ตอนที่ 837 ข้ายังไม่อยากโต!
ปีศาจฟ้ายืนขึ้น
ตอนแรกร่างของภูตพรายฟ้าค่อยๆ แยกขาดครึ่งและร่วงจากอากาศลงมาที่ด้านล่างของป้อมชมดาว ไม่จำเป็นต้องมอง แค่การสื่อสารทางจิตระหว่างสองพี่น้องฝาแฝด เขารู้ว่าภูตพรายฟ้าตายไปก่อนแล้ว การฟันขาดสองส่วนไม่มีผลอะไรต่อร่างกาย แต่ส่งผลต่อวิญญาณของภูตพรายฟ้า
ขณะที่ท้องฟ้าฉีกขาดเป็นสองส่วน ผลก็ถูกกำหนดไว้แล้ว
เมื่อเสี่ยวเหวินหลีบินเข้ามาหาเขา เขาตื่นตัวทันที
ด้วยความเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เขาหันหลังวิ่งหนี
ปีศาจฟ้าสามารถสู้กับศัตรูใดๆ ในโลกก็ได้ แต่ก็เหมือนกับภูตพรายฟ้า เขากลัวปีศาจอสรพิษน้อยนี้ยิ่งนัก ขณะนั้นภาพของเทพปีศาจอสรพิษประทับความทรงจำที่น่ากลัวอยู่ในวิญญาณของเขา เขาเกรงว่าเมื่อเวลาผ่านไปหมื่นปีก็ยังไม่มีหยุดพักความน่ากลัวนี้ไว้ได้
ไม่ทราบว่าหนานเป่ยโผล่ออกมาจากที่ใด เขาพุ่งเข้าใส่เสี่ยวเหวินหลีอย่างบ้าคลั่ง
เขามีความภักดีและอุทิศชีวิตเพื่อให้ปีศาจฟ้าได้หนีเอาชีวิตรอด
“ฮึ่ม”
เสี่ยวเหวินหลีใช้ดาบตรึงหนานเป่ยไว้ในท้องฟ้า
ภายใต้สายตามองดูของราชาใจสิงห์ ปีศาจอสรพิษน้อยใช้ดาบเล่มหนึ่งฟันใส่ง่ายๆ และนางฆ่าหนานเป่ยทันที เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริง ไม่ว่าแผนการก็ไร้ประโยชน์ หลังจากก้าวหน้านับไม่ถ้วน เสี่ยวเหวินหลีที่ก่อนนี้พยายามช่วยนางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกมาจากผนึกหลุมดำไม่มีทางที่หนานเป่ยจะหยุดนางได้ นางมีเส้นทางเดินชีวิตที่ยาวนานจากชีวิตเจ้าหญิงปีศาจอสรพิษผู้ไร้เทียมทานจนถึงชีวิตในภพปัจจุบันนี้พลังของนางไม่ต่างไปจากเดิม
สิ่งที่ทำให้ราชาใจสิงห์ตกใจที่สุดไม่ใช่เรื่องปีศาจอสรพิษน้อยสามารถฆ่าภูตพรายฟ้าได้ทันที
แต่เป็นคุณชายสามที่ยังไม่ได้เริ่มลงมือสู้เลย
ราชาใจสิงห์รู้ว่าคุณชายสามแข็งแกร่งที่สุดแน่นอน แต่เขาไม่สามารถประเมินถึงพลังที่แท้จริงของคุณชายสามได้
ในท้องฟ้ากลุ่มดาวเจมินีฉายแสงสดใสและดวงดาวมากมายดูเหมือนจะเชื่อฟังใครบางคนอยู่เริ่มก่อตัวเป็นรูปเขาวงกตในท้องฟ้า
ในสายตาของผู้สังเกตการณ์มองดู ปีศาจฟ้าแม้ว่าจะหนีไปด้วยความเร็วสูงสุด แต่ไม่สามารถออกไปพ้นจากเขาวงกตดวงดาวได้
ไม่ว่าปีศาจฟ้าจะจงใจบินเป็นแนวตรงยังไงก็ตาม
เขาจะเลี้ยววกวนอยู่ในเขาวงกต
แม้ขณะที่ปีศาจฟ้าหยุด ราชาใจสิงห์พบว่าปีศาจฟ้าก็ยังยืนอยู่ในพื้นที่เดิมที่ตนหนีออกมา กล่าวได้ว่าปีศาจฟ้าหลบหนีออกไปเป็นเวลานาน แต่เขาไม่สามารถหนีออกมาจากพื้นที่เดิมได้ เสี่ยวเหวินหลีไม่ได้ไล่ตามอีก เธอกลับมาอยู่ข้างตัวเย่ว์หยาง เมื่อโล่วฮัวและเสี่ยวเหวินหลีลงมาสมทบเย่ว์หยางคว้าดาวในท้องฟ้าภายใต้สายตาที่รู้สึกทึ่งของราชาใจสิงห์
ระเบิดอยู่ที่ปลายนิ้ว
มันง่ายยิ่งกว่าเด็กเล่นลูกหิน
อย่างไรก็ตามดาวบินเหล่านั้นหลังจากออกไปจากฝ่ามือของเย่ว์หยางก็ทวีความเร็วขึ้นเป็นพันเท่าทันทีเข้าสู่เขาวงกตดวงดาวในท้องฟ้า บินเข้าหาปีศาจฟ้าด้วยความเร็วที่มากขึ้นทุกที จากเดิมที่เป็นดาวทอแสงธรรมดา กลายเป็นดาวหางพุ่งเร็วจนราชาใจสิงห์มองไม่ชัด
ไม่ว่าปีศาจฟ้าจะสามารถหลบหลีกได้ยังไงก็ตาม ดาวเหล่านั้นก็พุ่งชนร่างของเขาได้อย่างแม่นยำ
ปีศาจฟ้าตัวขยายขึ้นเรื่อยๆ
เพราะความประมาทเกินไปว่าตนเหนือกว่าพลังปราณฟ้าระดับเจ็ดทั่วไปและอาจถึงปราณฟ้าระดับเจ็ดขั้นสูง ไม่เคยใช้เกราะวิเศษชั้นสูงป้องกันตัว ร่างกายของเขาปกติจะใช้ทักษะแฝงเร้นระลอกพลังเพื่อป้องกันร่างกาย จึงไม่สามารถป้องกันดาวที่เย่ว์หยางยิงเข้ามาอย่างหนัก
ราชาใจสิงห์ประหลาดใจที่เห็นว่าทักษะแฝงเร้นนั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง ร่างของปีศาจฟ้าเหมือนกับกระดาษที่เปราะบาง แต่ดาวเหล่านี้เหมือนกับธนูที่แข็งแกร่งพุ่งเข้าใส่ร่างของปีศาจฟ้าอย่างง่ายดาย ดาวที่พุ่งใส่ร่างปีศาจฟ้ามีเสียงกระทบดังปังได้ยินชัดเจน ปีศาจฟ้ามีสีหน้าเหลือเชื่อ ต่อให้ร่างกาย แขนขาฉีกขาด แต่เขาก็ยังรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ความน่ากลัวที่แท้จริง
เย่ว์หยางยกมือและควบแน่นดาราจักรให้เป็นวังวนดวงดาว
และปล่อยออกไป
วังวนดวงดาวที่ถูกโยนออกมานั้นมีพลังดึงดูดมหาศาลดึงดูดดวงดาวเป็นร้อยล้านดวงลอยเข้าหาร่างปีศาจฟ้าโดยตรง วังวนดวงดาวหมุนปั่นรวดเร็วและเฉือนร่างปีศาจฟ้ากลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้แต่พลังงานและพลังวิญญาณยังถูกดูดลึกลงไปในความว่างเปล่าสีดำ
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ราชาใจสิงห์อดรู้สึกเย็นสันหลังวาบมิได้
เทพเจ้า
คำนี้ผุดขึ้นมาในใจของราชาใจสิงห์ นี่คือสิ่งมีชีวิตชั้นสูงสุด
เมื่อเห็นเย่ว์หยางฆ่าปีศาจฟ้าได้ ราชาใจสิงห์ตระหนักได้ทันทีว่าเขายังห่างจากอีกฝ่ายมากมายเพียงไหน
นั่นคือความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า... เป็นขอบเขตที่ไม่มีทางเอื้อมถึง ไม่มีทางจะผ่านไปได้ แม้ว่าราชาใจสิงห์ก็รู้ว่าเย่ว์หยางได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างไว้ก่อนจะฆ่าปีศาจฟ้าได้ทันที อย่างเช่นมองเห็นจุดอ่อนของทักษะแฝงเร้น สนามพลังและอสูรศึกของฝ่ายตรงข้าม และคิดหาวิธีเอาชนะ ใช้เวลาสร้างสนามพลังดารารายต่อเนื่องมาจนกระทั่งฆ่าปีศาจฟ้าได้
อย่างไรก็ตาม แค่นี้ก็นับว่าน่ากลัวเพียงพอแล้ว!
ราชาใจสิงห์เชื่อว่าแม้ว่าเขาจะสู้อย่างเต็มที่และดีที่สุด เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะภูตพรายฟ้าหรือปีศาจฟ้าได้ ถ้าไม่ทำลายสนามพลังคลื่นแผ่นดินไหว ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้สำเร็จ แต่พอสนามพลังคลื่นแผ่นดินไหวของฝ่ายตรงข้ามถูกทำลาย ทักษะแฝงเร้นระลอกพลังและอสูรศึกที่ช่วยเสริมปิดจุดอ่อน จุดอ่อนเหล่านี้คุณชายสามยังมองเห็น แม้แต่ดาบสังหารภูตพรายฟ้าก็มาจากอสูรเทพปีศาจอสรพิษน้อยที่เขาเป็นเจ้าของ วันนี้ที่ป้อมชมดาวถ้าไม่มีคุณชายสามเกรงว่าเขาคงถูกสนามพลังของภูตพรายฟ้าและปีศาจฟ้าบดขยี้จนไม่เหลือที่กลบฝัง
“คุณชายสาม! เฉียนหู่ขออยู่ที่นี่ยินดีเป็นวัวเป็นม้ารับใช้ท่าน” เจ้าเมืองเฉียนหู่บินเข้ามาสมทบและแสดงอาการกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด เขาเกรงว่าราชาใจสิงห์จะแย่งพูดก่อน
ราชาใจสิงห์มองดูด้วยสายตาดูแคลน ข้าซือซินต้องทำตัวนอบน้อมด้วยหรือ? ต้องรู้ไว้ด้วยว่าทาสก็คงอยู่ในสถานะทาสเสมอ และสหายก็จะเป็นสหายเสมอ! สถานะทั้งสองไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้
อย่างไรก็ตามราชาใจสิงห์เข้าใจถึงการวางตัวของเจ้าเมืองเฉียนหู่ เมื่อเขาเห็นผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่ เขาต้องฉวยโอกาสไว้ก่อน ด้วยพลังปราณฟ้าระดับห้าของเฉียนหู่คิดจะเป็นสหายกับคุณชายสาม? เขายังไม่มีคุณสมบัติพอ!
ในใจของราชาใจสิงห์ เจ้าเมืองเฉียนหู่อย่าว่าแต่จะเป็นสหายกับคุณชายสามเลย ยังไม่คู่ควรเป็นสหายกับคนอย่างมารสัมฤทธิ์ฟ้าผู้บ้าการต่อสู้และจักรพรรดิมังกรผู้มั่นคงด้วยซ้ำ อย่างมากก็เท่ากับหย่งฮุย ฮัวปัน เฟยหวงเท่านั้น เพราะพวกเขามาภายหลัง ยังไม่มีความดีความชอบพอสนับสนุน
จักรพรรดิใต้พิภพบินตามหลังมาแต่ไกลรวมทั้งจ้าวปีศาจต่างๆ กลับมาสมทบจากทิศทางต่างๆ
พวกเขาพยักหน้าให้เย่ว์หยาง
ศัตรูที่หลบหนีไปถูกกำจัดหมดสิ้น
เย่ว์หยางโบกมือส่งสัญญาณให้ชำระสนามรบ เมื่อไม่เห็นมีอะไรทำได้เขายิ้มเล็กน้อยให้ราชาใจสิงห์ “ในภายภาคหน้ายังมีโอกาสร่วมมือกันอีกมาก ข้าหวังว่าท่านซือซินจะยินดีร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เหมือนกับที่เกิดขึ้นในคืนนี้”
ราชาใจสิงห์ดีใจและได้บทสรุปในใจในที่สุด เมื่อครู่นี้เขาเกรงว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะโกรธ ต้องเข้าใจก่อนว่าเริ่มแรกก่อนนั้นพวกเขาไม่ชอบใจกันอยู่แล้ว และเขาไม่มีความมั่นใจว่าจะหนีพ้นวงกตดวงดาวของคุณชายสามได้ ถ้าไม่มีดวงดาวเขายังพอมั่นใจว่ายังจะบินหลบหนีด้วยความเร็วสูงได้
อย่าว่าแต่ตอนนี้เขายังบาดเจ็บสาหัสอยู่ ต่อให้อยู่ในช่วงที่พลังพร้อมสูงสุดราชาใจสิงห์รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเด็กหนุ่มผู้เหลือเชื่อนี้ได้ แค่ความเร็วในการเลื่อนระดับต้องบอกว่าอีกฝ่ายอาจเป็นเผ่าพันธุ์เทพก็ได้ ต่อให้เอาชนะได้ เขาจะสู้กับเด็กนี้ได้ยังไง? เทพมังกรยังเคยบอกไว้ว่าแม้แต่มังกรปีศาจก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีการไล่ล่าของเขา เอาแค่มังกรปีศาจนั้น พวกตำหนักกลางได้ยินก็ปวดหัวปวดฟันเสียแล้ว!
เวลานี้เมื่อเห็นว่าเย่ว์หยางต้องการความร่วมมือกันเพื่อท้าทายตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ราชาใจสิงห์ทั้งที่บาดเจ็บย่อมยินดีจะร่วมมืออย่างจริงจัง “ข้าซือซินเต็มใจร่วมติดตามคุณชายสามด้วยเช่นกัน”
หลังจากนั้นเขาหันไปมองเฉียนหู่
เหมือนกับจะบอกว่าเขาได้รับความไว้วางใจในฐานะสหาย ส่วนเจ้าแค่คนรับใช้
เจ้าเมืองเฉียนหู่สับสนเล็กน้อย เขารู้สถานะของตนเอง ราชาใจสิงห์มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ย่อมได้รับสถานะสหายเป็นธรรมดา ส่วนเขาเองมีความสามารถในการทำงานได้ดี จะไปกล้าเทียบกับราชาใจสิงห์นักรบปราณฟ้าระดับราชาที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์ใต้ได้ยังไง?
หลังจากนั้นราชินีไท่หลุนก็เข้ามาขอบคุณ มีสหายของราชาไทหลุนได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกสังหารไปด้วย แม้ว่าราชาไท่หลุนจะยืนยันยอมตาย แต่ตอนนี้ในเมื่อภูตพรายฟ้าและปีศาจฟ้าที่คอยเฝ้าเขาถูกเย่ว์หยางฆ่าตายแล้ว เขายังจะต้องรอคอยอะไรอีก!
หลังจากได้สนทนากันแล้ว เย่ว์หยางได้รู้จากปากราชาไท่หลุนว่า มีช่วงเวลาและตำแหน่งมิติทางเข้าแดนทมิฬที่เปิดออกและสามารถเข้าแดนทมิฬได้สำเร็จ และฝากความไว้วางใจให้ราชาไท่หลุนและราชาใจสิงห์ช่วยปกป้องชั่วคราว มอบหมายภารกิจให้เจ้าเมืองเฉียนหู่ สุดท้ายเขาพามารสัมฤทธิ์ฟ้าและคนอื่นจากไป เมื่อราชาใจสิงห์และพวกออกไปบ้าง พวกเขาพบว่าวงเวทอักษรรูนบนพื้นของเกาะลอยฟ้าที่เหลืออยู่ เปล่งแสงเลือนราง และเริ่มเปล่งแสงสว่างมากขึ้นและพลังงานเริ่มไม่เสถียร พวกเขาหลั่งเหงื่อเยียบเย็นทันที
ทุกคนรีบบินหนีอย่างบ้าคลั่งจนอยู่ในระยะห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร
ต่อจากนั้นพวกเขาได้ยินเสียงดังปัง
เกาะลอยฟ้าที่ตั้งป้อมชมดาวถล่มลงมาทันที และระเบิดทำลายตัวเอง หินถล่มลงมาบนพื้นมากมายเป็นเวลานาน แม้จะอยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร แต่ราชาใจสิงห์และคนอื่นอดตะลึงมิได้
“คุณชายสามผู้นี้ ช่างเหลือเชื่อจริงๆ เขาสามารถฆ่าภูตพรายฟ้าผู้ทรมานราชาไท่หลุนได้” มีเสียงถอนหายใจตามมายาวนาน
ราชาใจสิงห์ไม่พูดอะไร
เขาอยากจะบอกราชาไท่หลุนมากว่าถ้าท่านเห็นปีศาจฟ้าลนลานหนีอยู่ในวงกตดวงดาวอยู่นานและคุณชายสามสามารถใช้ดวงดาวนั้นฆ่าปีศาจฟ้าได้ บางทีเขาอาจจะแปลกใจว่าภาพเกาะลอยฟ้าระเบิดทำลายกลายเป็นเรื่องเด็กๆ ไปเลยก็ได้ คุณชายสามมีพลังแท้จริงที่น่ากลัวมาก เกรงว่ายังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงออกมาด้วยซ้ำ
สุดยอดเทพมังกรรุ่นหลัง ไม่รู้ว่าจะหาคำเช่นใดมาอธิบาย
ราชาใจสิงห์ไม่พูด ความลับนี้ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใด เขายังคิดว่าคนยิ่งรู้น้อยก็ยิ่งดี
หลังจากกลับมายังหอทงเทียนแล้ว ตัดเรื่องความดีใจที่ฆ่าภูตพรายฟ้าและปีศาจฟ้าได้ ปล่อยให้มารสัมฤทธิ์ฟ้าผู้เคร่งขรึม จักรพรรดิมังกรและคนอื่นๆ โห่ร้องดีใจ ก่อนจะฝึกฝนต่อสู้กับผู้อาวุโสตำหนัก พวกเขาก็ได้รับผลตอบรับในที่สุด แม้ว่าจะไม่ได้ฆ่าภูตพรายฟ้าและปีศาจฟ้ากับมือก็ตาม ไม่ได้สู้ตัวต่อตัวก็ตาม แต่ก็สามารถต่อสู้กับนักสู้ระดับภูตพรายฟ้าของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้ และยันไว้ได้จนกระทั่งได้ชัยชนะ กล่าวได้ว่าความรู้สึกสำเร็จในใจนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกปลอม!
แม้แต่จักรพรรดิใต้พิภพและจอมปีศาจบารุธผู้รับผิดชอบตามล่าทหารของตำหนักกลาง ก็ยังพลอยอารมณ์ดีไปด้วย
ในท่ามกลางบรรยากาศเฉลิมฉลอง ผู้เฒ่าหนานกงพลอยยิ้มยินดีไปด้วย
และเขียนตำนานบทใหม่ของหอทงเทียนอย่างเงียบๆ...
ด้วยความเร็วในการเติบโตก้าวหน้าของเย่ว์หยาง เขาตระหนักคงไม่มีบันทึกใดที่จะโดดเด่นสง่างามมากไปกว่านี้อีกแล้ว สิ่งเหล่านี้มิใช่เป็นเพียงเกียรติยศที่มิอาจลบล้างได้ แต่ยังคงเป็นมรดกคงเอาไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้แนะนำคนรุ่นต่อไปในอนาคตให้มีความก้าวหน้าอย่างแน่นอน การยกระดับโดดเด่นขึ้นมาของหอทงเทียนโดยอิทธิพลของเย่ว์หยาง จะไม่มีอะไรมาหยุดได้
วังเทียนหลัว
“จริงหรือนี่? เอาชนะภูตพรายฟ้าและปีศาจฟ้าได้, ไม่เลวเลย! เสี่ยวเหวินหลีก็เติบโตขึ้นแล้ว ข้าดีใจจริงๆ” นางสามารถลูบศีรษะน้อยๆ ของเสี่ยวเหวินหลีและชื่นชมได้ ทำให้เด็กหญิงปีศาจน้อยได้ยินแล้วมีความสุข และคงมีแต่แม่สี่ที่ทำได้
“แล้วข้าเล่า?” ซวงเอ๋อกระตือรือร้นอยากได้คำชมบ้าง
“เจ้าน่ะหรือ? เมื่อเจ้าทำตัวดีๆ น่ารักต่อหน้าพี่ชายเจ้า เจ้าก็จะเติบโตเอง” แม่สี่ยิ้มและแตะหน้าเด็กหญิง
“อย่างนั้นข้าไม่รีบโตดีกว่า!” เด็กหญิงคิดว่านางสะดวกสบายที่สุดแล้วเมื่ออยู่กับพี่ชาย ไม่ต้องสนใจว่านางจะเติบโตขึ้นหรือไม่
“ฮะฮะ” เจ้าเมืองโล่วฮัวอดหัวเราะไม่ได้
“ข้าอยากจะไปแดนทมิฬและต้องการจะไปหาดูคัมภีร์เทพก่อน” เย่ว์หยางพูดกฎแห่งเทพกับแม่สี่
“ไปดูแดนทมิฬก่อน ก็ต้องดูการเปลี่ยนแปลงของกระแสเวลาและรอยแยกมิติ บางครั้งก็ไม่มีความมั่นคง เจ้าจะต้องระวังให้มาก ข้าไม่ค่อยเข้าใจชัดเจนในเรื่องนี้ ส่วนคัมภีร์เทพ นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำสัญญาได้ เสี่ยวฮัว, มาช่วยข้าหั่นกระดูกหน่อย ข้าต้องปรุงอาหารอย่างดีเลี้ยงพวกเจ้า!” แม่สี่ยังหลีกเลี่ยงจะพูดเรื่องคัมภีร์เทพทั้งที่สนับสนุนให้เย่ว์หยางไปยังแดนทมิฬ
นางก็รู้เรื่องแดนทมิฬด้วยหรือ?
ดูเหมือนจะคุ้นมากเสียด้วย เขาหลั่งเหงื่อเยียบเย็น!
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางไม่ประหลาดใจเรื่องนี้อีกต่อไป เขาไม่รู้ว่าทำไมแม่สี่ถึงต้องการปกปิดสถานะและอดีต แต่เขารู้ว่านางต้องมีเหตุผลอย่างหนึ่ง แม่สี่ไม่พูด เขาก็ไม่ถาม เขาเชื่อว่าสักวันแม่สี่จะบอกความจริงเขา
หรือบางทีไม่สำคัญว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ตราบเท่าที่ทุกคนใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้ว