ตอนที่ 839 กลับมาแล้ว
พวกเขากลับมาอย่างเงียบงันเหมือนกับตอนที่ออกเดินทาง
เมื่อกองพลเกราะเทพเจ้ากลับมาพวกเขาไม่มีความตั้งใจจะซ่อนตัวเอง คนทั้ง200 เร่งความเร็วข้ามพื้นที่แห้งแล้งกันดารตัดผ่านอากาศ ผ่านเข้าไปในเมฆหนาแน่นมีเสียงกึกก้องและประกายแสงกระพริบผ่านเข้ามาในสายตาทุกคนจากเส้นขอบฟ้า
กองพลเกราะเทพเจ้ากำลังแสดงพลังแกร่งกร้าวที่หยิ่งผยองได้กับทุกอย่างที่อยู่ภายในสายตาพวกเขา
เสียงกึกก้องของการบินด้วยความเร็วสูงทำให้พื้นสั่นสะเทือนราวกับว่าโลกต้อนรับการกลับมาของวีรบุรุษ
ยิ่งพวกเขาใกล้เข้ามาก็ยิ่งรู้สึกถึงแรงกดดันที่รุนแรง
คนบนเรือทั้งหมดรู้สึกว่าสายตาของพวกเขาเป็นสีดำ นั่นคือกองพลเกราะเทพเจ้าที่อยู่หน้าขบวนเรือกะทันหันและในทันทีนั้นทุกคนรู้สึกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดอย่างไม่เคยมีมาก่อน ก็แค่คน 200 คน แต่ความรู้สึกของพวกเขาคลุมล้อมท้องฟ้ารู้สึกเหมือนกับว่ามีมังกรโบราณเดินออกมาสยายปีกและทอดเงาครอบคลุมทั้งขบวนเรือขนส่ง
เสียงกึกก้องยังคงสะท้อนลอยอยู่ในอากาศ
สมาชิกบนเรือมีสายตาเต็มไปด้วยความนับถือ
การลงมาของกองพลเกราะเทพเจ้าทำให้พวกเขาได้เห็นว่าทหารทุกคนเหนื่อยล้าอย่างไม่อาจปกปิดไว้ได้ พวกเขามีรอยเปื้อนเลือดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ทุกคนแฝงไปด้วยรังสีฆ่าฟัน เห็นได้ชัดว่าการสู้รบรุนแรงไม่คลายลงเลยสักน้อย
ใช่แล้ว แทบไม่ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย
หมัดเทพเจ้าที่สั่นสะเทือนสวรรค์ของถังเทียนกวาดซิดนี่ย์และนำไปสู่การล่มสลายของกองพลกงล้อ แผนของถังเทียนไม่ได้แค่เอาชนะศัตรู แต่ต้องฆ่าพวกเขาทั้งหมด เขาไม่ต้องการให้เรื่องแพร่สะพัดออกไปก่อนที่หน่วยสุญญตาจะได้รับเรือรบ และทำให้ทวีปกวงหมิงจับตาดูพวกเขา
การดึงดูดความสนใจของพวกเขาให้มาเมืองฮวงเป็นแผนในอนาคต
ด้วยเหตุนั้นเองการล่าที่โหดเหี้ยมจึงเริ่มขึ้น
การซุ่มโจมตีก่อนหน้านี้ทำให้กองพลกงล้อสูญเสียพลังต่อสู้ไปมากกว่าครึ่ง แต่หลังจากซิดนี่ย์ตายพวกเขายังคงมีคนแข็งแกร่ง 2000 คน และเพราะฝ่ายของถังเทียนมีคนเพียง 200 คนซึ่งก็หมายความว่าแต่ละคนจะต้องล่าคน 10 คน อาจจะไม่ยากถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้หลบหนี
ทหารที่พ่ายแพ้เป็นเหมือนแมลงวันไร้หัวและเพื่อป้องกันพวกเขาไม่ให้หนี ฝูเจิ้งจือต้องทำลายความหวังพวกเขา
ถังเทียนไม่ได้ทำอะไรหลังจากฆ่าซิดนีย์เป็นโอกาสดีสำหรับสมาชิกกองพลเกราะเทพเจ้าส่วนใหญ่พวกเขายังฟื้นพลังไม่ถึงครึ่ง และมีคนอย่างจี๋เจ๋อไม่กี่คนที่กฎธรรมชาติของเขาอ่อนแอมากในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และจำเป็นต้องหาวิธีใหม่ที่เหมาะสมในการต่อสู้
สำหรับพวกเขานั่นเป็นการทำความเข้าใจทักษะใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ไม่ต้องคำนึกถึงวิธีการที่แต่ละคนจะต้องเรียนรู้และเข้าใจ ไม่มีอะไรดีไปกว่าฝึกฝนผ่านการสู้รบจริง
ถังเทียนไม่สามารถช่วยให้พวกเขาเข้าใจวิถีการต่อสู้แบบใหม่
ในกระบวนการล่าเป็นการต่อสู้ที่ขมขื่นสำหรับพวกเขา ข้อเสียเปรียบของพวกเขาในเรื่องจำนวนกลายเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดมาก แต่พวกเขาไม่เคยต่อรองให้ทำงานง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคำสั่งของถังเทียน
จากจุดเริ่มต้นที่งุ่มง่ามในตอนแรก จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือก็เริ่มเข้าใจการประสานพลังกัน
วิ่ง, แยก, ไล่ล่ากลยุทธทั้งหมดนี้เปลี่ยนพวกเขาให้เป็นนักล่าที่มีประสบการณ์ หลังจากนั้นพวกเขายังคงเข้าใจวิธีใช้กับดักโดยใช้กฎธรรมชาติลอบสังหารทหารและประสิทธิภาพในการล่าของพวกเขาเพิ่มขึ้น
แต่ถึงกระนั้นการสู้รบของพวกเขาใช้เวลา 2ชั่วโมงและพวกเขาทุกคนเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส
พวกเขาทุ่มใช้พลังกันจนหมด แต่ก็ยังตื่นเต้นมากเหมือนกับว่าเป็นศึกแรกของพวกเขาหลังจากเข้าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ และตัวชัยชนะเองช่วยเพิ่มกำลังใจพวกเขาอย่างมหาศาล ที่สำคัญยิ่งกว่าทุกคนในนั้นได้รับประโยชน์จากการสู้รบ
ตัวอย่างเช่น จี๋เจ๋อ
จี๋เจ๋อก่อนนั้นไม่พอใจกับผลงานของเขาเอง แต่การติดตามไล่ล่าทำให้ผลงานของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์ เขาค่อยๆพบความสามารถพิเศษในการต่อสู้ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ และพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก และในที่สุดดาบพิศวงของเขาเป็นเหมือนมัจจุราชคอยเอาชีวิตไม่ว่าจะบุกไปทางใดก็ตาม
ไม่ใช่เฉพาะเขาเท่านั้น อีกหลายๆ คนก็ได้รับประโยชน์มหาศาลเช่นกัน ในสมรภูมิที่พวกเขามีโอกาสตายได้ประสิทธิภาพและประสบการณ์จะแตกต่างจากการฝึกฝน
หลังจากผ่านการต่อสู้สองสามศึกพลังของกองพลเกราะเทพเจ้าจะมีคุณภาพก้าวกระโดด
ถังเทียนเองก็เหนื่อยอย่างมากหลังจากถอดเกราะเทพเจ้าแล้ว เขานั่งลงกับพื้น สีหน้าซีดขาว เหงื่อผุดออกมาตามใบหน้าอย่างรวดเร็วและควบคุมไม่ได้ ในพริบตาเขาเปียกโชกไปทั้งตัวราวกับว่าผ่านการอาบน้ำเพียงแต่ว่าเป็นเหงื่อ
ถังเทียนหอบหายใจ มึนศีรษะและแทบจะเป็นลม
หลังจากพักฟื้นไปช่วงเวลาหนึ่งเขาฟื้นความรู้สึกกลับมา แม้ว่าเขาจะรู้สึกเหนื่อยมากก็ตาม แต่เขาก็ตื่นเต้นอย่างน่าประหลาด
หมัดที่เขาปลดปล่อยออกไปนั้นคือพลังโจมตีที่กล้าแข็งที่สุดที่เขาทำให้ในชีวิตของเขา
แม้แต่ตัวถังเทียนเทียนก็ตกใจกับพลังที่หมัดของเขาสร้างขึ้นมา แน่นอนว่าเขาตกใจเพียงหนึ่งวินาทีก่อนที่เขาจะมีความสุข พลังของหมัดเทพเจ้าไร้เทียมทานถึงระดับที่พังทลายทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้า มนุษย์จะสร้างพลังหมัดเช่นนั้นได้ทรงพลังมากขนาดไหน?
‘ใช่เลย,ข้า..หนุ่มชาวฟ้าทรงพลังขนาดนั้น!’
‘ข้าเกือบร้องไห้เพราะความอ่อนไหวของตัวเองแล้ว ข้าจะทำยังไงดี?’
‘โชคดีที่เชียนฮุ่ยไม่เห็น...’
บุรุษหนุ่มมองท้องฟ้าและไม่พูดอะไรรู้สึกชีวิตช่างโหดร้ายและไม่มีความรู้สึกสำหรับเขาแล้วจะดูเยือกเย็นมากเมื่อเชียนฮุ่ยไม่อยู่ใกล้ๆ
บุรุษหนุ่มจมอยู่กับความเศร้าใจของเขาไม่ทันสังเกตว่ามีบางคนกำลังเดินเข้ามาหาเขา
ซือหม่าเซี่ยวถามตามปกติ “เจ้าฆ่าพวกเขาหมดเลยหรือ?”
ถังเทียนค่อยรู้สึกตัวและพยักหน้า “ถูกแล้ว,เราจัดการพวกเขาทั้งหมด”
ฝีเท้าของซือหม่าเซี่ยวแผ่วลงด้วยความรู้สึกกลัว เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเองการนำคนฝีมือดี 200 คน และไม่ว่าวิธีการเขาพยายามใช้วิธีการอะไร เขาไม่สามารถกำจัดกองทัพที่มีคนแข็งแกร่ง 5000คนได้
‘200ต่อ 5000 เรื่องตลกแบบไหนกัน? ต้องเป็นเรื่องตลกแน่นอน’
“เจ้าฆ่าพวกเขาหมดจริงๆหรือ?” เขาอดทบทวนคำถามอีกครั้งไม่ได้
ถังเทียนมองดูสีหน้าของซือหม่าเซี่ยวอย่างแปลกประหลาดจากนั้นตอบอย่างเป็นจริง “แน่นอน, ข้าปล่อยให้พวกเขาหนีไปไม่ได้ดังนั้นจึงได้แต่ฆ่าพวกเขาทั้งหมด”
ถังเทียนทำสีหน้าดุดัน และชูกำปั้นทั้งสอง
‘แม้จะพูดแบบนั้น...’
‘เจ้าทำเสียงราวกับว่าเจ้าไม่มีทางเลือก นอกจากกำจัดพวกเขาทั้งหมด...’
‘เจ้ายังทำให้คนต้องอารมณ์เสียด้วยการพูดแบบนั้นอีก!’
‘และยังการกระทำเหมือนเด็กๆ ของเจ้าเช่นกัน!’
ซือหม่าเซี่ยวรู้สึกหงุดหงิดในใจเหมือนกับมีก้อนด้ายพันกันนุงนังอยู่ด้านหน้าเขา
‘ถูกฆ่าทุกคน!’เมลิซซาและแฟรงค์ที่อยู่ด้านหลังซือหม่าเซี่ยวราวกับถูกฟ้าผ่าตะลึงเป็นไก่ตาแตก ‘กองพล 5000 นายถูกกองทัพ200 ทำลายล้าง นะ นี่..’
แฟรงค์ที่ตอนแรกคิดจะฉวยโอกาสใช้แผนถึงกับความคิดว่างเปล่าทันที เขาปากอ้าค้าง ขณะที่มองดูด้วยความตกใจ
เขาพบแล้วว่ายากจะยอมรับว่าโจรเป็นฝ่ายตามหากองพลกงล้อก่อน พวกโจรดุดันมากขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อใดกัน?เพียงแต่ซือหม่าเซี่ยวพูดว่าพวกเขาชนะตามมาด้วยพายุพลังงานก็ทำให้เขาเข้าใจเต็มที่ว่าพวกโจรแข็งแกร่งทรงพลังมากขนาดไหนแต่ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน พวกเขาก็มีคนแค่ 200 คน คนเพียง 200คนจะกำจัดคน 5000 คนได้ยังไง?
มันยากจะกลืนน้ำลายได้ลงคอ แผนที่แฟรงค์ตั้งใจไว้กระจายไปหมด
“อย่างนั้นเรือเล่าเป็นยังไงบ้าง?” ซือหม่าเซี่ยวถาม
“พังหมดเลย” ถังเทียนรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องพูดอย่างนั้น เรือขนส่งมาตรฐานทหารนั้นราคาแพงมาก และถ้าพวกเขาต้องจ่ายค่าเรือที่เมืองดินแดงก็จะต้องใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก
ถังเทียนพึมพำ “เราไม่มีเงินดูเหมือนว่าเราได้แต่ปล้นชิงสักสองสามลำ”
แฟรงค์เป็นคนแรกที่สั่นสะท้านเนื่องจากพวกเขาพบแล้วเป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำพูดของโจรที่เหมาะสมออกมาจากปากของถังเทียน
‘ก็ได้,พวกเขาเป็นโจร พวกเขาเป็นโจรจริงๆ’ แฟรงค์กัดฟันจากนั้นถามอย่างระมัดระวัง “ข้าขอถามได้ไหม, นายท่านต้องการเรือรบแบบไหน?”
ถังเทียนถือว่าค่อนข้างมีความรู้เรื่องเรือรบแล้ว หลังจากคิดชั่วขณะ เขาตอบ “เรือรบระดับเงิน ติดตั้งอาวุธเรือรบประเภทดาบเป็นหลักต้องไวและคล่องแคล่ว และมีความสามารถสู้รบโดดเด่นในการรบระยะไกล”
แฟรงค์พยักหน้า “จากตรงนี้คงยากจะได้เรือที่พลังป้องกันแข็งแกร่ง”
“เราไม่มีทางเลือกอื่น,เราไม่เน้นการป้องกัน” ถังเทียนรู้ว่าพวกเขาต้องเป็นจริงเป็นจัง จะต้องเน้นเกี่ยวกับการป้องกันของพวกเขา แต่เขากล่าวเสริม “แต่ก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่”
“ข้าเข้าใจ” แฟรงค์พยักหน้า“ตามแบบเรือรบที่นายท่านต้องการ ข้าขอแนะนำเรือรบวายุขาว นี่คือเรือระดับเงินที่โดดเด่นที่เราดำเนินการได้ มันรวดเร็วพลังรุกแข็งแกร่ง เป็นเรือมาตรฐานสำหรับลูกเรือ 200 คน ซึ่งบังเอิญ...”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นถังเทียนขัดจังหวะ “200 คน นั่นเรือเล็กหรือเปล่า? ข้าต้องการเรือลำใหญ่!”
“ใหญ่?”แฟรงค์ตกใจ จากนั้นเขาแนะนำต่อ “นายท่าน,ถ้าท่านมีกำลังพลไม่เพียงพอถึงเกณฑ์มาตรฐานที่จำเป็นต้องใช้ปฏิบัติการในเรือรบ ก็จะไม่ก่อให้เกิดพลังต่อสู้ได้เลย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นซือหม่าเซี่ยวเข้าใจเหตุผลที่แฟรงค์คิดเช่นนั้นและหัวเราะ “นั่นไม่ใช่เรือรบสำหรับเรา”
แฟรงค์ตกใจ “อย่างนั้นนายท่านต้องการเรือลำใหญ่ขนาดไหน?”
หัวใจของเขาสั่นสะท้านแล้ว ‘หรือว่าโจรเหล่านี้ยังมีสหายอยู่อีก?’ เขาตระหนักโดยไม่รู้ตัวว่าเขายังประเมินกำลังของโจรต่ำเกินไป ‘ใช่แล้วโจรที่แข็งแกร่งขนาดนี้จะมาลำพังแค่นี้ได้ยังไง?’
“ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดี จะดีที่สุดก็คือสามารถรองรับกำลังได้ 5000นาย” ถังเทียนตัดสินใจ
ถังเทียนเข้าใจชัดเจนว่ายิ่งเรือลำใหญ่ก็ยิ่งง่ายและสะดวกกับการให้เนี่ยชิวควบคุม หน่วยสุญญตามีร่างกายที่โดดเด่นมีวินัยสูงและประสานงานกันได้เป็นอย่างดี เหมาะกับเรือรบอย่างสมบูรณ์ที่สุด ถ้าพวกเขามีเรือรบที่รองรับหน่วยสุญญตาได้รวดเดียวโดยมีเนี่ยชิวเป็นผู้บัญชาการ อย่างนั้นเรือรบก็คือป้อมเคลื่อนที่แท้จริง!
แต่ถังเทียนยังคงรู้ว่าเรือรบที่สามารถรับคนได้ถึง5000 คนเป็นเรือรบที่ใหญ่ที่สุด สำหรับมหาอำนาจใดๆ ก็ตาม เรือรบระดับนี้ไม่สามารถซื้อกันได้ด้วยเงิน
แต่เรือรบระดับเงินที่จุคนได้ 1000นายได้รับความนิยมมากและพบเห็นได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นหน่วยสุญญตาต้องใช้เรือรบอย่างนั้นถึง 5 ลำ
แฟรงค์อ้าปากกว้างขณะที่เขามองดูถังเทียนอย่างมึงงง
‘เรือรบบรรทุกได้5000 คน...’
‘หรือว่าพวกเขายังมีสหายอีก 5000 คน?’
‘โจร 200 คนที่อยู่ต่อหน้าเขาก็เพียงพอกำจัดกองพลกงล้อได้แล้ว ถ้า 5000 คน...’
ความหนาวเหน็บและกลัวแล่นขึ้นมาจากเท้าของเขา เหมือนกับว่าเขาเห็นคน 5000ที่แข็งแกร่งราวกับอสูรร้ายกวาดไปทั่วทวีปกวงหมิง ด้วยหมัดแสงที่สว่างเหมือนกับดวงอาทิตย์และพลังทำลายล้างทหารกองทัพแล้วกองทัพเล่าถูกเขาสังหาร
แม่น้ำโลหิตไหลนองและแผ่นดินจะเต็มไปด้วยภัยพิบัติ
‘สวรรค์,โลกกำลังจะพินาศหรือนี่?’
‘คนพวกนี้มาจากที่ไหน!’
“เรือบรรทุกคนได้5000 คน มีแนวโน้มว่าคงไม่สามารถซื้อได้ต่อให้ท่านต้องการก็ตาม ข้าคิดว่าน่าจะพิจารณาถึงมาตรฐานบรรทุกคนได้1000 คนไว้ชั่วคราวก่อน ในความเป็นจริงก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน ข้าสามารถทำเรือสำหรับคน 800 อย่างไรก็ตามพวกเขาจะต้องฝึก...”
ถังเทียนพูดตัดบททำให้เขาตื่น
แฟรงค์รู้สึกตัวและพูดราวกับถูกปีศาจเข้าสิง“ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเรือรบสำหรับ 5000 คน....”
พื้นที่รอบๆ เงียบทันที