ตอนที่ 825 จะเคียงไหล่สู้ตลอดไป
“ว่าไงนะ?”
ตู้เค่อแทบจะไม่เชื่อหูตนเอง คนอื่นๆ ที่อยู่เคียงข้างมองกันเอง
ถังเทียนกล่าวต่อ “เพราะข้ารู้สึกว่ามีแต่พวกท่านจึงจะมีความสามารถปกป้องเมืองฮวงได้”
ตู้เค่อพูดไม่ออก
“ถ้าพวกท่านติดตามข้าไป อย่างนั้นอะไรจะเกิดขึ้นกับเมืองฮวง?พวกเขาไม่สามารถจะปกป้องและรักษาเมืองฮวงไว้ได้แน่”
ถังเทียนผู้รู้สถานการณ์เมื่อกลับไปยังเมืองสามวิญญาณได้ตามหาถังโฉ่วและผี่ผาเพื่อกำหนดแผนให้เขาทันที มาตรฐานของถังโฉ่วไม่จำเป็นต้องสงสัย และมุมมองของผี่ผากับสถานการณ์ทั่วไปค่อนข้างโดดเด่นเช่นกัน และสิ่งที่ถังเทียนคาดไม่ถึงก็คือความคิดของเขาได้รับการยกย่องจากทั้งสองคนจริงๆ
แค่เพียงเพราะเรื่องนี้ถังเทียนมีความสุขอยู่สองสามวัน
ทั้งสองคนปรับปรุงแผนการพื้นฐานของถังเทียนทีละขั้นทำให้แผนแข็งแกร่ง พวกเขารู้สึกเช่นกันว่าเมืองฮวงจะดึงดูดความสนใจของทวีปกวงหมิง พวกเขาจำเป็นต้องทำเสียงให้ดังพอ และการทำอย่างนั้น พวกเขาจำเป็นต้องใช้พลังอย่างเพียงพอ และเมื่อทวีปกวงหมิงรู้ตัว พวกเขาก็จะส่งกองทัพใหญ่ออกมาและหากปราศจากความสามารถต่อสู้เพียงพอ พวกเขาจะไม่สามารถรักษาเมืองฮวงไว้ได้
เมืองฮวงเหมือนตะปูที่ตรึงอยู่ที่หลังของทวีปกวงหมิง
ยิ่งเมืองฮวงสามารถดึงดูดความสนใจได้มากขึ้นก็จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม
หลังจากฟังคำอธิบายของถังเทียนแล้ว ตู้เค่อยังคงเงียบ เขายังทำใจยอมรับไม่ได้นัก ในที่สุดเขาก็กลับมายังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้ และแม้ว่าเขาจะไม่ทันได้มีส่วนร่วมในการสู้รบใหญ่และชิงดีชิงเด่นกับนักสู้ที่ทรงพลังของทวีปกวงหมิง แต่ใครจะรู้กันว่าเขากลับถูกขอให้ปกป้องเมืองฮวง แต่เขารู้เหตุผลและแนวคิดจัดการของถังเทียนดังนั้นเขาไม่รู้จะพูดอะไรง
“นายท่านวางใจเถอะ เราจะปกป้องเมืองฮวงของเราอย่างสุดกำลัง”
คาดไม่ถึงเลยว่าตู้ซินหวี่กลับพูดออกมา นางพูดด้วยสีหน้าสงบ
ตู้เค่อเงยหน้าตกใจ และมองดูคนของเขารอบๆตัวทั้งหมด ทุกคนมีท่าทีโล่งใจและเข้าใจในทันที ‘ข้ายังไม่สงบนิ่งเท่ากับน้องสาวข้าเลย แต่กลับพยายามแสดงพลังตนเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา’ สำหรับแม่ทัพนายกองของกองทัพแดนบาป ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่แปลกถิ่นมาก และพวกเขาส่วนใหญ่กลัวที่จะออกไป
เพื่อให้สามารถป้องกันเมืองฮวงได้และมีแดนบาปที่คุ้นเคยหนุนหลัง มีทุกคนอยู่รอบๆ สำหรับพวกเขานี่คือการสนับสนุนที่ดีที่สุด
ทวีปรกร้างที่พลังงานของมันว่างเปล่ากลายเป็นเรื่องได้เปรียบของพวกเขามากขึ้น
ความคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นตู้เค่อเข้าใจความคิดของเขาชัดเจน และอารมณ์ที่ไม่สมหวังในใจเขาหายไป เขาหัวเราะ “ทวีปกวงหมิงไม่มาก็แล้วไป ถ้าพวกเขาบังอาจมา เราจะแสดงพลังของพวกเราให้พวกเขาดู”
ขุนทัพนายกองแดนบาปตะโกนพร้อมกัน กำลังใจของพวกเขาพุ่งขึ้นสูง
**************
ค่ายหน่วยจง
จงหลีไป๋มีหนวดเคราชี้ชันผมและเคราของเขายุ่งเหยิงนัยน์ตาลึก จ้องมองหน่วยจงด้วยสายตาทะลุทะลวง
เนี่ยชิวยืนอยู่ด้านข้างเขา หลังจากดูดซับพลังงานในทวีปรกร้างหน่วยสุญญตาก็รับผิดชอบฝึกซ้อมฝีมือให้กับหน่วยจง อนาคตของหน่วยสุญญตาก็คือพัฒนาไปเพื่อเรือรบ และในทวีปกวงหมิงมีทางเดียวที่เขาจะเอาเรือรบมาได้ ก็คือขโมยมาจากฝ่ายศัตรู
และจงหลีไป๋ตัดสินใจเดินตามเส้นทางอาวุธจักรกลวิญญาณกลายเป็นหลัก
“ยังไม่พอ!” จงหลีไป๋พูดอย่างดุดัน เหมือนกับหมาป่าที่พร้อมจะกลืนกินพวกเขา
สายตาดุดันของเขากวาดมองไปทั่วพื้นที่ มาตรฐานของนักสู้จักรกลของกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้รับการยกย่องว่าเข้มงวดที่สุดในสวรรค์วิถี กลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าเขา แม้ว่าพวกเขาแม้จะมีสภาพร่างกายที่พิเศษแต่เมื่อเทียบกับนักสู้จักรกลของกลุ่มดาวหมีใหญ่แล้ว พวกเขายังคงด้อยกว่า
สำหรับช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้หลับนอนและยังคงฝึกฝนพวกเขาต่อ
“ความก้าวหน้าของพวกเขานับว่ารวดเร็วมาก เนื่องจากพวกเขายังไม่เคยแตะต้องสิ่งเหล่านี้มาก่อน” เนี่ยชิวพูด เทียบกับจงหลีไป๋อคติแรงกล้าแล้วเขาใจเย็นกว่ามาก “เจ้ากับข้าไม่เคยนำทัพจักรกลมาก่อนทั้งคู่ กลยุทธทั้งหมดนี้แค่อยู่บนหน้ากระดาษ จะเอามาใช้ได้จริงหรือไม่ก็ต้องทดลองจากการสู้จริง”
จงหลีไป๋รู้ปัญหาของตัวเอง และพูดอย่างนักเลง“ทุกคนต้องจ่ายค่าเล่าเรียนกันทั้งนั้น ไม่มีใครหนีเรื่องนั้นไปได้”
“อย่างนั้นเจ้าก็รู้ว่าพวกเขาควรจะจ่ายยังไงด้วย?” เนี่ยชิวประหลาดใจ
“การเติบโตจากการสู้รบหลังจากสู้รบแล้วผู้รอดจะเป็นผู้เหมาะสมที่สุด” จงหลีไป๋พูดเฉยเมย
เนี่ยชิวชักจะกังวล “พวกเขาจะมีความคิดเป็นของตนเองไหม?”
“ความคิด?” จงหลีไป๋หัวเราะลั่น และกล่าว “พวกเขาไม่เชื่อฟังง่ายเหมือนกับบริวารของเจ้า พวกเขาเป็นโจรกันทุกคน และนี่คือกฎการอยู่รอดที่พวกเขาคุ้นเคยที่สุด ในโลกของพวกเขา มีแต่ผู้แข็งแกร่งจึงจะมีคุณสมบัติอยู่รอด
เนี่ยชิวไม่เห็นด้วย “ทำให้คนมองไปข้างหน้าจริงๆ ดีกว่าทุกอย่างเตรียมไว้แล้ว รออยู่แต่อาวุธจักรกลวิญญาณเท่านั้น”
จงหลีไป๋มองไปที่การฝีกฝนที่จะเกิดขึ้นเต็มที่ ดวงตาลึกของเขาเป็นประกายร้อนแรงแต่เขาพูดอย่างใจเย็น “ต้องส่งหน่วยลาดตระเวนออกไปหรือไม่? ข้าไม่ต้องการคลำทางเมื่อเราเคลื่อนกำลังและทำให้ข้าเสียหน้า”
เนี่ยชิวหัวเราะ “แม้ว่าเวลาจะเร่งรัด และข้อมูลที่เราได้รับก็ยังไม่พอ แต่ก็พอใช้ได้ ในที่สุดเราก็ได้รับโอกาสเปลี่ยนกระแสน้ำ เจ้าอย่าเหลาะแหละจะดีกว่า”
เมื่อผ่านเวลาไประยะหนึ่งความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นมาก แม้ว่าทั้งสองยังคงทะเลาะกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเพราะสถานการณ์ พวกเขาไม่มีทางเลือกได้แต่เกื้อหนุนกันและกัน แต่ในแง่ฝีปากพวกเขาก็ยังไม่ยอมกันอยู่ดี
จงหลีไป๋ทำหน้าเบ้ และแค่นเสียงและเดินออกมาโดยไม่บอกลา
เขามีความกังวลของเขา กลยุทธที่เขาสร้างขึ้นด้วยตัวเองเกี่ยวข้องกับจำนวนอาวุธจักรกลวิญญาณ ยิ่งอาวุธจักรกลวิญญาณมาก พวกเขาก็สามารถปลดปล่อยพลังได้แข็งแกร่งมาก ถ้าพวกเขามีอาวุธจักรกลวิญญาณไม่เพียงพอพลังที่พวกเขาปลดปล่อยออกมาก็มีอย่างจำกัด
‘อาวุธจักรกลที่นายท่านจะระดมมาได้จะมีเท่าใดกันแน่?’
***************
เมืองสามวิญญาณ
เหอจิ่วเดินไปตามถนน ใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลเนื่องจากเขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเต็มที่ สถานะของเขาในฐานะคนสอดแนมสมาพันธ์ชาวยุทธถูกปกปิดไว้เป็นอย่างดี และความกังวลของเขาไม่ได้เกี่ยวกับสถานะของเขา แต่ในเมืองนี้ที่เขาเคยคุ้นเคยมากกลายเป็นแปลกหน้าสำหรับเขา
มันกลายเป็นสัตว์ป่าที่บ้าคลั่งหรือเหมือนภูเขาไฟที่ปะทุ เต็มไปด้วยพลังที่อธิบายไม่ถูกและไม่สิ้นสุด มันทะลักออกมาต่อเนื่อง แผดเผาอยู่ทุกมุมเมือง
ทุกร้านกำลังเปิด แต่ดูเหมือนไม่มีผู้ช่วยใดๆทำให้ทุกร้านว่างเปล่า
ถนนก็ว่างเปล่าเช่นกัน และไม่มีใครเดินอยู่บนถนน
เขาผ่านไปร้านที่มีห้องปฏิบัติการจักรกลและได้ยินเสียงสั่นสะท้อนของโลหะเสียดสีกันดึงดูดความสนใจของเขา ประตูร้านเปิดกว้างและเมื่อมองเข้าไปข้างใน เขาเห็นช่างจักรกลเปลือยตัวครึ่งบนกำลังตัดโลหะ ประกายไฟนับไม่ถ้วนเกิดขึ้น และสะท้อนเต็มใบหน้าของช่างจักรกล และสิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือดวงตาพวกเขาจดจ่ออยู่ประกายไฟ
ตาคมกริบที่สายลับจะพึงมีทำให้เขาเห็นทั่วทั้งร้าน
ที่เงามุมมืดเขาเห็นบุรุษร่างกายแข็งแกร่งกำยำหลายคนนอนอยู่กับพื้นหลับอย่างสบายใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเหนื่อยมาก
สัตว์ประหลาดแปดสิบชุดสำเร็จแล้วตั้งสงบอยู่ในลานว่างพวกมันยังไม่ได้ลงสี ความน่าเกลียดปรากฏอยู่ทุกตารางนิ้วเหมือนกับบาดแผล มีขอบที่ไม่ค่อยสม่ำเสมออยู่บนนั้น ผิวที่หยาบปรากฏให้เห็นไปทั่วทำให้พวกมันดูเหมือนน่าเกลียดมากและแข็งแกร่ง
แต่ภายใต้เสียงตัดแสบแก้วหูและภายใต้แสงรัศมีกระพริบวูบวาบ สัตว์ประหลาดยืนอยู่กับที่โดยไม่ได้ส่งเสียง กลับน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ถูกทำให้เขาหนาวยะเยือก
ที่ร้านค้าที่ 45
เป็นฉากภาพเหมือนกันแน่นอนรูปแบบร้านค้าจักรกลบนถนนสายนี้ เป็นครั้งที่ 45 ที่เห็นสิ่งเหมือนๆ กัน
ป้ายโลหะของร้านที่มีห้องปฏิบัติการ เขียนไว้ร้านที่ 45 ถนนสายหลัก
ตลอดทั้งตัวของเหอจิ่งหนาวยะเยือก
ทันใดนั้น ‘แก๊งงง’เสียงระฆังดังได้ยินทั่วทั้งเมือง
ช่างจักรกลที่กำลังหลับทุกคนตื่นขึ้นทันทีและกระโดดเต้น
“หมดเวลาแล้วหรือ? โธ่เว้ย! รู้อย่างนี้ข้าคงไม่หลับแน่!”
“รีบนับเร็วเข้า,เราประกอบได้กี่ชุด?”
“85ชุด ไม่ ไม่ 87 ชุด!”
“รถขนส่งพร้อมหรือยัง? รีบบรรทุกเร็วเข้า! อย่าเสียเวลา!”
……
ช่างจักรกลทุกคนเริ่มงุ่มง่ามขนสัตว์ประหลาดขึ้นรถขนส่งที่เต็มท้องถนน พวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นทุกคน รอยเส้นเลือดปรากฏอยู่บนหน้าผากของพวกเขา หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยน้ำมันและฝุ่น ทำให้พวกเขาดูน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนสัตว์ประหลาดเสียเอง
รถที่ใช้ขนส่งแค่ใช้งานพิเศษทำขึ้นมาง่ายๆหยาบๆ ไม่มีหลังค่า มีเพียงรั้วกั้นไม่ให้สินค้าร่วง
สัตว์ประหลาดชุดแล้วชุดเล่าลำเลียงลำบนรถขนส่งที่อยู่ใกล้ๆเหมือนกับทหารเตรียมจะออกรบ
นายช่างจักรกลทุกคนตะโกนลั่น พวกเขาตื่นเต้นมากขณะที่นั่งอยู่บนไหล่ของสัตว์ประหลาด
“ไปได้!”
“ถึงเวลาส่งมอบสินค้ากันแล้ว!”
ถนนที่แต่เดิมว่างเปล่ากลายเป็นคึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีรถขนของนับไม่ถ้วนเคลื่อนตัวเข้าไปในเมืองเหมือนกับกระแสน้ำ
เหอจิ่วแทบจะถูกจำนวนรถส่งของท่วมทับ เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไง
บนหอคอยสูงในฐานผี่ผาสังเกตรถที่ขนส่งกันอย่างคึกคักเต็มท้องถนนจากด้านบน หัวใจนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและปลาบปลื้ม
‘นายท่าน,บางทีท่านอาจสร้างเรื่องทั้งหมดนี้โดยบังเอิญ แต่คำขอของท่านเหมือนกับเป็นแตรเดี่ยวประกาศความรุ่งเรืองของเรา ไม่ว่ากระบี่ของท่านชี้ไปที่ใด พวกเราทุกคนจะต่อสู้เพื่อท่าน!’
‘เราจะเคียงข้างร่วมสู้กับท่านตลอดไป’
สีหน้าของผี่ผาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขบวนรถขนส่งเข้ามาไม่ขาดสาย
ถังเทียนที่เพิ่งกลับมายังเมืองสามวิญญาณถูกบางคนขัดขวางไว้
“ท่านต้องการไปดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์กับข้าหรือ?” ถังเทียนมองดูลั่วซือที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาอย่างตกใจ เขายังงุนงงกับสถานการณ์
‘เอ่..เกิดอะไรขึ้น?’
“ใช้แล้ว,ข้าเข้าใจชัดเจนเรื่องการร่วมรบของสัตว์ประหลาดมากกว่าพวกเขา” ลั่วซือพูดโดยไม่หลบสายตาถังเทียน
“ไม่มีทาง!” ถังเทียนส่ายศีรษะ
‘นี่มันเรื่องตลกอะไรนี่, ถ้าลุงปิงรู้ว่าข้าพาลั่วซือเข้าสมรภูมิ เขาคงเอาชีวิตข้าแน่’
ลั่วซือมองดูถังเทียนหน้าซีดขาวของเขาแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ที่สงบ “แม้ว่าข้าจะจำอะไรไม่ได้ บางทีเพราะเวลาผ่านมานาน ความทรงจำทั้งหมดของข้าหายไป มีแต่เพียงอารมณ์ของข้าที่เหลืออยู่ ถ้ากับกาลเวลาที่ผ่านไปนาน อารมณ์เหล่านี้ก็ยังไม่หายไปข้าเชื่อว่านั่นเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของชีวิตข้า”
ถังเทียนอ้าปาก แต่ไม่รู้จะพูดอะไร
“ชีวิตของข้าได้รับความเสียหายหนัก ความทรงจำของข้าว่างเปล่า และมีแต่อารมณ์ที่เหลืออยู่กับตัวข้า ข้าเชื่อว่ามันพยายามเตือนข้าถึงจุดมุ่งหมายของชีวิตข้า”
เขาคำนับถังเทียน “ข้าขอร้องเจ้า”
ถังเทียนไม่รู้ว่าเขาจบเรื่องนี้ในที่ของเซรีนยังไง, เขาได้แต่ตะลึง คำพูดที่ลั่วซือพูดก็ส่งผลต่อเขาด้วยเช่นกัน
“เจ้าตกลงด้วยไหม?” เซรีนมองดูถังเทียนอย่างกังวล นางสังเกตว่าถังเทียนคิดอะไรไม่ออก
ถังเทียนตื่นตัวขณะที่ เขายังฝันและพูดทันที“ก็ได้, แล้วจะสนับสนุนสัตว์ประหลาดยังไง?”
“เจ้าไม่เชื่อพลังของพวกเขาหรือ?” เซรีนเลิกคิ้วและมองล้อเลียนถังเทียนจนผี่ผาที่อยู่ข้างๆ หัวเราะไปด้วย
“เราเร่งรีบไม่ใช่หรือ?” ถังเทียนไม่เกรงหักหน้านาง
เซรีนลากถังเทียนมาที่ประตูและพูดอย่างไม่พอใจ “เปิดประตูเบิ่งตาดูซะ แล้วเจ้าจะเข้าใจ”
ถังเทียนสะดุ้ง ‘ประตูนี่เหมือนจะคุ้นๆเอ่.. ไม่ใช่ว่านี่จะนำไป...’
เขาเปิดประตูโดยไม่รู้ตัว
แสงที่คุ้นเคยเข้ามาในดวงตาเขา ประตูบรอนซ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ไกลๆยังอยู่เหมือนเคย และเสียงตะโกนจากคืนวันเก่าก่อน แม้ฝุ่นและเหงื่อจากวันเก่าก่อนก็ยังท่วมตัวเขา
สัตว์ประหลาดบรอนซ์ที่น่าเกลียดน่ากลัวตัวแล้วตัวเล่ายืนตระหง่านอยู่ภายใต้แสงไฟ กินพื้นที่สนามฝึกทุกตารางนิ้ว
ไกลเท่าที่เขาเห็นได้