลัว พลังงานแห่งความเกลียดชังนี้เต็มไปด้วยพลังกฎสวรรค์ ซึ่งมีอยู่ในพื้นที่รอบๆ ผสานเข้ากับพื้นที่โดยรอบเป็นอันเดียวกัน
เหลียวมองดูไปรอบๆ นอกจากรูปสลักหินสองรูปแรกที่ทางเข้า ยังมีรูปสลักหินขนาดเล็กที่มองเห็นได้อยู่ทั่วไป ทั้งหมดเปลือยกาย ยังมีรูปสลักหินขนาดใหญ่มหึมา รูปสลักอสูรร่างมนุษย์กำลังอยู่ในท่าทางแปลก คล้ายกับท่าเสพสังวาสต่างๆ
แม้แต่ต้นไม้บางต้นก็เหมือนกับถูกตัดแต่งให้มีภาพคล้ายอย่างนี้เช่นกัน
ไม่มีตรงที่ใดเลยที่ไม่มีรูปร่างเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยอารมณ์ราคะครอบงำ
รองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้ดูแล้วรู้สึกสับสน สายพันธุ์ดอกไม้ที่นี่ ส่งกลิ่นที่ทำให้เกิดพลังงานผันผวนสับสนที่มองไม่เห็น ลักษณะของมันน่ารำคาญอย่างมาก ทำให้เขาหมดความอยากและทำให้เขากระวนกระวายอย่างไม่น่าเชื่อ ต้องการจะหาคนระบายอารมณ์
“หุบเขาราคะบ้านี่ เป็นที่อันตรายชัดๆ ดูเหมือนข้าต้องระมัดระวังให้ดี!” รองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้นึกถึงคำเตือน
“อ๊า... ช่วยด้วย!”
ในป่าข้างหน้าไม่ไกลนี้มีเสียงร้องตื่นกลัวดังห่างออกไป
เย่ว์หยางนั่งขัดสมาธิต้านทำให้ใจไร้อารมณ์ปรารถนา ตามประสบการณ์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี เขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และเพราะเหตุนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาบางอย่าง เขาส่งตัวล่ออย่างรองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้เข้าไป รองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้ที่ไม่มีหมากเล่นอะไรเลยบินเข้าหาแหล่งเสียงทันที
เขาพบว่าสัตว์ประหลาดครึ่งม้าที่น่าเกลียดหลายตัวรายล้อมสตรีงดงามหวังจะขืนใจสตรีผู้น่าสงสารนางนี้
เซิ่นตู้ไม่ได้เดินหน้าต่อทันที แต่ประเมินความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายและตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ
และพบว่ามนุษย์ครึ่งม้านี้ ไม่มีระดับพลังปราณฟ้าอยู่เลย
รอบๆ นี้ไม่มีศัตรูอื่น
ดังนั้นเขาตะโกนลอยตัวลงมาราวกับเทพบุตรลงมายืนต่อหน้าหญิงสาวผู้งดงามและปล่อยพลังคลื่นระเบิดสังหารมนุษย์ม้าที่น่าเกลียดทันที
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมารักแรกพบของหญิงงาม ทั้งสองสวมกอดกันและกันทันทีและมีสัมพันธ์ฉันชู้สาว
หลังจากนั้น
หญิงสาวขอร้องให้รองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้ช่วยพี่สาวนาง
นอกจากดูถูกพลังของปีศาจครึ่งม้าที่น่าเกลียดและอยากได้สตรีสองพี่น้อง รองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้ราวกับเทพสวรรค์บุกโจมตีค่ายปีศาจครึ่งม้าที่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตรช่วยสตรีรูปร่างหน้าตาต่างๆ ออกมาได้นับสิบคน แต่ละคนรูปร่างหน้าตามีเสน่ห์ดึงดูดใจ.. และในทำนองเดียวกันศึกรักร้อนแรงก็ตามมา เวลาในความรู้สึกของรองเจ้าตำหนักเซิ่นตู้ เขารู้สึกว่าผ่านไปสามวันสามคืน เขารู้สึกแข้งขาอ่อน ในที่สุดเขารับสตรีไว้ถึงสิบเอ็ดคน ได้รับความชื่นชมสรรเสริญจากนาง
อย่างไรก็ตามในสายตาของเย่ว์หยางที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงพันเมตร เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาที
ไม่ได้มีสตรีให้เห็นแต่อย่างใด แต่ทั้งหมดเป็นภาพลวงตาที่กฎสวรรค์สร้างขึ้น
มีอย่างเดียวที่เหมือนกันคือ เจ้างั่งผู้นี้แสดงบทรักอย่างบ้าคลั่งจนแข้งขาอ่อน