ตอนที่แล้วตอนที่ 826 ความเร็วและสถานะไม่คาดคิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 828 ความจริง? ผู้รู้ความลับโบราณ

ตอนที่ 827 หญิงสาวพราวเสน่ห์


เมื่อกลับมาที่เรือเหาะที่มีสัญลักษณ์เพลิงพิโรธจอดลอยตัวรออยู่  เหยียนเจ้ายืนรอคอยด้วยความเคารพ

เขารายงานเย่ว์หยางด้วยภาษาลับ

หลังจากที่เย่ว์หยางคิดเล็กน้อย  ก็ส่งเขาออกไปหาข้อมูลเพิ่มเติม

สำหรับนักสู้ปราณฟ้าที่มาชมดูและต้องการประจบประแจง  เย่ว์หยางไม่ให้ความสนใจแม้แต่น้อย  แม้แต่พ่อบ้านที่เจ้าเมืองไถ่ถอนใช้ให้มาส่งมุกอัญมณี เย่ว์หยางก็ไล่ตะเพิดเขาออกไป  คนชั้นสูงระดับนั้นจะให้พบเจอได้อย่างไร? พ่อบ้านพอถูกปฏิเสธก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ เขาคำนับและพยายามมอง แม้จะพยายามมองก็มองไม่เห็นเจ้าเมืองโล่วฮัว  แต่เขามีความหวังว่าเย่ว์หยางจะรับมุกที่ล้ำค่านี้ไว้

ตราบใดที่เขารับไว้  นั่นหมายความว่ายังมีความหวัง

เย่ว์หยางหัวหน้าองครักษ์ส่วนตัว ไม่รู้ว่าจะจัดการกับเขายังไง และเขาไม่รู้ว่าคนผู้นี้จะอยู่อย่างนี้อีกนานเท่าใด

“เราไม่ต้องการให้คนมากมายรู้ว่าจะไปที่ใด หลังจากดำเนินพิธีประหารชีวิต เราจะจากไปทันที ที่นี่เราหวังว่าเจ้าเมืองไถ่ถอนจะให้ความสนใจควบคุมไม่ให้คนมากมายเกินไปมารบกวนเรา  ทางที่ดีที่สุดให้แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าพวกเราเป็นชนชั้นสูง  แม้จะพูดว่าท่านผู้นี้เดินทางมาเป็นส่วนบุคคล แต่คนสถานะสูงส่งทรงเกียรติมาปรากฏอยู่ในแดนสวรรค์ล่างเกรงว่าจะได้รับผลกระทบ...วันนี้ท่านผู้สูงศักดิ์นี้อารมณ์ยังไม่ค่อยดี ไม่ต้องการพบอาคันตุกะ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง เราหัวหน้าองครักษ์จะพูดคุยกับเจ้าเมืองเอง  เนื่องจากท่านผู้นี้ไม่ต้องการพบ เราหัวหน้าองครักษ์ก็ฝืนไม่ได้ ขอให้โชคดี”  เย่ว์หยางในฐานะหัวหน้าองครักษ์มีคุณสมบัติมากเกินไป ถึงกับหลอกพ่อบ้านผู้นั้นได้

“เจ้าเมืองเฉียนหู่ (ชื่อจริงของเจ้าเมือง) จะทำตามต้องการของท่านผู้สูงศักดิ์แน่นอน  และจะไม่มีผู้ใดเข้ามากวนใจท่าน”  พ่อบ้านทำความเคารพแสดงความนับถือหมดใจ

หลังจากนั้นเขาเอาหินเลือดมังกรคุณภาพดียัดใส่มือของเย่ว์หยาง

เขาขออภัยซ้ำแล้วซ้ำอีก

ก่อนหน้านั้นอ้างว่าไม่ประสงค์จะดูหมิ่น แค่ขอให้เย่ว์หยางช่วยเปิดเผยข้อมูลสักเล็กน้อยเพื่อที่ว่าเขาจะได้กลับไปรายงานเจ้าเมืองไถ่ถอน

ท่าทีมารยาทของเขาถือว่าประสบความสำเร็จเต็มที่ และเขาไม่ต้องถึงกับฆ่าตัวตายต่อหน้าเย่ว์หยางเพื่อแสดงความจริงใจ  เย่ว์หยางลอบตำหนิเขาว่าเป็นสุนัขจิ้งจอกดีๆ นี่เอง นอกจากนี้เขามีท่าทีลำบากใจ ในที่สุดภายใต้คำอ้อนวอนของอีกฝ่าย เขากัดฟันให้ข้อมูลอีกฝ่ายหนึ่ง ตอนแรกเขาชี้นิ้ว จากนั้นพ่อบ้านแบมือออก เย่ว์หยางไม่ได้เอาอะไรใส่มือของเขา แต่วาดวงเวทลึกลับวงหนึ่ง

นอกจากนี้ เขาใช้ภาษาลับกระซิบที่หูของพ่อบ้านเจ้าเมือง “เมื่อไม่นานมานี้ เราได้พบกับฉางฟงแห่งสี่ตระกูลใหญ่โดยบังเอิญ  เขาเรียกเจ้าหน้าฝ่ายปกครองมาพบ ขณะที่เขาขอใช้กระจกวิเศษที่เขานำไปด้วย เขาต้องการคุ้มกันตลอดเส้นทาง  แต่ท่านผู้สูงศักดิ์นี้ไม่ชอบกระจกชั่วร้าย จึงให้ข้าถือไว้  คุณชายฉางฟงอายมากและไม่กล้าติดตามมา”

เย่ว์หยางเอากระจกทนทุกข์ออกมาจากเจดีย์ปราบปีศาจ

ถ้าจะมีข้อสงสัยเล็กน้อยของพ่อบ้านอยู่ก่อนหน้านี้บ้าง  แต่พอได้ฟังเย่ว์หยางพูด เขาหวาดกลัว หลั่งเหงื่อเยียบเย็นและโบกมือพัลวัล

ในแดนสวรรค์มีจักรวรรดิกว้างใหญ่มากมายเกินไป  ถ้าในบางที่ไม่มีคนรู้จัก นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก  เพราะแดนสวรรค์กว้างใหญ่เกินไป  ยอดฝีมือที่ไม่รู้จักจึงมีอยู่มากมาย  อย่างไรก็ตามถ้านักสู้ปราณฟ้าไม่รู้จักสี่ตระกูลใหญ่ นั่นเป็นเรื่องน่าขันเกินไป

ไม่ต้องพูดถึงนักสู้ปราณฟ้าทั่วไป แม้แต่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดก็ยังรู้

สำหรับสี่ตระกูลใหญ่  พวกเขาย่อมต้องได้พบเห็นได้ยินมาบ้าง

พ่อบ้านผู้นี้คุ้นเคยกับชื่อคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์  แล้วคุณชายฉางฟงแห่งตระกูลตู๋กูเล่า? ครั้งหนึ่งเจ้าเมืองไถ่ถอนเคยจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อจ้างทหารที่เป็นศิษย์ของตระกูลๆ เดียวเท่านั้น  เขาแค่อยากใช้เป็นทางผ่านเพื่อทำความรู้จักคุณชายฉางฟงผู้ไม่มีข้อบกพร่องและไม่ทำตัวโดดเด่น  พ่อบ้านมีความเข้าใจลักษณะนิสัยอารมณ์ และสมบัติของคุณชายฉางฟง สำหรับกระจกทนทุกข์ พ่อบ้านไม่เคยเห็นมาก่อน และเขาเคยได้ยินชื่อนี้มาหลายครั้ง  ตอนนี้เขาเห็นมันปรากฏอยู่ในมือของเย่ว์หยาง แล้วจะไม่ประหลาดใจได้ยังไง...  “นั่นเป็นสมบัติของรักของคุณชายฉางฟง ถ้าเขายินดีให้มันออกไป ใครจะชิงไปจากมือเขาได้?  นี่คนชั้นสูงระดับไหนกันถึงกับทำให้คุณชายฉางฟงสละสมบัติของรักออกไปได้?

สี่ตระกูลใหญ่และคุณชายฉางฟงไม่ต้องพูดถึง ถ้าท่านผู้สูงศักดิ์นั้นไม่ต้องการให้พบในเวลานี้ แม้แต่ลักษณะขององครักษ์ส่วนตัวก็ยังยากจะหยั่งรู้ได้

ขนาดหัวหน้าองครักษ์ยังมีสมบัติวิเศษที่ทรงพลัง

และสามารถใช้ออกได้ง่ายๆ

เมื่อมองดูอัญมณี  การให้บรรณาการไข่มุกพวกนี้เต็มไปด้วยความยินดี  ถ้าไม่ได้เห็นมาจนเป็นเรื่องปกติ สีหน้าของเขาจะเฉยเมยเบาหวิวได้ยังไง

ในที่สุดก็แค่ด้วยพลังปราณฟ้าระดับสาม เขายังไม่กลัวพลังปราณฟ้าระดับห้าของผู้อาวุโสหวีมู่ ทั้งที่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  นอกจากนี้ยังยั่วยุและตอบโต้ จนแทบทำให้ผู้อาวุโสหวีมู่พลาดท่าเสียที.... ด้วยสติปัญญาและความคิดเห็นอย่างนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะสุดยอดพลังและมีผู้ยิ่งใหญ่หนักแน่นดุจขุนเขาหนุนหลัง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะลงมือเคลื่อนไหวท้าทายผู้อาวุโสตำหนักกลางได้!  คนโง่จะไม่พยายามท้าทายผู้อาวุโสตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือภัยพิบัติและหายนะแน่นอน  แต่วันนี้เด็กหนุ่มนี่ไม่เพียงแต่ลงมือเท่านั้น แต่ยังลงมือด้วยอาการเย้ยหยัน!

คำนวณตามข้อมูลทุกอย่างที่เป็นไปได้  ท่านผู้สูงศักดิ์นี้อาจเป็นบุคคลในตำนาน... พ่อบ้านของเจ้าเมืองไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีกต่อไป เพราะกลัวว่าเขาจะหวาดหวั่นตกใจ

และโดยไม่รู้ตัว

เขาหลั่งเหงื่อพรั่งพรูจนชุดเปียกโชกราวกับถูกน้ำราด

เมื่อมองดูเย่ว์หยางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เขารู้สึกกลัวในหัวใจรีบคุกเข่ากับพื้นและพูดด้วยความจริงใจที่สุด เขาคารวะไปทางเรือเหาะเลิศหรู  เขาขออภัยเย่ว์หยางซ้ำๆ พร่ำบอกว่าไม่ได้จะล้วงเอาความลับข้อมูลของผู้ยิ่งใหญ่ แค่เป็นเพราะเจ้าเมืองเฉียนหู่มีใจชื่นชมสรรเสริญ เขาจึงขวนขวายมาพบเพื่อขอความเห็นใจ..

“กลับไปก่อน มีข่าวดีแล้วข้าจะส่งเหยียนเจ้าไปบอกท่าน”  ในที่สุดเย่ว์หยางก็ส่งคนผู้นี้ออกไป  เขาเกรงว่าคนผู้นี้จะหวาดกลัวจนกระทั่งฆ่าตัวตาย!

“ขอรับ, ข้าน้อยกับเจ้าเมืองเฉียนหู่จะน้อมรอต้อนรับท่านด้วยความเคารพ”

พ่อบ้านมองดูท่าทีเย่ว์หยางค่อยรู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้าง  เขารีบคำนับอำลาแล้วจากออกมา

เขารู้ว่าเขาไม่มีคุณสมบัติเพื่อคบหากับหัวหน้าองครักษ์ของท่านผู้สูงศักดิ์มากเกินไป แต่สามารถติดต่อสมาคมกับเหยียนเจ้าก็ยังนับว่าเป็นความสำเร็จสุดยอด ด้วยแนวทางนี้ก็สามารถสอบถามข้อมูลลับของฝ่ายตรงข้ามได้ เขาสามารถรับประกันได้ว่าเจ้าเมืองเฉียนหู่คงมีความพึงพอใจแน่นอน  ขณะที่การแสดงท่าทีของผู้สูงศักดิ์ท่านนี้เขาไม่จำเป็นต้องคิดถึง นั่นจะทำให้เจ้าเมืองเฉียนหู่จะต้องกังวลมากไป

เย่ว์หยางกลับไปที่เรือเหาะลอยฟ้าและเดินไปตามระเบียงเข้าห้องโถง

เขาพบว่าไป่ลู่สาวงามมากเสน่ห์กวักมือเรียกและยิ้มให้เขา  แม้จะมีพลังปณิธานราชันย์ แต่เขาก็ยังอดหวั่นไหวไม่ได้

เจ้าเมืองโล่วฮัวหายไป นิสัยของนางรักสะอาด  เพราะต้องเดินซื้อของในเมืองถึงครึ่งค่อนวัน พอกลับมาถึงคาดได้ว่านางก็ไปอาบน้ำทันที ลี่เยี่ยนจัดการให้สาวเผ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์ไปจัดเตรียมพื้นที่และเดินเข้ามาอีกด้านหนึ่งคิดว่าเขาไม่เห็นไป่ลู่ เขาดึงศิลาเลือดมังกรคุณภาพอย่างดีที่สุดออกมาดู ตอนแรกใช้เพลิงอมฤตกลั่น จากนั้นโยนให้หัวหน้าลี่เยี่ยน “ต่อไปอู๋เหินจะเขียนอักษรรูนสวรรค์ให้เจ้า ไม่ว่าจะใช้ติดอาวุธหรือเกราะ นี่มีคุณสมบัติไม่เลวสำหรับเจ้า”

ลี่เยี่ยนพยักหน้า

สำหรับเรื่องเกี่ยวกับเย่ว์หยางหลายอย่าง นางจะไม่คัดค้านมากเหมือนเมื่อก่อน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากหลอมรวมพลังในสนามพลังงาน นางเข้าใจเย่ว์หยางมากขึ้น และค่อยๆ ซึมซับแนวความคิดของเย่ว์หยางไม่ต่อต้านแข็งขืนเหมือนเมื่อก่อน

“สวยมาก ให้ข้าสักชิ้นได้ไหม!” ไป่ลู่คว้ามาจากในมือของลี่เยี่ยนและดูอยู่ชั่วขณะไม่ทีท่าว่าจะวางลง ลี่เยี่ยนต้องการให้นางส่งคืน แต่ไป่ลู่ยิ้มและคืนหินเลือดมังกรอย่างดีให้ลี่เยี่ยน นางมานั่งข้างเย่ว์หยางและแบมือขอของบ้าง

“ไม่, เจ้าคิดว่าข้ามีเป็นตะกร้าหรือ คนผู้นั้นให้มาชิ้นเดียว”  เย่ว์หยางตอนแรกทำเป็นไม่สนใจนางก่อน แต่อดมองมือที่งดงามของนางมิได้ เขามิอาจทนการยั่วยวนของไปลู่

แม่สาวนี่มีเสน่ห์ยั่วยวนเป็นพิเศษ เท่าที่เย่ว์หยางเห็น นอกจากนางเซียนหงส์ฟ้าและสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงที่งดงามน่าลุ่มหลงแทบตาย ก็มีหญิงสาวผู้นี้แหละที่น่าลุ่มหลงที่สุด

หลังจากพิจารณาถึงความจริงได้ เขารู้สึกว่านางมีพลังเสน่ห์ยั่วยวนน่าลุ่มหลง

เย่ว์หยางดึงมุกที่ล้ำค่าออกมา

เขาไม่ได้วางลง แต่วางลงในฝ่ามือนาง เพื่อดูว่านางเต็มใจหรือไม่

ไม่ต้องคำนึงว่าเย่ว์หยางจะคิดยังไง ไข่มุกเป็นจุดเริ่มต้น ไป่ลู่ยิ้ม  “มุกนี้ไม่มอบให้น้องโล่วฮัวหรือ? ข้าเองไม่มีปัญหาแน่  แต่ระวังน้องโล่วฮัวจะดึงหูเจ้า”  แม้ว่านางจะคืนให้เย่ว์หยางได้ แต่เขาคาดว่าคงยากที่จะเอาคืนจากนาง

เย่ว์หยางพอฟังนางเรียกเจ้าเมืองโล่วฮัวว่าน้อง เขาลอบหลั่งเหงื่อ พวกนางสนิทกันตั้งแต่เมื่อใด

ถึงกับเรียกพี่เรียกน้องได้!

ไปลู่นั่งใกล้ชิดกับเย่ว์หยางมากจนได้กลิ่นกายสาว เสียงหัวเราะของนางดังไพเราะราวกับระฆังเงิน เย่ว์หยางมีความปรารถนา เขารีบลุกขึ้นและรีบตามหาเจ้าเมืองโล่วฮัวและอาบน้ำด้วยกันและระบายอารมณ์ที่สุมทรวง

คาดไม่ถึงเลยว่าโล่วฮัวนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากอ่างอาบน้ำ และนางปฏิเสธที่จะกลับไปอาบน้ำพร้อมกับเย่ว์หยาง

รอจนเย่ว์หยางอาบน้ำเย็นเสร็จและออกมา เขาพบว่าสามสาวกำลังคุยกันถึงสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเคร่งเครียด

“เป็นภาษารูนอมตะหรือเปล่า?”  เจ้าเมืองโล่วฮัวถาม

“มั่นใจถึงเก้าในสิบ ไม่ผิดแน่  แต่ข้าไม่รู้ว่าอักษรรูนอมตะนี้มีลักษณะพิเศษอะไร  ตามข้อมูลที่ส่งมาทางช่องทางลับ เพราะเกี่ยวกับผนึกต้องการให้ภาษารูนอมตะเกิด  ต้องบูชายัญด้วยชีวิตและเลือดเนื้อของนักสู้ปราณฟ้าหมื่นคน  นอกจากนี้ยังต้องใช้นักสู้ระดับราชันย์ถึงร้อยคน  การประหารราชาไท่หลุนเป็นเพียงข้ออ้างบังหน้า แต่เป้าหมายก็คือดึงดูดนักสู้ปราณฟ้ามากมายให้เข้ามา  ตามธรรมดาราชาไท่หลุนต้องมีสหายที่ดีมาช่วยไกล่เกลี่ยและช่วยเหลือ  พูดง่ายๆ ก็คือผู้คุ้มกฎของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ถานไถถูเมี่ย เพื่อให้ได้อักษรรูนอมตะ เขาทุ่มเทเต็มที่”  ไป่ลู่เลิกพูดล้อเล่นกับเย่ว์หยางก่อนนั้น ตอนนี้นางมีสีหน้าจริงจัง

“แหล่งข่าวน่าเชื่อถือไหม?”  เย่ว์หยางเพิ่งอาบน้ำเสร็จและฟังอย่างระมัดระวังและรีบย้อนถาม

“ข่าวลับสุดยอดนี้ส่งมาจากภรรยาของราชาไท่หลุน  แหล่งข่าวมาจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ น่าจะเป็นว่าคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์บางคนกังวลว่าถานไถถูเมี่ยจะได้อักษรรูนอมตะไป ความก้าวหน้าและความแข็งแกร่งคุกคามสถานะของเขาอย่างมาก แน่นอนว่าข่าวนี้ถูกส่งไปยังภรรยาของราชาไท่หลุนและกองกำลังของสี่ตระกูลใหญ่ผ่านช่องทางลับ  เพื่อให้พวกเขาทำลายพิธีบูชายัญ ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เป็นภัยพิบัติของอาณาจักรไท่หลุน  แต่ยังเป็นการต่อสู้ภายในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  สำหรับเราเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่เราพบมาเท่านั้น” ไป่ลู่พยักหน้าให้เย่ว์หยางอย่างเคร่งขรึมรับรองว่าข่าวน่าเชื่อถือ

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็น่าประหลาดเกินไป!” ลี่เยี่ยนอดคิดไม่ได้  ถ้าการบูชายัญทำได้สำเร็จ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

“คงจะดีกว่า ถ้ามาเร็วกว่านี้”  เย่ว์หยางยิ้ม “นั่งบนภูดูเสือกัดกัน  ถ้าการต่อสู้ภายในของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เกิดความเสียหายทั้งคู่ ชาวประมงอย่างเราจะได้รับประโยชน์”

“ยาก” ไป่ลู่ส่ายหน้า  “เจ้ามีฝีมือก้าวหน้ารวดเร็ว  แต่ยังห่างไกลจากถานไถถูเมี่ยอยู่มาก”

“ถ้าจอมวายร้ายยังไม่บรรลุพลังปราณราชันย์  ข้าคงไม่ยินดีนัก  แต่ในเวลานี้ข้าขอเสนอพ่อตัวร้าย!  เจ้าเมืองโล่วฮัวลุกขึ้นและเข้ามานั่งในอ้อมกอดของเย่ว์หยาง อยู่ต่อหน้าสตรีสองคนนางจับศีรษะและกอดคอเขาจูบแก้มเขาโดยไม่ลังเล”เย่ว์หยาง!  เจ้าเมืองผู้นี้สนับสนุนท่าน  อย่าให้ผู้คนผิดหวังนะ!”

“ตามบัญชา เจ้าเมืองที่รัก, โปรดวางใจได้ว่าผู้น้อยจะต้องทำอย่างสุดฝีมือที่สุดเพื่อให้งานสำเร็จ”  เย่ว์หยางถูกเจ้าเมืองโล่วฮัวยั่วจนสุดทน เขารีบอุ้มเจ้าเมืองโล่วฮัวเข้าห้องนอนอย่างรวดเร็ว

ไป่ลู่ประหลาดใจกับทัศนคติของเจ้าเมืองโล่วฮัว แม้แต่นางก็เข้าใจพลังปราณราชันย์ได้อย่างไร?

ฝ่ายตรงข้ามคือถานไถถูเมี่ย!

แต่ทันใดนั้นนางเขาใจอีกครั้ง นี่เป็นสิ่งที่ภรรยาควรทำ เชื่อใจสามีนางโดยไม่คัดค้านและสนับสนุนสามีนางเต็มที่

หลังจากนางพบเหตุผลแล้ว นางหันไปทางลี่เยี่ยนและถามพร้อมกับยิ้ม “เจ้าเชื่อว่าเขาจะทำได้สำเร็จไหม?”

หัวหน้าลี่เยี่ยนขมวดคิ้ว  “ถานไถถูเมี่ยแข็งแกร่งมากจริงๆ  แต่เย่ว์หยางไม่ใช่ว่าจะไม่รู้  เขาสร้างปาฏิหาริย์ที่เป็นไปไม่ได้มาแล้ว!  นอกจากนี้นี่ไม่จำเป็นต้องต่อสู้  บางทีอักษรรูนอมตะยอมรับเย่ว์หยาง ไม่ใช่ถานไถถูเมี่ย! เจ้ารู้เรื่องของเขาไม่มาก ข้าได้ไปฝึกกับเขาในหอทงเทียนเป็นเวลานาน   ข้าไม่เคยวุ่นวายกับเรื่องของเขา  โดยเฉพาะอย่างได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ คน เจ้าไม่รู้หรอกว่าคนเหล่านั้นโดดเด่นแค่ไหน  โดยสรุปก็คือ เขาจะประสบความสำเร็จ  อาจจะไม่ใช่ในวันเดียว แต่ข้าเชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จแน่นอน!”

ไป่ลู่ประหลาดใจเล็กน้อย  นางไม่คิดว่าลี่เยี่ยนจะตอบกลับมาอย่างนี้

ในที่สุดนางก็หัวเราะ

นางเข้าใจว่าลี่เยี่ยนพูดปลอบใจตัวเอง

แต่ไม่จำเป็นต้องปลอบใจลี่เยี่ยน  แม้ว่าปากจะพูดอย่างนั้น แต่ใจนางสนับสนุนเจ้าเด็กนั่น มิฉะนั้นนางจะบอกความลับที่น่าตกใจอย่างนั้นกับเขาได้ยังไง!  นอกจากนี้แม้จะบอกเขา กระตุ้นให้เขาจากไป และไม่ให้เขามายังอาณาจักรไท่หลุน

ความจริงนางเชื่อว่า ผู้ที่จะประสบความสำเร็จได้มากที่สุดก็คือเขาเอง

ประตูห้องนอน แม้จะมีฉนวนกันเสียงเล็ดรอด แต่ก็ยังมีเสียงหอบหายใจดังมาให้ได้ยิน

สีหน้าของทั้งสองคนเปลี่ยนไปพร้อมกัน

ไป่ลู่อายหน้าแดง  นางบีบขาชิดแน่นและนิ้วที่จับแก้วน้ำสั่น ลี่เยี่ยนรู้สึกอายยิ่งกว่า  ความจริงนางได้ยินอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว  นางคุ้นเคยกับเสียงทำศึกรักของเย่ว์หยางนานแล้ว แต่นี่ไม่ใช่บันไดสวรรค์ ไป่ลู่ไม่ใช่อู๋เหิน ดังนั้นนางรู้สึกอายเล็กน้อย

“เขากับน้องโล่วฮัวเป็นอย่างนี้บ่อยไหม?”  ไป่ลู่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการสนองตอบต่อการยั่วยวนนาง  ไม่อย่างนั้นเย่ว์หยางคงไม่ทำอย่างนี้ง่ายๆ

“ชินแล้ว” หัวหน้าลี่เยี่ยนไม่ต้องการพูดคุยเรื่องนี้กับไป่ลู่อีก นางลุกขึ้นยืนและกลับไปที่ห้อง

“บางครั้งเจ้ามีความคิดอะไรบ้างไหม?” ไป่ลู่โพล่งถามขึ้น

“ข้าเป็นเผ่ายักษ์” ลี่เยี่ยนรีบปฏิเสธ “ไม่ต้องเดา ข้าไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ และข้าไม่ได้มีอะไรกับเขา!”

“เอ่อ.. ข้าเชื่อเรื่องนั้น..” ไป่ลู่เมื่อลี่เยี่ยนเกือบจะเข้าไปในห้อง จู่ๆ นางวางแก้วน้ำและพูดกับลี่เยี่ยนด้วยภาษาลับ “เจ้าเคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่าการรู้แจ้งของหญิงงามบ้างไหม แม้แต่หญิงที่ดูธรรมดายังกลายเป็นสาวงามได้ มีความสามารถที่จะปรับเปลี่ยนรูปร่างได้ บางทีเจ้าน่าจะลองดูนะ”

“ขอบคุณ  ของอย่างนั้นมีแต่ในตำนานไม่มีอยู่จริง ข้าคงไม่ไล่ตามหาแน่  ตอนนี้ก็รู้สึกดีมากอยู่แล้ว ข้าไม่คิดอะไรมาก  ความสัมพันธ์ของข้ากับเขาก็คือเป็นคู่หู  ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด”  ลี่เยี่ยนส่ายหัวและดึงประตูเตรียมจะปิด

“ถ้าข้าบอกว่าข้ามีของดีเล่า?”  คำพูดของไป่ลู่ทำให้ลี่เยี่ยนนิ่งอึ้ง!-!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด