ตอนที่ 841 ไม่รู้เลยว่าเจ้าดีอย่างนี้?
เมื่อเขามาถึงที่ตั้งวงเวทรูนโบราณ และเดินไปตามอุโมงค์ที่ไส้เดือนดินยักษ์เจาะผ่านภูเขา เย่ว์หยางมาถึงพื้นที่ใต้ดินซึ่งไม่ใหญ่นัก
อักษรรูนโบราณจารึกอยู่บนเสาหลักใหญ่
มีกระแสพลังงานไหลเวียนอยู่ตลอด
ฉายประกาย
ความลึกลับนี้มิอาจอธิบายได้
พื้นที่ใต้ดินโดยรอบ ไส้เดือนยักษ์ได้ขุดภูเขาจนเชื่อมถึงกัน และยังมีพลังอักษรรูนป้องกัน เช่นเดียวกับเสาอักษรรูนด้านข้าง เย่ว์หยางเคยเห็นเสาอักษรรูนอย่างนี้ครั้งหนึ่งในแดนสวรรค์ ด้านบนมีลายเครื่องหมายที่ยังมีพลังบางอย่างตกค้าง แต่ไม่มีอักษรรูนโบราณ
เกี่ยวกับอักษรรูนโบราณนี้ เย่ว์หยางสามารถมองเห็นคุณลักษณะและการหลอมรวมเป็นเจ้าของได้
ถ้าหลอมรวมโดยพลการ เขาสามารถทำได้ด้วยตนเอง
แต่ด้วยสนามพลังอัญมณีสร้างโลก อสูรโลกของเขาไม่จำเป็นต้องหลอมรวมกับอักษรรูนทั้งหมด เพื่อส่งเสริมตนเองพร้อมกัน เย่ว์หยางยังหวังว่าคนรอบด้านจะได้รับประโยชน์ได้เลื่อนพลังไปด้วย เพียงแค่นั้นพวกเขาจะได้อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป แม้ว่าเย่ว์หยางจะหลอมรวมอักษรรูนโบราณนี้ได้ก็ตาม แต่เขาก็จะไม่ได้รับประโยชน์จากอักษรรูนโบราณนี้อย่างสูงสุด ปล่อยให้คนที่เหมาะสมได้ไปจะดีกว่า ตัวอย่างเช่น น้องสาวผมฟูผู้น่ารักของเขา... ป่าโบราณใกล้ๆนี้ มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับอักษรรูนนี้ ไม่ว่าจะเป็นพญาไม้ไตตัน นางฟ้าแสงเขียว ทักษะแฝงเร้นพิษร้าย ไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน แต่ก็พอจะคาดหวังได้จริงๆ
อย่างไรก็ตาม พลังของนางยังขาดไปอยู่บ้าง
ให้หลอมรวมตอนนี้ยังเร็วไป
หลังจากผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งรอให้นางเลื่อนระดับในขอบเขตที่สูงกว่านี้ก่อน
“อักษรรูนชั้นดีเลยใช่ไหม?” เย่ว์ปิงเห็นเย่ว์หยางเงียบแต่คิดว่าอักษรรูนโบราณนั้นยากจะหลอมรวม พี่ชายนางจึงไม่หลอมรวมได้ชั่วคราวก่อน ความตื่นเต้นในใจนางกลายเป็นความเสียดาย เสียดายที่ไม่ได้เห็นพี่ชายนางหลอมรวมกับอักษรรูนโบราณนี้ อักษรรูนโบราณที่น่าตื่นเต้นนี้ดูเหมือนจะหลอมรวมได้ยาก อย่างนั้นต้องเป็นของดีแน่นอน และจะช่วยเหลือพี่ชายนางได้ในอนาคต
“ย่อมได้แน่นอน” เย่ว์หยางลูบศีรษะนางเบาๆ
“ข้าต้องฝึกฝนหนักเพื่อช่วยพี่ชายให้ได้” เย่ว์ปิงกำหมัดแน่นและตั้งใจแน่วแน่
“อักษรรูนเหล่านี้ดูเหมือนจะแตกต่างไปบ้าง” เสวี่ยอู๋เสียบันทึกเครื่องหมายอักษรรูนเพื่อนำกลับไปศึกษาร่วมกับอู๋เหิน ระหว่างถอดความนางพบจุดที่แตกต่าง
“ใช่แล้ว, การใช้อักษรรูนโบราณเหล่านี้แตกต่างไปจากที่เราใช้ในยุคนี้ เหมือนกับว่ามีความหมายที่ลึกซึ้งแฝงอยู่” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็ให้ความสนใจ นางเปลี่ยนแปลงวิธีใช้ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ของนางเมื่อเร็วๆ นี้ เย่ว์หยางต้องการช่วยนางให้แข็งแกร่งขึ้น เย่ว์หยางก็ต้องการเปลี่ยนดาบเทพของนางให้เป็นดาบเทพพยัคฆ์ ตอนนี้เห็นสัญญาณการหลอมรวมกับอักษรรูนโบราณนับเป็นความฉลาดลึกซึ้ง เหมือนกับว่าได้แรงบันดาลใจ เขาเข้าร่วมถ่ายทอดพลังด้วยความตื่นเต้น
“พี่สาม! ให้ข้าช่วยบ้างได้ไหม?” เย่ว์ปิงหวังอาสาช่วย แม้ว่าจะยุ่งยากอยู่บ้างก็ตาม
“พวกเจ้าจงทำใจให้ว่างไร้ตัวตน ข้าจะพยายามบันทึกคาถารูนโบราณไว้ในหัวน้อยๆ ของเจ้า” เย่ว์หยางไม่บอกกับนางแน่นอนว่านี่เป็นการหลอมรวมกับอักษรรูน
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ได้รับตกทอดความรู้เช่นนั้นมา แต่ก็ยังเป็นไปได้ที่จะประทับอักษรรูนโบราณเอาไว้
เย่ว์ปิงให้ความร่วมมือเต็มที่ นางว่าง่ายไม่มีความคิดฟุ้งซ่าน นี่คือกุญแจสู่ความสำเร็จ
ในการทำเช่นนี้
เขาใช้เวลาสองวันกว่าจะดำเนินการผนึกไว้ได้สำเร็จ
สิ่งที่สำคัญที่สุดซึ่งยังคงเหลืออยู่ก็คืออักษรรูนโบราณของป่าโบราณ เย่ว์หยางไม่เคลื่อนย้าย เอาไว้ใช้เสริมพลังและขอบเขตให้เย่ว์ปิงก็ยังไม่สาย
ในช่วงสองวันนี้ เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้รับผลเก็บเกี่ยวที่แตกต่างกัน.. สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางยินดีมากก็คือเพราะพวกเขาได้อยู่ร่วมกันถึงสองวัน ในยามค่ำคืนเมื่อถึงเวลาพักผ่อน เมื่อเย่ว์ปิงหลับฝันอย่างสบาย แม้ว่าสองสาวจะต่อต้านแข็งขืนต่อหน้าเย่ว์ปิงในการฝึกคู่รัก แต่ในที่สุดพวกนางก็ไม่กล้าปฏิเสธ บางทีเพราะกลัวว่าเย่ว์ปิงจะตื่น พวกนางต่อต้านพอเป็นพิธีก็ยินยอม แม้แต่ในเวลาฝึก มือเย่ว์หยางก็อยู่ไม่สุขจูบสองนางหลายครั้งโดยพวกนางไม่กล้าโกรธตอบ
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่เรียกร้องรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ตอบแทนกับการเดินทางครั้งนี้
เย่ว์หยางมีความพอใจที่การสื่อสารตอบสนองในพวกเขาสามคนก้าวหน้าไปมาก
หนึ่งต่อสอง
ตอนนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ประสบความสำเร็จ เขาเชื่อว่าต่อไปจะต้องดียิ่งขึ้น เขาจะฝึกด้วยกันกับพวกนางทั้งสอง เชื่อได้ว่าเมื่อค่อยเป็นค่อยไป เหมือนน้ำที่ไหลผ่าน จากลำธารย่อมกลายเป็นลำคลองได้
หลังจากจักรพรรดินีราตรีและสาวๆ อื่นกลับมาบันไดสวรรค์พูดคุยปรึกษากันแล้ว เย่ว์หยางตัดสินใจไปแดนสวรรค์ตะวันตกตามลำพังเพื่อเข้าสู่แผ่นดินมิติทดสอบเพื่อเอาชนะด่านที่เหลือ นางพญาเฟ่ยเหวินหลีเคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว เขามีความมั่นใจว่าสามารถผ่านด่านที่สี่หุบเขาราคะ ด่านที่ห้าหุบเขาอสูร และด่านที่หกหุบเขาปีศาจได้โดยไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือใดๆ ถ้าผ่านสามด่านนี้ได้ จากนั้นค่อยกลับมายังบันไดสวรรค์ เพื่อตั้งหลักอีกครั้งและค่อยใช้กำลังของทุกคนช่วยเหลือให้ผ่านด่านที่เจ็ด หุบเขามนุษย์ก็ยังได้
เย่ว์หยางใช้เข็มทิศสามพิภพกลับมายังเมืองเจิ้งฝู
เขาพบว่าเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นกำลังถูกทหารเก่าของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีฝึกฝนและเคี่ยวกรำอย่างหนัก
เมื่อเห็นสภาพสหายเหล่านี้เหน็ดเหนื่อยพอๆ กับสุนัขตาย เย่ว์หยางอดเห็นใจและยินดีเล็กน้อยมิได้ จากนั้นเขามุ่งหน้ากลับไปยังดินแดนฝึกฝนโบราณ
ที่บริเวณดินแดนฝึกฝนเขาพบกับคนรู้จักคนหนึ่ง
บุรุษผมงู
คุณชายฉางฟงจากสี่ตระกูลใหญ่
สภาพคุณชายฉางฟงตอนนี้ดูน่าจะลำบากมากกว่าเมื่อตอนที่เขาเห็นในวิหารปีศาจดิน เพราะเขาถูกนักรบมรณะของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ล้อม นี่ยังไม่น่าสังเวชเกินไปนัก ยังมีนักสู้ระดับรองเจ้าตำหนักคอยกดดันยั่วโมโหบุรุษผมงูให้โกรธ ไกลออกไปที่ล้อมวงอยู่ด้านนอกยังมีกลุ่มนักรบทมิฬที่เป็นเหมือนทาสยืนรายล้อมอยู่รอบนอก แม้ว่าจำนวนคนจริงๆ จะมากที่สุด แต่สถานะไม่ต่างอะไรกับมดแมลง เมื่ออยู่ต่อหน้าทหารของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าผู้นำจะมีคุณสมบัติเชิดหน้าขึ้นต่อสู้ได้ตัวต่อตัว แต่เชื่อได้ว่าไม่มีใครกล้าเปลี่ยนแปลงอะไร
ในส่วนที่ดูสะดุดตาที่สุดของดินแดนฝึกฝนก็คือมีแนวเสาไม้
ที่บนเสาแขวนเชือกลวด
บนลวดเหล็กแขวนศีรษะคนไว้มากมาย ทหารรับจ้างเหล่านี้พยายามจะเข้าไป หรือไม่ก็เป็นพวกที่หลบหนีความล้มเหลวภายในออกมา
ดูเหมือนว่าจะเป็นสหายของราชาหลิงหวิน กลุ่มเขตร้างที่แปด กลุ่มเพลงสงครามและกลุ่มทุ่งหิมะ ถูกฆ่าตายเกือบทั้งหมด มีศีรษะแขวนเต็มตาข่ายโลหะ แม้แต่หัวหน้าผู้แข็งแกร่งทรงพลังก็ไม่ยกเว้น
หากไม่ใช่การสังหารอย่างโหดร้ายและการแสดงออกที่หยิ่งยโส อย่างนั้นคงไม่มีทางปลุกโทสะในใจของเย่ว์หยางได้
คนเหล่านี้แทบจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตามการเข่นฆ่าอาละวาดของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทำให้เย่ว์หยางเกลียดมากกว่าปกติ
เพราะเหตุนี้เย่ว์หยางตัดสินใจจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเองและจะให้นักรบมรณะของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ได้พบประสบการณ์สุดพิเศษ
“ครึกครื้นกันจริงๆ” เย่ว์หยางลอยตัวลงมาจากในท้องฟ้าและเป็นผู้ชมดูการต่อสู้ที่ดุเดือดรุนแรงระหว่างรองเจ้าตำหนัก และบุรุษผมงูผู้โดนทุบครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่ได้สังเกตว่าเขามาถึง
“เป็นเจ้าเองหรือ?” บุรุษผมงูจำเย่ว์หยางได้
“?” ตรงกันข้ามกับรองเจ้าตำหนักผู้ดูเหมือนดุร้าย แต่ไม่รู้จักเย่ว์หยางแม้แต่น้อย ในข่าวกรองของเขาไม่มีข้อมูลของเย่ว์หยาง
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? เจ้าเปลี่ยนอาชีพไปเป็นขอทานแล้วหรือ?” เย่ว์หยางลงมาอยู่ข้างบุรุษผมงู เห็นชุดไหมของเขาก็รู้ได้ว่าโดนเล่นงานย่ำแย่ ถ้าคุณชายฉางฟงแห่งตระกูลตู๋กูนี้อยู่ในสภาพสูงสุด ก็คงใช้กระจกทนทุกข์ต่อสู้ได้ ไม่ต้องอยู่ในสภาพทุลักทุเลอย่างนี้แน่นอน
“เรื่องมันยาว!” บุรุษผมงูถอนหายใจอย่างมีอารมณ์และจู่ๆ เขานึกเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ เขาคว้ามือเย่ว์หยาง “กระจกทนทุกข์ อยู่กับเจ้าหรือไม่?”
“เจ้าต้องการเอาคืนไหม?” เย่ว์หยางลืมบอกคนผู้นี้ว่าสมบัตินี้อยู่ในมือของเขาเองและยากจะเอาออกมาได้
“ไม่ ไม่เอา” คำตอบของบุรุษผมงูเป็นเรื่องที่เย่ว์หยางคาดไม่ถึง
เขาโบกมือปฏิเสธพัลวัล “ความจริงเรื่องนี้ ข้าคิดอยู่เสมอว่าคงเป็นคำสาปในอดีตทำให้ข้ามีผมเป็นงู ตามีพลังเวท อย่างไรก็ตามพอข้าสูญเสียกระจกทนทุกข์ไป ข้าพบทันทีว่าคำสาปในตัวข้าลดลงไปมาก แม้ว่ายังไม่สามารถคืนรูปลักษณ์ดั้งเดิมได้ แต่พลังคำสาปอ่อนลงอย่างแน่นอน ข้าสามารถบอกเจ้าได้อย่างมั่นใจว่าร่างของข้าเปลี่ยนไปเพราะคำสาปของของกระจกทนทุกข์ พูดอย่างนี้เจ้าอาจจะไม่เชื่อ แต่ข้าขอบอกอย่างจริงใจไว้ตรงนี้ อย่าใช้กระจกทนทุกข์ มิฉะนั้นจะกลายเป็นเหมือนข้า ดูสมบัติที่ด้อยกว่าสมบัติเทพเล็กน้อยมีอันตรายน้อย แต่ต้องมีพลังคำสาปที่ไม่รู้แฝงอยู่ในความมืด ถ้าเจ้าใช้บ่อยเกินไป พลังคำสาปจะสะสม ใช่แล้วแม่สาวน้อยที่มาด้วย เจ้ากลับไปบอกนางให้ชัด ข้าไม่ต้องการได้กระจกทนทุกข์คืนแน่นอน เจ้าบอกนางให้ทิ้งไปซะ ให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ และเจ้าต้องไม่เอามันมาใช้”
เย่ว์หยางชำเลืองมองเขาด้วยท่าทีแปลกประหลาด “เพราะเหตุผลนี้เจ้าถึงได้กลับมาอีกหรือ? ไม่รู้เลยนะว่าเจ้าเป็นคนดีขนาดนี้?”
บุรุษผมงูทักท้วงอย่างไม่พอใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะห่วงว่าแม่สาวผู้สง่างามจะกลายเป็นนางงามผมงู ข้าคงไม่กลับมาเจ็บตัวที่นี่แน่ เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้าเกือบถูกเจ้าผู้นั้นฆ่า!”
เย่ว์หยางอดรู้สึกไม่ได้ว่าคนผู้นี้พอจะคบหากันได้
อย่างน้อยพอรู้ว่าสมบัติที่ใช้มีอันตราย ก็ยังวิ่งกลับมาบอกคนที่ชิงเอาไป สมบัติที่ถูกชิงไปต้องคำสาป คิดว่าสมบัติที่ถูกมองด้วยความละโมบก็เป็นภัยพิบัติมานานแล้ว
ความจริงมองอย่างผิวเผินเย่ว์หยางไม่กังวลแม้แต่น้อย
เย่ว์หยางโบกมือ “ข้าจะไปบอกนางให้ เจ้ายังมีข่าวดีอย่างอื่นจะบอกอีกไหม?”
บุรุษผมงูทำท่ามึนงงและเหลือกตา “ข้าจริงจังนะ เจ้าต้องบอกแม่สาวคนนั้นจริงๆนะ แล้วต้องบอกให้ชัดเจน มิฉะนั้นจะสายเกินไป นางจะกลายเป็นนางงามผมงูได้ ถ้านางชอบสมบัติประเภทกระจก ข้าสามารถหาของดีๆ แล้วส่งไปให้นางอีกชิ้นได้ แต่กระจกทนทุกข์ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป!”
เย่ว์หยางฟังจนเคลิ้ม “ช่างพูดจริงๆ”
อาการเช่นนี้ทำให้บุรุษผมงูเต้นผางด้วยความโกรธ “ข้าบอกเจ้าไปแล้ว เจ้าจะชอบหรือไม่ก็ตาม! เราคุณชายจะไปแล้ว อย่าเสียใจก็แล้วกัน!”
เย่ว์หยางยิ้มและโบกมือให้ “ข้าไม่ไปส่งหรอกนะ!”
บุรุษผมงูโมโหแทบจะระเบิด “ข้าไม่เคยพบเห็นคนอย่างเจ้ามาก่อนในชีวิต ข้าไม่ได้ติดพันเด็กสาวคนนั้น เจ้าจะหึงทำไม ข้าคิดว่านางเหมือนน้องสาวของข้า!”
เย่ว์หยางเมื่อได้ยินเช่นนั้นรีบเปลี่ยนท่าที และจับมือเขาทันที “เจ้าน่าจะรีบพูดให้เร็วกว่านี้”
บุรุษผมงูโมโหกว่าเดิมและรีบสะบัดมือ
รองเจ้าตำหนักผู้ดุร้ายหยิ่งยโสยืนรออยู่อีกฝั่งหนึ่ง เดินออกมาสองก้าวแค่นเสียงพูดเย็นชา “พวกเจ้าคุยกันพอหรือยัง? ถ้าคุยกันพอแล้วก็ได้เวลาส่งพวกเจ้าสู่เส้นทางปรภพ!”
“หุบปาก!” ทั้งเย่ว์หยางและบุรุษผมงูตวาดพร้อมกัน “นี่ไม่ใช่ที่ให้เจ้าเสนอหน้า!”