ตอนที่ 840 น้องสาวผู้กระตือรือร้น
หลายวันต่อมา
เย่ว์ปิงคิดถึงพี่ชายนาง จึงมาเยี่ยมเย่ว์หยางพร้อมกับอี้หนานที่ปราสาทมรกต
ไป่ลู่ที่เป็นเจ้าบ้านหลักคอยต้อนรับอย่างดี หลังจากเดินวนดูรอบๆ อี้หนานมองเห็นลี่เยี่ยนกำลังใช้ประโยชน์จากการสืบสายเลือดมังกรฝึกฝีมือตนเอง นางอดถอนหายใจไม่ได้ “พี่ลี่เยี่ยนก้าวหน้าได้ไวยิ่งนัก ก่อนหน้านี้บรรลุจากปราณฟ้าระดับห้าเป็นระดับหก ก็ใช้เวลาเพียงไม่ถึงเดือน และนี่ยกระดับพลังเป็นระดับเจ็ดได้แล้ว...”
ลี่เยี่ยนได้ยินเช่นนี้ นางสีหน้าแดงด้วยความละอายทันที
อี้หนานเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ความจริงลี่เยี่ยนเลื่อนเพียงระดับเดียว แต่ไป่ลู่ที่อยู่ใกล้ๆ เดิมทีมีพลังปราณฟ้าระดับสาม ตอนนี้นางเลื่อนถึงสองระดับ เป็นพลังปราณฟ้าระดับห้า
เย่ว์ปิงไม่รู้ความนัยที่แฝงอยู่ในเรื่องนี้ นางคิดว่าลี่เยี่ยนฝึกหนักและก้าวหน้า นางถามลี่เยี่ยนด้วยความอิจฉา “ท่านได้พบประสบการณ์อะไร บอกข้าบ้างได้ไหม? ข้าฝึกทุกวันๆ แต่ก็ยังก้าวหน้าได้ไม่เร็ว”
ลี่เยี่ยนยิ่งหน้าแดงโบกมือพัลวัล “ข้าไม่มีประสบการณ์อะไรทั้งนั้น อย่ามาถามข้า!”
เย่ว์หยางเพิ่งฟังรายงานของเหยียนเจ้าเสร็จ หลังจากลี่เยี่ยนเห็นเขา นางถลันตัวออกไปข้างนอกและปิดประตูดังปัง
เย่ว์ปิงงงงวยสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติ?
อี้หนานหัวเราะ
อย่างไรก็ตามนางไม่บอกเรื่องอย่างนี้กับเย่ว์ปิง แม้ว่านางกับเย่ว์ปิงจะสนิทกันมากก็ตาม
ลี่เยี่ยนเริ่มรู้สึกว่าไม่เต็มใจจะกลับไปหอทงเทียนกับเย่ว์หยาง อย่างไรก็ตามไป่ลู่หวังเป็นอย่างยิ่งว่านางจะมีเวลาไปเยี่ยมแม่สี่และผู้ใหญ่ของเย่ว์หยาง ในที่สุดภายใต้การชักชวนของอี้หนาน นางมอบหมายปราสาทมรกตให้อวี้เฉียนจวินและคนอื่นๆ ดูแล ทุกคนกลับไปยังโลกพฤกษาบันไดสวรรค์ ที่สำคัญคือแดนสวรรค์ใต้สามารถปล่อยวางชั่วคราวก่อน ต่อไปเย่ว์หยางจะทุ่มเทสมาธิไปที่ดินแดนฝึกฝนของแดนสวรรค์ตะวันตก เมื่อพวกนางพักอยู่ที่นี่ เขาไม่มีความจำเป็นต้องห่วงเลย
เมื่อกลับไปยังบันไดสวรรค์โลกพฤกษา เย่ว์ปิงคุยเรื่องนี้กับเย่ว์หวี่อีกครั้ง ไม่รู้ว่านางโง่เกินไปหรือเปล่า ความเร็วในการฝึกฝนของนางช้ายิ่งกว่าลี่เยี่ยนที่เข้าร่วมภายหลังเสียอีก
เย่ว์หวี่ไม่รู้จะปลอบโยนนางอย่างไร
อย่างไรก็ตามโล่วฮัวบังเอิญเดินผ่านมานางเสนอแนวคิดต่อไปให้เย่ว์ปิงพักกับอี้หนาน นางเสริมว่านี่จะทำให้อี้หนานฉุดดึงให้เย่ว์ปิงก้าวหน้าไปพร้อมกับนาง เย่ว์ปิงตื่นเต้นกลับไปขนหมอนผ้าห่มกลับมาอยู่กับอี้หนาน ก่อนหน้านี้เพราะเย่ว์หวี่แนะนำ เย่ว์ปิงที่คุ้นเคยกับการอยู่กับอี้หนานต้องย้ายออกจากห้องอี้หนาน นางรู้สึกว่าหลังจากแยกห้องกับอี้หนาน ความเร็วในการฝึกฝนของนางช้าลงกว่าเมื่อก่อน ดูเหมือนว่าอี้หนานพี่สะใภ้นางจะช่วยส่งเสริมให้นางก้าวหน้าได้เร็ว พอคิดได้ดังนี้เย่ว์ปิงยิ่งมีความสุขมาก
“นี่คงจะไม่ค่อยดีกระมัง?” เย่ว์หวี่เข้าใจถึงสาเหตุ
“ไม่มีอะไรหรอกน่า, การที่พี่ชายไปหาน้องสาวยามค่ำคืนจะช่วยให้นางได้ซึมซับพลังฝึกปรือได้มากขึ้น! คนที่เข้าใจก็รู้ว่าเขาเป็นพี่ชายที่ดีมีความรักต้องการส่งเสริมน้องสาว ถ้าท่านไม่รู้ ท่านอาจจะคิดว่าเขาต้องการจะทำอะไรกับน้อง” เจ้าเมืองโล่วฮัวยิ้มและถามทันที “หรือท่านจะมาห้องข้าตอนกลางคืนก็ได้ ข้ามีอะไรมากมายจะเล่าให้ฟัง”
“ไม่ ไม่” เย่ว์หวี่ตกใจและโบกมือกล่าว “เจ้าแค่มาพูดเรื่องนี้เท่านั้นหรือ”
“ข้ามีบางอย่างจะคุยกับเจ้าจริงๆ แต่ไม่ใช่เรื่องนั้น” โล่วฮัวจริงจังมาก
“อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย” เย่ว์หวี่หน้าแดง นางมองซ้ายมองขวาและกระซิบ “เจ้าต้องการพูดเรื่องอะไร? ข้า ข้าอาจช่วยเจ้าไม่ได้ เจ้าควรจะขอให้มารกฎฟ้าหรืออู๋เหินช่วย!”
“ข้าถามแล้ว ทุกคนต่างก็มีธุระเป็นของตนเอง ข้าคิดว่าเจ้าสนิทกับข้าที่สุดแล้ว ดังนั้นจึงอยากจะถามเจ้า” โล่วฮัวยิ้มลี้ลับ
“ข้าไม่เข้าใจถ่องแท้นัก.. เจ้าค่อยๆ ค้นคว้าก็ได้!” เย่ว์หวี่เมื่อได้ยินก็รู้สึกละอายและโบกมือปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะคุยกับโล่วฮัวต่อ โล่วฮัวคิดว่าเย่ว์หวี่ควรจะเข้าใจบางอย่าง ถ้าแลกเปลี่ยนความลับกันและกันก็คงจะมีความก้าวหน้าได้ แต่เย่ว์หวี่กังวลเกี่ยวกับสถานะที่ปิดบังไว้ จึงปฏิเสธจะสนทนาต่อ ทำให้นางถอนหายใจผิดหวังเล็กน้อย “ก็ได้ เมื่อเจ้าไม่ต้องการทำเช่นนั้น ข้าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก เจ้าฝึกฝนต่อไปเถอะ ข้าจะไปขอเชี่ยนเชี่ยนและอู๋เสียสองคน บางทีอาจช่วยข้าได้”
“พวกนางไม่รู้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกนางจะใช้พรสวรรค์แบบนั้นได้อีก” เย่ว์หวี่คัดค้านแต่ให้คำแนะนำ “เจ้าน่าจะไปถามอี้หนาน นางน่าจะรู้บางอย่าง”
“อี้หนานยังเด็กเกินไป ข้าอยากจะคุยกับคนที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ พูดเรื่องนี้กับนางข้าเขินเล็กน้อย” โล่วฮัวแสดงอาการอึดอัดใจเล็กน้อย
“เจ้ารู้สึกว่าอาย แล้วมาตามหาข้าทำไม?” เย่ว์หวี่พูดไม่ออก
“หึ หึ” โล่วฮัวยักไหล่ตามปกติ แม้ว่านางจะไม่บอกออกจากปาก แต่สีหน้าฟ้องว่าเลือกจะบอกกับนาง ท่าทีมองเช่นนี้ทำให้เย่ว์หวี่หงุดหงิด
คืนนั้นนางเซียนหงส์ฟ้าดูเหมือนจะได้ยินเหตุการณ์ลับ นางเสนอคำแนะนำ เย่ว์ปิงไม่เข้าใจ แต่เมื่อนางขอฝึกฝนด้วยเย่ว์หวี่ห้ามนาง ทำให้นางรู้สึกตัวว่านางแข็งแกร่งไม่มากพอจะสนับสนุน ในที่สุดภายใต้การสื่อสารติดต่อของนางเซียนหงส์ฟ้า โล่วฮัว อาหงและคนอื่นต่างก็ยินดีจะร่วมฝึกฝนด้วย
ข้อเสนอฝึกฝนของพี่สะใภ้เกี่ยวข้องกับพี่ชายยังไง?
เย่ว์ปิงคิดเรื่องนี้และเผลอหลับไป แต่เมื่อนางลืมตาขึ้น นางพบว่าพี่ชายนอนเหยียดแขนให้อี้หนานหนุนต่างหมอนหลับอย่างสบาย นางรู้สึกมีความสุข
กลับกลายเป็นว่าพี่ชายนางไม่ได้มาช่วยฝึกแต่อย่างใด เขาเหมือนกับคนปกติที่กำลังพักผ่อน
เย่ว์ปิงลุกขึ้นยืนและบอกให้เย่ว์หยางพักผ่อนกับอี้หนานต่อไป ไม่ต้องปลุกอี้หนานและตัวนางเองลุกขึ้นไปฝึกฝนเงียบๆ นางย่องข้ามตัวอี้หนาน และดึงผ้าห่มคลุมตัวเย่ว์หยางอย่างแผ่วเบา แม้ว่านางจะรู้ว่าพี่ชายไม่อ่อนไหวต่อความเย็น แต่คนที่นอนอยู่นอกเตียงมักจะไม่สะดวกสบาย ในเมื่อแม่สี่ไม่อยู่ใกล้นางต้องการดูแลพี่ชายแทนแม่ หลังจากล้างหน้าแล้ว เย่ว์ปิงลอบมองดูพี่ชายนางและเห็นว่าเขาดูอารมณ์ดี เมื่อเย่ว์หยางชูนิ้วโป้งให้นาง ทำให้นางรู้สึกร่าเริงยินดีและนางปิดประตูทันทีออกไปฝึกฝนต่ออย่างกระตือรือร้น
วันนี้ด้วยกำลังใจจากพี่ชายและผลพลอยได้ที่พักอยู่พร้อมกับกับอี้หนาน เย่ว์ปิงรู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นทั้งอารมณ์และพลังงานของนางมีความก้าวหน้า
ดังนั้นในวันนี้นางเริ่มต้นฝึกฝนในวันใหม่ด้วยกำลังใจที่สูงส่ง
ถ้าพูดเรื่องการฝึกฝนอย่างหนัก
นางไม่เป็นรองใคร!
เย่ว์หวี่เห็นภาพนี้ในที่ไกล อดฝืนยิ้มไม่ได้
เด็กคนนี้ไร้เดียงสาเกินไป
ยิ่งนางได้รับการชำระพลังและแนะนำโดยเย่ว์หยาง กายและใจของนางมีพลังงานที่บริสุทธิ์ ปราศจากความคิดฟุ้งซ่านกวนใจ และถ้าไม่มีแรงบันดาลใจส่งเสริม เย่ว์ปิงคงยากจะก้าวหน้าได้!
เย่ว์หวี่เปลี่ยนความคิด ความจริงนี่นับเป็นเรื่องที่ดี ความบริสุทธิ์ใจไม่ได้อยู่ในขอบเขตของความผิด การพัฒนาฝีมือให้ก้าวหน้าเป็นเรื่องที่ดี
เมื่อทุกคนไม่พูด คนนอกใครเล่าจะรู้ได้!
เมื่อคิดถึงตัวนางเอง นางไม่เพียงแต่ลำพังเท่านั้น.. เย่ว์หวี่หน้าร้อนผ่าว นางรีบลบล้างความคิดนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว และฝึกฝนตนเองอย่างจริงจัง
สามวันต่อมา
เย่ว์ปิงกลับไปที่วังเทียนหลัวเพื่อเยี่ยมแม่สี่พร้อมกับพี่ชายนาง และรายงานความก้าวหน้าด้วยความภูมิใจ “ท่านแม่, ข้าเลื่อนระดับพลังได้แล้ว ข้านึกว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะบรรลุระดับใหม่ได้ แต่พี่ชายเป็นเหมือนดาวนำโชค พอเขากลับมาข้าก็ฝึกได้สำเร็จ! ทรงผมนี้เป็นพี่สามแต่งให้ด้วยตัวเอง พี่สามบอกว่าให้ผมตั้งๆ เข้าไว้จะยิ่งดูดี ท่านแม่ว่าข้าเป็นยังไงบ้าง?”
ใบหน้าของสาวน้อยเปล่งปลั่งเป็นประกาย นางยิ้มเฉิดฉันราวกับจะทำให้มวลบุปผาต้องหมองประกาย
ผมบนศีรษะของนางชี้ชันมีประกายพิเศษ
เหมือนกับปล่อยประกายขึ้นไปในท้องฟ้า
ดูเหมือนว่าจะดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน!
แม่สี่ยิ้มและลูบศีรษะนางเบาๆ “เจ้าเติบโตแล้ว ยังต้องให้พี่ชายช่วยหวีผมให้อีกหรือ! อย่างไรก็ตามผมเป็นลอนชี้ขึ้นฟ้า ดูตลกมาก เจ้าก็ยังชอบได้หรือนี่”
หนูน้อยเย่ว์ซวงเบะปากล้อ “จะดีแค่ไหนกัน ข้าก็มีผมเยอะเหมือนกัน!”
เย่ว์ปิงชำเลืองมองดูน้อง “เจ้าก็ดีแต่ก่อกวน เช้านี้ตื่นขึ้นมาก็ยังไม่ได้หวีผมด้วยซ้ำ แต่พูดเหมือนกับตัวเองทำถูก มานี่ ข้าจะหวีผมให้...”
ซวงเอ๋อไม่ชอบลำบาก วิ่งหนีไปซ่อนอยู่หลังเย่ว์หยาง “ไม่เอาเด็ดขาด!”
หลังจากเยี่ยมแม่สี่แล้ว พวกเขาไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิเทียนหลัวและถามถึงข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้านภูเขาฝังกระบี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดิไม่ยอมให้เขาเข้าเฝ้า อย่างไรก็ตามเมื่อเย่ว์หยางเตรียมจะไปพบกับจุนอู๋โหย่ว จักรพรรดิเทียนหลัวส่งหนังสือเล่มหนึ่งให้เขา หนังสือเล่มนี้ไม่ทราบอายุ บนเล่มมีภาษาจีนโบราณ นั่นเป็นความรู้ที่เย่ว์หยางเชี่ยวชาญที่สุด แต่เขาจำไม่ได้ และอดหลั่งเหงื่อเยียบเย็นมิได้
จุนอู๋โหย่วอธิบายได้ดีกว่ามาก
นอกจากนี้ยังจัดการเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รอให้เย่ว์หยางเสร็จเรื่องราวในแดนสวรรค์ใต้กลับมาก่อนเขาส่งคนไปขุดที่เนินเขาซานชิวจุดที่วงเวทรูนโบราณตั้งอยู่
“วงเวทรูนโบราณมีอยู่ แต่ไม่จำเป็นต้องเหมาะกับเจ้าก็ได้ เด็กน้อย เจ้าโชคดีอยู่เรื่อย นี่สงสัยว่าข้าจะไม่ได้ส่วนแบ่งร่วมกับเจ้าหรือเปล่า ข้าลองค้นคว้ากับผู้เฒ่าหนานกงดูแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นอักษรรูนที่เข้ากันกับสตรีมากกว่า”
“ถ้าข้าไม่สามารถใช้เองได้ ข้ายังมีน้องสาว!” เย่ว์หยางทำเป็นตระหนี่
“เฮ้, เจ้าไม่ได้มีแต่เพียงน้องสาว แต่ยังมีคู่หมั้น ต้องนับลูกสาวของข้า เชี่ยนเชี่ยนของข้าเหมาะกับการหลอมรวมวงเวทรูนโบราณเช่นกัน!” จุนอู๋โหย่วกลายเป็นบิดาที่รักและหวงธิดาของตนไปโดยปริยาย และราชันย์ฟ้าบูรพาก็มีธิดาของตนด้วยเช่นกัน ถ้าเย่ว์หยางไม่พูดถึงโล่วฮัวเขาก็ไม่ต้องชวนเย่ว์หยางทะเลาะด้วย
“ท่านใจเย็นหน่อยไม่ได้หรือ?” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเห็นอาการของจุนอู๋โหย่วและราชันย์ฟ้าบูรพาซึ่งมีศักดิ์สูงกว่า คนหนึ่งเป็นระดับจักรพรรดิ และอีกคนเป็นองค์ชาย!
ความจริงเขาค้นคว้าซ้ำแล้วซ้ำอีก
เขารู้สึกว่าธิดาของเขาไม่น่าจะหลอมรวมกับอักษรรูนโบราณได้ ดังนั้นเขาจึงใจเย็นอยู่ได้ มิฉะนั้นคงได้กระชากคอเสื้อเย่ว์หยางไปแล้ว
เย่ว์หยางถามเรื่องหุบเขาฝังกระบี่ จุนอู๋โหย่วบอกว่าจะขุดหลังจากฝึกหนอนยักษ์ภูเขาเสร็จสิ้นก่อน
เมื่อกลับไปบันไดสวรรค์เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้ข้อมูลภายในดีอยู่แล้ว ความจริงจากลักษณะของอักษรรูนเองก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียก็คิดว่าตัวพวกนางเองก็คงทำสัญญาไม่ได้เช่นกัน เป็นเพราะลักษณะเฉพาะของอักษรรูนโบราณย่อมปรากฏแก่ยอดคน พวกนางได้แต่สัมผัสและเลียนแบบอยู่ในใจ หวังว่าสักวันพวกนางจะมีโอกาส คนแรกที่รับประสบการณ์ผสานพลัง.. ก็คือเย่ว์ปิง นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมที่น่ารักของนางสั่น และนางก็กระตือรือร้นจะติดตามพี่ชายนาง ใบหน้านางเป็นประกายสดใส
นางมีความสุขที่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้นกับพี่ชาย แม้แต่อู๋เหินก็สังเกตโดยไม่รู้ตัว
“เด็กสาวคนนี้โชคดีจริงๆ มีพี่ชายดีๆ อย่างนี้ และได้รับสิ่งดีๆ แบบนั้นด้วยเช่นกัน” โล่วฮัวหัวเราะ
“ปิงเอ๋อเองก็ฝึกฝนอย่างหนักเหมือนกัน!” เย่ว์หวี่คิด นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุด