ตอนที่ 11 น้ำใจและความยุติธรรม
ตอนที่ 11 น้ำใจและความยุติธรรม
"กินได้เยอะ" ไม่ใช่คำดูถูก
แต่นั่นสำหรับคนที่ดูดี ในสายตาคุณเท่านั้น
ตรงกันข้ามถ้านั่นเป็นชายตัวอ้วนๆ ที่มีพุงโตๆ พนักงานเสิร์ฟก็จะรู้สึก น่ารังเกียจ และดูถูกเหยียดหยาม ถึงภายนอกจะยิ้มและให้บริการที่ดี
รูปร่างหน้าตาดีคือความยุติธรรม ในแง่มุมของความรู้สึก นั่นเป็นความจริงที่โหดร้ายและไม่ยุติธรรม
ก่อนที่พนักงานสาวคนนั้น จะเก็บจานแล้วจากไป เธอก็ได้พูดเสริมขึ้นมาว่า: "กุ้งล็อบสเตอร์ จะนำขึ้นมาตอนเวลา 5 โมงครึ่ง และฉันจะแยกไว้ให้คุณโดยเฉพาะ"
และแน่นอนแขกทั่วไปจะไม่ได้รับการบริการดูแลอย่างดีแบบนี้
พนักงานเสิร์ฟสาวคนนั้นเห็นและถูกใจ เกาจิ้ง มากในตอนนี้ และเธอก็ได้จ้องมองมาที่ เขา อยู่ก่อนแล้วเป็นเวลาหลายนาที
"ยิ่งมอง หัวใจก็ยิ่งเต้นแรง"
โอ้! ผู้หญิง ถ้าได้คลั่งไคล้ใครแล้วล่ะก็ เขาคนนั้นก็ไม่ต่างจากเทพบุตรในสายตาเธอ
แม้ว่า เกาจิ้ง จะไม่ต้องการ กุ้งล็อบสเตอร์ แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน:
"ขอบคุณ"
ภายใต้สถานการณ์ปกติ อย่าปฏิเสธน้ำใจที่ผู้อื่นมอบให้ด้วยใจจริงโดยง่าย เพราะมันจะทำให้ เขารู้สึกไม่ดีและเสียน้ำใจ
พนักงานเสิร์ฟจากไปอย่างมีความสุข
เกาจิ้ง สัมผัสสมอทองแดงที่แขวนอยู่บนหน้าอกของเขาอย่างครุ่นคิด
แล้วกินต่อ
ในห้องอาหารของโรงแรมเกาลูน เกาจิ้ง ก็ออกไปเมื่อเขาอิ่มได้ประมาณ 80%
ไม่ใช่ว่า เกาจิ้ง ไม่ต้องการที่จะกินจนกว่าเขาจะอิ่ม แต่เหตุผลส่วนใหญ่เป็นเพราะว่า พ่อครัวบาร์บีคิว เริ่มชำเรืองมองเขาถี่ขึ้นด้วยตาที่เขียวเป๋ง
ถ้า เกาจิ้ง ยังคงกินต่อไป บางทีพ่อครัวบาร์บีคิวอาจจะต้องโทรหาตำรวจ
แต่ไม่ได้มาจับกุม เกาจิ้ง เพื่อไปที่สถานีตำรวจ และพ่อครัวบาร์บีคิวก็ไม่ได้เป็นเจ้าของร้านอาหาร ดังนั้น เกาจิ้ง จะกินเท่าไหร่ก็ไม่ส่งผลต่อเงินเดือนของเชฟ
แต่เขาอาจต้องการ ให้ตำรวจประสานงานเรียกรถพยาบาลเพื่อพา เกาจิ้ง ไปโรงพยาบาล
พ่อครัวบาร์บีคิวที่เหนื่อยจนขาอ่อนแรง รู้อยู่แล้วว่า เกาจิ้ง ได้จัดการสเต็กจำนวนมากด้วยกินเพียงคนเดียว แต่ก็ยากที่จะเชื่อ
"ฉันกลัวจริงๆว่าท้องของ เขา จะแตก"
"ราชากินจุในตำนานยังกินได้ไม่เยอะเท่านี้!"
"ของที่กินเข้าไป เขาเอาไปเก็บไว้ตรงไหนเหรอ"
สมควรแก่เวลาที่ เกาจิ้ง ต้องไป
หลังจากกินอาหารมื้อใหญ่นี้ เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก
พลังงานที่จำเป็นได้รับการเติมเต็มอย่างมากและสภาพร่างกายก็ดีขึ้นไปอีกขั้น
มีความรู้สึกว่าตัวเขาเองเหมือนจะไม่ใช่มนุษย์แล้ว
เดินทางกลับไปที่หมู่บ้านในเมือง
ทันทีที่เขาลงจากรถแท็กซี่ เกาจิ้ง ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่ ยืนมุงรอบถนน ส่งเสียงดังราวกับว่ามีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น
เขาสังเกตเห็นว่า ป้ายไฟทรงกระบอกเป็นเกลียวสีน้ำเงินคาดแดง ที่แขวนอยู่ทางเข้าร้านทำผม แตกพังเสียหายเหมือนมีคนมาทำลาย
เกาจิ้ง เดินเข้าไปดูด้วยความสงสัยอยากรู้
ที่หน้าร้านทำผม เห็นหญิงสาวช่างสระผม ถูกคนสองคนเป็นชาย1 คนหญิง 1 คนวัยประมาณกลางคน ล็อคตัวเธอไว้แน่น
ไม่ว่าเธอจะดิ้นรน และร้องไห้สักเพียงใด 2 คนนั่นก็ไม่ยอมปล่อย
ใกล้ๆกันนั้นมีผู้ชาย3 คน มี 2 คนยืนอยู่และกำลังรุมทำร้ายชายอีกคนนึง
" นั่นช่างตัดผมนี่!"เขากำลังถูกทำร้ายอยู่
ช่างตัดผมพยายามต่อสู้ ปัดป้อง แต่ก็ถูกทุบตีจนเขียวช้ำ
ขนาดและรูปร่างของเขา มันเทียบกันไม่ได้กับคู่ต่อสู้ แถมยังมีด้วยกันถึง 2 คน เขาทำได้เพียงแค่ ขดตัวหมอบ ยกมือปิดหัวปิดหูและใบหน้าได้เท่านั้น เขาดูน่าสงสารมาก
ภายในร้านทำผม ข้าวของไนร้านเสียหายกระจัดกระจาย และยังมีลูกค้าที่สวมผ้ากันเปื้อน ยืนหลบอยู่ตรงมุมห้อง หน้าขาวซีดด้วยความหวาดกลัว และงุนงง
"หลบหน่อย! ขอทางด้วย"
เกาจิ้ง เดินเข้าไปใช้มือและแขนแหวนผู้คนที่ยืนดู เห็นชายร่างกายกำยำท่าทางแข็งแรงที่กำลังทำร้ายช่างตัดผมอย่างมันมืออยู่นั้น
เดินไปคว้าเก้าอี้นั่ง ที่อยู่บนพื้นเงื้อแขนวาดเก้าอี้ขึ้นสูง เตรียมจะฟาดลงมายังศีรษะของช่างตัดผม
"ไม่!!!อย่าา"
หญิงสาวช่างสระผม ตะโกนร้องลั่น ดวงตาที่แดงช้ำเต็มไปด้วยน้ำตาของเธอเบิกโพลง ด้วยภาพที่เห็นตรงหน้า
ทุกคนคิดว่าการฆาตกรรมกำลังจะเกิดขึ้น แต่เก้าอี้ไม่ได้ถูกฟาดลงบนหัวของช่างตัดผม
เพราะข้อมือของชายร่างกำยำถูก เกาจิ้ง ที่เพิ่งมาถึงจับไว้อย่างแน่นหนา!
เกาจิ้ง ไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น
แต่เขารู้จักช่างตัดผมมาสามปีแล้ว และเขาตัดผมที่ร้านนี้มาตลอดโดยรู้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้มีชีวิตที่ไม่ง่ายเลย
แม้ว่าทั้งคู่จะอายุยังน้อยและขี้เล่น แต่พวกเขาก็มีบุคลิกที่ดีมากและรู้จักทำงานหาเงินด้วยมือของพวกเขาเอง
เมื่อเทียบกับกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกัน ที่พึ่งพาพ่อแม่ในการกิน ดื่ม เที่ยวเล่น และรู้แค่วิธีหาความสุขให้ตัวเองเท่านั้น ยังทำงานหาเงินไม่เป็น เลยไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขาหนุ่มสาวคู่นี้แข็งแกร่งกว่ามาก
เมื่อเห็นทั้งสองถูกรังแกในตอนนี้ เกาจิ้ง ไม่สามารถยืนดูได้!
“โอ๊ะ!!โอ๊ย!”
ชายร่างกำยำที่ถูกคว้าข้อมือร้องลั่น ใบหน้าบิดเบี้ยว
มือของ เกาจิ้ง ดูเหมือนคีมเหล็กซึ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนกระดูกข้อมือหัก!
เก้าอี้ในมือของเขาก็พลัดหล่นลงกับพื้น
ทันทีที่ เกาจิ้ง บิดยกข้อมือขึ้น แขนของชายคนนั้นก็ชูและงอไปด้านหลังบิดตัวตามแรงด้วยความเจ็บปวด
แล้ว เกาจิ้ง ก็เตะตัดขาทำให้ชายคนนั้นเสียหลักล้มลงไปนอนอยู่ที่พื้น
เด็กยากจนต้องดูแลตนเองตั้งแต่เนิ่นๆ และเด็กที่ไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยต้องเรียนรู้ที่จะต่อสู้หากพวกเขาไม่ต้องการถูกรังแก
แน่นอน เกาจิ้ง ต้องต่อสู้
และตอนนี้คุณสมบัติความแข็งแกร่งและความว่องไวของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!
เกาจิ้ง ปล่อยมือ ชี้ไปที่ชายหนุ่มอีกคนที่กำลังทุบตี ช่างตัดผม แล้วตะโกนว่า
"หยุด!"
ร่างกายของชายคนนั้นเล็กกว่าชายที่ร่างกายกำยำมาก และเขาตกใจมากเมื่อได้ยินเสียง
"ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้"
เกาจิ้ง จ้องไปที่อีกฝ่ายอย่างดุดันแล้วก็ไปช่วยพยุงช่างตัดผมขึ้นมา
“เป็นยังไงบ้าง ไหวไหม”
ช่างตัดผมเขาอายมาก จมูกและปากของเขาเต็มไปด้วยเลือด ผมของเขายุ่งเหยิง และหน้าผากของเขามีรอยบวมปูดขนาดใหญ่เขียวช้ำ
มุมปากของเขาก็บวมเช่นกัน และคำพูดของเขาก็คลุมเครือเล็กน้อย:
"ขอบคุณ ขอบคุณพี่เกา"
ในขณะที่ขอบคุณ เกาจิ้ง เขาไม่ลืมเป็นห่วงแฟนสาวของเขา: "เซียวเหม่ย!"
เซียวเหม่ย เป็นช่างสระผม
ในเวลานี้ หญิงสาวทพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากคนทั้งสองที่ยืนงุนงง และรีบไปหาช่างตัดผม
โผเข้ากอดเขาแล้วร้องไห้!
ชายร่างกำยำบนพื้นพยายามลุกขึ้นด้วยสีหน้าโกรธแค้น เขาคว้าเก้าอี้ตัวนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
เกาจิ้ง ไม่ต้องการแม้แต่จะแตะต้องตัวเขา จึงทำเพียง เตะตัดขาให้เขาล้มลงไปอีกครั้ง
"เปาะแปะๆ!"
มีเสียงชอบใจ เสียงปรบมือ และเสียงหวีดเป่าปากจากคนมุงจำนวนมาก
หลายคนถ่ายรูป เกาจิ้ง ด้วยโทรศัพท์มือถือ
"คุณ ทำไมคุณถึงมาทำร้ายคนอื่นเขาแบบนี้"
หญิงวัยกลางคนวิ่งเข้ามาและตะโกนด่าอย่างบ้าคลั่งใส่ เกาจิ้ง: "คุณเป็นใคร คุณมีสิทธิ์อะไรถึงต้องเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น นี่มันเป็นเรื่องของคนในครอบครัว"
"ครอบครัวของคุณ?"
เกาจิ้ง ผงะเล็กน้อย
แล้วเขาก็เข้าใจในเหตุการณ์ทันทีหลังจาก คนในครอบครัวของ เซียวเหม่ย เข้ามาอธิบายและต่อว่าเขา
และนั่งคือเหตุผลในสิ่งที่พวกเขาเข้ามาทำร้ายช่างตัดผม
แต่ข้ออ้างของการกระทำนั้น ไม่ได้ลบล้างหัวใจจริงของเขาที่จะต่อสู้กับความอยุติธรรม เขามองตอบอีกฝ่ายอย่างเฉยเมย
สายตาที่เย็นชาแต่เอาจริงของ เกาจิ้ง กวาดไปที่หญิงวัยกลางคน ที่กำลังคิดจะกระทำความรุนแรงบางอย่างกับเขาถึงกับหยุดชะงักและรู้สึกกลัว จนถอยหลังไป 2 ก้าวโดยไม่รู้สึกตัว
สงบปากคำลง แล้วไม่กล้าโวยวายต่อ
ดูเหมือนว่า เกาจิ้ง จะมีความดุร้ายอยู่ในแววตาจนทำให้หญิงวัยกลางคนกลัวโดยสัญชาตญาณ!
หวิ้ว!หวิ๊ว!ๆ
ในเวลานั้น เสียงไซเรนดังมาจากระยะไกลและใกล้ และรถตำรวจสองคันที่มีสัญญาณไฟกะพริบก็พุ่งมาที่สี่แยก
ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาคงมีใครโทรเรียกตำรวจเมื่อครู่นี้ และสายตรวจก็มาอย่างรวดเร็ว
หลังจากเข้าใจสถานการณ์ทั่วไปแล้ว ช่างตัดผม และ เซียวเหม่ย ตลอดจนพ่อแม่และสมาชิกในครอบครัวของ เซียวเหม่ย ถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจใกล้เคียงเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย
เนื่องจาก เกาจิ้ง บีบข้อมือของชายที่ทำร้ายช่างตัดผม เขาจึงต้องไปจดบันทึกด้วย
แต่ เกาจิ้ง ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งใดเพราะมีเพื่อนบ้านที่ยินดีเป็นพยานให้เขา
เขาเป็นคนกล้าหาญ
นอกจากพยานแล้วยังมีวิดีโอที่ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือเพื่อเป็นหลักฐานทางกายอีกด้วย
คนที่มีหัวใจประดุจเหล็กเพชรของพวกเขา
เรื่องราวของ ช่างตัดผม และ เซียวเหม่ย คู่หนุ่มสาวได้รับการบอกเล่าจากผู้คนมากมายในละแวกนั้น
ไม่มีใครชอบครอบครัวของเซียวเหม่ยที่มาสร้างปัญหาและต้องการเอาชนะคนที่ไม่มีทางสู้
รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เกาจิ้ง อยู่ที่สถานีตำรวจจนถึงหลัง21:00 น ถึงจะออกมา
อันที่จริง เขาสามารถออกไปได้หลังจากจดบันทึกเสร็จ แต่เพราะเขากังวลว่าคู่รักหนุ่มสาวจะไม่มีใครคอยช่วยเหลือเขา เขาจึงจงใจอยู่ต่อ
ผลสุดท้ายของเรื่องคือภายใต้การไกล่เกลี่ยของตำรวจทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลง
ช่างตัดผม จ่ายเงินก้อนเดียวให้พ่อแม่ของ เซียวเหม่ย 100,000 หยวน และครอบครัวของเธอ ก็จะไม่มาวุ่นวายกับพวกเขาอีกต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ทั้งคู่ต้องให้ค่าครองชีพอีก 1,000 หยวนทุกเดือนเป็นเงินค่าเลี้ยงดู
ในความเป็นจริง พ่อแม่ของ เซียวเหม่ย มีอายุเพียงสี่สิบเศษในปีนี้ และพวกเขามีสุขภาพที่ดี!ครบ 32 ประการ
ถึงอย่างนั้น ในตอนแรก พ่อแม่ของเซียวเหม่ยเรียกร้องค่าตัวลูกสาวในราคา 388,888 หยวน
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบการไกล่เกลี่ยไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและเตือนพ่อแม่ของ เซียวเหม่ย
หากช่างตัดผมไม่ยอมความ ทั้งพี่ชายของเซียวเหม่ยและลูกพี่ลูกน้องที่ทำไมร่างกายเขาจะต้องติดคุก!
ด้วยข้อหาทะเลาะวิวาท ทำไมร่างกายก่อกวน ความสงบเรียบร้อย ทำลายทรัพย์สินผู้อื่นโดยเจตนา...และในวีดีโอหลักฐานดูเหมือนว่าจะมีเจตนาฆ่า
หากช่างตัดผมไปโรงพยาบาลด้วยอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ค่าชดเชยมากกว่า 100,000 หยวนจะถือว่าเล็กน้อย!ถ้าเทียบกับการที่ต้องติดคุก
ตอนนั้นเองที่พ่อแม่ของเสี่ยวเหม่ยรู้สึกหวาดกลัว และพวกเขาก็ลงนามในข้อตกลงไกล่เกลี่ยอย่างเชื่อฟัง
และช่างตัดผม ก็ไม่ติดใจเอาความ
พูดตามตรง พ่อแม่ของเสี่ยวเหม่ยไม่ได้โลภมากขนาดนั้น
ค่าเลี้ยงดูลูกสาวที่พวกเขาขอจากช่างตัดผม คือสำหรับพี่ชายของเซียวเหมยที่จะแต่งงานและใช้เงินในการสู่ขอภรรยาของเขา
จึงเป็นเหมือนกับ เสียไป แล้วได้มาแต่ถ้าพี่ชายของเซียวเหม่ยไม่ได้เงินก้อนนี้จะต้องอยู่เป็นโสด เพราะไม่มีสินสอดทองหมั้น!
กล่าวได้ว่า ในแต่ละครอบครัวก็ย่อมมีเรื่องราวและเหตุผลในครอบครัวนั้นๆ
"ขอบคุณมาก ที่เก่า"
กลับมาที่หมู่บ้านในเมือง ช่างตัดผม และ เซียวเหม่ย รู้สึกขอบคุณ เกาจิ้ง อย่างมาก
หากปราศจากการกระทำอันชอบธรรมของ เกาจิ้ง ช่างตัดผมไม่รู้ว่าเขาจะถูกทำร้ายหนักหนาเพียงใด และสิ่งต่างๆถ้าจะผ่านพ้นไปได้
ในเวลานั้นคนหนึ่งจะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและอีกคนหนึ่งจะถูกคุมขัง เซียวเหม่ย จะเป็นคนที่เศร้าที่สุด
ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเขาล้วนเป็นญาติของเซียวเม่ย
เมื่อข้อตกลงได้รับการลงนามแล้ว เขาทั้งสองคนสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในอนาคต และไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป
มันเป็นผลที่น่าพอใจสำหรับเขา
"ยินดีต้อนรับ"
เกาจิ้ง พูดด้วยรอยยิ้ม "พวกคุณจะทำงานหนักในปัจจุบัน และคุณจะกลับไปบ้านเกิดของคุณในอนาคตอันรุ่งโรจน์!"
ช่างตัดผม และ เซียวเหม่ย มองหน้ากัน และก็พยักหน้ารับ : "อืม เราจะตั้งใจทำงาน!
" ใครๆ เขาก็มีคู่กัน"
เกาจิ้ง ตบไหล่ช่างตัดผมแล้วเดินกลับบ้าน
ในห้องเช่า เขานั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวเล็กและเปิดโคมไฟ
เขาถอดสร้อยคออีกครั้ง หยิบสมอทองแดงขึ้นมาและสังเกตดูอย่างระมัดระวัง “
จบตอน