ตอนที่แล้วตอนที่ 824 เรา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 826 คลื่นบรอนซ์

ตอนที่ 825 จะเคียงไหล่สู้ตลอดไป


“ว่าไงนะ?”

ตู้เค่อแทบจะไม่เชื่อหูตนเอง  คนอื่นๆ ที่อยู่เคียงข้างมองกันเอง

ถังเทียนกล่าวต่อ “เพราะข้ารู้สึกว่ามีแต่พวกท่านจึงจะมีความสามารถปกป้องเมืองฮวงได้”

ตู้เค่อพูดไม่ออก

“ถ้าพวกท่านติดตามข้าไป  อย่างนั้นอะไรจะเกิดขึ้นกับเมืองฮวง?พวกเขาไม่สามารถจะปกป้องและรักษาเมืองฮวงไว้ได้แน่”

ถังเทียนผู้รู้สถานการณ์เมื่อกลับไปยังเมืองสามวิญญาณได้ตามหาถังโฉ่วและผี่ผาเพื่อกำหนดแผนให้เขาทันที มาตรฐานของถังโฉ่วไม่จำเป็นต้องสงสัย และมุมมองของผี่ผากับสถานการณ์ทั่วไปค่อนข้างโดดเด่นเช่นกัน และสิ่งที่ถังเทียนคาดไม่ถึงก็คือความคิดของเขาได้รับการยกย่องจากทั้งสองคนจริงๆ

แค่เพียงเพราะเรื่องนี้ถังเทียนมีความสุขอยู่สองสามวัน

ทั้งสองคนปรับปรุงแผนการพื้นฐานของถังเทียนทีละขั้นทำให้แผนแข็งแกร่ง พวกเขารู้สึกเช่นกันว่าเมืองฮวงจะดึงดูดความสนใจของทวีปกวงหมิง  พวกเขาจำเป็นต้องทำเสียงให้ดังพอ  และการทำอย่างนั้น  พวกเขาจำเป็นต้องใช้พลังอย่างเพียงพอ  และเมื่อทวีปกวงหมิงรู้ตัว  พวกเขาก็จะส่งกองทัพใหญ่ออกมาและหากปราศจากความสามารถต่อสู้เพียงพอ พวกเขาจะไม่สามารถรักษาเมืองฮวงไว้ได้

เมืองฮวงเหมือนตะปูที่ตรึงอยู่ที่หลังของทวีปกวงหมิง

ยิ่งเมืองฮวงสามารถดึงดูดความสนใจได้มากขึ้นก็จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม

หลังจากฟังคำอธิบายของถังเทียนแล้ว  ตู้เค่อยังคงเงียบ  เขายังทำใจยอมรับไม่ได้นัก  ในที่สุดเขาก็กลับมายังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้  และแม้ว่าเขาจะไม่ทันได้มีส่วนร่วมในการสู้รบใหญ่และชิงดีชิงเด่นกับนักสู้ที่ทรงพลังของทวีปกวงหมิง แต่ใครจะรู้กันว่าเขากลับถูกขอให้ปกป้องเมืองฮวง  แต่เขารู้เหตุผลและแนวคิดจัดการของถังเทียนดังนั้นเขาไม่รู้จะพูดอะไรง

“นายท่านวางใจเถอะ เราจะปกป้องเมืองฮวงของเราอย่างสุดกำลัง”

คาดไม่ถึงเลยว่าตู้ซินหวี่กลับพูดออกมา  นางพูดด้วยสีหน้าสงบ

ตู้เค่อเงยหน้าตกใจ และมองดูคนของเขารอบๆตัวทั้งหมด  ทุกคนมีท่าทีโล่งใจและเข้าใจในทันที  ‘ข้ายังไม่สงบนิ่งเท่ากับน้องสาวข้าเลย แต่กลับพยายามแสดงพลังตนเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา’  สำหรับแม่ทัพนายกองของกองทัพแดนบาป  ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่แปลกถิ่นมาก  และพวกเขาส่วนใหญ่กลัวที่จะออกไป

เพื่อให้สามารถป้องกันเมืองฮวงได้และมีแดนบาปที่คุ้นเคยหนุนหลัง  มีทุกคนอยู่รอบๆ  สำหรับพวกเขานี่คือการสนับสนุนที่ดีที่สุด

ทวีปรกร้างที่พลังงานของมันว่างเปล่ากลายเป็นเรื่องได้เปรียบของพวกเขามากขึ้น

ความคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นตู้เค่อเข้าใจความคิดของเขาชัดเจน และอารมณ์ที่ไม่สมหวังในใจเขาหายไป เขาหัวเราะ  “ทวีปกวงหมิงไม่มาก็แล้วไป  ถ้าพวกเขาบังอาจมา  เราจะแสดงพลังของพวกเราให้พวกเขาดู”

ขุนทัพนายกองแดนบาปตะโกนพร้อมกัน  กำลังใจของพวกเขาพุ่งขึ้นสูง

**************

ค่ายหน่วยจง

จงหลีไป๋มีหนวดเคราชี้ชันผมและเคราของเขายุ่งเหยิงนัยน์ตาลึก จ้องมองหน่วยจงด้วยสายตาทะลุทะลวง

เนี่ยชิวยืนอยู่ด้านข้างเขา  หลังจากดูดซับพลังงานในทวีปรกร้างหน่วยสุญญตาก็รับผิดชอบฝึกซ้อมฝีมือให้กับหน่วยจง อนาคตของหน่วยสุญญตาก็คือพัฒนาไปเพื่อเรือรบ  และในทวีปกวงหมิงมีทางเดียวที่เขาจะเอาเรือรบมาได้  ก็คือขโมยมาจากฝ่ายศัตรู

และจงหลีไป๋ตัดสินใจเดินตามเส้นทางอาวุธจักรกลวิญญาณกลายเป็นหลัก

“ยังไม่พอ!”  จงหลีไป๋พูดอย่างดุดัน  เหมือนกับหมาป่าที่พร้อมจะกลืนกินพวกเขา

สายตาดุดันของเขากวาดมองไปทั่วพื้นที่  มาตรฐานของนักสู้จักรกลของกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้รับการยกย่องว่าเข้มงวดที่สุดในสวรรค์วิถี  กลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าเขา  แม้ว่าพวกเขาแม้จะมีสภาพร่างกายที่พิเศษแต่เมื่อเทียบกับนักสู้จักรกลของกลุ่มดาวหมีใหญ่แล้ว  พวกเขายังคงด้อยกว่า

สำหรับช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้หลับนอนและยังคงฝึกฝนพวกเขาต่อ

“ความก้าวหน้าของพวกเขานับว่ารวดเร็วมาก  เนื่องจากพวกเขายังไม่เคยแตะต้องสิ่งเหล่านี้มาก่อน”  เนี่ยชิวพูด เทียบกับจงหลีไป๋อคติแรงกล้าแล้วเขาใจเย็นกว่ามาก “เจ้ากับข้าไม่เคยนำทัพจักรกลมาก่อนทั้งคู่  กลยุทธทั้งหมดนี้แค่อยู่บนหน้ากระดาษ จะเอามาใช้ได้จริงหรือไม่ก็ต้องทดลองจากการสู้จริง”

จงหลีไป๋รู้ปัญหาของตัวเอง และพูดอย่างนักเลง“ทุกคนต้องจ่ายค่าเล่าเรียนกันทั้งนั้น ไม่มีใครหนีเรื่องนั้นไปได้”

“อย่างนั้นเจ้าก็รู้ว่าพวกเขาควรจะจ่ายยังไงด้วย?” เนี่ยชิวประหลาดใจ

“การเติบโตจากการสู้รบหลังจากสู้รบแล้วผู้รอดจะเป็นผู้เหมาะสมที่สุด” จงหลีไป๋พูดเฉยเมย

เนี่ยชิวชักจะกังวล  “พวกเขาจะมีความคิดเป็นของตนเองไหม?”

“ความคิด?”  จงหลีไป๋หัวเราะลั่น และกล่าว  “พวกเขาไม่เชื่อฟังง่ายเหมือนกับบริวารของเจ้า  พวกเขาเป็นโจรกันทุกคน และนี่คือกฎการอยู่รอดที่พวกเขาคุ้นเคยที่สุด  ในโลกของพวกเขา  มีแต่ผู้แข็งแกร่งจึงจะมีคุณสมบัติอยู่รอด

เนี่ยชิวไม่เห็นด้วย  “ทำให้คนมองไปข้างหน้าจริงๆ ดีกว่าทุกอย่างเตรียมไว้แล้ว รออยู่แต่อาวุธจักรกลวิญญาณเท่านั้น”

จงหลีไป๋มองไปที่การฝีกฝนที่จะเกิดขึ้นเต็มที่  ดวงตาลึกของเขาเป็นประกายร้อนแรงแต่เขาพูดอย่างใจเย็น “ต้องส่งหน่วยลาดตระเวนออกไปหรือไม่?  ข้าไม่ต้องการคลำทางเมื่อเราเคลื่อนกำลังและทำให้ข้าเสียหน้า”

เนี่ยชิวหัวเราะ  “แม้ว่าเวลาจะเร่งรัด  และข้อมูลที่เราได้รับก็ยังไม่พอ  แต่ก็พอใช้ได้ ในที่สุดเราก็ได้รับโอกาสเปลี่ยนกระแสน้ำ เจ้าอย่าเหลาะแหละจะดีกว่า”

เมื่อผ่านเวลาไประยะหนึ่งความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นมาก แม้ว่าทั้งสองยังคงทะเลาะกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเพราะสถานการณ์  พวกเขาไม่มีทางเลือกได้แต่เกื้อหนุนกันและกัน  แต่ในแง่ฝีปากพวกเขาก็ยังไม่ยอมกันอยู่ดี

จงหลีไป๋ทำหน้าเบ้ และแค่นเสียงและเดินออกมาโดยไม่บอกลา

เขามีความกังวลของเขา กลยุทธที่เขาสร้างขึ้นด้วยตัวเองเกี่ยวข้องกับจำนวนอาวุธจักรกลวิญญาณ  ยิ่งอาวุธจักรกลวิญญาณมาก  พวกเขาก็สามารถปลดปล่อยพลังได้แข็งแกร่งมาก  ถ้าพวกเขามีอาวุธจักรกลวิญญาณไม่เพียงพอพลังที่พวกเขาปลดปล่อยออกมาก็มีอย่างจำกัด

‘อาวุธจักรกลที่นายท่านจะระดมมาได้จะมีเท่าใดกันแน่?’

***************

เมืองสามวิญญาณ

เหอจิ่วเดินไปตามถนน  ใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลเนื่องจากเขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเต็มที่ สถานะของเขาในฐานะคนสอดแนมสมาพันธ์ชาวยุทธถูกปกปิดไว้เป็นอย่างดี และความกังวลของเขาไม่ได้เกี่ยวกับสถานะของเขา  แต่ในเมืองนี้ที่เขาเคยคุ้นเคยมากกลายเป็นแปลกหน้าสำหรับเขา

มันกลายเป็นสัตว์ป่าที่บ้าคลั่งหรือเหมือนภูเขาไฟที่ปะทุ เต็มไปด้วยพลังที่อธิบายไม่ถูกและไม่สิ้นสุด  มันทะลักออกมาต่อเนื่อง  แผดเผาอยู่ทุกมุมเมือง

ทุกร้านกำลังเปิด  แต่ดูเหมือนไม่มีผู้ช่วยใดๆทำให้ทุกร้านว่างเปล่า

ถนนก็ว่างเปล่าเช่นกัน  และไม่มีใครเดินอยู่บนถนน

เขาผ่านไปร้านที่มีห้องปฏิบัติการจักรกลและได้ยินเสียงสั่นสะท้อนของโลหะเสียดสีกันดึงดูดความสนใจของเขา  ประตูร้านเปิดกว้างและเมื่อมองเข้าไปข้างใน เขาเห็นช่างจักรกลเปลือยตัวครึ่งบนกำลังตัดโลหะ  ประกายไฟนับไม่ถ้วนเกิดขึ้น  และสะท้อนเต็มใบหน้าของช่างจักรกล และสิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือดวงตาพวกเขาจดจ่ออยู่ประกายไฟ

ตาคมกริบที่สายลับจะพึงมีทำให้เขาเห็นทั่วทั้งร้าน

ที่เงามุมมืดเขาเห็นบุรุษร่างกายแข็งแกร่งกำยำหลายคนนอนอยู่กับพื้นหลับอย่างสบายใจ  เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเหนื่อยมาก

สัตว์ประหลาดแปดสิบชุดสำเร็จแล้วตั้งสงบอยู่ในลานว่างพวกมันยังไม่ได้ลงสี ความน่าเกลียดปรากฏอยู่ทุกตารางนิ้วเหมือนกับบาดแผล  มีขอบที่ไม่ค่อยสม่ำเสมออยู่บนนั้น   ผิวที่หยาบปรากฏให้เห็นไปทั่วทำให้พวกมันดูเหมือนน่าเกลียดมากและแข็งแกร่ง

แต่ภายใต้เสียงตัดแสบแก้วหูและภายใต้แสงรัศมีกระพริบวูบวาบ สัตว์ประหลาดยืนอยู่กับที่โดยไม่ได้ส่งเสียง กลับน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ถูกทำให้เขาหนาวยะเยือก

ที่ร้านค้าที่ 45

เป็นฉากภาพเหมือนกันแน่นอนรูปแบบร้านค้าจักรกลบนถนนสายนี้ เป็นครั้งที่ 45 ที่เห็นสิ่งเหมือนๆ กัน

ป้ายโลหะของร้านที่มีห้องปฏิบัติการ เขียนไว้ร้านที่ 45 ถนนสายหลัก

ตลอดทั้งตัวของเหอจิ่งหนาวยะเยือก

ทันใดนั้น ‘แก๊งงง’เสียงระฆังดังได้ยินทั่วทั้งเมือง

ช่างจักรกลที่กำลังหลับทุกคนตื่นขึ้นทันทีและกระโดดเต้น

“หมดเวลาแล้วหรือ?  โธ่เว้ย! รู้อย่างนี้ข้าคงไม่หลับแน่!”

“รีบนับเร็วเข้า,เราประกอบได้กี่ชุด?”

“85ชุด ไม่ ไม่ 87 ชุด!”

“รถขนส่งพร้อมหรือยัง?  รีบบรรทุกเร็วเข้า!  อย่าเสียเวลา!”

……

ช่างจักรกลทุกคนเริ่มงุ่มง่ามขนสัตว์ประหลาดขึ้นรถขนส่งที่เต็มท้องถนน  พวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นทุกคน   รอยเส้นเลือดปรากฏอยู่บนหน้าผากของพวกเขา  หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยน้ำมันและฝุ่น  ทำให้พวกเขาดูน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนสัตว์ประหลาดเสียเอง

รถที่ใช้ขนส่งแค่ใช้งานพิเศษทำขึ้นมาง่ายๆหยาบๆ ไม่มีหลังค่า มีเพียงรั้วกั้นไม่ให้สินค้าร่วง

สัตว์ประหลาดชุดแล้วชุดเล่าลำเลียงลำบนรถขนส่งที่อยู่ใกล้ๆเหมือนกับทหารเตรียมจะออกรบ

นายช่างจักรกลทุกคนตะโกนลั่น  พวกเขาตื่นเต้นมากขณะที่นั่งอยู่บนไหล่ของสัตว์ประหลาด

“ไปได้!”

“ถึงเวลาส่งมอบสินค้ากันแล้ว!”

ถนนที่แต่เดิมว่างเปล่ากลายเป็นคึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีรถขนของนับไม่ถ้วนเคลื่อนตัวเข้าไปในเมืองเหมือนกับกระแสน้ำ

เหอจิ่วแทบจะถูกจำนวนรถส่งของท่วมทับ  เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไง

บนหอคอยสูงในฐานผี่ผาสังเกตรถที่ขนส่งกันอย่างคึกคักเต็มท้องถนนจากด้านบน  หัวใจนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและปลาบปลื้ม

‘นายท่าน,บางทีท่านอาจสร้างเรื่องทั้งหมดนี้โดยบังเอิญ แต่คำขอของท่านเหมือนกับเป็นแตรเดี่ยวประกาศความรุ่งเรืองของเรา  ไม่ว่ากระบี่ของท่านชี้ไปที่ใด  พวกเราทุกคนจะต่อสู้เพื่อท่าน!’

‘เราจะเคียงข้างร่วมสู้กับท่านตลอดไป’

สีหน้าของผี่ผาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขบวนรถขนส่งเข้ามาไม่ขาดสาย

ถังเทียนที่เพิ่งกลับมายังเมืองสามวิญญาณถูกบางคนขัดขวางไว้

“ท่านต้องการไปดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์กับข้าหรือ?” ถังเทียนมองดูลั่วซือที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาอย่างตกใจ  เขายังงุนงงกับสถานการณ์

‘เอ่..เกิดอะไรขึ้น?’

“ใช้แล้ว,ข้าเข้าใจชัดเจนเรื่องการร่วมรบของสัตว์ประหลาดมากกว่าพวกเขา”  ลั่วซือพูดโดยไม่หลบสายตาถังเทียน

“ไม่มีทาง!”  ถังเทียนส่ายศีรษะ

‘นี่มันเรื่องตลกอะไรนี่, ถ้าลุงปิงรู้ว่าข้าพาลั่วซือเข้าสมรภูมิ เขาคงเอาชีวิตข้าแน่’

ลั่วซือมองดูถังเทียนหน้าซีดขาวของเขาแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ที่สงบ “แม้ว่าข้าจะจำอะไรไม่ได้ บางทีเพราะเวลาผ่านมานาน ความทรงจำทั้งหมดของข้าหายไป  มีแต่เพียงอารมณ์ของข้าที่เหลืออยู่  ถ้ากับกาลเวลาที่ผ่านไปนาน  อารมณ์เหล่านี้ก็ยังไม่หายไปข้าเชื่อว่านั่นเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของชีวิตข้า”

ถังเทียนอ้าปาก  แต่ไม่รู้จะพูดอะไร

“ชีวิตของข้าได้รับความเสียหายหนัก  ความทรงจำของข้าว่างเปล่า  และมีแต่อารมณ์ที่เหลืออยู่กับตัวข้า  ข้าเชื่อว่ามันพยายามเตือนข้าถึงจุดมุ่งหมายของชีวิตข้า”

เขาคำนับถังเทียน  “ข้าขอร้องเจ้า”

ถังเทียนไม่รู้ว่าเขาจบเรื่องนี้ในที่ของเซรีนยังไง,  เขาได้แต่ตะลึง  คำพูดที่ลั่วซือพูดก็ส่งผลต่อเขาด้วยเช่นกัน

“เจ้าตกลงด้วยไหม?”  เซรีนมองดูถังเทียนอย่างกังวล  นางสังเกตว่าถังเทียนคิดอะไรไม่ออก

ถังเทียนตื่นตัวขณะที่ เขายังฝันและพูดทันที“ก็ได้, แล้วจะสนับสนุนสัตว์ประหลาดยังไง?”

“เจ้าไม่เชื่อพลังของพวกเขาหรือ?”  เซรีนเลิกคิ้วและมองล้อเลียนถังเทียนจนผี่ผาที่อยู่ข้างๆ หัวเราะไปด้วย

“เราเร่งรีบไม่ใช่หรือ?”  ถังเทียนไม่เกรงหักหน้านาง

เซรีนลากถังเทียนมาที่ประตูและพูดอย่างไม่พอใจ  “เปิดประตูเบิ่งตาดูซะ แล้วเจ้าจะเข้าใจ”

ถังเทียนสะดุ้ง  ‘ประตูนี่เหมือนจะคุ้นๆเอ่.. ไม่ใช่ว่านี่จะนำไป...’

เขาเปิดประตูโดยไม่รู้ตัว

แสงที่คุ้นเคยเข้ามาในดวงตาเขา  ประตูบรอนซ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ไกลๆยังอยู่เหมือนเคย และเสียงตะโกนจากคืนวันเก่าก่อน แม้ฝุ่นและเหงื่อจากวันเก่าก่อนก็ยังท่วมตัวเขา

สัตว์ประหลาดบรอนซ์ที่น่าเกลียดน่ากลัวตัวแล้วตัวเล่ายืนตระหง่านอยู่ภายใต้แสงไฟ  กินพื้นที่สนามฝึกทุกตารางนิ้ว

ไกลเท่าที่เขาเห็นได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด