ตอนที่แล้วตอนที่ 826 คลื่นบรอนซ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 828 ผู้ค้าตะวันตก

ตอนที่ 827 แยกกันเคลื่อนไหว


มือของไรท์ถูกมัดแน่น เชือกดำที่ทำมาจากวัสดุที่ไม่รู้จักเป็นมีความมั่นคงมาก ไม่ว่าเขาจะใช้ความพยายามเพียงใดก็ไม่สามารถแก้คลายได้ มันมัดไว้แน่น  สมาชิกเก่าแก่ด้านข้างเขายังคงถูกมัดอย่างแน่นหนาและนั่งอยู่กับเรือขุดแร่

อาวุธจักรกลสองสามชุดจ้องมองพวกเขาเหมือนกับเสือจ้องตะครุบเหยื่อ  ถ้าพวกเขามีการเคลื่อนไหวแปลกๆ พวกเขาจะถูกโจมตี

ไรท์ลอบสังเกตอาวุธจักรกล  อาวุธจักรกลมีความแตกต่างกันมากเมื่อเทียบกับทวีปทองที่เขารู้จัก  ในภูมิภาคตะวันออก อาวุธจักรกลทวีปทองมีรูปแบบงานที่ละเอียดและคุณภาพเหนือกว่า  และเขาไม่เคยเห็นอาวุธจักรกลที่หยาบและเทอะทะเหมือนอย่างที่เห็นต่อหน้าเขา

พวกมันดูเหมือนถูกสร้างด้วยการเอาวัสดุมั่วๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นอาวุธจักรกลที่น่าเกลียดจริงๆ

“พวกเจ้าเป็นใคร?”

ไรท์อดถามไม่ได้

ไม่มีใครใส่ใจกับเขา ราวกับว่าอาวุธจักรกลสองสามเครื่องไม่ได้ยินเขาแม้แต่น้อย  ตาของพวกเขาจับจ้องอยู่ที่จงหลีไป๋ที่หันกลับมา  พวกเขากลัวว่าการเคลื่อนไหวที่น้อยที่สุดจะดึงดูดความสนใจหัวหน้าหน่วยจง นั่นเท่ากับหาที่ตายอย่างแท้จริง

ลักษณะที่ไม่เป็นระเบียบและวินัยที่หย่อนเป็นลักษณะของพวกโจร  และสำหรับพวกเขาการฟังและเชื่อฟังเป็นงานที่ยากมาก  แต่แม้ว่าคนที่ชั่วร้ายที่สุดจะมีความร้ายกาจของพวกเขาและเมื่อพบกับจงหลีไป๋ คนที่เจ้าเล่ห์และไร้ความรู้สึกมากยิ่งกว่าพวกเขา ทุกคนได้แต่ยอมสยบภายใต้การควบคุม

แม้ว่าจงหลีไป๋จะป่าเถื่อน แต่เขาก็ยังเป็นคนมาจากสถาบันเก่าแก่ และมองเรื่องวินัยเป็นหลักการพื้นฐาน  และหลังจากถูกเนี่ยชิวหยอกล้อ  หัวใจของจงหลีไป๋เต็มไปด้วยเพลิงร้าย  ดังนั้นความเข้มงวดของเขาที่มีต่อกองทัพมากจนถึงขากรรไกรค้าง

ไรท์และหัวหน้ากลุ่มมองหน้ากัน  ทั้งสองคนถูกความตกใจจากภาพข้างหน้าพวกเขาครอบงำ  พวกเขาคิดว่าพวกเขาพบกับโจรจากทวีปทอง  แต่ก็ตระหนักว่าโจรนั้นผิดไปจากธรรมดามาก โจรจะมีความเข้มงวดมีระเบียบวินัยได้ยังไง

จงหลีไป๋ควบคุมสัตว์ประหลาดส่งเสียงกึกก้องข้างหน้าขณะตรวจสอบพื้นที่

สิ่งที่เขาควบคุมก็คือ (จักรกล) จ้าวอสูร เซรีนสร้างให้เป็นการส่วนตัว ซึ่งใช้โลหะผสมใหม่ล่าสุด และความสามารถและความทนของมันเกินกว่าสัตว์ประหลาด ทั้งตัวมีสีดำมีขนาดใหญ่ดูแข็งแรงมาก  และตาของมันสีแดงเพลิงเหมือนกับประกาศต่อโลกว่ามันคือสัตว์ประหลาดที่อันตรายมาก

จงหลีไป๋ชื่นชมจ้าวอสูร  เนื่องจากวิถีการต่อสู้ของมันเหมาะกับรสนิยมของเขาอย่างสมบูรณ์  การโจมตีที่ต่อต้านไม่ได้ของมันมีลักษณะเดินหน้าชนเป็นสิ่งที่น่าทึ่งทำให้เขาไม่อยากจะแยกจากมัน

เขาเลียริมฝีปากและควบคุมสัตว์ประหลาดก้าวยาวตรงไปที่เรือขุดแร่

เขามองดูเชลยบนเรือขุดแร่  “ข้าต้องการคนนำทางคนเดียว  ที่เหลือให้ฝังซะ”

หน้าของเชลยทุกคนบนเรือเปลี่ยน และพวกเขาโกรธไม่พอใจ

ไรท์กัดฟันและยืนขึ้น

“นายท่าน, กองทัพของท่านแข็งแกร่งและทรงพลังและยิ่งใหญ่  ท่านคงต้องการคนนำทางมากขึ้น  ในทวีปทุ่งขาว เราคุ้นเคยกับทุกเหมืองทุกถ้ำ รวมทั้งทุกเมือง  นายท่านโปรดให้เราได้ทำงานไถ่ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ”

ไรท์พูดอย่างนอบน้อมและอดทนทำให้จงหลีไป๋ประหลาดใจ และจับตามองไรท์เจ้าเด็กผอมอีกครั้ง

‘สามารถรักษาความสงบได้ในเวลาอย่างนั้นไม่ง่ายเลย’

เชลยที่เหลือยังคงเงียบ  คำพูดของไรท์ทำให้พวกเขามองเห็นความหวังจะรอดชีวิต

“นั่นขึ้นอยู่กับว่าพวกเจ้าจะทำงานได้คุ้มค่ากับการรอดชีวิตอยู่หรือไม่”  คำพูดของจงหลีไป๋เต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ  “จากที่นี่ไปเมืองไหนอยู่ใกล้ที่สุด?”

ไรท์ไม่กล้าอ้อมค้อมและพูดทันที  “นายท่าน นั่นคือเมืองอาเธอร์”

จงหลีไป๋เลียริมฝีปาก  “ข้าต้องการเรือรบ  เด็กน้อย เจ้ามีความคิดใดจะบอกข้า?”

ความคิดของไรท์ทำงานอย่างรวดเร็ว และแทบจะไม่ลังเล เขาตอบ “เมืองกลางวันและเมืองดินแดง ท่านสามารถไปซื้อเรือรบได้ที่นั่น  เรือทำเหมืองของเรามาจากหนึ่งในที่นั้น”

จงหลีไป๋แค่นเสียง  “เราไม่มีเงิน”

หัวใจไรท์สั่นสะท้าน  เขาด่าตัวเองในใจ  ‘พวกเขาเป็นโจรชั้นต่ำจริงๆ’  แต่ตอบอย่างไม่ลังเล  “อย่างนั้นเราก็ไปที่เมืองกลางวัน  นอกจากมีธุรกิจขายเรือรบอยู่สองสามบริษัทแล้ว  เรือรบของกองทัพกลางวันยังเทียบท่าอยู่ที่นั่น”

“ดีมาก ข้าชอบคนฉลาด  ข้าหวังว่าพวกเจ้าที่เหลือจะฉลาดเหมือนเขา”

น้ำเสียงของจงหลีไป๋พูดอย่างไม่แยแส  แต่รังสีฆ่าฟันทำให้พวกเขาทุกคนกลัว

จงหลีไป๋พาไรท์เดินออกมา

เมื่อกลับไปที่ค่าย จงหลีไป๋เตรียมจะรายงานถังเทียน  แต่เมื่อเข้าไปในห้องประชุม เขาถูกบริภาษทันที

“นี่คือมาตรฐานของเจ้าใช่ไหม?”

“เสียของจริงๆ ที่ให้สัตว์ประหลาดไว้ในมือของเจ้า  ข้าไม่เคยพบนักสู้จักรกลชั้นต่ำมาก่อนในชีวิต

“ถ้าข้าเป็นเจ้า  ข้าจะหาเต้าหู้มาโขกหัวตายซะ!”

“นี่มันโจมตีแบบไหนกัน? ระยำจริงๆ!”

…..

จงหลีไป๋สะดุดกับคำด่าทอ ทำให้ความโกรธคุกรุ่นอยู่ในอก  เพลิงอำมหิตกระจายออกอย่างไม่อาจควบคุมได้ แต่เมื่อเขาเห็นคนที่ด่าเขา  เขาสั่นสะท้านทันที และได้แต่เอามือไพล่หลังตั้งใจฟัง

ลั่วซือโกรธจริง และด่าทอ 10 นาทีเต็มก่อนจะหยุด

จงหลีไป๋ยังคงเชื่อฟังแต่โดยดีเมื่ออยู่ข้างหน้า  เมื่อลั่วซือเพิ่งมาถึง เขายังไม่สนใจ  แต่เมื่อเขาตระหนักว่าลั่วซือคือผู้สร้างสัตว์ประหลาด ทัศนคติที่เขามีต่อลั่วซือกลับลำเป็นตรงกันข้าม

ยิ่งเมื่อเขาได้ยินถังเทียนพูดว่าลั่วซือมีชีวิตผ่านมาอย่างไร เขารับว่าตกตะลึง  หมื่นปีพอทำให้โลหะเสื่อมโทรม ภูเขาและแม่น้ำหายไปได้  แต่ไม่สามารถดับความเชื่อมั่นในจิตวิญญาณที่แตกสลายได้

เขาคือนักรบที่แท้จริงคนหนึ่ง!!

หน้าทุกคนที่มองดูลั่วซือก็คือผู้ที่น่าเคารพ  แม้แต่จงหลีไป๋ บุรุษผู้หยิ่งและดื้อรั้นก็ให้ความเคารพต่อลั่วซือ  สิ่งที่ทำให้เขายิ่งยอมรับลั่วซือมากขึ้นก็คือลั่วซือแสดงให้เขาดูทันที ลูกผู้ชายคนหนึ่งสลับงานที่เขาไม่ได้ฝึกมาโดยตรง สิ่งที่เขาชำนาญในสนามที่แท้จริงก็คือวิชาจักรกล

กลยุทธที่เขาสร้างขึ้นเอง ได้รับการประเมินจากลั่วซือและถูกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง  ที่สำคัญคือเปลี่ยนทุกอย่างด้วยวัตถุประสงค์แน่วแน่

แม้แต่เนี่ยชิวก็มักวิ่งเข้ามาหาและนั่งข้างๆ ฟังด้วยความเคารพเหมือนกับเป็นเด็กนักเรียน

เมื่อลั่วซือด่าทอเสร็จ  จากนั้นจงหลีไป๋จึงเงยหน้าขึ้น และพูดเหมือนลูกโป่งถูกปล่อยลม  “การโจมตีนี้อาจกล่าวได้ว่าค่อนข้างดีต่อข้า”

“ค่อนข้างดี?”  ลั่วซือมองเยาะเย้ย  “คนโจมตี และมีสามคนได้รับบาดเจ็บ, โอว, เหตุผลคือคนของตัวเองไปเหยียบกันเอง เจ้าเรียกว่า ‘ค่อนข้างดีหรือ?”

เนี่ยชิวหัวเราะ

จงหลีไป๋หน้าแดง  เขาอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี

ตั้งแต่เขาเข้ามา ไรท์ยืนตะลึง  ‘มันเป็นการโจมตีที่น่ากลัว  แต่ถือว่าเป็นความล้มเหลวของคนพวกนี้หรือ?’  เมื่อเห็นสีหน้าละอายของจงหลีไป๋ เพราะเหตุผลบางอย่าง ไรท์รู้สึกหนาวจึงพรวดพรวดลุกขึ้นยืนทันที

เนี่ยชิวชำเลืองไปทางไรท์ จากนั้นหัวเราะ  “นายท่านลงมือแล้ว  เขากำลังมุ่งหน้าไปเมืองดินแดง”

เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เนี่ยชิวปวดหัวเช่นกัน  เจ้านายชอบโดดนำหน้าพวกที่เหลือ  แม้ว่าจะมีองครักษ์ข้างตัวเขาอยู่หลายคน และด้วยพลังแข็งแกร่งส่วนตัวของเขา แต่ในฐานะที่เป็นเจ้าและกษัตริย์  เขาไม่จำเป็นต้องลงมือเสี่ยงอย่างนั้น

เนี่ยชิวผู้ระมัดระวังตัวมาแต่ต้นรู้สึกว่าด้วยพลังปัจจุบันของพวกเขา  พวกเขาสามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างปลอดภัย

“นายท่านไปเมืองดินแดงแล้วหรือ?”  จงหลีไป๋เบิกตากว้าง

“ถูกแล้ว” เนี่ยชิวตอบ  “นายท่านชี้แจงว่า ทวีปทุ่งขาวมีที่สองแห่งที่มีเรือรบ หนึ่งนั้นก็คือเมืองกลางวันและอีกที่คือเมืองดินแดง  เรือรบของเมืองกลางวันถูกควบคุมโดยกองกองกำลังท้องที่  นายท่านบอกว่าปัญหานี้มอบหมายให้เจ้า  นายท่านกำลังมุ่งไปเมืองดินแดงเพื่อดูว่าสามารถซื้อเรือรบได้สักสองสามลำหรือไม่”

“ซื้อเรือรบ...”  จงหลีไป๋มีท่าทีสงสัย

“ใช่แล้ว ผู้คนบอกว่านายท่านมีประสบการณ์ด้านนี้อยู่แล้ว”  เนี่ยชิวเปลี่ยนหัวข้อ  “เมืองกลางวันก็คือเมืองใหญ่ของทวีปทุ่งขาว  และยังเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในทวีปทุ่งขาว  กองพลกลางวันคือทหารรักษาเมืองที่นั่นค่อนข้างแข็งแกร่ง จุดสำคัญก็คือพวกเขาระมัดระวังมาก  ข้าขอเสนอว่ารอให้นายท่านกลับมาดีกว่า  จากนั้นเราจะเปลี่ยนแผนของเราต่อไป”

จงหลีไป๋รู้ว่าเนี่ยชิวไม่พูดส่งเดช

เนื่องจากมีกลุ่มคนทำเหมืองกระจายอยู่ในพื้นที่กว้างขวาง  กลุ่มคนทำเหมืองจะกลายเป็นหน่วยลาดตระเวน  ตราบใดที่มีข่าวอะไร  ก็จะถูกรายงานไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุด นี่เองทำให้ข่าวในทวีปทุ่งขาวกระจายออกไปได้เร็ว และมืองอาเธอร์ ซึ่งก็คือเมืองที่ใกล้พวกเขามากที่สุดมีแนวโน้มว่าจะได้รับข่าวพวกเขา  นับตั้งแต่พวกเขาก้าวเข้ามาอย่างเอิกเกริก จึงเกิดความตกใจอย่างต่อเนื่อง  ผู้คนในที่ไกลมีแนวโน้มว่าจะสังเกตเห็นได้

ถ้าพวกเขายังมุ่งหน้าไปยังเมืองกลางวัน  เป็นไปไม่ได้ที่ศัตรูจะไม่รู้

สิ่งที่ทำให้พวกเขากังวลที่สุดไม่ใช่กองพลกลางวัน  แต่เป็นกลุ่มคนทำเหมือง  ตราบใดที่ทวีปทุ่งขาวพบกับกองทัพโจร  พวกเขาจะต้องจ้างชาวเมืองเพื่อให้สู้กับศัตรู  กลุ่มชาวเหมืองเองก็ค่อนข้งจะแข็งแกร่ง  ด้วยประสบการณ์ในการบนอกจากที่พวกเขาคุ้นเคยกับพื้นที่  ถ้ามีพวกเขาหลายคน ก็เพียงพอจะคุกคามพวกนั้นได้

เมื่อรู้ว่าประโยคสุดท้ายของเนี่ยชิวพูดไม่เจาะจง  จงหลีไป๋แค่นเสียงโดยไม่ลังเล  “ก็แค่เมืองเดียว”

“กองทัพที่บาดเจ็บกันเองจากการโจมตีจะทำให้ผู้คนกังวล”  เนี่ยพูดอย่างใจเย็น

จงหลีไป๋โกรธ  “เจ้าอยากมีเรื่องกับข้าหรือ?”

ไรท์ตะลึง

ลั่วซือไม่สนใจฟังสองคนทะเลาะกัน ตาของเขาสนใจกับรางวัลสงครามที่เพิ่งถูกส่งมา

ผลึกสีฟ้าถูกตัดเป็นเหลี่ยมอย่างสมบูรณ์  และเป็นประกายแวววาว

เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นชุดโทแพซน้ำเงิน  แต่หัวหน้าช่างจักรกลจากกลุ่มดาวกางเขนใต้ผู้เห็นวัสดุมานับไม่ถ้วนมีประสบการณ์กับสิ่งที่อยู่ข้างหน้า เขามีสัญชาตญาณต่อวัสดุใหม่

“อะไรกันนี่?”

จู่ๆ ลั่วซือก็พูดขึ้นขัดจังหวะของทั้งสอง

จงหลีไป๋มองดูและประหลาดใจ “โทแพซน้ำเงิน, ของนี้เป็นผลผลิตของท้องถิ่น”

“เราต้องการมัน”  ลั่วซือพูดทันที  ตาของเขาเป็นประกาย  “มันช่วยสริมความแข็งแกร่งให้สัตว์ประหลาดได้!”

*****************

ถังเทียนและกลุ่มของเขา ตอนแรกมาถึงเมืองอาเธอร์ซึ่งเป็นเมืองที่พวกเขาต้องผ่านไปก่อนถึงเมืองดินแดง

เมื่อถังเทียนเห็นเมืองอาเธอร์  เขาประหลาดใจ เมืองอาเธอร์ซึมเซา กำแพงเมืองสีดำดูหนามาก  แต่มันดูเหมือนทรุดโทรม เมื่อเทียบกับเมืองรุ่งเรืองของพันธมิตรใต้  เมืองอาเธอร์ดูเหมือนเมืองเล็กธรรมดา

แต่เมื่อคิดถึงตำแหน่งของเมืองอาเธอร์  ถังเทียนเข้าใจเหตุผล

กลุ่มคนงานเหมืองเข้าออกกันถี่ และมีความดื้อด้านหยิ่งยโสทำให้เกิดการสู้รบถี่มาก  และมีโจรอยู่มากในพื้นที่ ทำให้ให้เมืองอาเธอร์ต้องยกกำแพงให้สูง มองดูโดดเด่นแต่ไกล

เมื่ออาเธอร์เป็นเมืองทำเหมืองแร่ทั่วไป  ที่ซึ่งอาชีพทั่วไปและรุ่งเรืองจะเกี่ยวกับการทำเหมืองและแร่  การซื้อขายแร่ถลุงเป็นเสาหลักรายได้ของเมือง

เป็นเรื่องชัดเจนมากหลังจากถังเทียนเข้าเมือง

ทั้งสองข้างถนนมีการหลอมและถลุงแร่ด้วยเตาหลอมสีแดงหลอมโลหะซึ่งเป็นภาพที่คุ้นตาของถังเทียน

เป็นแบบจำลองเล็กของเมืองสามวิญญาณ  มีที่แตกต่างกันก็คือไม่มีอาวุธจักรกลบนถนน  ทวีปกวงหมิงและทวีปทองอยู่ภูมิภาคตะวันออกและตะวันตก  และพวกเขาอยู่ไปทางตะวันตกของทวีปกวงหมิง  พวกเขาอยู่ไกลจากทวีปทอง

ร้านที่มีห้องปฏิบัติการทั้งหมดได้หลอมโลหะและแร่ที่อยู่ใกล้  เรือเหมืองเข้าเทียบท่าเป็นครั้งของร้านและเทโลหะและแร่ออกมาด้านหลัง

มันแตกต่างดินแดนกันดารสิ้นเชิง  เมืองอาเธอร์คึกคักไปด้วยกิจกรรม

แต่มีประชากรอาศัยอยู่ที่นั่นไม่มาก  ยังมีพวกเขาส่วนใหญ่เป็นสมาชิกที่เกี่ยวข้องกับบริษัททำเหมือง

เหวินกังฉลาดมาก และตราบใดที่ถังเทียนยังแสดงความสนใจบางอย่าง  เขาก็จะแนะนำ  กลุ่มของถังเทียนดูเหมือนจะตอแยไม่ได้ง่ายๆ  ดังนั้นคนบนท้องถนนจึงเปิดทางให้เขา

“เหวินกัง เจ้ายังมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่าถึงได้มาเมืองอาเธอร์!”

เสียงที่น่ากลัวดังมาจากอีกฝั่งหนึ่งของถนน  บุรุษร่างกำยำเต็มไปด้วยรอยสักคลุมไปทั้งตัวพากลุ่มคนออกมาขวางถังเทียนและพวก  สายตาของเขามองดูเหวินกังราวกับจะเผาให้มอดไหม้

หน้าของเหวินกังซีดขาวทันที

สายตาของบุรุษร่างกำยำกวาดผ่านเหวินกังไปที่ถังเทียน และรู้ว่าถังเทียนเป็นหัวหน้ากลุ่ม  เขาสงสัย ‘เหวินกังไปอยู่ป้อมแดนบาปไม่ใช่หรือ?  ทำไมถึงร่วมทางกับกลุ่มคนพวกนี้มาที่นี่?  หรือว่าพวกเขาคืออาคันตุกะจากกองพลของอู่ซวน?’

แต่เขาไม่กลัวกองทัพของอู่ซวนแม้แต่น้อย เทียบกับผู้หนุนหลังแล้ว อู่ซวนยังด้อยนักเมื่อเทียบกับเขา

เขาจ้องถังเทียนและไม่ยอมเบนสายตาจากเขา

แต่เมื่อสายตาของเขามองไปที่คนที่อยู่รอบๆ ถังเทียน  หัวใจของเขาสั่นสะท้าน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด