ตอนที่ 832 ติดนิสัยชอบปล้น
“ลุง! สบายดีหรือเปล่า? ข้าได้ยินว่าท่านกำลังโดนคนอื่นกดดันอย่างน่ากลัวต้องพยายามหนักหน่อยนะลุง, อย่าโดนเขาทุบจนสั่นเป็นเจ้าเข้าล่ะ ไม่อย่างนั้นเสียหน้าข้าหมด!”
“หึหึ,เจ้ายังมีหน้าให้เสียด้วยหรือ? เจ้ากำลังถามความมั่นใจกับใคร?และใครบอกเจ้าว่าข้าจะโดนทุบขนาดสั่นเป็นเจ้าเข้าหือ.. ไร้สาระ!”
“เอ่,เป็นไปได้ไหมว่าข่าวผิดพลาด?”
“เห็นได้ชัดว่าเป็นอาเฮ่อ!”
“อาเฮ่อ..ในฐานะเป็นแม่ทัพใหญ่ ลุงไม่ต้องลงมือด้วยตนเองล่ะ ข้าเข้าใจลุงผิดไป! แต่ก็ดีแล้วธงยิ่งใหญ่ในการตัดสินชัยชนะมีแต่ต้องให้ข้า หนุ่มชาวฟ้านี้รับมือ!”
“ปล่อยให้เจ้า?ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า, ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ทันทีเลย ฉากภาพสมบูรณ์แบบเกินไป จนข้าไม่กล้าดู! เจ้าหนุ่มห้าวไป ไป ไป โอวพระเจ้านี่มันที่ไหนกันนี่? โอว.. เสี่ยวซิ่วซิ่ว.. ทำไมข้าเจอกับเจ้าได้เล่า?ปล่อยให้เราไปลุยด้วยกัน! เอ่.. ทำไมเจ้าแพ้อีกล่ะ? ข้าเสียใจจริง การสู้รบจบแล้ว แต่พวกเจ้าหลงทาง”
“ลุง, อยากมีเรื่องใช่ไหม?”
“งั้นก็มาเลย,มาเลย, ถ้าข้ากลัวเจ้า ข้าไม่ขอเป็นขุนพลวิญญาณ คอยดู!”
……
สงครามน้ำลายดำเนินไปครึ่งชั่วระหว่างเจ้าเด็กน่าเบื่อกับลุงปิงก็หยุดลง เมื่อได้ยินเช่นนั้นอาเฮ่อเหมือนกับว่าเขาอยู่สถานการณ์ยากลำบาก แต่ส่วนที่เหลือยังดูดี
ด้วยเหตุผลบางอย่างแม้ว่าเขาจะโกรธทะเลาะกับปิง แต่อารมณ์ของถังเทียนก็ผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดความเหนื่อยล้าจากการทำงานแบกหามหลายวันก่อนหายไป เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว และตะโกนอยู่ในใจ ‘เฮ้หนุ่มชาวฟ้า จงทำให้ดีที่สุด!’
*******************
นอกเมืองเมืองอาเธอร์ ทุกคนชุมนุมกันหมด
“เคลื่อนขบวน!”
ถังเทียนตะโกนด้วยความกระตือรือร้นสูง ทุกคนกระโจนขึ้นไปในอากาศและหายไปในท้องฟ้า
เมืองอาเธอร์กลายเป็นเมืองที่เงียบอยู่ไม่นานก่อนจะมีเสียงกรีดร้อง โห่ร้อง คนนับไม่ถ้วนดีใจร้องไห้และเช็ดน้ำตาโดยไม่ต้องปลอบโยน
ข่าวเมืองอาเธอร์โดนกวาดทรัพย์เรียบโดยกลุ่มโจรที่น่ากลัวแพร่กระจายไปทั่วทวีปทุ่งขาวราวกับพายุ
กลุ่มโจรอำมหิตไร้ความปราณีอย่างไม่เคยมีมาก่อน แม้แต่กลุ่มที่ทรงอิทธิพลมากอย่างกลุ่มพ่อค้าตะวันตกก็ไม่สามารถหลีกหนีชะตาชีวิตที่ถึงฆาตได้ ข่าวลือพูดกันว่าเมืองอาเธอร์กลายเป็นเมืองที่นองเลือด ในบ้านสิบหลังจะมีเก้าหลังที่ว่างเปล่า โจรเข่นฆ่าอยู่ตลอดสามวันก่อนจะยุติ ผู้โชคดีรอดชีวิตต่างมอบสมบัติเพื่อรักษาชีวิตไว้ สมบัติความมั่งคั่งที่สั่งสมอยู่ในเมืองอาเธอร์มาตลอดร้อยปีถูกกวาดเรียบด้วยอาการอย่างนั้น
******************
“เมืองอาเธอเป็นแค่เมืองเล็ก และการกระพือข่าวก็เกินความเป็นจริงไปมาก”
เด็กสาวน่ารักอดบ่นกับชายชราข้างนางไม่ได้ นางอายุราว 17-18 ปีผมสีทองยาวประบ่า นางสวมชุดลูกไม้สีขาวราวกับเจ้าหญิงทำให้ดูงามและสงบ ดวงตาเป็นประกายฉลาดเฉลียวและเจ้าปัญญา
ชายชราสีหน้าเครียด และส่ายศีรษะ “เมลิซซา,เจ้าอย่าดูถูกคนป่าเถื่อนกลุ่มนี้ ใช่แล้ว เมืองอาเธอร์ไม่ใหญ่ แต่กลุ่มพ่อค้าตะวันตกมีกองกำลังที่แข็งแกร่ง บุรุษที่ประจำการอยู่ที่นั่นคงจะเป็นโจนาธาน เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และโลภมากไปด้วยความร้ายกาจ บริวารที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขาไม่ได้อ่อนแอเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าหน่วยคุ้มกันที่ชื่อว่าอ้าวเติ้ง”
“แต่เขาเป็นแค่หัวหน้าหน่วยคุ้มกันความปลอดภัย ทำไมท่านต้องให้น้ำหนักเขามากนักเล่า?” เมลิซซาประหลาดใจ
“เจ้าไม่รู้พื้นฐานเบื้องหลังของอ้าวเติ้งดังนั้นเจ้าจึงดูแคลนเขา เขาทำงานอยู่ในกองทัพมาหลายปี และครั้งหนึ่งเป็นบริวารโดยตรงของท่านเจียย่าและจำใจต้องเกษียณเร็วเพราะอาการบาดเจ็บ” ชายชรากล่าว
“เขาคือบริวารโดยตรงของท่านเจียย่าหรือ?” เมลิซซาตกใจ
ห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิงมีตำแหน่งสถานะสูงส่งและเมลิซซาทำหยิ่งเรื่องอ้าวเติ้งเป็นเพราะนางไม่เคยได้ยินเรื่องของเขา แต่หลังจากได้ยินตำแหน่งสถานะของเขาว่าเคยเป็นขุนพลบริวารของท่านเจียย่า นางเต็มไปด้วยความนับถือเขาทันที
“ใช่แล้ว,ข้าไม่รู้ว่าโจนาธานให้เงื่อนไขอะไรถึงได้รับสมัครขุนพลที่น่ากลัวนั้นมาทำงานได้” ชายชรากล่าว “แม้ว่าอ้าวเติ้งจะบาดเจ็บ แต่เขาก็มีประสบการณ์ต่อสู้มามากมาย และแม้ว่าหน่วยคุ้มกันภัยของเขาที่เขาฝึกให้ด้วยตัวเองจะไม่ใช่หน่วยใหญ่ แต่พวกเขาก็มีความสามารถต่อสู้ได้อย่างน่าประหลาดใจ และพวกโจรและวายร้ายทำลายพวกเขาทุกคนรวมทั้งเจ้าพวกอื้อฉาวด้วย”
เมลิซซายินดีกับหายนะของคนอื่น “ใครขอให้กลุ่มพ่อค้าตะวันตกเหิมเกริมเล่าครั้งนี้พวกเขาเตะใส่ถังเหล็กเข้าแล้ว”
ชายชราไม่ได้แสดงความเห็นกับเรื่องนี้“กลุ่มพ่อค้าตะวันตกจะไม่ปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้แน่ภูมิภาคตะวันตกอยู่ในอำนาจของพวกเขา สำหรับการนองเลือดในเมืองอาเธอร์ถ้าพวกเขาไม่โค่นล้มศัตรูลง อย่างนั้นกลุ่มพ่อค้าตะวันตกจะต้องมีปัญหาแน่นอน พวกเขาจะต้องทุ่มเทกำลังฆ่าโจรเหล่านั้นไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงไหน พวกเขาจะถูกทำลายในไม่ช้า”
“นั่นก็จริง” เมลิซซาพยักหน้า แต่สีหน้าของนางยินดีกับภัยพิบัติของพวกเขามิได้ลดลง “แต่จะต้องมีอะไรดีๆให้ดู ดังนั้นมันก็คงไม่น่าเบื่อ ว่าแต่โจรที่แข็งแกร่งทรงพลังนั้นมาจากไหนกัน?”
ชายชราดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้จากนั้นพูดอย่างเฉยเมย “กลุ่มพ่อค้าตะวันตกมีปฏิปักษ์หลายคนเมื่อไม่นานนี้ ข้าคิดว่าคนบางกลุ่มอาจจะเห็นว่าท่านโกวเฉิงเวิ่นเต้าทำได้ไม่ดีดังนั้นจึงกระตือรือร้นจะลงมือ”
ดูเหมือนเมลิซซาจะรู้เข้าใจ กลุ่มพ่อค้าตะวันตกมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับแม่ทัพโกวเฉิงเวิ่นเต้า และไม่ใช่เรื่องลับกับฝ่ายปกครองเบื้องสูง เนื่องจากท่านโกวเฉิงเวิ่นเต้านำกองทัพบุกเข้าภูมิภาคใต้และสะดุดถูกขัดขวางหลายครา เบื้องบนจึงไม่ค่อยพอใจเขา
‘มิน่าเล่า...’
ทันใดนั้น เสียงเตือนภัยดังขึ้น
เสียงเตือนแหลมดังขึ้นทำให้ทั้งกองเรือเกิดเสียงฮือฮา
“ข้าจะไปดู!” เมลิซซารีบวิ่งออกไป ชายชราไม่สามารถนั่งต่อได้เช่นกันและเขาลุกขึ้นยืนตรงไปที่กราบเรือ
หลังจากเดินไปที่กราบเรือขนส่งหน้าชายชราพลันซีดขาว ในระยะไกลมีกลุ่มจุดดำกำลังบินตรงเข้ามาหาพวกเขาด้วยความเร็วอย่างน่าประหลาด
*************
ซือหม่าเซี่ยวมองดูถังเทียนที่กำลังแนะนำพวกที่เหลืออย่างสบายใจ
“อย่าได้ถูกพลังงานก่อกวน หลังจากใช้มันแล้ว พวกเจ้าจะรู้สึกดีมากๆ”
“ใช้พลังของร่างกาย! พวกเจ้าลืมวิธีกระตุ้นสายใยกฎธรรมชาติไปแล้วหรือ?”
“ใช่แล้ว,อย่างนั้นแหละ, กฎธรรมชาติไม่ได้มีอยู่ที่นี่เท่านั้นพวกเจ้าต้องหาจุดเชื่อมโยง ใช่แล้วนั่นแหละคือพลังงานที่พวกเจ้าต้องการ!”
……
เมื่อโกวอวี้ฟื้นกลับมาสถานการณ์ของซือหม่าเซี่ยวก็เปลี่ยนไปเหมือนพลิกสวรรค์ จะบินหรือรบโกวอวี้จะคอยดูแลให้เขาทุกอย่าง คนที่เหลือยังทุกข์ทรมานเหมือนในนรกความเข้มข้นของพลังงานทวีปทุ่งขาวสูงกว่าทวีปรกร้างมาก และพลังงานที่รบกวนกฎธรรมชาติก็ค่อนข้างรุนแรง
จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือรู้สึกอึดอัดไม่สบายอยู่มาก
ทฤษฎีของตู้เค่อได้คลี่คลายปัญหาระหว่างกฎธรรมชาติและพลังงานของพวกเขา แต่ไม่ว่าทฤษฎีจะสมบูรณ์แบบยังไงก็ตามความจริงเป็นสิ่งโหดร้าย หลังจากหลายสิบปีกับการคุ้นชินสภาพแวดล้อม พวกเขาถูกดึงเข้ามาในสถานที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงและไม่ว่าจะเป็นจิตใจหรือร่างกายพวกเขาต้องการเวลาปรับตัว
แม้ว่าถังเทียนจะกระวนกระวาย แต่เขาไม่มีทางเลือกได้แต่ข่มใจ
สถานการณ์ของพันธมิตรใต้ยังดีกว่าที่เขาคาดไว้มาก แม้ว่าพวกเขาจะมีปัญหาบ้างเล็กน้อยอาเฮ่อถูกต้อนย่ำแย่หนัก แต่สถานการณ์โดยรวม พวกเขาค่อยๆ ถอยออกมาจากความเสียเปรียบได้
ถังเทียนไม่กังวลเรื่องอาเฮ่อแม้แต่น้อย เขาเป็นบุรุษที่มุ่งมั่นไม่หวั่นไหวและการพ่ายแพ้บ้างไม่ใช่เป็นปัญหาสำหรับเขา ขณะที่หลิงซิ่วพ่ายแพ้, ฮะฮะ นั่นขึ้นอยู่กับโชค
มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้เขาเศร้าก็คือความสูญเสียอย่างหนักที่กองพลนางแอ่นและหน่วยกะโหลกพบเจอเพราะความสำเร็จนั้นเป็นพวกเขาได้สร้างไว้
ในคำพูดของปิงช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดผ่านไปแล้ว สัมพันธมิตรใต้ในปัจจุบันนี้ฟื้นคืนพลังกลับมาแล้ว และศักยภาพสู้รบของพวกเขาถูกเติมเต็ม
ไม่มีความจำเป็นที่ถังเทียนจะต้องกังวลเกี่ยวกับสัมพันธมิตรใต้ ดังนั้นเขาปล่อยวางเรื่องทั้งหมดและเพ่งถึงแต่ตำแหน่งปัจจุบัน
ถังเทียนชอบแผนของปิงมาก แต่พวกเขาเองมีปัญหาอยู่หลายอย่างพวกเขาจำเป็นต้องคลี่คลายให้ได้ ตัวอย่างเช่นกองทัพสัตว์ประหลาดที่จงหลีไป๋นำทัพ พวกเขาจำเป็นต้องได้เวลาสำหรับการปรับตัวให้เข้ากับอาวุธจักรกลวิญญาณ และพวกเขายังห่างไกลกับการสร้างความเข้มแข็งสำหรับต่อสู้
แต่ในเวลานั้นงานปัจจุบันของพวกเขาก็คือหาเรือรบให้ได้
ไม่มีเรือรบ หน่วยสุญญตาจะไร้ประโยชน์ นั่นคือเหตุผลที่ถังเทียนไม่ทำสิ่งที่เซรีนและผี่ผาขอร้องเขาให้ทำคือกวาดไปทุกเมือง และใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนส่งสินค้าแต่ใช้ความเร็วสูงสุดบุกเมืองดินแดง
สำหรับกองพลเกราะเทพเจ้าถังเทียนไม่มีความหวั่นใจอะไร พวกเขาเพียงแต่ต้องการเวลาเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะด้านใดก็ตามทุกคนล้วนทำงานหนัก
ขณะที่ความปลอดภัย มีเขากับซือหม่าเซี่ยวที่อยู่ใกล้ๆ ตราบใดที่พวกเขาไม่พบกับกองทัพขนาดใหญ่จะไม่มีปัญหา
ซือหม่าเซี่ยวสังเกตว่าถังเทียนกำลังแนะนำทุกคนอย่างอดทนตาเขาเป็นประกาย ถังเทียนในปัจจุบันเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีตการเติบโตของเขาเหนือกว่าที่ทุกคนคาด
ถ้าคนที่ใช้เวลากับเขามาตลอดจะไม่ค่อยรู้สึกชัดเจนนัก แต่การแยกจากเขาช่วงหนึ่งแล้วค่อยมาพบกับเขาอีก คนผู้นั้นคงจะประหลาดใจมาก
“มีกลุ่มพ่อค้าอยู่ข้างล่าง!”
ใครบางคนตะโกนทันที
ทุกคนหยุดกันหมดและคนกระตือรือร้นสองสามคนเป่านกหวีดทันทีติดนิสัยชอบปล้นเป็นเรื่องง่ายจริงๆ
ถังเทียนหัวเราะ เพื่อไปให้ถึงเมืองดินแดงได้เร็วพวกเขาเลือกทางตรงและไม่หยุดเมืองอื่นแต่อย่างใดจึงทำให้พลาดโอกาสกวาดทรัพย์จากเมืองต่างๆ
“ข้าหวังว่าพวกเขาจะอ้วนขึ้น!”
ถังเทียนบ่น เขาทำเสียงเหมือนกับเป็นหัวหน้าโจรจริงๆ
เขาโบกมือและตะโกน “เดินหน้าเต็มกำลัง!”
เสียงแปลกประหลาดทุกอย่างดังออกมาจากปากของคนในกลุ่มนั้น พวกเขาตามหลังถังเทียนไปอย่างใกล้ชิดเหมือนกับนกอินทรีโฉบลง
ซือหม่าเซี่ยวอดหัวเราะไม่ได้รู้สึกว่าน่าสนใจ “โกวอวี้,เราก็ไปด้วยเถอะ”
สองสามวันที่ฝึกฝนไม่สูญเปล่า แม้ว่าจี๋เจ๋อและพวกที่เหลือจะยังไม่ฟื้นความสามารถในการต่อสู้แต่พวกเขาก็มีความเข้าใจความสามารถพิเศษนี้แล้ว และฟื้นฟูความแข็งแกร่งมาได้ 75%
การฝึกของกองพลเกราะเทพเจ้ารุนแรงมาก ภายใต้สภาพตื่นรู้หน้าของถังเทียนไม่มีอารมณ์และความรู้สึก เขาไม่พูดเรื่องความรู้สึก และกลายเป็นครูฝึกจอมเขี้ยวอย่างแท้จริง การฝึกที่ต้องใช้ความตั้งใจสูงสุดทำให้พวกเขารู้สึกว่าแม้พวกเขาจะยังไม่ฟื้นฟูความแข็งแรงเต็มที่แต่รูปขบวนของพวกเขายังคงรักษาไว้อย่างกลมกลืนและสมบูรณ์แบบ
สายลมหวีดหวิวผ่านพวกเขาขณะที่พวกเขาโฉบลงเหมือนสายฟ้า
มีแค่เพียง 200 คนแต่แรงเหวี่ยงที่พวกเขาแสดงออกทำให้เมลิซซาและคนที่เหลือซึ่งมาถึงกราบเรือสีหน้าเปลี่ยน
ถังเทียนผู้บินด้วยความเร็วสูงสูดหายใจลึกทันที และพลังในร่างของเขาทะลัก
เขากำหมัดแน่นและปล่อยพลังรัศมีแพรวพราวทันที
ขณะที่แสงรัศมีแพรวพราวฉายท้องฟ้าดูเหมือนเป็นสีขาว ทัศนวิสัยการมืองของเมลิซซาพร่าขาวไปหมดไม่สามารถเห็นอะไรได้
การสูญเสียการมองกะทันหันทำให้นางรู้สึกกลัว
แต่แสงสีขาวหายเร็วเท่ากับตอนมาเวลาต่อมาแสงสีขาวก็ถอยหายไป และการมองเห็นของนางกลับคืนมา
สิ่งที่เมลิซซาเห็นต่อมาก็คือบางอย่างที่นางจะไม่มีทางลืมไปตลอดชีวิตที่เหลือของนาง
ในอากาศมีบุรุษหนุ่มคนหนึ่งชูหมัดขึ้น หมัดของเขาคลุมเต็มไปด้วยแสงสีขาว รัศมีแพรวพราวสว่างเจิดจ้าสะท้อนใบหน้าของเขา แสงที่รุนแรงและดุดันสะสมกลมกลืนอย่างอธิบายไม่ได้ ภายใต้แสงแพรวพราวสีขาวร่างที่แข็งแรงกำยำของเขาดูเหมือนสวมชุดเกราะแสง
บุรุษหนุ่มคล้ายกับเทพเจ้าสงครามผ่อนลมหายใจและหมัดของเขา
เหมือนแสงอาทิตย์ฉายลงมาที่พวกเขา