(ฟรี) บทที่ 180 จากหนึ่งกลายเป็นสอง?
หลี่หรานไม่รู้ว่าพวกนางกำลังทำอะไร
เขาเพียงดื่มชาวิญญาณในห้องโถงขณะรอคอยด้วยความเบื่อหน่าย
หลังจากเลยก้านธูปไปครู่หนึ่ง ผ้าม่านก็ถูกเปิดออก และทั้งสองคนก็เดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้น
เซิงจื่อเซี่ยเอามือไพล่หลังและรอยยิ้มแห่งความสำเร็จก็ปรากฏบนใบหน้าของนาง
เซิงอันอวี่เดินตามมาอย่างใกล้ชิด
ผมเผ้าของนางหลุดรุ่ยและชุดพระราชวังที่หรูหราของนางก็ยุ่งเหยิงเล็กน้อย ใบหน้าของนางแดงก่ำราวกับเลือด นางก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาใคร
หลี่หรานมองไปที่ทั้งสองคนและถามด้วยความสังสัย “เจ้าทำอะไรกัน?”
เซิงจื่อเซี่ยยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่...”
ก่อนที่นางจะทันได้พูด เซิงอันอวี่ก็ปิดปากของนางแล้วพูดว่า “อย่าพูดไร้สาระ ไม่งั้นข้าจะโกรธจริงๆด้วย”
เซิงจื่อเซี่ยแงะมือของนางออกไปแล้วพูดว่า “นายน้อยหลี่ต้องเห็นไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี”
“เจ้าไม่สามารถมอบให้เขาได้!”
เซิงอันอวี่ดึงน้องสาวกลับมาอย่างอ่อนแรง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เซิงจื่อเซี่ยตบไหล่นาง “ไม่ต้องห่วง ใครจะบอกได้ว่ามันคือท่าน? นี่ยุติธรรมสำหรับเราทั้งคู่”
เซิงอันอวี่พูดอย่างขมขื่น “แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับข้ายังไง!”
เซิงจื่อเซี่ยยักไหล่ “ใครบอกให้พี่สาวปลอมตัวแล้วแอบดูความลับของข้าล่ะ?”
“ข้าไม่ได้ตั้งใจแอบดู ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า...” เสียงของเซิงอันอวี่อ่อนลงเรื่อยๆ
แม้ว่านางจะมีแรงจูงใจที่ดีแต่มันก็ถือเป็นการแอบดู สิ่งนี้ไม่สามารถปฏิเสธได้
หลี่หรานเกาหัว “เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรกัน? ข้าไม่เห็นเข้าใจเลย”
เซิงจื่อเซี่ยเดินไปข้างหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายน้อยหลี่ เรามาทำข้อตกลงกันดีไหม?”
“ข้อตกลง?” หลี่หรานเลิกคิ้วขึ้น “ข้อตกลงอะไร?”
เซิงจื่อเซี่ยกางมือออกและหินสีเขียวก็ปรากฏอยู่บนฝ่ามือ “ใช้หินก้อนนี้แลกกับของข้า”
“มันมีอะไรอยู่ข้างใน?” หลี่หรานสับสน
เซิงจื่อเซี่ยมอบศิลาเงาให้เขา “ลองดูแล้วเจ้าจะรู้เอง”
“เจ้าไม่สามารถดูได้!” เซิงอันอวี่กำลังจะกระโจนเข้าใส่เขา อย่างไรก็ตาม พลังวิญญาณของ หลี่หรานได้ถูกส่งเข้าไปในนั้นแล้ว และภาพที่ชัดเจนก็ฉายขึ้นในอากาศ
ทั้งห้องนอนเงียบสงัด
เซิงอันอวี่แข็งค้าง ใบหน้าของนางแดงก่ำราวกับเลือด
แม้แต่เซิงจื่อเซี่ยก็หันหน้าหนีอย่างเขินอาย
หลี่หรานมองภาพตรงหน้าและความดันโลหิตของเขาก็เพิ่มสูงขึ้น เลือดกำเดาแทบจะไหลออกมา
เขากลืนน้ำลายและพูดด้วยความยากลำบาก “นะ...นี่มันหมายความว่ายังไง?”
บททดสอบจิตตานุภาพของเขา?
เซิงจื่อเซี่ยกล่าวว่า“ข้าเพิ่งบันทึกสิ่งนี้...”
หลี่หรานพูดว่า “แล้วทำไมเจ้าถึงแสดงให้ข้าเห็น?”
เซิงจื่อเซี่ยอธิบายว่า “ครั้งก่อนข้าสวมเสื้อคลุมมังกรนทีและสามารถบอกตัวตนของข้าได้เพียงแค่เหลือบมอง”
“คราวนี้พี่สาวเปลี่ยนเป็นชุดอื่นแล้ว ไม่มีใครบอกได้ว่าเป็นข้าหรือพี่สาว”
หลี่หรานพูดไม่ออก
นี่มันตู้โตวไม่ใช่หรือไง!
เขาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “แต่สิ่งนี้มันมีประโยชน์กับเจ้ายังไง?”
เซิงจื่อเซี่ยฮึมฮัมในลำคอ “มันไม่ยุติธรรมที่พี่สาวแอบดูความลับของข้า ข้าจึงตัดสินใจทำให้มันเป็นความลับร่วมกันของเรา!”
หลี่หรานพูดไม่ออก “……”
กระบวนการคิดนี้มันแปลกเกินไปแล้ว!
เซิงอันอวี่ปกปิดใบหน้าของนางและไม่กล้าสบตากับใคร
เซิงจื่อเซี่ยกล่าวว่า “เป็นยังไงบ้างนายน้อยหลี่? ไม่มีความสูญเสียสำหรับเจ้าอยู่แล้ว”
“นั่นก็จริง…”
หลี่หรานมองดูศิลาเงาในมือ
ข้อมูลชิ้นเดียวถูกแบ่งเป็นสองส่วน ดูเหมือนว่าเขาจะได้กำไรด้วยซ้ำ?
“ข้าตกลง” หลี่หรานเก็บศิลาเงาลงไปและโยนชิ้นก่อนหน้าให้นาง
เซิงจื่อเซี่ยรับมันไปและเก็บลงไปอย่างมีความสุข
“เชิญดื่มชาต่อได้เลย”
หลี่หรานนั่งดื่มชาอยู่สักพัก เมื่อเขาเห็นว่าเซิงอันอวี่อับอายแค่ไหนเขาก็รู้สึกอึดอัดใจ
อะแฮ่ม
เขายืนขึ้นและพูดว่า “มันค่อนข้างสายแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อน”
“เข้าใจแล้ว ข้าจะไปส่งเจ้า...”
เซิงจื่อเซี่ยกำลังจะยืนขึ้นเมื่อนางถูกเซิงอันอวี่จับไว้
เซิงอันอวี่มองไปทางอื่นและพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ข้าจะไปส่งนายน้อยหลี่เอง”
เซิงจื่อเซี่ยเอียงศีรษะและคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ตกลง นางบังเอิญต้องการทำลายศิลาเงาชิ้นเก่าทิ้งพอดี
เซิงอันอวี่เดินไปที่ประตู “เชิญทางนี้ นายน้อยหลี่”
หลี่หรานพยักหน้าและตามนางออกไป
ระหว่างทางพวกเขาสองคนเต็มไปด้วยความเงียบ
เซิงอันอวี่ดูสับสนและลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง
เมื่อเห็นว่ากำลังจะออกจากเขตพระราชวัง นางก็รวบรวมความกล้าและพูดว่า “นายน้อยหลี่ ศิลาเงา... เจ้าต้องไม่ให้ผู้อื่นเห็นเด็ดขาด!”
หลี่หรานพยักหน้า “ไม่ต้องกังวล นอกจากข้าแล้วจะไม่มีใครเห็น”
เซิงอันอวี่หน้าแดงและพูดว่า “เจ้าก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ดูเช่นกัน! เจ้าต้องลืมทุกสิ่งที่เพิ่งเห็นด้วย!”
หลี่หรานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพึมพำ “ข้าคงจะลืมมันได้ลงหรอก...”
เมื่อเซิงอันอวี่ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของนางก็ยิ่งแดงขึ้น นางกัดฟันและพูดอย่างเกลียดชังว่า “จื่อเซี่ย นังเด็กนั่น จำไว้เลยนะ!”
“ใจเย็นๆก่อน เดี๋ยวเจ้าก็ชินไปเอง” หลี่หรานยิ้ม
“ข้าจะชินกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไง! นางถึงกลับยืนกรานให้ข้าใส่ชุดแบบนั้น ช่างน่าเกลียดจริงๆ!” ดวงตาของเซิงอันอวี่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
อะแฮ่ม
หลี่หรานเกาหัว “ข้าว่ามันดูดีออก รูปร่างขององค์หญิงเซิงดีมากจริงๆ”
นางมีรูปร่างคล้ายกับเซิงจื่อเซี่ย แต่นางบอบบางกว่าเล็กน้อยและดูน่าทะนุถนอม
“จะ...จะ...เจ้าอย่าพูดจาไร้สาระ!” เซิงอันอวี่กระทืบเท้าด้วยความอับอาย “ห้ามพูด!”
เมื่อเผชิญกับสายตาหยอกล้อของหลี่หราน นางก็ตื่นตระหนกและรวบชายกระโปรงเพื่อวิ่งหนีไป
หลี่หรานอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวในขณะที่เขาเฝ้ามองแผ่นหลังอันสง่างามของนาง
“มันดูดีมากจริงๆ จะไม่ให้พูดถึงได้ยังไง...”
เขากลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลี่
กลุ่มคนกำลังวุ่นวายอยู่หน้าประตู คนรับใช้ต่างกำลังปีนขึ้นบันได
หลี่เต้าหยวนยืนอยู่ด้านล่างและออกคำสั่ง “ไปทางซ้าย ซ้ายอีก ขวาอีกหน่อย”
หลี่หรานเดินเข้าไป “ท่านพ่อ ท่านกำลังทำอะไรอยู่?”
หลี่เต้าหยวนตอบว่า “ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิเซิงมอบแผ่นป้ายนี้มาหรอ? ข้าก็นำมันขึ้นไปวางไง”
หลี่หรานมองไปที่คำว่า ‘หลี่’ และเลิกคิ้ว
“ในความคิดของข้า เราควรวางมันไว้ที่ประตูหลัง”
หลี่เต้าหยวนตกตะลึง “ประตูหลัง? มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า? นี่คือแผ่นป้ายจากพู่กันของจักรพรรดิเชียวนะ!”
แม้ว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องนี้ แต่จักรพรรดิเป็นคนเขียนเอง และเขาย่อมต้องไว้หน้า
หลี่หรานส่ายหัวและวิเคราะห์ “คฤหาสน์ตระกูลหลี่หันหน้าไปทางถนนที่พลุกพล่านที่สุด มีข้าราชการและขุนนางจำนวนนับไม่ถ้วนผ่านไปมา แต่ตอนนี้พวกเขาต้องลงจากหลังม้าและรถม้าเพื่อแสดงความนอบน้อม ข้าเกรงว่าจะทำให้พวกเขาไม่พอใจและเกิดปัญหา”
“และการแขวนไว้ที่ประตูหลังยังทำให้ตระกูลหลี่ของเราดูเจียมเนื้อเจียมตัว”
หลี่เต้าหยวนมองเขาอย่างสงสัย “จริงๆแล้วนั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงของเจ้าใช่ไหม?”
แค่ก แค่ก
หลี่หรานกระแอมในลำคอและพูดว่า “แน่นอน ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าข้าไม่ชอบเซิงเย่ ข้าไม่สะดวกที่จะแขวนป้ายไว้แบบนี้”
เขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่วิหาร
ถ้าไม่ใช่เพราะการสนับสนุนของอวี้ชิงหลัน ความดีความชอบของเขาคงถูกลบล้างไปแล้ว
หลี่เต้าหยวนปิดใบหน้าของเขา
“เจ้าไม่พอใจจักรพรรดิ? เจ้ากล้าพูดมันออกมาจริงๆ!”
/////