ตอนที่ 834 การสอบสวน
“ข้าไม่สนใจว่าพวกมันเป็นใครและข้าไม่สนใจว่าพวกมันมาจากไหน ข้าแค่ต้องการเห็นศีรษะพวกมัน!”
เสียงที่โกรธและเคร่งเครียดดูเหมือนจะดังกรอกหูของเขาทำให้ซิดนีย์เรียกความรู้สึกของเขากลับมาได้ เขามองดูทหารรอบๆ เขา กำลังใจของพวกเขาสูงส่ง ขณะที่เขาแสดงสีหน้าพอใจ การบุกตะลุยทางไกลไม่เคยเป็นงานง่าย แต่เนื่องจากว่าเป็นงานเร่งด่วนเจ้านายให้เรือขนส่งที่ดีที่สุดกับพวกเขา เพื่อป้องกันพวกเขาจากความรู้สึกเจ็บปวดจากวิ่งรอก
ซิดนีย์เข้าใจความร้ายแรงของเรื่องราว
ความโกรธของเจ้านายไม่ใช่เรื่องที่เมืองอาเธอร์ถูกปล้น แต่เป็นเรื่องที่กลุ่มพ่อค้าตะวันตกถูกปล้นต่างหาก! ผู้อาวุโสสำนักอย่างโจนาธานถูกสังหาร และผู้คุ้มกันของกลุ่มพ่อค้าตะวันตกทั้งหมดที่ประจำอยู่ที่เมืองอาเธอร์ถูกสังหาร และโกดังสินค้าของพวกเขาว่างเปล่าไม่เหลืออะไร
ซิดนีย์เองก็ตกใจอย่างหนักเพราะความอำมหิตของอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ที่ตกใจมากกว่าก็คือพวกเขากล้าเข้ามาตอแยกลุ่มพ่อค้าตะวันตก ในภูมิภาคตะวันตกของทวีปกวงหมิง ผู้ทรงอิทธิพลอำนาจอย่างนั้นปรากฏมานานเท่าใดแล้ว?ในภูมิภาคตะวันตกที่กันดารรกร้าง ไม่มีใครคิดต่อต้านกลุ่มพ่อค้าตะวันตก
ทหารของทวีปในภูมิภาคตะวันตกต่างๆและกลุ่มการค้าตะวันตกพยายามใช้ความสัมพันธ์ทุกประเภท และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามปกติที่กองทัพจะปรากฏออกมาเพื่อช่วยกลุ่มการค้าตะวันตกเพื่อคลี่คลายข้อขัดแย้งหรือป้องกันเรือขนส่งของพวกเขา
ซิดนีย์รู้ว่าหัวหน้าของเขาเองมีสัมพันธ์ที่พิเศษกับกองพลภูมิภาคตะวันตกแม้ว่าเขาจะได้รับของขวัญราคาแพงบางส่วนจากกลุ่มการค้าตะวันตก
กลุ่มการค้าตะวันตกไม่เคยตระหนี่กับเรื่องเงิน และทุกคนเหมือนกับทำธุรกิจร่วมกันกับพวกเขา ตัวอย่างเช่น การดำเนินการที่พวกเขากำลังทำกันอยู่ ถ้าพวกเขาสามารถกำจัดพวกโจรได้ กลุ่มการค้าตะวันตกจะตบรางวัลให้พวกเขาอย่างหนัก เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นแล้วใจของซิดนีย์อดร้อนรุ่มเหมือนมีไฟลุกโชนมิได้
แต่ซิดนีย์ไม่บุ่มบ่ามไม่ใจร้อน รายงานมากมายเกี่ยวกับโจรจากเมืองอาเธอร์ถูกส่งมาที่เขา และปรากฏความจริงจังที่ยากจะเห็นได้อยู่ในดวงตาของเขา
แม้ว่าโจนาธานจะเป็นคนโลภ แต่บริวารของเขาอ้าวเติ้งเป็นขุนพลแม่ทัพที่โดดเด่น ซิดนีย์รู้เพราะตัวเขาเองถ้าไม่ใช่เพราะอ้าวเติ้งได้รับบาดเจ็บ ซิดนีย์ไม่มีทางสู้กับเขาได้ แต่แม้เมื่ออ้าวเติ้งได้รับบาดเจ็บหนัก สติปัญญาและประสบการณ์ของเขาก็ยังมีอยู่ และหน่วยคุ้มกันที่เขาฝึกด้วยตนเองก็โดดเด่นกว่าเพื่อนของเขา
แต่พวกเขาถูกฆ่าหมดโดยขุนพลวิญญาณตนเดียว!
ซิดนีย์ไม่ใช่คนโง่คนที่สามารถแสดงพลังของขุนพลวิญญาณที่ทรงพลังขนาดนั้นได้ จะต้องเป็นคนที่มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่คนที่เขาไม่ควรตอแยด้วย แต่ความตั้งใจของหัวหน้าของชัดเจนมาก ไม่ว่าศัตรูเป็นใคร เขามีงานเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็คือฆ่าพวกเขา
ใช่แล้วซิดนีย์ยังคงมีความกลัว แต่เขาไม่กลัว เนื่องจากกลุ่มการค้าตะวันตกทรงพลังมากในทวีปกวงหมิงไม่ว่าตระกูลที่เด็ดขาดหรือตระกูลชั้นสูงไม่มีทางคิดออก อีกฝ่ายหนึ่งอาจจะมีความแข็งแกร่งมากกว่ากลุ่มการค้าตะวันตกแต่พวกเขาเลือกสู้ในทวีปทุ่งขาว นั่นคือความผิดพลาดร้ายแรงของพวกเขา
ในดินแดนแห้งแล้งและด้อยคุณภาพเหล่านี้ ไม่มีใครสามารถโยกคลอนอำนาจของกลุ่มการค้าตะวันตกได้
“นายท่าน, มีกองเรือขนส่งอยู่ข้างหน้า!”
คนลาดตระเวนคนหนึ่งรายงานซิดนีย์ตอบอย่างใจเย็น “ส่งคนไปตรวจสอบดูสองสามคน พวกเขาเป็นใคร”
จากรายงานโอกาสที่พวกเขาจะได้พบพวกโจรต่ำมากในตำแหน่งปัจจุบัน แต่ด้วยความรอบคอบซิดนีย์ส่งคนกลุ่มเล็กไปตรวจสอบดู
สายตาของเขารั้งกลับมาที่แผนที่ทวีปทุ่งขาว
*************
เมลิซซายืนอยู่บนดาดฟ้าเรือสายตาจับมองดูกลุ่มคนบ้าที่อยู่นอกเรือ ใช่, สำหรับนาง, พวกเขาเป็นกลุ่มคนบ้า
กลุ่มคนบ้าที่หว่านความกลัวให้คนอื่น
พอผ่านครึ่งทางของการถูกบังคับให้ไปเมืองดินแดง เมลิซซาไม่โกรธอีกต่อไป ก็เหมือนกันทุกที่ ผู้คนนับถือพลัง ความไร้เดียงสาและความไม่รู้ของนางเกือบคร่าชีวิตนาง แต่ก็ทำให้นางฉลาดขึ้นและทำให้นิสัยเจ้าอารมณ์ของนางหมดไป นางเตรียมตัวทำใจแม้ว่านางจะต้องรับทุกข์ก็ไม่สำคัญ แม้ว่าปู่ของนางจะปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความนับถือก็ตาม
แต่สิ่งที่นางประหลาดใจก็คือไม่มีหนึ่งในพวกเขาอยู่บนเรือจริงๆ
ไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออก ลมแรงหรือไม่ พวกโจรก็เคลื่อนไหวด้วยตนเองอย่างมุ่งมั่นตอนแรกเมลิซซาคิดว่าอีกฝ่ายเกลียดเรือ แต่หลังจากที่นางตระหนักว่าพวกเขากำลังอยู่ภายใต้การฝึกที่พิเศษ
เมลิซซาตะลึงกับเรื่องนั้น แต่ไม่ใช่เฉพาะนางเท่านั้นลูกเรือทั้งหมดก็ตะลึงอย่างสิ้นเชิง
โจรพวกนั้นเคลื่อนไหวแปลกประหลาดสะดุดและร่วง บางครั้งก็ร่วง บางครั้งก็ลอยเหมือนเด็กกำลังเรียนรู้วิธีเดิน
หัวหน้าหน่วยคุ้มกันนางมีแววตาชื่นชมในตาเขาและแม้แต่ปู่นางก็ยังออกมาเตือนนางครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ให้นางสนใจพวกเขา ยอดฝีมือข้างตัวนางทุกคนในตอนนี้เพลินกับการนั่งที่ดาดฟ้าดูการฝึกของพวกโจรการเคลื่อนไหวที่งุ่มง่ามของพวกโจรทั้งหมดเรียกเสียงหัวเราะเป็นระยะ แต่เกือบตลอดเวลาบนดาดฟ้ามักเต็มไปด้วยความนับถือ เคร่งขรึม เยือกเย็นและเงียบงัน
ตรงกับบรรยากาศที่เข้มงวดบนดาดฟ้าเรือพวกโจรเองอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากอย่างยิ่ง หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ร่างของพวกเขาเต็มไปด้วยฝุ่นสกปรก พวกเขาเหมือนเต้าหูที่เลอะกลุ่มที่มีเสียงดังบางครั้งก็ทำให้คนอื่นคิดว่าพวกเขาเป็นกลุ่มผู้อพยพ
ถึงตรงจุดนี้ดูเหมือนพวกเขาเป็นโจรที่ดุร้ายที่สุด รุนแรง ก้าวร้าวที่มีกลิ่นอายอย่างนั้นเสมอ
แต่โจรเหล่านี้ที่อยู่ต่อหน้านางตั้งแต่วันที่พวกเขาได้พบมักจะรีบเร่งและฝึกโดยไม่หยุดนิ่งเป็นเวลาสามวันสามคืนมาแล้ว
เมลิซซาไม่เคยเห็นกลุ่มโจรแบบนี้มาก่อน
บุรุษหนุ่มที่นางเกลียดมักเคลื่อนขึ้นเคลื่อนลงอยู่ต่อหน้ากลุ่มตลอดตะโกนอย่างต่อเนื่องดังราวกับฟ้าผ่า ทำให้คนบนเรือได้ยินเสียงเขาชัดเจนด้วยเนื้อความที่ไม่สามารถเข้าใจได้
“นี่พวกเจ้าใช้กฎธรรมชาติได้ยังไง?จะให้ข้าต้องบอกกี่ครั้งกัน? พวกเจ้าทุกคนตั้งใจจะทำตัวโง่กว่าอาโมรี่หรือเปล่า?”
“ช้าเกินไป! ช้าเกินไป! ใช้กฎธรรมชาติของพวกเจ้าควบคุมพลังงาน!”
……
ใช่แล้วคำว่ากฎธรรมชาติใช้บ่อยมาก ถึงขั้นที่เมลิซซางง ในความทรงจำของเมลิซซากฎธรรมชาติเป็นคำระดับสูงที่ปล่อยออกมาได้เฉพาะนักสู้ระดับสูง
‘กฎธรรมชาติกลายเป็นคำธรรมดาสามัญตั้งแต่เมื่อใด?’
‘และพวกเขาเป็นกลุ่มโจรผู้ไม่สามารถควบคุมการบินได้อย่างถูกต้องอย่างนั้นหรือ
นางถามข้อสงสัยนี้กับหัวหน้าผู้คุ้มกัน แม้ว่าจอห์นสันจะไม่ใช่ชายหนุ่มที่แข็งแกร่งแต่เขาก็ยังมีความน่าเคารพระดับหนึ่ง และเขามีความรู้และตั้งใจมาก
“เขาต้องรู้แจ้งเรื่องกฎธรรมชาติแน่อน” จอห์นสันกล่าว “เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยหมัดโจมตีนั้นโดยไม่มีกฎธรรมชาติและการรู้แจ้งกฎธรรมชาติของเขาดูเหมือนอยู่ในระดับที่ลึกซึ้งมาก นักสู้อย่างนี้ไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อน!”
เสียงของจอห์นสันเต็มไปด้วยความนับถือต่อถัเงทียนจากนั้นเขาพูดต่อ “แต่ด้วยเรื่องฝึกของเขาด้วยกฎธรรมชาติบริวารพวกนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจดีนัก แต่หลังจากดูมาสองสามวันพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ความรู้สึกที่พวกเขามีต่อบริวารนี้แปลกประหลาดมาก...”
เขาลังเลเล็กน้อยจากนั้นกล่าว “ดูเหมือนพลังของพวกเขาจะถูกผนึกไว้ และค่อยๆ ปลดปล่อยออกมา และกำลังฟื้นฟู”
“พลังสามารถถูกผนึกได้ด้วยหรือ?” เมลิซซาตะลึง เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินชื่อนั้น
“ผู้น้อยนี้เพียงแต่คาดเดา” จอห์นสันยังคงรู้สึกว่าเขากำลังคิดมากเกินไป จากนั้นเขาพูดว่า“ความแข็งแกร่งของคนผู้หนึ่งไม่สามารถผนึกไว้ได้ แต่ระดับความก้าวหน้าของพวกเขาช่างเหลือเชื่อจริงๆ ผู้น้อยสังเกตว่าจำนวนคนที่สามารถบินได้ตอนนี้มีถึงครึ่งแล้วนอกจากนี้สิ่งที่แปลกก็คือเมื่อพวกเขาเข้าใจวิธีการบินพลังความเข้มแข็งของพวกเขาเหมือนถูกปลดปล่อยออกมา”
ทันใดนั้นเขาลดเสียงลง“และบางคนในพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
สายตาของเขาหันไปที่จี๋เจ๋อ ตั้งแต่ดาบพิศวงเรียนรู้การบินเหมือนกับว่าเขาถูกปลดปล่อยบางอย่างและกลายเป็นคนที่อันตรายมากบางครั้งเขาจะหันมามองดูพวกเขา และแค่เพียงเขาปรายตาผมขนทุกเส้นในตัวจอห์นสันก็ตั้งชัน
จอห์นสันรู้ว่าเขารู้สึกไม่ผิด เขาเป็นนักสู้ที่มีประสบการณ์และความรู้สึกของเขาที่มีต่ออันตรายไม่ใช่สิ่งที่ทหารใหม่จะเทียบได้
เมลิซซามีสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นพวกโจรหยุดฝึกทันทีเป็นครั้งแรกที่พวกเขาหยุดฝึกในรอบหลายวัน
เมื่อสังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกไปเมลิซซาและจอห์นสันสังเกตว่ามีกองเรือปรากฏในระยะไกล เป็นเรือลำเลียงที่ใช้ทั่วไปโดยกองทัพ
จุดดำสองสามจุดบินเข้ามา
เมลิซซาสังเกตว่ารูปขบวนของพวกโจรเริ่มเปลี่ยนไปทำให้เมลิซซาผู้คุ้นเคยกับพวกเขาเริ่มเครียดนางรู้สึกได้ถึงร่องรอยอันตราย
นางลดเสียงและกล่าว “เราควรจะไปห้ามอีกฝ่ายป้องกันไม่ให้พวกเขาสู้”
จอห์นสันเข้าใจทันที“ใช่แล้ว!”
ยิ่งเขาเข้าใจพวกโจรมากขึ้นเขาก็รู้สึกว่าพวกเขายากจะหยั่งถึง และรู้สึกว่าเขาเคารพพวกเขา ตอนแรกเขายังหวังว่ากองทัพจะมาช่วยพวกเขา แต่ในเวลาอันรวดเร็วเขาทิ้งความคิดน่าขันนั้นออกไป หลังจากผ่านไปสองสามวัน เขารู้ว่ากองทหารธรรมดาไม่มีทางต้านโจรได้ สำหรับกองทหารฝีมือดี นั่นเป็นระดับที่พวกเขาไม่สามารถระดมมาได้
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพวกเขาจะกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมแน่นอน และบางทีกลายเป็นผู้สมคบคิดกับโจรใช้พวกเขาเป็นมีดคม
คงเป็นเรื่องโง่ถ้าจะพูดเหตุผลกับโจร!
ความสามารถในการฟังเสียงของถังเทียนโดดเด่นมาก เขาได้ยินคำสนทนาของเมลิซซาและโจนาธานและไม่ห้ามพวกเขา แม้ว่าเขาต้องการจะทดสอบว่ากองทัพกวงหมิงแข็งแกร่งขนาดไหน แต่หลังจากคิดเรื่องหน่วยสุญญตาต้องการเรือรบ เขาตัดสินใจข่มใจทันที
จอห์นสันบินเข้ามาตะโกนเสียงดัง “นี่คือกลุ่มการค้าเมซฟิลด์และแม่นางเมลิซซา พวกท่านเป็นใคร?”
หัวหน้าหน่วยสืบสวนประหลาดใจ “ทำไมกลุ่มการค้าเมซฟิลด์ถึงอยู่ที่นี่ได้?’ แต่เขารีบสงบใจได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่ากลุ่มการค้าเมซฟิลด์ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับกลุ่มพ่อค้าตะวันตกแต่พวกเขาก็มีธุรกิจค่อนข้างกว้างขวาง
ผู้นำกลุ่มทหารตรวจสอบเอกสารของเมลิซซาจากนั้นสบายใจ “เรามาจากกองพลกงล้อถูกส่งมาสืบสวนโศกนาฏกรรมที่เมืองอาเธอร์! ถ้าพวกท่านพบคนต้องสงสัยอะไรโปรดรายงานให้ข้าทราบด้วย!”
โศกนาฏกรรมเมืองอาเธอร์!
เมลิซซาประหลาดใจ “เราได้ยินเรื่องโศกนาฏกรรมเมืองอาเธอร์มาแต่คาดไม่ถึงเลยว่าพวกท่านจะมากันรวดเร็วนัก!”
“ที่เราพูดถึงนั่นคือกลุ่มการค้าตะวันตก” ผู้นำยักไหล่ “แต่ก็ต้องให้ความระมัดระวังด้วยนี่คือกลุ่มนักฆ่ามีคนประมาณ 200 คนหนึ่งในนั้นกล่าวกันว่ามีวิญญาณสตรีที่แข็งแกร่งสวยงดงามมากแต่ว่าอำมหิต อีกคนใช้ดาบโค้งเปล่งประกายพิศวง...”
‘บุรุษที่มีจำนวน 200 คนวิญญาณสตรีที่งดงาม และดาบเปล่งประกายพิศวง..’
เมลิซซาและจอห์นสันมองหน้ากันเองทั้งสองคนรู้ถึงความกลัวและตกใจในสายตาของพวกเขา
นายกองผู้นั้นคิดว่าทั้งสองคนตกใจกับความรุนแรงในเมืองอาเธอร์จึงพูดต่อ “ถ้าองค์กรใดๆ พบอะไรเกี่ยวกับพวกเขาโปรดไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุดและแจ้งเจ้าเมือง..”
เมลิซซาและจอห์นสันต้องการจะหันหน้าและหนีทันที
เกิดความเงียบแปลกประหลาด