ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 178 ผีดิบเหล็กไหล
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 178 ผีดิบเหล็กไหล
แปลโดย iPAT
เรือแล่นไปตามกระแสน้ำท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเย็นและเงียบสงัด
ใบหน้าของห่าวปิงหยางค่อนข้างมืดมน เขานั่งอยู่หัวเรือและมองเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น
จินหยวนและจินเป่าต่างรู้สึกอึดอัดและละอายใจ พวกเขาไม่กล้ากล่าวสิ่งใด
ทันใดนั้นเหออี้ซื่อก็ส่งเสียงทำลายความเงียบ “เรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว? เราพึ่งพบหลี่ฉิงซานเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้เราจะขัดแย้งกันเพราะคนนอกเพียงผู้เดียวเช่นนั้นหรือ?”
พวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แม้พรสวรรค์ของพวกเขาจะแตกต่างกันแต่มันไม่เคยส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา กล่าวอีกนัยคือห่าวปิงหยางไม่เคยดูถูกพวกเขา ตรงข้าม เขาดูแลศิษย์น้องของเขาอย่างดีเสมอมา
จินหยวนกล่าว “อี้ซื่อพูดถูก พี่ใหญ่โปรดสงบอารมณ์ ฉิงซานจะไม่เป็นไร สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพวกเราในเวลานี้คือร่วมมือกันจัดการนักพรตผีดิบเพื่อบรรลุภารกิจที่ท่านอาจารย์มอบให้”
หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ห่าวปิงหยางก็ถอนหายใจและพยักหน้าเล็กน้อย “เตรียมตัวให้พร้อม ครั้งนี้เด็กนั่นไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อดูแลพวกเจ้าอีกต่อไป”
จินเป๋ากล่าวด้วยความมั่นใจ “อย่ากังวล ครั้งนี้เราจะทำได้ดีอย่างแน่นอน!”
ภาพและฉากเหตุการณ์เหล่านี้พุ่งผ่านจิตใจของจินเป่าก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของจินหยวนอย่างไม่รู้สิ้นสุด เขาชำเลืองมองน้องชายเป็นครั้งสุดท้ายแต่เขาไม่กล้าหยุดวิ่ง เขาทำได้เพียงวิ่งต่อไปอย่างไร้สติในถ้ำสีดำที่มืดสนิทราวกับแมลงวันหัวขาด ขณะที่เสียงของสัตว์ร้ายคืบคลานเข้าใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้นหินก้อนใหญ่ก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าเขา เส้นทางข้างหน้าสิ้นสุดลงแล้ว เขามาถึงทางตันโดยไม่รู้ตัว!
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ หากเขาอยู่ต่อสู้ร่วมกับหลี่ฉิงซาน เขาจะประสบชะตากรรมเดียวกันนี้หรือไม่ มันต้องแตกต่างออกไปอย่างแน่นอน แม้แต่ผู้บัญชาการหมาป่าทมิฬก็ไม่น่ากลัวเท่ากับสัตว์ประหลาดตัวนี้!
“บึม!”
จินหยวนหันกลับไป เขาเห็นศีรษะลอยเข้ามาและกระเด็นอยู่บนพื้นสองสามครั้งก่อนจะหยุดลง มันเป็นศีรษะของหุ่นเชิด เขาปล่อยมันออกไปเพื่อปิดกั้นสัตว์ประหลาด แต่มันกลับถูกทำลายในการโจมตีเดียว
ร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากความมืดตรงหน้าจินหยวน เท้าของมันเหมือนทำมาจากเหล็กขณะที่มันสัมผัสพื้น ดวงตาของมันเผยให้เห็นถึงความกระหายเลือดขณะที่เขี้ยวสี่ซี่ยื่นออกมาจากริมฝีปากของมัน
“อ๊าก...” จินหยวนกรีดร้องขณะปล่อยพายุอีกาเพลิงออกจากหน้าไม้
“บึม บึม บึม บึม!”
ประกายไฟปะทุขึ้นบนร่างสีดำ พลังอำนาจของการระเบิดไม่สามารถทิ้งบาดแผลใดๆไว้บนชั้นผิวหนังของมัน ตรงข้าม สิ่งนี้ยิ่งทำให้มันโกรธและส่งเสียงคำรามออกมา
สัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ได้สวมเกราะเหล็กแต่ร่างกายของมันเหมือนถูกหลอมขึ้นมาจากเหล็กกล้า ใบหน้าครึ่งหนึ่งของมันเป็นเหล็กเช่นกัน นั่นทำให้มันยิ่งดูดุร้ายและน่ากลัวมากขึ้นไปอีก
“ยะ...อย่าเข้ามา! พี่ใหญ่ ช่วยข้าด้วย!”
สัตว์ประหลาดพุ่งเข้าหาจินหยวนด้วยความเร็วดุจสายฟ้า กรงเล็บอันแหลมคมของมันแทงเข้าไปที่หน้าอกของจินหยวนอย่างโหดเหี้ยมและยกเขาขึ้นสู่อากาศ จากนั้นมันก็กัดลำคอของเขาและดื่มเลือดสดๆ
จินหยวนพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด เขาทุบตีสัตว์ประหลาดอย่างต่อเนื่องแต่มันไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ร่างกายของเขาค่อยๆอ่อนแรงและชักกระตุกสองสามครั้ง ความคิดสุดท้ายพุ่งผ่านจิตใจของเขา
หากข้าไม่หนี ข้าคงตายไปพร้อมกับน้องชายและคนอื่นๆ พี่ใหญ่ ข้าขอโทษ!
ทันใดนั้นเสียงระฆังก็ดังขึ้นในส่วนลึกของถ้ำ สัตว์ประหลาดเงยหน้าขึ้นและปล่อยเสียงคำรามด้วยความโกรธและไม่เต็มใจ มันคว้าร่างของจินหยวนและรีบวิ่งไปตามทิศทางที่เสียงระฆังดังขึ้น
สัตว์ประหลาดมาถึงพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่พร้อมกับศพสองศพ จากนั้นมันก็ก้มหน้าลงดูดเลือดจากคอของจินหยวนอีกครั้ง
ตอนนี้โลงศพหินหายไปแล้ว โซ่เหล็กที่เคยผนึกโลงศพกำลังรัดพันร่างกายของห่าวปิงหยาง เหออี้ซื่อและจางหลานฉิงถูกมัดรวมกันไว้ด้านข้าง ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวและแทบไม่หายใจแล้ว
การเสียชีวิตอย่างน่าสยดสยองของคู่พี่น้องทำให้ห่าวปิงหยางเสียใจมาก เขาคำรามออกมา “จินหยวน! จินเป่า!” โซ่เหล็กสั่นจากการเคลื่อนไหวของเขา ภาพที่เห็นทำให้จางหลานฉิงและเหออี้ซื่อรู้สึกโศกเศร้าเช่นกัน
“ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่” นักพรตผีดิบหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่าขยะเช่นพวกเจ้าจะสามารถจัดการนักพรดผีดิบผู้นี้? พวกเจ้าเห็นหรือยังว่าผีดิบเหล็กไหลของข้าทรงพลังเพียงใด?”
เขาใช้เวลาหลายปีซ่อนตัวอยู่ใต้ดินและค้นคว้าเกี่ยวกับซากศพ ผีดิบทั่วไปไม่สามารถรับมือจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่ง พวกมันไร้ประโยชน์ มีเพียงผีดิบที่ถูกดัดแปลงร่างกายด้วยเหล็กไหลเท่านั้นจึงจะถูกพิจารณาว่าเป็นทักษะการปรับแต่งซากศพที่แท้จริง
นักพรตผีดิบกล่าว “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าต้องใช้ความพยายามมากเพียงใดในการปรับแต่งผีดิบเหล็กไหลตัวนี้”
ห่าวปิงหยางและอีกสองคนสบถสาปแช่งเสียงดัง
นักพรตผีดิบไม่สนใจพวกเขาและกล่าวต่อ “ข้าต้องใช้เวลาหลายปีในการทำงาน ข้าขุดสุสานทุกแห่งและฆ่าผู้คนไปมากมาย แต่ข้าก็ยังพบศพที่เหมาะสมเพียงสิบสองศพจากหลายพันศพ หลังจากนั้นข้าก็หลอมเหล็กจนเหลวและเทลงบนซากศพเหล่านั้นทีละชั้นเพื่อแทนที่เลือดเนื้อของพวกมัน ขั้นตอนนี้ใช้เวลาสามปีขณะที่ศพครึ่งหนึ่งถูกทำลายไปในกระบวนการนี้”
“ข้าใช้เวลาสามปีในการรดน้ำพวกมันด้วยเลือดและปรับแต่งพวกมันอย่างต่อเนื่องด้วยทักษะลับของข้า สุดท้ายซากศพจึงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่ประสบความสำเร็จ”
“เจ้าของศพนี้เคยเป็นจอมยุทธ์ที่บ่มเพาะร่างกายมาก่อน ข้าราดเหล็กเหลวตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่และใช้ยาจิตวิญญาณเพื่อยื้อชีวิตของเขาเอาไว้เพื่อบ่มเพาะความเกลียดชังในใจของเขา จากนั้นข้าก็เริ่มดัดแปลงเขา ดังคาด มีเพียงเขาเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ พวกเจ้าจะไม่ได้รับความเมตตาใดๆจากมัน”
เหออี้ซื่อสั่นไปทั้งร่าง การทรมานด้วยการราดเหล็กหลอมเหลวน่าสะพรึงกลัวเกินไป สิ่งที่นักพรตผีดิบกล่าวแสดงให้เห็นถึงความไร้หัวใจของเขาอย่างชัดเจน
นักพรตผีดิบหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “การทำงานหนักนับสิบปีถือว่าคุ้มค่า! มันคุ้มค่ามาก!” ผีดิบเหล็กไหลแข็งแกร่งมากและยังเคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวกับสายลม ร่างกายของมันแข็งแกร่งเหมือนสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ กระทั่งจอมยุทธ์ขั้นหกก็ยังต้องล่าถอยหากพบเจอกับมัน
เมื่อห่าวปิงหยางและศิษย์น้องของเขาบุกเข้ามา นักพรตผีดิบที่เตรียมตัวไว้แล้วก็ปล่อยผีดิบเหล็กไหลออกมา จากนั้นสถานการณ์ก็กลายเป็นเช่นนี้
มันเทียบเท่ากับการถูกปิดล้อมด้วยจอมยุทธ์ขั้นหกสองคนและฝูงผีดิบ พวกเขาได้รับบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว จินเป่าฉวยโอกาสขณะที่ห่าวปิงหยางต่อสู้กับนักพรตผีดิบและคนอื่นๆต่อสู้กับผีดิบเหล็กไหลเพื่อหลบหนีไปเพียงผู้เดียว จินหยวนตามเขาไปทันที แต่ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็ถูกผีดิบเหล็กไหลจับได้และถูกสังหาร
นักพรตผีดิบที่ได้โอกาสระบายความอัดอั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาสงบลงและกล่าวเสียงเย็น “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงบอกทั้งหมดนี้กับพวกเจ้า? นั่นเป็นเพราะข้าจะเปลี่ยนพวกเจ้าเป็นผีดิบเหล็กไหลเช่นกัน ด้วยประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว ครั้งนี้จะง่ายกว่ามาก” นี่คือแง่มุมที่น่ากลัวของผู้ควบคุมผีดิบ หากเขามีเวลามากพอ เขาจะสามารถสร้างกองทัพผีดิบที่แข็งแกร่ง
ห่าวปิงหยางยังสาปแช่งอย่างไม่รู้จบสิ้น ใบหน้าของจางหลานฉิงและเหออี้ซื่อปราศจากสีเลือด หากพวกเขาเข้าสู่กระบวนการปรับแต่งผีดิบเหล็กไหล เพียงขั้นตอนเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาต้องการตายแล้ว
จิตใจของเหออี้ซื่อแตกสลาย เขาสะอื้นไห้และร้องขอชีวิต “ได้โปรด อย่าฆ่าข้า! ข้าจะมอบทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ! เมื่อข้าเป็นนักประดิษฐ์อย่างเป็นทางการ ข้าจะสร้างหินจิตวิญญาณได้มากมาย! ข้าจะตายที่นี่ไม่ได้!”
ห่าวปิงหยางตะโกน “อย่าอ้อนวอนเขา! เขาไม่มีวันไว้ชีวิตเจ้า เจ้าเป็นศิษย์นิกายม่อจื้อ แม้เราต้องตาย เราก็ต้องตายเช่นลูกผู้ชาย อาจารย์จะแก้แค้นให้เรา!”
เหออี้ซื่อกล่าวด้วยความไม่พอใจ “มันเป็นความผิดของเจ้าทั้งหมด! หากเจ้าไม่พาพวกเรามาด้วย เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร! ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า!”
ห่าวปิงหยางตกตะลึงและพูดไม่ออก
จางหลานฉิงกล่าว “เหออี้ซื่อ เจ้าเสียสติไปแล้วงั้นหรือ?”
เหออี้ซื่อตอบโต้ “ข้าไม่ได้เสียสติ เจ้าก็เหมือนกับเขา เพียงเพราะพวกเจ้าเป็นจอมยุทธ์ขั้นห้าและหก พวกเจ้าจึงดุด่าทุบตีพวกเราได้ตามต้องการ พวกเจ้ามีเพียงพรสวรรค์และการบ่มเพาะที่สูงกว่า แต่มันน่าประทับใจมากนักงั้นหรือ?”
หัวใจของห่าวปิงหยางกลายเป็นเย็นเยียบ แม้การบ่มเพาะของเขาจะเหนือกว่าคนอื่นๆมากแต่เขาก็ได้รับส่วนแบ่งเพียงสามสิบส่วน ในความเป็นจริงหากเขาต้องการ เขาสามารถทำภารกิจนี้กับสหายที่ดีกว่าคนเหล่านี้ สิ่งที่เขาต้องการทำคือดูแลศิษย์น้องของเขาแต่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะลงเอยเช่นนี้
นักพรตผีดิบมองเหมือนกำลังชมการแสดง
เหออี้ซื่อพยายามเคลื่อนที่เข้าไปหานักพรตผีดิบ “ท่านนักพรต ท่านปรมาจารย์ผู้รู้แจ้ง ผู้ต่ำต้อยผู้นี้ยินดีเป็นทาสของท่าน ข้าจะทำทุกอย่างที่ท่านต้องการตราบเท่าที่ท่านไว้ชีวิตข้า”
นักพรตผีดิบกล่าว “เอาล่ะ หากเจ้าต้องการเป็นทาสของข้า ข้าก็จะให้โอกาสเจ้า”
เขาหยุดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ “แต่มันจะเกิดขึ้นเมื่อเจ้ากลายเป็นผีดิบ สุดท้ายผีดิบก็เชื่อถือได้มากกว่าคนที่มีชีวิต แน่นอนว่าเจ้าคงไม่สามารถกลายเป็นผีดิบเหล็กไหลด้วยความสามารถของเจ้า” จากนั้นเขาก็หันหน้าไปทางห่าวปิงหยาง “ในทางกลับกัน เจ้าค่อนข้างดี น่าเสียดายเด็กที่ชื่อหลี่ฉิงซานไม่ได้มากับพวกเจ้า มิฉะนั้นข้าจะมีผีดิบเหล็กไหลสามตัว ด้วยวิธีนี้ จะไม่มีผู้ใดในเมืองเจียเผิงที่สามารถต่อต้านข้าได้อีก!”
เหออี้ซื่อจมลงสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวัง ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดมน
แม้จะเป็นผีดิบ เขาก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับห่าวปิงหยาง นั่นเป็นการดูถูกอย่างเจ็บปวดที่สุด
เสียงเบาๆดังขึ้นขณะที่ร่างเล็กบินเข้ามา
“ผู้ใด?” นักพรตผีดิบหันหน้ากลับไปและมองเข้าไปในถ้ำที่มืดสนิท เขาบังคับให้ผีดิบเหล็กไหลที่กำลังกระสับกระส่ายกลับมาอยู่ข้างกายเขาและสั่งให้ผีดิบอีกสี่ตัวกระโดดออกไป
เขาปรับแต่งผีดิบสี่ตัวนี้มาเป็นพิเศษ พวกมันทรงพลังกว่าผีดิบทั่วไป แม้พวกมันจะไม่แข็งแกร่งเท่าผีดิบเหล็กไหล แต่พวกมันยังเทียบได้กับจอมยุทธ์ขั้นสามหรือสี่ อย่างไรก็ตามหลังจากพวกมันหายเข้าไปในความมืด เขาก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆจากพวกมันอีกเลย
การแสดงออกของนักพรตผีดิบเปลี่ยนไปขณะที่การเชื่อมต่อกับสี่ผีดิบถูกตัดขาด “ผู้ใด? ออกมา!”
“พี่ห่าว ท่านหาสหายได้แย่จริงๆ” หลี่ฉิงซานเดินออกมาจากความมืด
จางหลานฉิงอุทาน “ฉิงซาน!”
นักพรตผีดิบมีความสุขและโกรธในเวลาเดียวกัน “เป็นเจ้า!” เขาตรวจสอบหลี่ฉิงซาน “เจ้าเป็นวัตถุดิบชั้นยอดจริงๆ หากเจ้าถูกปรับแต่งเป็นผีดิบเหล็กไหล เจ้าอาจแข็งแกร่งกว่าเขา!”
ห่าวปิงหยางเตือน “ระวัง มันเป็นผีดิบเหล็กไหล!”
“สายไปแล้ว!” แสงเย็นเยียบพุ่งผ่านดวงตาของนักพรตผีดิบ เขาสั่นระฆังทองสัมฤทธิ์ในมือขณะที่ผีดิบเหล็กไหลพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซาน
หลี่ฉิงซานล่าถอยออกไปพร้อมกับดึงดาบวายุออกมา เขาส่งดาบสายลมพุ่งออกไป มันพุ่งผ่านนักพรตผีดิบและตรงไปยังโซ่เหล็กที่มัดห่าวปิงหยางเอาไว้