ตอนที่ 836 การโจมตีคาดไม่ถึง
เพียงเมื่อถังเทียนและกองพลของเขาหายไปทำให้แรงกดดันที่รุนแรงและน่ากลัวครอบคลุมทั้งเรือหายไป
ทุกคนค่อยๆหายจากอาการตกใจกลัว ความว่างเปล่าในสายตาพวกเขาเขาค่อยหายไปหน้าของพวกเขาเริ่มมีสีเลือด แต่เรือขนส่งยังคงเงียบพวกเขายังไม่สามารถเบือนสายตาจากตำแหน่งที่ถังเทียนและพวกหายไป
เมลิซซาฟื้นจากความรู้สึกที่เหมือนกับฝันร้ายหอบหายใจ ตลอดทั้งตัวนางมีเหงื่อชุ่ม
นางไม่เคยคิดเลยว่าคนผู้หนึ่งและทหารของเขาสามารถสร้างรัศมีที่สง่างามขนาดนั้น
นางรู้สึกประหลาดใจเงยหน้าโดยไม่รู้ตัว สังเกตว่าซือหม่าเซี่ยวมาถึงดาดฟ้าเรือโดยไม่รู้ตัวหน้าของซือหม่าเซี่ยวมีรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนดวงอาทิตย์ทำให้ความเครียดในตัวนางผ่อนคลาย
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?”
เมลิซซาถามอย่างยากลำบาก
ซือหม่าเซี่ยวอดยิ้มไม่ได้ “เราเป็นใคร? คำถามนั่น ค่อนข้างซับซ้อน”
จากนั้นเขานั่งลงข้างเมลิซซาอย่างเป็นธรรมชาติและกล่าว “แต่ข้าง่ายกว่า ข้าคือซือหม่าเซี่ยว”
เสียงของฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้งและเสียงของชายชราดังขึ้นจากด้านหลัง “ข้าผู้อาวุโสแฟรงค์จากกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ยินดีที่ได้พบกับท่านซือหม่าเซี่ยว”
ซือหม่าเซี่ยวยืนคำนับตอบ
“ถ้าข้าไม่เห็นด้วยตาตนเอง ข้าคงไม่สามารถนึกภาพได้เลยว่ายังจะมีกองทัพที่ทรงพลังแบบนี้ในโลก” แฟรงค์รู้สึกชื่นชม ผลกระทบที่มีต่อชายชราผู้ฉลาดทำให้เขาสูญเสียความรู้สึกไปชั่วขณะหนึ่ง และน้ำเสียงของเขามีร่องรอยหวาดหวั่น
“มันน่าหัวเราะแน่นอนถ้าท่านเห็นเช่นนั้น” ซือหม่าเซี่ยวยิ้มเขินเหมือนกับว่าเขาไม่รู้สึกดีที่ได้ยินคำชมเชย “ความสามารถในการต่อสู้ของกองพลเกราะเทพเจ้ายังฟื้นไม่ถึงครึ่งจากตำแหน่งของพวกเขายังไม่สามารถเป็นอยู่เหมือนกับที่ท่านชมเชย”
ทุกคนสูดลมหายใจหนาวเหน็บ
ใกล้ๆกันนี้ สีหน้าของจอห์นสันเหมือนกับว่าเขาเห็นผี สีหน้าของเมลิซซาเปลี่ยนไป
มีความสามารถต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างนั้นและแม้จะยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของพลังเดิม อย่างนั้นพลังของพวกเขาจะเป็นอย่างไรขณะที่ใช้พลัง 100%
ทั้งสองคนค่อนข้างสงสัยคำพูดของซือหม่าเซี่ยว การแสดงพลังของกองทัพเกราะเทพเจ้าอยู่เหนือกว่าที่พวกเขาคิดก็ยังมีขีดจำกัด และถ้ามีแค่เพียงครึ่งเดียว อย่างนั้นพลังเต็มที่ของพวกเขาจะเหนือกว่าขีดจำกัดของมนุษย์เพียงไหน
เป็นไปได้ยังไงที่มีกองพลที่ทรงพลังอย่างนั้นในโลก?
เมื่อเห็นความสงสัยในดวงตาของพวกเขาซือหม่าเซี่ยวยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร
แต่แฟรงค์จับรายละเอียดได้ “กองพลเกราะเทพเจ้า?ข้าต้องขอโทษกับความรู้และความคิดคับแคบของข้า แต่ข้าสงสัยว่าทหารระดับสูงนี้มาจากที่ใด?”
ซือหม่าเซี่ยวหัวเราะ แต่ไม่ตอบเขาเขาทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินคำถาม และถามว่า “ข้าสงสัยจริงว่าธุรกิจของท่านคุ้นเคยกับเมืองดินแดงหรือไม่?”
แฟรงค์ไม่รู้ว่าซือหม่าหมายถึงอะไรและตอบอย่างระมัดระวัง “เรามีร้านอยู่แห่งหนึ่งในเมืองดินแดง”
“อย่างนั้นข้าขอถามได้ไหมว่าธุรกิจของท่านสามารถช่วยอะไรเราได้บ้างไหม?” ซือหม่าเซี่ยวพูดอย่างอ่อนโยนทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังอาบน้ำในสายลมสดชื่น
หัวใจของแฟรงค์ตึงเครียด “นั่นเป็นธรรมดา ตราบใดที่เราสามารถทำได้ เราจะไม่ปฏิเสธ”
ซือหม่าเซี่ยวสามารถได้ยินความหมายค้างที่ซ่อนอยู่ในคำพูดแฟรงค์ที่มีต่อพวกเขา แต่เขาไม่สนใจ มีความแตกต่างกันมากมายในเรื่องพลังระหว่างทั้งสองฝ่าย และถ้าเขาไม่สามารถเข้าใจจังหวะของการสนทนา เขาก็คงไม่ใช่ราชาแมงป่อง
เขาหัวเราะ“งั้นข้าหวังว่าธุรกิจของท่านจะสามารถซื้อเรือรบให้เราได้ ขณะที่ราคาก็คงจะรับมือได้ง่าย”
“เรือรบ?” แฟรงค์ถอนหายใจโล่งออก “นั่นไม่เป็นปัญหาธุรกิจของข้ายังคงเกี่ยวข้องกับเรือรบ ท่านไปเลือกเอาได้สองสามลำ เราจะให้ท่านด้วยราคาที่ดีแน่นอน”
เป็นความแตกต่างสำหรับที่ที่พวกเขาอยู่ทวีปกวงหมิงจะเข้มงวดมากกับการทำธุรกิจที่ต้องร่วมกับภูมิภาคใต้ในเรื่องเรือรบ แน่นอนนั่นเป็นที่ซึ่งทวีปกวงหมิงต้องควบคุมมากขึ้น ภูมิภาคตะวันตกเป็นเรื่องแตกต่าง
ภูมิภาคตะวันตกเป็นพื้นที่กันดารและแห้งแล้งและการรักษาความปลอดภัยย่ำแย่ กลุ่มคนทำเหมืองมักจะติดตั้งอาวุธกับเรือขนส่งของตนเองเพื่อประกันความปลอดภัยของพวกเขา เรือทำเหมืองเหล่านี้ติดตั้งอาวุธสามารถพบเห็นได้ทั่วภูมิภาคตะวันตก และมีเรือทำเหมืองขนาดใหญ่สองสามลำที่ติดตั้งอาวุธจนเข้าเกณฑ์เป็นเรือรบได้
แต่ธุรกิจที่เกี่ยวกับเรือรบในภูมิภาคตะวันตกเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งหมด
ซือหม่าเซี่ยวประหลาดใจ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าองค์กรของท่านจะแข็งแกร่งมากขนาดนั้น!”
แฟรงค์รีบตอบ“เพื่อเลี้ยงชีวิต, เพื่อเลี้ยงชีวิต”
เขาไม่ต้องการให้พวกเขาเห็นเขาเป็นแกะอ้วนเนื่องจากจะมีแต่ปัญหา
ซือหม่าเซี่ยวยิ้ม เขาไม่สนใจพวกเขามาก และดาดฟ้าเงียบลงทันที
เมลิซซาถามทันที “กองทัพของพวกเจ้ากำลังจะโจมตีกองพลกงล้อใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว” ซือหม่าเซี่ยวยอมรับอย่างไม่ปิดบัง “เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารพวกนั้นสร้างความยุ่งยากให้เรา การกำจัดพวกเขาก่อนจะดีกว่า”
ดาดฟ้าเงียบอีกครั้ง
ความมั่นใจอย่างไม่แยแสของซือหม่าเซี่ยวทำให้พวกเขารู้สึกหนาวเย็น อีกฝ่ายหนึ่งไม่เห็นกองพลกงล้ออยู่ในสายตาพวกเขาด้วยซ้ำ
***********************
สายลมหวีดหวิวพัดผ่านหูพวกเขาถังเทียนกำลังนำหน้าด้วยความเร็วเต็มที่หลับตา สภาพจิตใจเขายังคงเยือกเย็นอย่างน่าประหลาด พลังงานที่หนาแน่นและแข็งแรงทำให้ถังทียนมีความรู้สึกคุ้นเคย ความคุ้นเคยที่เขามีต่อพลังงานทำให้เขาไม่ได้รับผลกระทบจากมันเลย เขาสามารถควบคุมพลังงานโดยไม่ต้องใช้กำลังผ่านการใช้กฎธรรมชาติเหมือนแค่กระดิกนิ้วมือทุกอย่างก็เป็นไปได้ตามคิด
พลังงานที่ครอบคลุมอยู่รอบกองทัพกล้าแข็งมากพลังงานสายลมที่ก่อตัวขึ้นมาเฉพาะแบบ ขับเคลื่อนพวกเขาให้เคลื่อนที่ไวขึ้น
เทียบกับการควบคุมพลังงานความยากในการควบคุมกองพลเกราะเทพเจ้ามีมากมายห่างไกล และทั้งหมดที่เขาต้องตั้งสมาธิให้ดีก็คือใช้กฎธรรมชาติ ทุกคนยังทำได้ไม่ดีและแม้การเชื่อมโยงกับทุกคนจะไม่สามารถทำได้เนื่องจากเขาสามารถเชื่อมโยงพวกเขาผ่านการควบคุมเกราะเทพเจ้าเท่านั้น
ถังเทียนไม่ได้หงุดหงิดกับเรื่องนี้ เขาจัดเรียงระเบียบความคิดวิธีการใช้สายใยกฎธรรมชาติราวกับว่าเขาแช่อยู่ในอีกโลกหนึ่ง
ทันใดนั้นเขาลืมตา
สายตาของเขาคมเหมือนกระบี่ทะลวงผ่านความมืดข้างหน้าเขา
ในขณะนั้นเกราะเทพเจ้าที่เหมือนกับภูตพรายซึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ตื่นขึ้นอย่างเงียบงันเหมือนกับสัตว์ป่าดุร้ายกำลังเตรียมล่าเหยื่อ
เรือบินอยู่ข้างหน้าอย่างมั่นคงซิดนีย์เพิ่งจะเข้าพัก หลังจากคิดมาทั้งวัน เขารู้สึกเหนื่อยใจเขามองว่าเป็นภารกิจที่หนักมากไม่เพียงแต่เป็นภารกิจเสี่ยงตายที่มอบหมายโดยหัวหน้าเท่านั้น แต่ที่สำคัญมากกว่าถ้าเขาสามารถได้รับความโปรดปรานจากกลุ่มการค้าตะวันตกได้ก็คงจะไม่ยากกับการยกระดับฐานะการอาชีพของเขา
ที่สำคัญคือภารกิจนี้อาจกล่าวได้ว่ายาก แต่จะว่าง่ายก็ได้
ส่วนที่ยากก็คือหาตำแหน่งของอีกฝ่าย ขณะที่พวกเขามีจำนวนเพียง 200 คน พวกเขาสามารถซ่อนตัวในที่ใดง่ายๆ ก็ได้ และการหาพวกเขาจะเป็นเรื่องที่ท้าทายตราบใดที่พวกเขาจับตำแหน่งของพวกเขาได้ ภารกิจก็สำเร็จไปครึ่งหนึ่ง
ซิดนี่ย์จำได้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งทรงพลังมาก แต่จำนวนของเขาแตกต่างกันไกลด้วยความต่างกันขนาดนั้น แผนที่เป็นไปได้ก็คือยืมภูมิประเทศและสู้รบในเมือง
ถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากันในที่เปิดกว้าง ศัตรูจะไม่สามารถต่อต้านการโจมตีของพวกเขาแม้แต่ครั้งเดียว
ขณะนั้นเองจู่ๆซิดนีย์รู้สึกได้ถึงพลังผันผวนที่มองไม่เห็น ทำให้หน้าของเขาเปลี่ยนโดยไม่ทันได้คิดอะไร เขาโดยถลันตัวไปข้างหน้าจนมาถึงหน้าต่าง
“ศัตรุ....”
หลังจากที่กระโจนไปที่หน้าต่าง เขาโห่ร้องต้องการจะปลุกทุกคน แต่ช่วงเวลาต่อมาเขาหยุดเสียงทันทีทันใด ตาของเขาเบิกโพลงขณะจ้องไปที่ข้างหน้า หน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ความจริงเขาไม่เห็นอะไรรอบตัวเขาเลย!
หมอกเขียวแผ่ไปรอบตัวพวกเขา แม้แต่เมื่อเขาเหยียดนิ้วทั้งห้าออกไปข้างหน้า เขามองไม่เห็นมือของเขาอีกต่อไป พร้อมกับความรู้สึกถึงอันตรายอย่างรุนแรง เขาเปิดม่านพลังป้องกันตามสัญชาตญาณ
‘แย่แล้ว, พิษ!’
ชี่ชี่ ชี่
ฉากภาพที่น่าตกใจเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา ม่านพลังป้องกันที่เขาเปิดใช้งานทันทีมีรูเข็มขนาดเล็กซึ่งขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง เขาไม่เคยเห็นพิษที่กัดกร่อนม่านพลังมาก่อน ในพริบตา รูเข็มหนาก็คลุมเต็มไปทั้งม่านพลัง
รัศมีสว่างแพรวพราวสีเขียวกระพริบวาบอยู่ในหมอกพิษ
ปัง!
หนึ่งในเรือขนส่งระเบิดกลายเป็นลูกไฟสีส้มขนาดใหญ่
ผู้โชคดีรอดชีวิตกระโดดออกจากกราบเรือทางหน้าต่าง
‘แย่แล้ว!’
ซิดนีย์สีหน้าเปลี่ยน
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ทหารทั้งหมดปกคลุมเต็มไปด้วยรูร่างของเขากำลังกัดกร่อนกลายเป็นทรายโดยหมอกสีเขียว ฉากภาพน่าตกใจทำให้มือและเท้าของซิดนีย์เย็นเฉียบ
“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้!”
ตาของซิดนี่ย์แดงทันที เนื่องจากเขาใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดตะโกนเขาไม่รู้ว่าพิษสีเขียวคืออะไร แต่รู้ว่าถ้าเขายังรั้งอยู่อีกต่อไป พวกเขาจะต้องตายแน่นอน พวกเขาต้องการรอดออกไป
ปัง!
เรือระเบิดอีกหนึ่งลำ
เปลวเพลิงสว่างไสวที่สีตัดกับหมอกสีเขียวดูราวกับว่าพวกเขาอยู่ในนรก
เมื่อได้ยินสหายของพวกเขากรีดร้อง ทหารภายในเรือขนส่งของตัวเขาเองไม่กล้าออกไป ทั้งนั้นมีกันร้องคนและหลังจากได้ยินเสียงของซิดนี่ย์พวกเขาตื่นตัวกัน
ขอเพียงพวกเขาออกไปได้พวกเขาจะมีโอกาสชนะ
เรือลำเลียงทั้งหมดแล่นออกมาจากหมอกพิษเพื่อประโยชน์แรกเพื่อแยกพลังโจมตีของศัตรู พวกเร่งออกไปในทิศทางต่างๆ หลังจากเพลิงที่รุนแรงลุกโหมบดบังสายตาของเขาและร่างต่างๆที่ถูกเปลวไฟคลุมไว้ทำให้ทหารของกองพลกงล้อรู้สึกกลัว
สิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือแยกย้ายกันออกไป!
แยกย้ายกันทันที!
เรือลำเลียงหนึ่งในสี่กองเรือตกอยู่ในเปลวเพลิงลุกโหมและร่วงลงพื้นและอีกหนึ่งในสี่ได้รับความเสียหายรุนแรง พวกเขาไม่สามารถแก้ไขได้ ความเสียหายรุนแรงเป็นภาพที่น่าสยดสยองใช้เวลาไม่ถึงสามนาที เรือพวกนั้นกลายเป็นเชื้อเพลิงถูกเผาไหม้กลายเป็นสงครามที่น่าสยดสยอง
หน้าของซิดนี่ย์กลายเป็นน่ากลัว เขาเหมือนกับวัวที่โกรธ ดวงตาแดงก่ำ
เขาเฝ้าดูเรือของเขาเองระเบิดและเห็นบริวารเขาเองถูกเผาทั้งเป็นความเจ็บปวดอย่างไม่เคยมีมาก่อนครอบงำทั้งกายและใจ
จากนั้นเขาเห็นศัตรูของเขา หน้าของเขาชะงักค้าง
ในท้องฟ้าห่างออกไปคน 200 คนลอยตัวอยู่เงียบๆเหมือนกับว่าการซุ่มโจมตีไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาแม้แต่น้อย เนื่องจากว่าพวกเขายังสงบและใจเย็น
โศกนาฏกรรมเมืองอาเธอร์!
ซิดนี่ย์คิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆทั้งหมด แต่ไม่เคยคาดเลยว่าเขาจะต้องมาเจ็บตัวจากการซุ่มโจมตีอย่างกะทันหัน สำหรับเขาศัตรูไม่กล้าปะทะกับกองพลกงล้อโดยตรงซึ่งจะทำให้มีเปรียบ
‘ข้าไม่เคยคิดเลยว่า...’
ทันใดนั้นแสงประกายแพรวพราวสว่างวาบรอบตัวศัตรู
น้ำแข็งฟ้า,แดงเลือด, แสงเงิน...
“กลยุทธหมายเลข 43”
เสียงเยือกเย็นไม่แยแสที่ดูเหมือนปราศจากอารมณ์ดังเข้าหูของซิดนีย์ทันที
จุดประกายแสงแพรวพราวสว่างวาบขึ้นทันที ในดวงตาที่ว่างเปล่าจุดแสงเหล่านี้ดูเหมือนจะควบแน่นเป็นสายฝนยิงกระหน่ำตรงมาทางพวกเขา ฝนมีแสงสีต่างๆครอบคลุมไปทั้งอากาศระหว่างพวกเขา และเปลี่ยนเป็นวังวนสีต่างๆ
วังวนหลากสีสันเกิดและดูดพลังงานรอบตัวเขาอย่างรุนแรง และเริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็วกลายเป็นเหมือนกังหัน ประกายแสงแปลบปลาบกระพริบวูบวาบทำให้รัศมีที่สวยงามสร้างวังวนอยู่โดยรอบ
“แยกย้ายกันเร็วเข้า!”
ซิดนี่ย์ตะโกนร้องอย่างสิ้นหวัง
ก่อนที่คำพูดของเขาจะกระจายออกไปแสงที่น่ากลัวยิงลงมาเหมือนดาวตก มันส่งเสียงหวีดหวิวพุ่งเข้าหากองเรือ
ปังปัง ปัง!
เรือลำเลียงแตกกระจายเป็นชิ้นๆเหมือนกระดาษ ก่อนที่จะระเบิดออกไปเรือเหล่านั้นก็จมอยู่ในเปลวเพลิงประกายไฟนับไม่ถ้วนฉายกระจายอยู่ในท้องฟ้ากว้างไกลไม่มีที่สุด
หน้าของซิดนี่ย์ซีดขาวเหมือนกระดาษ ไม่มีสีเลือดเหลืออยู่ในใบหน้าต่อไป ใบหน้าของเขาซึมเซา
‘นั่นมัน…กลยุทธอะไรกัน?’