ตอนที่แล้วตอนที่ 836 จบสิ้นหลังจากผ่านมาหลายหมื่นปี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 838 ข้าไม่เคยทรยศ!

ตอนที่ 837 ข้ายังไม่อยากโต!


ปีศาจฟ้ายืนขึ้น

ตอนแรกร่างของภูตพรายฟ้าค่อยๆ แยกขาดครึ่งและร่วงจากอากาศลงมาที่ด้านล่างของป้อมชมดาว  ไม่จำเป็นต้องมอง แค่การสื่อสารทางจิตระหว่างสองพี่น้องฝาแฝด  เขารู้ว่าภูตพรายฟ้าตายไปก่อนแล้ว การฟันขาดสองส่วนไม่มีผลอะไรต่อร่างกาย แต่ส่งผลต่อวิญญาณของภูตพรายฟ้า

ขณะที่ท้องฟ้าฉีกขาดเป็นสองส่วน ผลก็ถูกกำหนดไว้แล้ว

เมื่อเสี่ยวเหวินหลีบินเข้ามาหาเขา  เขาตื่นตัวทันที

ด้วยความเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เขาหันหลังวิ่งหนี

ปีศาจฟ้าสามารถสู้กับศัตรูใดๆ ในโลกก็ได้  แต่ก็เหมือนกับภูตพรายฟ้า เขากลัวปีศาจอสรพิษน้อยนี้ยิ่งนัก  ขณะนั้นภาพของเทพปีศาจอสรพิษประทับความทรงจำที่น่ากลัวอยู่ในวิญญาณของเขา เขาเกรงว่าเมื่อเวลาผ่านไปหมื่นปีก็ยังไม่มีหยุดพักความน่ากลัวนี้ไว้ได้

ไม่ทราบว่าหนานเป่ยโผล่ออกมาจากที่ใด เขาพุ่งเข้าใส่เสี่ยวเหวินหลีอย่างบ้าคลั่ง

เขามีความภักดีและอุทิศชีวิตเพื่อให้ปีศาจฟ้าได้หนีเอาชีวิตรอด

“ฮึ่ม”

เสี่ยวเหวินหลีใช้ดาบตรึงหนานเป่ยไว้ในท้องฟ้า

ภายใต้สายตามองดูของราชาใจสิงห์ ปีศาจอสรพิษน้อยใช้ดาบเล่มหนึ่งฟันใส่ง่ายๆ  และนางฆ่าหนานเป่ยทันที  เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริง ไม่ว่าแผนการก็ไร้ประโยชน์ หลังจากก้าวหน้านับไม่ถ้วน เสี่ยวเหวินหลีที่ก่อนนี้พยายามช่วยนางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกมาจากผนึกหลุมดำไม่มีทางที่หนานเป่ยจะหยุดนางได้  นางมีเส้นทางเดินชีวิตที่ยาวนานจากชีวิตเจ้าหญิงปีศาจอสรพิษผู้ไร้เทียมทานจนถึงชีวิตในภพปัจจุบันนี้พลังของนางไม่ต่างไปจากเดิม

สิ่งที่ทำให้ราชาใจสิงห์ตกใจที่สุดไม่ใช่เรื่องปีศาจอสรพิษน้อยสามารถฆ่าภูตพรายฟ้าได้ทันที

แต่เป็นคุณชายสามที่ยังไม่ได้เริ่มลงมือสู้เลย

ราชาใจสิงห์รู้ว่าคุณชายสามแข็งแกร่งที่สุดแน่นอน  แต่เขาไม่สามารถประเมินถึงพลังที่แท้จริงของคุณชายสามได้

ในท้องฟ้ากลุ่มดาวเจมินีฉายแสงสดใสและดวงดาวมากมายดูเหมือนจะเชื่อฟังใครบางคนอยู่เริ่มก่อตัวเป็นรูปเขาวงกตในท้องฟ้า

ในสายตาของผู้สังเกตการณ์มองดู ปีศาจฟ้าแม้ว่าจะหนีไปด้วยความเร็วสูงสุด แต่ไม่สามารถออกไปพ้นจากเขาวงกตดวงดาวได้

ไม่ว่าปีศาจฟ้าจะจงใจบินเป็นแนวตรงยังไงก็ตาม

เขาจะเลี้ยววกวนอยู่ในเขาวงกต

แม้ขณะที่ปีศาจฟ้าหยุด ราชาใจสิงห์พบว่าปีศาจฟ้าก็ยังยืนอยู่ในพื้นที่เดิมที่ตนหนีออกมา  กล่าวได้ว่าปีศาจฟ้าหลบหนีออกไปเป็นเวลานาน แต่เขาไม่สามารถหนีออกมาจากพื้นที่เดิมได้  เสี่ยวเหวินหลีไม่ได้ไล่ตามอีก เธอกลับมาอยู่ข้างตัวเย่ว์หยาง เมื่อโล่วฮัวและเสี่ยวเหวินหลีลงมาสมทบเย่ว์หยางคว้าดาวในท้องฟ้าภายใต้สายตาที่รู้สึกทึ่งของราชาใจสิงห์

ระเบิดอยู่ที่ปลายนิ้ว

มันง่ายยิ่งกว่าเด็กเล่นลูกหิน

อย่างไรก็ตามดาวบินเหล่านั้นหลังจากออกไปจากฝ่ามือของเย่ว์หยางก็ทวีความเร็วขึ้นเป็นพันเท่าทันทีเข้าสู่เขาวงกตดวงดาวในท้องฟ้า บินเข้าหาปีศาจฟ้าด้วยความเร็วที่มากขึ้นทุกที จากเดิมที่เป็นดาวทอแสงธรรมดา กลายเป็นดาวหางพุ่งเร็วจนราชาใจสิงห์มองไม่ชัด

ไม่ว่าปีศาจฟ้าจะสามารถหลบหลีกได้ยังไงก็ตาม ดาวเหล่านั้นก็พุ่งชนร่างของเขาได้อย่างแม่นยำ

ปีศาจฟ้าตัวขยายขึ้นเรื่อยๆ

เพราะความประมาทเกินไปว่าตนเหนือกว่าพลังปราณฟ้าระดับเจ็ดทั่วไปและอาจถึงปราณฟ้าระดับเจ็ดขั้นสูง ไม่เคยใช้เกราะวิเศษชั้นสูงป้องกันตัว ร่างกายของเขาปกติจะใช้ทักษะแฝงเร้นระลอกพลังเพื่อป้องกันร่างกาย จึงไม่สามารถป้องกันดาวที่เย่ว์หยางยิงเข้ามาอย่างหนัก

ราชาใจสิงห์ประหลาดใจที่เห็นว่าทักษะแฝงเร้นนั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง  ร่างของปีศาจฟ้าเหมือนกับกระดาษที่เปราะบาง แต่ดาวเหล่านี้เหมือนกับธนูที่แข็งแกร่งพุ่งเข้าใส่ร่างของปีศาจฟ้าอย่างง่ายดาย ดาวที่พุ่งใส่ร่างปีศาจฟ้ามีเสียงกระทบดังปังได้ยินชัดเจน ปีศาจฟ้ามีสีหน้าเหลือเชื่อ ต่อให้ร่างกาย แขนขาฉีกขาด แต่เขาก็ยังรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ความน่ากลัวที่แท้จริง

เย่ว์หยางยกมือและควบแน่นดาราจักรให้เป็นวังวนดวงดาว

และปล่อยออกไป

วังวนดวงดาวที่ถูกโยนออกมานั้นมีพลังดึงดูดมหาศาลดึงดูดดวงดาวเป็นร้อยล้านดวงลอยเข้าหาร่างปีศาจฟ้าโดยตรง  วังวนดวงดาวหมุนปั่นรวดเร็วและเฉือนร่างปีศาจฟ้ากลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้แต่พลังงานและพลังวิญญาณยังถูกดูดลึกลงไปในความว่างเปล่าสีดำ

เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ราชาใจสิงห์อดรู้สึกเย็นสันหลังวาบมิได้

เทพเจ้า

คำนี้ผุดขึ้นมาในใจของราชาใจสิงห์ นี่คือสิ่งมีชีวิตชั้นสูงสุด

เมื่อเห็นเย่ว์หยางฆ่าปีศาจฟ้าได้ ราชาใจสิงห์ตระหนักได้ทันทีว่าเขายังห่างจากอีกฝ่ายมากมายเพียงไหน

นั่นคือความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า... เป็นขอบเขตที่ไม่มีทางเอื้อมถึง ไม่มีทางจะผ่านไปได้ แม้ว่าราชาใจสิงห์ก็รู้ว่าเย่ว์หยางได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างไว้ก่อนจะฆ่าปีศาจฟ้าได้ทันที อย่างเช่นมองเห็นจุดอ่อนของทักษะแฝงเร้น สนามพลังและอสูรศึกของฝ่ายตรงข้าม และคิดหาวิธีเอาชนะ ใช้เวลาสร้างสนามพลังดารารายต่อเนื่องมาจนกระทั่งฆ่าปีศาจฟ้าได้

อย่างไรก็ตาม แค่นี้ก็นับว่าน่ากลัวเพียงพอแล้ว!

ราชาใจสิงห์เชื่อว่าแม้ว่าเขาจะสู้อย่างเต็มที่และดีที่สุด เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะภูตพรายฟ้าหรือปีศาจฟ้าได้  ถ้าไม่ทำลายสนามพลังคลื่นแผ่นดินไหว ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้สำเร็จ แต่พอสนามพลังคลื่นแผ่นดินไหวของฝ่ายตรงข้ามถูกทำลาย  ทักษะแฝงเร้นระลอกพลังและอสูรศึกที่ช่วยเสริมปิดจุดอ่อน  จุดอ่อนเหล่านี้คุณชายสามยังมองเห็น  แม้แต่ดาบสังหารภูตพรายฟ้าก็มาจากอสูรเทพปีศาจอสรพิษน้อยที่เขาเป็นเจ้าของ  วันนี้ที่ป้อมชมดาวถ้าไม่มีคุณชายสามเกรงว่าเขาคงถูกสนามพลังของภูตพรายฟ้าและปีศาจฟ้าบดขยี้จนไม่เหลือที่กลบฝัง

“คุณชายสาม! เฉียนหู่ขออยู่ที่นี่ยินดีเป็นวัวเป็นม้ารับใช้ท่าน”  เจ้าเมืองเฉียนหู่บินเข้ามาสมทบและแสดงอาการกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด เขาเกรงว่าราชาใจสิงห์จะแย่งพูดก่อน

ราชาใจสิงห์มองดูด้วยสายตาดูแคลน  ข้าซือซินต้องทำตัวนอบน้อมด้วยหรือ? ต้องรู้ไว้ด้วยว่าทาสก็คงอยู่ในสถานะทาสเสมอ และสหายก็จะเป็นสหายเสมอ!  สถานะทั้งสองไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้

อย่างไรก็ตามราชาใจสิงห์เข้าใจถึงการวางตัวของเจ้าเมืองเฉียนหู่  เมื่อเขาเห็นผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่ เขาต้องฉวยโอกาสไว้ก่อน ด้วยพลังปราณฟ้าระดับห้าของเฉียนหู่คิดจะเป็นสหายกับคุณชายสาม?  เขายังไม่มีคุณสมบัติพอ!

ในใจของราชาใจสิงห์ เจ้าเมืองเฉียนหู่อย่าว่าแต่จะเป็นสหายกับคุณชายสามเลย  ยังไม่คู่ควรเป็นสหายกับคนอย่างมารสัมฤทธิ์ฟ้าผู้บ้าการต่อสู้และจักรพรรดิมังกรผู้มั่นคงด้วยซ้ำ   อย่างมากก็เท่ากับหย่งฮุย ฮัวปัน เฟยหวงเท่านั้น เพราะพวกเขามาภายหลัง ยังไม่มีความดีความชอบพอสนับสนุน

จักรพรรดิใต้พิภพบินตามหลังมาแต่ไกลรวมทั้งจ้าวปีศาจต่างๆ กลับมาสมทบจากทิศทางต่างๆ

พวกเขาพยักหน้าให้เย่ว์หยาง

ศัตรูที่หลบหนีไปถูกกำจัดหมดสิ้น

เย่ว์หยางโบกมือส่งสัญญาณให้ชำระสนามรบ  เมื่อไม่เห็นมีอะไรทำได้เขายิ้มเล็กน้อยให้ราชาใจสิงห์ “ในภายภาคหน้ายังมีโอกาสร่วมมือกันอีกมาก ข้าหวังว่าท่านซือซินจะยินดีร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เหมือนกับที่เกิดขึ้นในคืนนี้”

ราชาใจสิงห์ดีใจและได้บทสรุปในใจในที่สุด  เมื่อครู่นี้เขาเกรงว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะโกรธ ต้องเข้าใจก่อนว่าเริ่มแรกก่อนนั้นพวกเขาไม่ชอบใจกันอยู่แล้ว และเขาไม่มีความมั่นใจว่าจะหนีพ้นวงกตดวงดาวของคุณชายสามได้ ถ้าไม่มีดวงดาวเขายังพอมั่นใจว่ายังจะบินหลบหนีด้วยความเร็วสูงได้

อย่าว่าแต่ตอนนี้เขายังบาดเจ็บสาหัสอยู่ ต่อให้อยู่ในช่วงที่พลังพร้อมสูงสุดราชาใจสิงห์รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเด็กหนุ่มผู้เหลือเชื่อนี้ได้  แค่ความเร็วในการเลื่อนระดับต้องบอกว่าอีกฝ่ายอาจเป็นเผ่าพันธุ์เทพก็ได้  ต่อให้เอาชนะได้ เขาจะสู้กับเด็กนี้ได้ยังไง?  เทพมังกรยังเคยบอกไว้ว่าแม้แต่มังกรปีศาจก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีการไล่ล่าของเขา  เอาแค่มังกรปีศาจนั้น พวกตำหนักกลางได้ยินก็ปวดหัวปวดฟันเสียแล้ว!

เวลานี้เมื่อเห็นว่าเย่ว์หยางต้องการความร่วมมือกันเพื่อท้าทายตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  ราชาใจสิงห์ทั้งที่บาดเจ็บย่อมยินดีจะร่วมมืออย่างจริงจัง  “ข้าซือซินเต็มใจร่วมติดตามคุณชายสามด้วยเช่นกัน”

หลังจากนั้นเขาหันไปมองเฉียนหู่

เหมือนกับจะบอกว่าเขาได้รับความไว้วางใจในฐานะสหาย ส่วนเจ้าแค่คนรับใช้

เจ้าเมืองเฉียนหู่สับสนเล็กน้อย  เขารู้สถานะของตนเอง  ราชาใจสิงห์มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ย่อมได้รับสถานะสหายเป็นธรรมดา  ส่วนเขาเองมีความสามารถในการทำงานได้ดี จะไปกล้าเทียบกับราชาใจสิงห์นักรบปราณฟ้าระดับราชาที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์ใต้ได้ยังไง?

หลังจากนั้นราชินีไท่หลุนก็เข้ามาขอบคุณ  มีสหายของราชาไทหลุนได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกสังหารไปด้วย   แม้ว่าราชาไท่หลุนจะยืนยันยอมตาย  แต่ตอนนี้ในเมื่อภูตพรายฟ้าและปีศาจฟ้าที่คอยเฝ้าเขาถูกเย่ว์หยางฆ่าตายแล้ว เขายังจะต้องรอคอยอะไรอีก!

หลังจากได้สนทนากันแล้ว เย่ว์หยางได้รู้จากปากราชาไท่หลุนว่า มีช่วงเวลาและตำแหน่งมิติทางเข้าแดนทมิฬที่เปิดออกและสามารถเข้าแดนทมิฬได้สำเร็จ และฝากความไว้วางใจให้ราชาไท่หลุนและราชาใจสิงห์ช่วยปกป้องชั่วคราว มอบหมายภารกิจให้เจ้าเมืองเฉียนหู่ สุดท้ายเขาพามารสัมฤทธิ์ฟ้าและคนอื่นจากไป  เมื่อราชาใจสิงห์และพวกออกไปบ้าง พวกเขาพบว่าวงเวทอักษรรูนบนพื้นของเกาะลอยฟ้าที่เหลืออยู่ เปล่งแสงเลือนราง และเริ่มเปล่งแสงสว่างมากขึ้นและพลังงานเริ่มไม่เสถียร พวกเขาหลั่งเหงื่อเยียบเย็นทันที

ทุกคนรีบบินหนีอย่างบ้าคลั่งจนอยู่ในระยะห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร

ต่อจากนั้นพวกเขาได้ยินเสียงดังปัง

เกาะลอยฟ้าที่ตั้งป้อมชมดาวถล่มลงมาทันที และระเบิดทำลายตัวเอง หินถล่มลงมาบนพื้นมากมายเป็นเวลานาน แม้จะอยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร แต่ราชาใจสิงห์และคนอื่นอดตะลึงมิได้

“คุณชายสามผู้นี้ ช่างเหลือเชื่อจริงๆ เขาสามารถฆ่าภูตพรายฟ้าผู้ทรมานราชาไท่หลุนได้” มีเสียงถอนหายใจตามมายาวนาน

ราชาใจสิงห์ไม่พูดอะไร

เขาอยากจะบอกราชาไท่หลุนมากว่าถ้าท่านเห็นปีศาจฟ้าลนลานหนีอยู่ในวงกตดวงดาวอยู่นานและคุณชายสามสามารถใช้ดวงดาวนั้นฆ่าปีศาจฟ้าได้  บางทีเขาอาจจะแปลกใจว่าภาพเกาะลอยฟ้าระเบิดทำลายกลายเป็นเรื่องเด็กๆ ไปเลยก็ได้  คุณชายสามมีพลังแท้จริงที่น่ากลัวมาก เกรงว่ายังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงออกมาด้วยซ้ำ

สุดยอดเทพมังกรรุ่นหลัง ไม่รู้ว่าจะหาคำเช่นใดมาอธิบาย

ราชาใจสิงห์ไม่พูด  ความลับนี้ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใด  เขายังคิดว่าคนยิ่งรู้น้อยก็ยิ่งดี

หลังจากกลับมายังหอทงเทียนแล้ว ตัดเรื่องความดีใจที่ฆ่าภูตพรายฟ้าและปีศาจฟ้าได้ ปล่อยให้มารสัมฤทธิ์ฟ้าผู้เคร่งขรึม จักรพรรดิมังกรและคนอื่นๆ โห่ร้องดีใจ  ก่อนจะฝึกฝนต่อสู้กับผู้อาวุโสตำหนัก พวกเขาก็ได้รับผลตอบรับในที่สุด  แม้ว่าจะไม่ได้ฆ่าภูตพรายฟ้าและปีศาจฟ้ากับมือก็ตาม ไม่ได้สู้ตัวต่อตัวก็ตาม  แต่ก็สามารถต่อสู้กับนักสู้ระดับภูตพรายฟ้าของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้ และยันไว้ได้จนกระทั่งได้ชัยชนะ  กล่าวได้ว่าความรู้สึกสำเร็จในใจนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกปลอม!

แม้แต่จักรพรรดิใต้พิภพและจอมปีศาจบารุธผู้รับผิดชอบตามล่าทหารของตำหนักกลาง ก็ยังพลอยอารมณ์ดีไปด้วย

ในท่ามกลางบรรยากาศเฉลิมฉลอง  ผู้เฒ่าหนานกงพลอยยิ้มยินดีไปด้วย

และเขียนตำนานบทใหม่ของหอทงเทียนอย่างเงียบๆ...

ด้วยความเร็วในการเติบโตก้าวหน้าของเย่ว์หยาง เขาตระหนักคงไม่มีบันทึกใดที่จะโดดเด่นสง่างามมากไปกว่านี้อีกแล้ว  สิ่งเหล่านี้มิใช่เป็นเพียงเกียรติยศที่มิอาจลบล้างได้ แต่ยังคงเป็นมรดกคงเอาไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้แนะนำคนรุ่นต่อไปในอนาคตให้มีความก้าวหน้าอย่างแน่นอน  การยกระดับโดดเด่นขึ้นมาของหอทงเทียนโดยอิทธิพลของเย่ว์หยาง จะไม่มีอะไรมาหยุดได้

วังเทียนหลัว

“จริงหรือนี่? เอาชนะภูตพรายฟ้าและปีศาจฟ้าได้, ไม่เลวเลย!  เสี่ยวเหวินหลีก็เติบโตขึ้นแล้ว  ข้าดีใจจริงๆ” นางสามารถลูบศีรษะน้อยๆ ของเสี่ยวเหวินหลีและชื่นชมได้  ทำให้เด็กหญิงปีศาจน้อยได้ยินแล้วมีความสุข และคงมีแต่แม่สี่ที่ทำได้

“แล้วข้าเล่า?”  ซวงเอ๋อกระตือรือร้นอยากได้คำชมบ้าง

“เจ้าน่ะหรือ? เมื่อเจ้าทำตัวดีๆ น่ารักต่อหน้าพี่ชายเจ้า เจ้าก็จะเติบโตเอง”  แม่สี่ยิ้มและแตะหน้าเด็กหญิง

“อย่างนั้นข้าไม่รีบโตดีกว่า!”  เด็กหญิงคิดว่านางสะดวกสบายที่สุดแล้วเมื่ออยู่กับพี่ชาย ไม่ต้องสนใจว่านางจะเติบโตขึ้นหรือไม่

“ฮะฮะ”  เจ้าเมืองโล่วฮัวอดหัวเราะไม่ได้

“ข้าอยากจะไปแดนทมิฬและต้องการจะไปหาดูคัมภีร์เทพก่อน”  เย่ว์หยางพูดกฎแห่งเทพกับแม่สี่

“ไปดูแดนทมิฬก่อน ก็ต้องดูการเปลี่ยนแปลงของกระแสเวลาและรอยแยกมิติ บางครั้งก็ไม่มีความมั่นคง  เจ้าจะต้องระวังให้มาก ข้าไม่ค่อยเข้าใจชัดเจนในเรื่องนี้ ส่วนคัมภีร์เทพ นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำสัญญาได้  เสี่ยวฮัว, มาช่วยข้าหั่นกระดูกหน่อย ข้าต้องปรุงอาหารอย่างดีเลี้ยงพวกเจ้า!”  แม่สี่ยังหลีกเลี่ยงจะพูดเรื่องคัมภีร์เทพทั้งที่สนับสนุนให้เย่ว์หยางไปยังแดนทมิฬ

นางก็รู้เรื่องแดนทมิฬด้วยหรือ?

ดูเหมือนจะคุ้นมากเสียด้วย เขาหลั่งเหงื่อเยียบเย็น!

อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางไม่ประหลาดใจเรื่องนี้อีกต่อไป  เขาไม่รู้ว่าทำไมแม่สี่ถึงต้องการปกปิดสถานะและอดีต  แต่เขารู้ว่านางต้องมีเหตุผลอย่างหนึ่ง แม่สี่ไม่พูด เขาก็ไม่ถาม เขาเชื่อว่าสักวันแม่สี่จะบอกความจริงเขา

หรือบางทีไม่สำคัญว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ตราบเท่าที่ทุกคนใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด