บทที่ 9: หมาเลียตีนของแท้! นี่ใช่สตรอว์เบอร์รี่จริง ๆ เหรอ?
หลังจากที่ฉินหลินส่งสตรอว์เบอร์รี่แดงให้ที่ห้างเสร็จแล้วฝนก็เทลงมา
เมื่อฝนซาลงเล็กน้อยก็เป็นเวลาเที่ยงแล้วและเขาก็กลับไปยังตลาด
พอเดินกลับไปถึงร้านก็เห็นเจ้าหมาดำมันซ่อนตัวอยู่ใต้ชายคาร้านเพื่อหลบฝน แต่ก็โดนฝนสาดจนตัวเปียกโชกไปหมด และตอนนี้มันกำลังนอนขดตัวเลียขนเพื่อเอาคราบน้ำฝนออก
‘ไอ้หมาดำนี่นับวันยิ่งแต่จะหน้าด้านนะเนี่ย’
ตลอดสิบกว่าวันมานี้เขาไม่เคยเอ่ยปากไล่ตะเพิดมันไปเลย กลายเป็นว่ามันเลยกะจะลงหลักปักฐานที่นี่เข้าจริง ๆ
“แฮ็ฟ!” เมื่อเจ้าหมาดำมันเห็นหน้าเขามันก็ยืนขึ้นแล้วยิ้มให้
ฉินหลินแสร้งทำเป็นไม่สนใจมันและไปเปิดประตูเข้าร้าน หลังจากยุ่ง ๆ อยู่นานท้องมันก็ร้อง เขาเลยหยิบมือถือมาสั่งกับข้าว
น่องใหญ่สองน่องกับไข่ดาวสองฟอง ตอนนี้เขามีเงินมากพอจะซื้อของดี ๆ กินอย่างไม่ต้องเสียดายเงินแล้ว
และพอกำลังจะกดจ่ายเงินเขาก็เหลือไปเห็นเจ้าหมาดำที่ตอนนี้ท่าทางจะอยู่ไม่เป็นสุขเท่าไหร่นัก มันเดี๋ยวก็ชะเง้อมอง เดี๋ยวก็ย่องเข้ามาแอบมองเขาในร้าน และเมื่อมันเห็นเขาหันไปเจอมันก็ย่องออกไปคืนแล้วหมอบลงแต่ตามันไม่ได้หมอบด้วยและเหลือบมองเขาอย่างคาดหวัง
ฉินหลินเลยจิ้มมือถือเพิ่มไปเงียบ ๆ โดยเพิ่มน่องไก่ชิ้นใหญ่อีกหนึ่งชิ้นก่อนค่อยกดจ่ายเงิน
ไอ้หมาดำนี่มันมาเดินป้วนเปี้ยนรอบ ๆ ตัวเขาทุกวันทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ
มนุษย์น่าจะเป็นสัตว์ที่ซับซ้อนที่สุดแท้ ๆ
มันก็เหมือนกับตอนสาว ๆ ไปเจอหมานั่นแหล่ะ แม้ตอนแรกจะขยะแขยง แต่พอเจอมันเลียเข้าหน่อยนี่ชอบ ติดใจ แล้วพอมันเลียเบื่อแล้วเดินหนีนางก็จะหันมานั่งเสียดายว่าทำไมมันหยุดเลียล่ะ?
หลังจากนั้นไม่นาน
เดลิเวอรี่ก็มาถึง
ฉินหลินหยิบกล่องข้าวมาเปิดวางบนโต๊ะ ไอ้เจ้าหมาดำที่เดิมหมอบอยู่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนตั้งท่ารอโดยดวงตาของมันก็จ้องไปที่ข้าวกล่องบนโต๊ะ
เมื่อฉินหลินเห็นอย่างนั้นเขาก็เลยแกล้งมันซักหน่อยโดยหยิบน่องไก่ชิ้นใหญ่มากัดต่อหน้าต่อตามันด้วยสีหน้ามึนเมาในรสชาติ
ไอ้เจ้าหมาดำมันเห็นอย่างนั้นก็ลิ้นห้อยยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับจะบอกให้เขารีบ ๆ โยนกระดูกมาซักที
ฉินหลินเห็นว่าไอ้หมานี่มันตลกดีแท้เลยหยิบน่องไก่ชิ้นหนึ่งที่ซื้อเพิ่มโยนให้มันไป
เจ้าหมามันก็อ้าปากงับกลางอากาศอย่างสวยด้วยความเร็วที่ตามองไม่ทันสมกับเป็นหมา
และมันที่กำลังรอกระดูกอยู่นั้นพอเจอเนื้อไก่เข้าไปเต็ม ๆ ปากก็ถึงกับตาเบิกโพล่งด้วยความตกใจ
ส่วนฉินหลินก็กินต่อโดยไม่ได้สนใจมันอีก เพราะเขาหันไปโฟกัสกับหน้าจอเกมแทน
มีหนอนมากวนอีกแล้ว แถมยังต้องรดน้ำด้วย
หลังจากเล่นเกมกับกินข้าวกล่องเสร็จแล้วเขาก็กำลังจะเอาขยะไปทิ้ง แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าที่เท้ามีอะไรแปลก ๆ มาโดน กลายเป็นว่าเจ้าหมาดำมันเอาหัวมาถูอีกแล้ว
แต่เมื่อมันเห็นฉินหลินเมินมันก็เลยหดหัวลงแล้วไปนอนหมอบต่อที่ประตู
...................................................................................…
บ่ายแก่ ๆ
แตงโมและสตรอว์เบอร์รี่แดงในเกมสุกอีกรอบ ชุดนี้ได้แตงโม 421 ลูกและสตรอว์เบอร์รี่แดง 301 จิน ทั้งหมดนี้ถูกย้ายออกจากเกมส่งไปชั่งที่ห้าง จากนั้นก็เปิดบิลให้ผู้จัดการเฉินเอาไปเบิกเงินจ่าย
แตงโม 421 ลูกได้เงิน 7,893 หยวน สตรอว์เบอร์รี่ 606 ลูกได้เงิน 18,180 หยวน และมีแตงโมที่ขายให้พวกหลิวต้าเชิ่งเมื่อเช้าอีก 6,341 หยวนทำให้วันนี้มีรายได้อยู่ที่ 32,414 หยวน
เมื่อเขาออกจาก RT-Mart ข้อความจากธนาคารก็เข้าพอดี
“บัญชีเลขท้าย… เงินเข้า 26,073.00 หยวน คงเหลือ 199,157.60 หยวน”
ตอนนี้เงินออมของเขาเกือบจะถึง 200,000 แล้ว!
ฉินหลินต้องมองตัวเลขในมือถืออีกสองสามรอบอย่างอดไม่ไหวกว่าจะวางมือถือลงได้ จากนั้นก็ขี่เจ้าบุโรทั่งไปจอดแล้วเอาสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไปรับจ้าวโม่ชิงที่สำนักงานจัดเก็บภาษี
ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือยังไง ทันทีที่ฉินหลินจอดรถเฉินฮ่าวมันก็เดินออกมาพอดีเลย
ชายหนุ่มทั้งสองสบตากับแว้บหนึ่ง เฉินฮ่าวขมวดคิ้วเล็กน้อยให้กับเจ้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของฉินหลินก่อนจะกดกุญแจไฟฟ้าให้รถออี้ของตนกระพริบไฟวิบ ๆ ตอบรับ
ดูก็รู้ว่ากำลังอวดเบ่ง
ผู้ชายเรามันก็เถื่อน ๆ แบบนี้แหล่ะ ใช่มั้ย? ไม่อวดอย่างอื่นหรอกนอกจากบ้าน รถ แล้วก็ผู้หญิง
แต่ผู้ชายที่ไม่เถื่อนมันก็มี คือพวกคนที่ประสบกวามสำเร็จของแท้ที่ไม่ลดตัวลงมาทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้ กับพวกที่ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลยไม่มีอะไรให้อวด
เห็นได้ชัดว่าเฉินฮ่าวไม่ใช่ทั้งสองกรณีดังกล่าว มันจึงทำตัวเถื่อน ๆ นั่นเอง ในใจของมันคิดว่าตัวเองขับออดี้ส่วนไอ้นี่ขับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ความรู้สึกเหนือกว่าอันยากจะอธิบายได้ปรากฏขึ้น
จากนั้น
ก็มีไอ้หนุ่มร่างอ้วนเดินออกมาทักทายมัน “อ้าวเฉินฮ่าวทำไมไม่รอจ้าวโม่ชิงลาะ? นายไม่คิดจะพาเธอไปเลี้ยงข้าวแล้วสารภาพรักแล้วเหรอ? นายมีคุณสมบัติพอจะจีบเธออยู่แล้วหนิ ใช่ปะ?”
คำพูดที่จู่ ๆ ไอ้อ้วนก็พ่นออกมาเหมือนมือที่ตบเข้าเบ้าหน้าของเฉินฮ่าวที่กำลังดื่มด่ำกับความรู้สึกเหนือกว่า มันจนต้องขึ้นรถปิดประตูปึงปังโดยไม่พูดอะไรสักคำ
‘โคตรเวรเลยจริง ๆ จ้าวโม่ชิงนั่งซ้อนไอ้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าโตลมจนผมยุ่งไปทั้งหัว ส่วนตัวกรูกลับไม่มีทางได้แดรกเนี่ยนะ?’
มันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมตัวเองถึงยังโสดอยู่ทั้ง ๆ ที่ไอ้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามันได้ขี่เธอคนนั้น
นี่มันตรรกะบ้าบออะไรกันหนอ?
ไอ้หนุ่มอ้วนที่ตบหน้าเพื่อนโดยไม่รู้ตัวก็มองเฉินฮ่าวด้วยสีหน้างง ๆ ก่อนจะไปขึนรถเจ็ทต้าที่จอดอยู่ข้าง ๆ กันแล้วขับออกไป
“ฉินหลิน!” เมื่อจ้าวโม่ชิงออกจากประตูมาและเห็นฉินหลินเธอก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มและกระโดดขึ้นนั่งอย่างชำนิชำนาญ
เธอกอดเอวของเขาแล้วพูดว่า “ปะ!”
ฉินหลินขี่ขับออกไปตามถนนพลางถามว่า “ให้ไปส่งเธอที่บ้านเลยหรือไม่หาไรกินข้างนอกกันก่อนดี?”
จ้าวโม่ชิงคิด ๆ แล้วก็ตอบว่า “ไปซื้อผักก่อนแล้วไปที่บ้านเธอมะ? ฉันไม่ได้เจอคุณป้ามานานละ”
“โอเค เด๋วฉันค่อยโทรบอกแม่ แม่ต้องดีใจแน่ ๆ ที่รู้ว่าเธอจะไปเยี่ยม” ฉินหลินพูดพลางเปลี่ยนเส้นทางไปหาซื้อของที่ห้าง
ฉินหลินไม่ได้ชอบช้อปปิ้ง แต่ชอบจูงมือจ้าวโม่ชิงเวลาช้อปปิ้งต่างหาก
ซื้อเสร็จทั้งสองก็อยู่ในสภาพหอบหิ้วถุงผักกับอาหารทะเลพะรุงพะรัง
เมื่อพวกเขากลับถึงบ้านหลินเฟินเห็นว่าจ้าวโม่ชิงมาหาจริง ๆ ก็ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งอย่างไม่ปิดบัง “โม่ชิง มาแล้วเหรอลูก มา ๆ เข้ามาข้างในก่อนเร้ว!”
หลินเฟินชอบจ้าวโม่ชิง 100% เธอคิดว่าการที่ลูกชายของเธอได้มาพบกับหญิงสาวที่อ่อนโยน อ่อนหวาน อารมณ์ดี และน่าชื่นชมเช่นนี้ได้เจ้าลูกชายมันต้องขอบคุณบรรพบุรุษของแม่ให้ครบแปดรุ่น
ถ้าไม่ใช่เพราะสถานะทางบ้านยากจนเกินไปล่ะก็เด็กสองคนนี้คงได้แต่งงานให้เธอมาเป็นสะใภ้ให้แม่ยายได้ชื่นมื่นหัวใจไปนานแล้ว
“คุณป้าคะ! หนูกับฉินหลินซื้อผักมาเยอะแยะเลย ขอเอาไปล้างก่อนนะคะ” จ้าวโม่ชิงพูดอย่างไพเราะ เธอไม่รังเกียจสภาพแวดล้อมที่คับแคบรก ๆ แบบนี้เลย
“จ้า มา ๆ ป้าช่วยล้างนะ!” หลินเฟินรับผักจากฉินหลินและเข้าไปในครัวพร้อมกับจ้าวโม่ชิงอย่างสุขสม
ฉินหลินเลยดูเหมือนจะกลายเป็นคนนอกไปเลย
ทักษะการทำอาหารของจ้าวโม่ชิงนั้นไม่เลว ดังนั้นหลินเฟินที่ช่วยเธอทำก็ทำอย่างมีความสุข หลังจากเตรียมอาหารเสร็จแล้วความอยากอาหารของเธอก็ยังมากกว่าปกติด้วย วันนี้แม่ยายเจริญอาหารมากจริง ๆ
หลังอาหาร
ฉินหลินเข้าไปในห้องและนำถุงออกมาใบหนึ่งซึ่งข้างในมีสตรอว์เบอร์รี่แดงเลเวลสองที่เก็บเกี่ยวได้ในวันนี้ โดยเอาออกมาหนึ่งส่วนสี่จิน
“เสี่ยวหลินถืออะไรอยู่น่ะลูก?” หลินเฟินถามด้วยความสงสัย
“สตรอว์เบอร์รี่แดงครับแม่ ผมเก็บไว้ให้แม่เป็นพิเศษเลยนา มา ๆ แม่กับโม่ชิงลองกินดูซิ” ฉินหลินวางสตรอว์เบอร์รี่แดงเลเวลสองลงบนโต๊ะ
เมื่อหลินเฟินเห็นสิ่งนี้เธอก็รีบเอาสตรอว์เบอร์รี่ตรงหน้ายื่นให้จ้าวโม่ชิงทันที “โม่ชิงจ๊ะ สตรอว์เบอร์รี่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและยังทำให้หนูสวยได้อีก อะกิน ๆ”
“ค่ะคุณป้า” จ้าวโม่ชิงที่ชื่นชอบผลไม้ย่อมไม่ปฏิเสธ เธอหยิบมันขึ้นมาชิม และต้องอุทานเสียงดังลั่น “ฉินหลิน! ทำไมสตรอว์เบอร์รี่ถึงอร่อยขนาดนี้ได้ล่ะ!”
“สตรอว์เบอร์รี่คุณภาพสูงพิเศษหาซื้อที่ไหนไม่ได้ ต่อให้อยากซื้อขนาดไหนหรือมีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้ เป็นไง อร่อยมะ?” ฉินหลินรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย ‘ไงล่ะ? อร่อย +2, หวาน +2, รสสัมผัส +2 และติดปาก +2’
มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ทำสตรอว์เบอร์รี่แบบนี้ได้ ก็นะเล่นเอาออกมาจากเกมนี่นา
“อื้ม!” จ้าวโม่ชิงพยักหน้าหงึก ๆ “สตรอว์เบอร์รี่ที่ฉันกินก่อนหน้านี้เทียบไม่ติดเลย เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ได้กินสตรอว์เบอร์รี่ที่อร่อยขยาดนี้”
“หืม~ ก็แค่สตรอว์เบอร์รี่แดงเอง จะไปอร่อยขนาดนั้นได้ยังไงเล่า หนุ่ม ๆ สาว ๆ นี่น้าไม่ไหว ๆ” หลินเฟินคิดว่าที่ทั้งสองพูดนั้นจงใจพูดเวอร์ ๆ เพื่ออวยกันเองซึ่งเป็นการจีบกันอย่างหนึ่ง
เพราะประสบการณ์การเป็นแม่ค้าขายผักตลอดชีวิตทำให้เธอรู้เรื่องสตรอว์เบอร์รี่แดงเป็นอย่างดี ซึ่งโดยทั่วไปแล้วรสชาติมันจะคล้าย ๆ กันไม่ค่อยมีอะไรต่างมากนัก
และด้วยความหมั่นใส้เธอก็หยิบขึ้นมากินลูกหนึ่ง และ...
ตะลึง!!!
รสชาติของสตรอว์เบอร์รี่ลูกนี้มันเกินความคาดหมายของเธอไปไกลโข! เมื่อกลืนลงคอไปแล้วยังคงมีกลิ่นหอมและรสชาติที่ไม่เลี่ยนติดอยู่ตั้งแต่ปากลงไปยังลำคอส่วนลึกจนยากนักที่จะลืมเลือน!
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่ตัวเองกินไปเมื่อกี๊คือสตรอว์เบอร์รี่จริง ๆ
ไม่ต้องพูดถึงจ้าวโม่ชิงหรอก ตัวเธอเองนั่นแหล่ะที่ทำงานอย่างหนักกับผักผลไม้มาทั้งชีวิตได้กินได้ชิมสตรอว์เบอร์รี่ปีนึง ๆ ก็ไม่ใช่น้อย ๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านั้นกลับด้อยกว่าเมื่ออยู่ตรงหน้าของที่ลูกชายเธอเอามาให้กินวันนี้เสมือนว่าอยู่กันคนละโลกเลย!