ตอนที่ 8 - เปลวไฟสีดำ
“ขอบคุณพระเจ้าที่ความเสียหายไม่ร้ายแรง และรูบนกำแพงก็เล็กเกินกว่าจะสังเกตเห็นได้จากภายนอก แล้วมันก็ง่ายต่อการซ่อนจากด้านใน” ลีโอถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากปิดรูด้วยการแปะกระดาษทับ
เป็นวิธีแก้ปัญหาที่เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพ
“ถ้าฉันอยากฝึกเวทมนตร์ต่อโดยเก็บมันไว้เป็นความลับ ฉันคงต้องไปฝึกที่อื่น เธอมีสถานที่แบบนี้อยู่ในใจหรือเปล่า ลิลิธ”
“ทำไมนายถึงไม่ไปฝึกที่ศูนย์ฝึกล่ะ มันมีห้องส่วนตัวสำหรับนักเรียนที่ต้องการฝึกเวทมนตร์”
“ฉันสามารถไปได้ แต่คนอื่นจะไม่สงสัยเหรอว่าฉันเข้าไปในห้องฝึกสำหรับนักเรียนเวทมนตร์ทำไม ในเมื่อฉันไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้”
“นายคิดเยอะเกินไปแล้ว” ลิลิธยักไหล่
“แต่ถ้านายกังวลและระมัดระวังขนาดนั้น นายสามารถไปที่ศูนย์ฝึกส่วนตัวข้างนอกโรงเรียนได้ อย่างไรก็ตาม ฉันต้องเตือนนายไว้ก่อนว่า ฉันไม่สามารถออกจากโรงเรียนได้ ดังนั้นฉันจะช่วยนายข้างนอกไม่ได้”
“ทำไมเธอถึงออกไปไม่ได้ มีอุปสรรคบางอย่างที่ป้องกันไม่ให้เธอออกไปงั้นหรอ” ลีโอถามด้วยความสงสัย
“เปล่า ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก แค่มานาที่รวมตัวกันในสถานที่นี้เพียงพอสำหรับฉันที่จะรักษาวิญญาณของฉันไม่ให้เสื่อมสลาย มานานอกอาณาเขตของสถาบันนั้นแย่กว่าในสถาบันหลายเท่า ถ้าฉันออกไปข้างนอก ฉันจะไม่สามารถรักษาสภาพที่สมบูรณ์ของวิญญาณของฉันไว้ได้ และถ้าวิญญาณของฉันเสียหาย ฉันจะตายอย่างแท้จริง”
“เข้าใจล่ะ… ยังไงฉันก็ไม่ได้วางแผนที่จะออกไปข้างนอกเพราะฉันไม่มีเงิน และค่าเช่าห้องฝึกส่วนตัวก็ฟังดูแพง” ลีโอถอนหายใจ
“ว่าแต่ ปกติเธอผีแบบเธอทำอะไรบ้าง?” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น
“ฉันไม่ใช่ผี! และเพราะว่าฉันไม่สามารถแตะต้องอะไรได้ ฉันทำได้เพียงเดินไปรอบ ๆ สถาบันแห่งนี้ และดูผู้คนทำสิ่งต่างๆ ฉันไปเรียนเพื่อรักษาสภาพจิตใจให้ยังปกติ และเพื่อให้ความรู้ของฉันให้เป็นปัจจุบัน และฉันก็เฝ้าดูนักเรียนฝึกฝนเมื่อฉันเบื่อ”
“ในเวลาที่ฉันเบื่อมากๆ ฉันจะแอบดูนักเรียนหล่อๆ ในห้องอาบน้ำ” ลิลิธพูดด้วยรอยยิ้มโรคจิตๆบนใบหน้าของเธอ
ลีโอขมวดคิ้ว “ช่างเป็นงานอดิเรกที่หยาบคายจริงๆ เมื่อคิดว่าตอนนี้ฉันกำลังมีความเกี่ยวข้องกับคนอย่างเธอ…”
“ฉะ-ฉันแค่ล้อเล่นน่า! เช้อ นายนี่นะไม่สนุกเลย คนที่สง่างามและนิ่มนวลอย่างฉันไม่มีวันตกต่ำถึงขนาดแอบมองคนอื่นอาบน้ำ!”
“ใช่… ฉันเดาว่าต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ ที่เธอโผล่ศีรษะมามองฉันตอนอาบน้ำ”
มุมปากของลิลิธกระตุกหลังจากได้ยินคำพูดของเขา
“ฉันขอโทษ! ได้โปรดอย่าเลิกเป็นเพื่อนกับฉันเลยนะ! ฉันสาบานว่าฉันจะดูแค่ร่างกายของนายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!”
“นั่นมันไม่ใช่ประเด็น! อย่างไรก็ตาม เราเปลี่ยนเรื่องกันเถอะ ฉันอยากรู้เกี่ยวกับเธอมากกว่านี้ เธอบอกฉันได้ไหมว่าเธอตายได้อย่างไร? แล้วชีวิตของเธอก่อนที่จะกลายมาเป็นวิญญาณล่ะ?”
“…”
ลิลิธแสดงสีหน้าลังเล
“ถ้ารู้สึกไม่สบายใจก็ไม่ต้องบอกก็ได้ ฉันแค่ถามดู ไม่ได้เรียกร้องอะไร” ลีโอรีบพูด
“ขอบใจนะ ฉันจะเล่าภูมิหลังของฉันให้ฟังเมื่อฉันพร้อม แต่ยังไงก็ตาม ฉันสามารถบอกนายได้ว่าฉันตายได้อย่างไร ฉันถูกครอบครัวทรยศหักหลัง นั่นแหละวิธีที่ฉันตาย”
ลีโอกลืนน้ำลายอย่างกระวนกระวาย เขาไม่คิดว่าการตายของเธอจะมืดมนขนาดนี้ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงลังเลที่จะเล่าเรื่องของเธอ
‘ถ้าเธอพูดความจริง ฉันไม่คิดว่าเธอจะทรยศฉันในอนาคต’ ลีโอคิดกับตัวเอง
“บอกฉันเกี่ยวกับโลกของนายหน่อยได้ไหม” จู่ๆ ลิลิธก็ถามเขา
“เชื่อฉันเถอะ ว่าเธอไม่อยากฟังหรอก มันเป็นสถานที่น่าเบื่อสุดๆ เมื่อเทียบกับโลกนี้”
“นายไม่รู้หรอกว่ามันจะน่าเบื่อไหม”
“แน่นอน ฉันรู้ โลกนี้มีเวทมนตร์ แต่ในโลกเก่าของฉัน เวทมนตร์มีอยู่ในเรื่องราวแฟนตาซีและภาพยนตร์เท่านั้น ถ้าเธอเอาความสนุกทั้งหมดในโลกนี้ออกไป นั่นก็จะเหมือนโลกของฉัน”
“ความสนุกงั้นหรอ…” ลิลิธพึมพำเสียงเบา
“ไม่ว่ายังไง ฉันก็ยังอยากฟัง ถ้านายบอกฉันเกี่ยวกับโลกของนาย ฉันจะสอนคาถาเวทมนตร์ให้นายเพิ่ม”
“รับข้อเสนอ!” ลีโอตอบตกลงทันที
จากนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้
“เดี๋ยวนะ เธอพึ่งบอกว่าเธอไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้เนื่องจากเธอเป็นวิญญาณใช่ไหม? แล้ววงเวทย์ก็ถือว่าเป็นเวทมนตร์ไม่ใช่หรอ?”
“ใช่ วงเวทย์ถือว่าเป็นเวทมนตร์”
“แล้วทำไมเธอถึงใช้มันได้ล่ะ”
“เพราะว่าวงเวทย์ของฉันไม่ใช่วงเวทย์จริง ๆ ฉันเป็นวิญญาณ ดังนั้นฉันจึงสามารถเปลี่ยนรูปร่างของฉันได้ตามจินตนาการ แบบนี้…”
จู่ๆ มือขวาของลิลิธก็กลายเป็นกริช
“มันเจ๋งมาก” ลีโอพึมพำ
“นี่เป็นวิธีที่ฉันสามารถสร้างวงเวทย์ได้โดยไม่ต้องใช้เวทมนตร์”
“ตอนนี้นายเข้าใจแล้ว รีบบอกฉันเกี่ยวกับโลกของนายเร็วเข้า!”
“ถึงเธอจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มต้นยังไง โลกของฉันก็เหมือนกับโลกนี้ทุกอย่าง แต่ไม่มีเวทมนตร์และแวมไพร์ และนั่นรวมถึงไปสถาบันและนักเรียนที่นี่ด้วย”
“งั้นช่วยเล่าเกี่ยวกับชีวิตของนาย ก่อนที่จะมาที่นี่ให้ฟังหน่อยได้ไหม”
ลีโอพยักหน้าและพูดว่า “ฉันเป็นนักเรียนของสถาบันนี้ในโลกของฉัน แต่สถาบันมีชื่ออื่นในที่นั่น มันเรียกว่า—สถาบันสี่ฤดู”
“ฉันมาจากพื้นเพธรรมดาๆ ที่ไม่ค่อยมีเงินมากนัก ฉันจึงต้องมีทุนการศึกษาเพื่อเข้าเรียนในระดับสถาบัน ซึ่งฉันได้คะแนนสูงสุดในการสอบเข้าของสถาบัน และหลังจากที่ฉันเข้ามาในสถาบันได้ไม่นาน นักเรียนคนอื่นๆ ก็เริ่มบูลลี่ฉันเพราะฉันเป็นนักเรียนคนเดียวในชั้นที่มาจากครอบครัวธรรมดาๆ และการอยู่เหนือพวกเขาเสมอในการทดสอบที่ต้องทำทุกสองสัปดาห์นั้นไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลยแม้แต่น้อย”
“อ้อ เนื่องจากฉันเรียนข้ามชั้นไปสองสามชั้น ฉันจึงเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในชั้นของเราด้วย”
“และในตอนที่ฉันคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตของฉัน ฉันก็ถูกโยนเข้ามาในโลกนี้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากฉันเลย”
ลิลิธแสดงสีหน้าสมเพชบนใบหน้าของเธอหลังจากได้ยินชีวิตที่น่าหดหู่ในสถาบันของลีโอ
“แล้วชีวิตของนายก่อนเข้าเรียนที่สถาบันล่ะ?”
ลีโอหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “มันน่าเบื่อยิ่งกว่าเดิมซะอีก ฉันเรียนหนังสือตลอดทั้งวันทั้งคืน ดังนั้นฉันจึงไม่มีเพื่อนเลย”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ลิลิธก็พูดขึ้นว่า “พูดตามตรง ชีวิตของนายเหมือนกับฉันมาก”
“ฉันไม่มีเพื่อนเพราะฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกเวทมนตร์ที่บ้าน และฉันมีครอบครัวที่เข้มงวดมาก นี่คือชีวิตของฉันตั้งแต่ต้นจนจบ”
“อาจเป็นเพราะชีวิตที่คล้ายกันของเราที่นำพาเรามาพบกัน นี่สินะที่เขาเรียกว่าพรหมลิขิต?”
“ไม่น่าจะใช่นะ” ลีโอปฏิเสธทันที
ลิลิธยิ้ม “แต่เป็นความจริงที่นายเป็นคนเดียวในสถาบันแห่งนี้ที่มองเห็นฉัน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นคาถาอีกอันหนึ่ง ที่ฉันสัญญาไว้”
ครั้งนี้ลิลิธแสดงวงเวทย์ที่ต่างออกไปให้ลีโอดู
ลีโอจ้องมองที่วงเวทย์สองสามวินาทีก่อนที่ระบบจะปรากฏขึ้น
<คุณได้เรียนรู้คาถาเวทมนตร์: เปลวไฟสีดำ>
[เปลวไฟสีดำ]
[ความสัมพันธ์: ความมืด/ไฟ]
[ระดับ: 1]
[มานา: 25]
[ระดับความชำนาญ: F]
“นี่คือวงเวทย์ของเปลวไฟสีดำ มันเป็นเวทมนตร์แห่งความมืดและไฟ” ลิลิธอธิบาย
“ห๊ะ? ฉันคิดว่าฉันไม่สามารถใช้เวทมนตร์ที่มีความสัมพันธ์อื่นได้” ลีโอเอียงศีรษะด้วยท่าทางงุนงง
“นั่นก็จริง แม้ว่าคาถาเวทมนตร์นี้จะมีองค์ประกอบของไฟ แต่ก็ถือว่าเป็นเวทมนตร์แห่งความมืด ตราบใดที่เวทมนตร์มีองค์ประกอบของความมืด นายก็จะสามารถใช้มันได้ ด้วยเหตุนี้ ถ้านายมีความสัมพันธ์ทางเวทมนตร์กับองค์ประกอบทั้งสอง เวทมนตร์ก็จะมีพลังมากขึ้นและมันจะขยายตามความสัมพันธ์ทางเวทมนตร์ของนาย” ลิลิธอธิบาย
“ฉันเข้าใจแล้ว... ฉันอยากจะลองใช้คาถาใหม่นี้จริงๆ แต่ตอนนี้ฉันคงต้องอดทนไปก่อน” ลีโอถอนหายใจ
หลังจากนั้น ลีโอก็ออกจากห้องของเขาและไปที่ห้องซักรีดเพื่อทำความสะอาดเครื่องแบบของเขาที่มีกลิ่นเหงื่อ ก่อนที่เขาจะไปหาแฮงค์
“ว่าไงลีโอ แล้วทำไมนายถึงอยู่ในชุดอาบน้ำล่ะ”
“ฉันไม่มีเสื้อผ้าเลย และชุดเครื่องแบบของฉันก็กำลังซักอยู่ในเครื่องซักผ้า”
“อ้อ… ถ้าอย่างนั้นนายอยากจะยืมเสื้อผ้าของฉันไหม? เรามีรูปร่างที่ค่อนข้างคล้ายกัน ดังนั้นมันควรจะพอดี”
“นายแน่ใจนะ?” ลีโอถาม
“ใช่ ฉันมีหลายตัวที่ไม่ใช้แล้ว นายสามารถเอามันไปได้เลยถ้านายต้องการ”
ลีโอส่ายหัวและพูดว่า “ฉันแค่ต้องการบางอย่างที่ฉันสามารถใส่ไปออกกำลังกายได้ และเสื้อผ้าแค่ชุดเดียวก็พอแล้ว”
“ได้เลย มากับฉัน” แฮงค์พาลีโอไปที่ห้องของตัวเอง
ไม่นานหลังจากนั้น แฮงค์ก็มอบชุดสำหรับออกกำลังกายให้ลีโอสามชุด
“ฉันรู้ว่านายขอแค่ชุดเดียว แต่รับไปเถอะ ฉันวางแผนที่จะทิ้งพวกมันอยู่พอดี”
“ขอบคุณ ฉันเป็นหนี้นาย” ลีโอพยักหน้า
“อีกอย่าง ฉันอยากถามนายว่า จะว่าอะไรไหมถ้าฉันออกกำลังกายรอบ ๆ หอพัก”
“ได้แน่นอน ตราบใดที่นายไม่สร้างความวุ่นวายหรือใช้เวทมนตร์ นายก็จะไม่เป็นไร การใช้เวทมนตร์นอกการแข่งขันอย่างเป็นทางการและนอกศูนย์ฝึกเป็นสิ่งต้องห้าม”
“ขะ-ขอบคุณนะ” จู่ๆ ลีโอก็นึกถึงรูบนกำแพง
จากนั้นลีโอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ และเริ่มวิ่งรอบหอพักในขณะที่ลิลิธตามเขาไปในอากาศ
หลังจากวิ่งไปสามชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก ลีโอก็กลับไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็สวมชุดเครื่องแบบนักเรียนและออกจากหอพัก
“นายกำลังจะไปไหน?” ลิลิธถามเขา
“แน่นอนว่าไปโรงอาหาร ฉันกำลังหิวหลังจากที่ฝึกในวันนี้”
มีโรงอาหารที่แตกต่างกันสามแห่งที่นักเรียนสามารถไปได้ในสถาบันแห่งนี้ สองแห่งให้บริการอาหารฟรี ในขณะแห่งที่สามมีไว้สำหรับพวกชนชั้นสูงที่ไม่รังเกียจที่จะจ่ายเงินสำหรับอาหารหรูหรา
สำหรับโรงอาหารสองแห่งนั้น โรงอาหารแห่งหนึ่งถูกใช้โดยนักเรียนเวทมนตร์เท่านั้น ในขณะที่อีกโรงหนึ่งสำหรับนักเรียนปกติ
อย่างไรก็ตาม ความเหลื่อมล้ำระหว่างนักเรียนไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ มันเป็นสิ่งที่โรงเรียนตั้งใจเอาไว้ และเป็นสถานการณ์ที่เหล่านักเรียนสร้างขึ้นเพื่อให้ได้รับสิ่งที่ดีกว่า นั่นคือที่มาของความเหลื่อมล้ำ
โชคดีสำหรับลีโอ โรงอาหารที่นักเรียนธรรมดาอย่างเขาใช้อยู่ใกล้หอพักของเขามากที่สุด และเขาก็มาถึงหลังจากเดินเพียงสิบนาที
เมื่อเขามาถึง นักเรียนที่นั่นก็สังเกตเห็นการปรากฏตัวของลีโออย่างรวดเร็ว และทุกคนก็จ้องมองมาที่เขา ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรับประทานอาหารอย่างสงบ