ตอนที่ 823 แผนสร้างทวีปรกร้าง
ความเชื่อมั่นของตู้เค่อไม่ได้มาจากไม่มีอะไร
นอกจากเขาแล้วกองทัพแดนบาปประกอบไปด้วยนักสู้ฝีมือดีของแดนบาปมากกว่าครึ่ง มีคนที่อยู่ในสิบสุดยอดนักสู้ในทำเนียบถึงครึ่งหนึ่ง แต่ละคนเป็นอัจฉริยะผู้มีประสบการณ์ผ่านบททดสอบที่โหดหินมานับครั้งไม่ถ้วนเมื่อนักสู้ฝีมือดีเหล่านี้รวมตัวกันและแบ่งปันความคิดกันจึงเป็นที่คาดหมายอย่างยิ่ง
ความก้าวหน้าของพวกเขาพิสูจน์ว่าพวกเขาถูกต้อง เนื่องจากพวกเขาก้าวหน้าได้ไว
สิ่งแรกที่พวกเขาต้องการก็คือให้ตู้เค่อเอาชนะการแทรกแซงที่มีต่อกฎธรรมชาติตรงจุดนี้การคาดเดาของตู้เค่อคลาดเคลื่อนไปบางส่วนพลังงานที่แทรกแซงกฎธรรมชาติมีอยู่ทุกหนแห่ง และกฎธรรมชาติระดับสูงจะมีอิทธิพลมาก แต่ความรู้เรื่องกฎธรรมชาติของตู้เค่อเหนือกว่าทุกคน และเมื่อเขาตระหนักถึงจุดพิเศษ เขาไตร่ตรองขณะหนึ่งจากนั้นจึงเข้าใจปมของเรื่อง
นักสู้แดนบาปผู้ฝึกในกฎธรรมชาติระดับต่ำ ใช้พลังร่างกายเพื่อกระตุ้นสายใยกฎธรรมชาติ และสายใยกฎธรรมชาติเชื่อมโยงกับร่างกายได้รับอิทธิพลต่ำที่สุด และสำหรับนักสู้แดนบาปผู้รู้แจ้งระดับผิวกฎธรรมชาติและใช้พลังฉายใส่ผิวกฎธรรมชาติเพื่อต่อสู้ ผิวกฎธรรมชาติของพวกเขาจะไม่ได้เชื่อมโยงกับร่างของเขาโดยตรง ดังนั้นปฏิกิริยาจากพลังงานจะรุนแรงมากขึ้น เช่นเดียวกับนักสู้ที่ฝึกในสนามพลังกฎธรรมชาติ
ตู้เค่อและพวกที่เหลือคิดหาวิธีอย่างรวดเร็ว พวกเขาเปลี่ยนรูปแบบการเรียกกฎธรรมชาติ พวกเขาเป็นพวกแรกที่ใช้พลังร่างกายกระตุ้นสายใยกฎธรรมชาติ และจากนั้นใช้สายใยกฎธรรมชาติเพื่อพัฒนาไปเป็นผิวกฎธรรมชาติและสนามพลังกฎธรรมชาติ
และพวกฝีมือดีเหล่านี้ก็เริ่มพิจารณาวิธีใช้กฎธรรมชาติควบคุมพลังงานนี่เป็นงานที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากจำนวนกฎธรรมชาติมีมากพอๆ กับน้ำทะเล และจำนวนคุณสมบัติของพลังกฎธรรมชาติก็มากพอกับดวงดาว ถ้าเราต้องพูดว่ากฎธรรมชาติเป็นกุญแจไขที่สำคัญแล้ว อย่างนั้นเราก็ต้องการตัวแม่กุญแจสำหรับไขด้วย
ทวีปรกร้างมีพลังงานเบาบางมาก และพลังงานแทรกแซงไม่รุนแรง ดังนั้นจึงประหยัดเวลาในการค้นคว้าของพวกเขามาก
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างป้อม พวกเขาย้ายไปฝึกในที่ห่างออกไป สำหรับขั้นตอนในตอนแรกของพวกเขา พวกเขาสามารถใช้พลังกฎธรรมชาติของพวกเขาได้อยู่ ทำให้พวกเขาลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าได้ แต่หลังจากคิดวิธีให้พวกเขาสามารถบินได้ พวกเขารู้ว่าเส้นทางยังอีกยาวไกล
การลอยตัวในท้องฟ้า พวกเขาจะนั่งสมาธิหรือยืนหรือเคลื่อนไหวแขนขาร่ายรำหรือสวดสาธยาย ทั้งหมดเป็นรูปแบบที่แตกต่างของพวกเขา
“ข้าพบแล้ว!”
เสียงอุทานจากคนหนึ่งดังขึ้นซึ่งดึงดูดความสนใจจากคนอื่นทันที
บนปลายนิ้วของเขาคือจุดแสงขนาดเม็ดถั่วซึ่งเปล่งแสงสีส้มนวล เมื่อเขาขยับนิ้วเบาๆจุดแสงสีส้มจะกระเซ็นออกมาทีละจุดๆ เป็นภาพที่สวยงาม จุดแสงที่คล้ายกับสายฝนยังคงเปลี่ยนแปลงทำให้คนที่เห็นงงงวย
คนที่อยู่รอบตัวเขาอดรู้สึกอิจฉาเขาไม่ได้ นักสู้ผู้นี้ฝึกฝนมาทางกฎธรรมาชาติแสงและเนื่องจากพลังงานแสงมีหนาแน่นที่สุดในตำแหน่งของพวกเขาจึงไม่แปลกที่เขาจะเป็นคนรู้แจ้งคนแรก
ขวัญกำลังใจของทุกคนเพิ่มขึ้น ตราบใดที่มีคนหนึ่งทำสำเร็จได้ ก็หมายความว่าเส้นทางที่พวกเขายึดถือนั้นถูกต้อง
ถังเทียนมองดูพลังงานกระเพื่อมที่กระจายตัวจากจุดแสง เขาอดลูบคางไม่ได้ ‘พลังปั่นป่วนนั้นไม่อ่อนเลยแม้แต่น้อย’ เขาคิดของเขาได้เองจากนั้นก็เข้าใจเหตุ โดยการใช้กฎควบคุมพลังงาน ต้องใช้ความพยายามครึ่งหนึ่ง แต่ผลเป็นทวีคูณและเนื่องจากความเข้าใจกฎธรรมชาติของพวกเขาลึกซึ้งมาก ตราบใดที่พวกเขาพบความสามารถพิเศษที่จะใช้มันได้ ความสามารถในการสู้รบจะเพิ่มพูน
ทันใดนั้นถังเทียนคิดว่าเมืองฮวงควรได้รับการป้องกัน
ก่อนนี้เขาไม่มีความประทับใจที่ดีนักต่อเมืองฮวง แม้ว่าพลังงานของมันจะเบาบางมาก แต่ก็ยังไม่ใช่แดนบาปนักสู้ของทวีปกวงหมิงจะยังไม่อ่อนแอมากนัก แต่นักสู้แดนบาปจะอ่อนแอลงมากกว่า การป้องกันประตูบาปคงทำได้ง่ายมาก เทียบกับเมืองฮวง ตราบใดที่พวกเขาทำลายป้อมกวงหมิง ประตูบาปและแดนบาปก็จะไม่ต่างกัน และนักสู้กวงหมิงที่บังอาจเข้ามาก็เท่าหาที่ตาย
สิ่งที่สำคัญที่สุดตามแผนการของปิง เขาจำเป็นต้องทำลายทวีปกวงหมิงจากภายในซึ่งจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่น ดังนั้นพวกเขาจะไม่สามารถปกป้องป้อมปราการได้
แต่เมื่อเขาเห็นว่ากองพลแดนบาปฝ่าผ่านมาได้ ถังเทียนเริ่มพิจารณาถึงความเป็นไปได้
‘ถ้ามีป้อมปราการที่ด้านหลัง อย่างนั้นก็เหมือนมีเข็มแทงอยู่ในหลังพวกเขา ทวีปกวงหมิงจะไม่สามารถทนรับได้และจะพยายามหาทางทำลายมันจนได้’
‘นั่นยังหมายความว่าเมืองฮวงจะดึงดูดกองทัพที่ยิ่งใหญ่มา การจะดึงดูดพวกเขามากก็หมายความว่าภายในทวีปกวงหมิงจะต้องว่างเปล่ามากขึ้นไม่ใช่หรือ?’
ถังเทียนลูบคาง ตาของเขาเป็นประกายประหลาด
เขาไม่สามารถคิดแผนการที่ลึกซึ้งเกินไป แต่ทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นมานี้เป็นเรื่องที่เขาพบจากการทำจริง ‘ข้าจะทำให้เมืองฮวงกลายเป็นเมืองที่ปลอดจากการโจมตีได้ยังไง?’
ถังเทียนผู้มีแววตาล่อกแล่กยังคงเกาคางเค้นสมอง แกรก..แกรก..จากเขาคิดราวกับว่าเขาได้ยินเสียงฟันเฟืองนับไม่ถ้วนบดเสียงใส่กันและผงสนิมร่วงลงพื้นเหมือนกับหิมะตก แต่หลังจากคิดอย่างหนักเป็นเวลานานนับว่าเขายังโชคดี สวรรค์ไม่เคยทอดทิ้งคนฉลาด เขาคิดแผนฉลาดได้แล้ว – โยนปัญหาให้คนฉลาด!
เขาหันไปมองตู้ซินหวี่ “เจ้าคิดว่าเราจะป้องกันเมืองฮวงได้ยังไง?”
ตู้ซินหวี่พิจารณาปัญหานี้ไว้นานแล้วและนางกล่าวอย่างใจเย็น “ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการป้องกันเมืองฮวง เราแค่ต้องการเวลา และเมื่อท่านพี่กับพวกพบวิธีควบคุมพลังงานเมืองจะยากที่จะโจมตีมากขึ้นเรื่อยๆ เราได้เปรียบในเรื่องดินแดนและเบื้องหลังเรา,เราสามารถได้รับการสนับสนุนจากแดนบาปได้ไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นเราสามารถวางใจได้โดยไม่มีอะไรต้องกังวล
‘นั่นก็จริง...’
“เราขาดแคลนเรื่องเวลา” ถังเทียนพูดตามตรง “เราจะเคลื่อนไหวในอีกหนึ่งสัปดาห์ สวรรค์วิถีและพันธมิตรใต้ในตอนนี้กำลังเผชิญกับแรงกดดันหนักหน่วง”
ตู้ซินหวี่ไม่แปลกใจเนื่องจากตัวนางเป็นก็เป็นขุนพลที่โดดเด่น นางรู้ว่าการเสียเมืองไม่สำคัญแต่จุดหลักก็คือการได้รับชัยชนะในสถานการณ์โดยรวม เมื่อพวกเขาเคลื่อนไหวและออกไปจากทวีปรกร้าง(ทวีปฮวง) พวกเขาจะต้องสร้างความประหลาดใจให้กับทวีปกวงหมิงแน่นอน
“ถ้าอย่างนั้นเราสามารถยกเลิกการสร้างเมืองฮวงได้และมุ่งไปที่การปกป้องประตูบาป” ตู้ซินหวี่พูดอย่างใจเย็น
“แต่ข้าหวังว่าเมืองฮวงสามารถดึงดูดความสนใจของศัตรูไว้ได้ยิ่งมากกองทัพก็ยิ่งดี” ถังเทียนพูดตามตรง
ตู้ซินหวี่เข้าใจว่าถังเทียนหมายถึงอะไรนางคิดอยู่ขณะหนึ่งจากนั้นก็ส่ายศีรษะ “เป็นไปไม่ได้, ไม่มีความก้าวหน้าเราจะขาดความสามารถต่อต้านทวีปกวงหมิง เมืองฮวงไม่ใช่ป้อมปราการแดนบาป แม้ว่าเราจะใช้ประโยชน์ได้บ้าง แต่ความสามารถของมันก็อ่อนแอลงอย่างมาก เราไม่ได้อยู่ในแดนบาป”
ประกายความคิดผุดขึ้นในใจถังเทียน เขาพูดอย่างกระวนกระวาย “ไหนพูดอีกครั้งซิ!”
“อะไรนะ?”ตู้ซินหวี่ตกใจ แต่นางทบทวนประโยคคำพูดทั้งหมดอีกครั้ง
เมื่อตู้ซินหวี่พูดว่า“เราไม่ได้อยู่ในแดนบาป” ถังเทียนปรบมือหน้าของเขามีความสุขอย่างไม่อาจควบคุมได้ “นั่นแหละ, ที่นี่ไม่ใช่แดนบาป!”
ตู้ซินหวี่มีท่าทางสงสัย นางไม่เข้าใจว่าหมายความว่ายังไง ก็มันไม่ใช่แดนบาปจริงๆ
“ที่นี่ไม่ใช่แดนบาป อย่างนั้นเราสามารถทำให้เป็นแดนบาปได้!”
คำพูดของถังเทียนทำให้ตกตะลึงได้จริงๆ
ตู้ซินหวี่ตกใจ นางคิดว่านางได้ยินผิด จึงถามว่า “เปลี่ยนทวีปรกร้างให้เป็นแดนบาป?”
“ถูกต้อง!” ถังเทียนคิดว่าความคิดบรรเจิดของเขาเป็นที่ชื่นชอบอย่างแท้จริง
‘ฮ่าฮ่า มีแต่หนุ่มชาวฟ้าเท่านั้นที่คิดแผนบรรเจิดเช่นนั้นได้!’
“นั่นเป็นไปไม่ได้”ตู้ซินหวี่ส่ายศีรษะ ขณะที่นางยังคงสงบ
ถังเทียนตอบอย่างอารมณ์ดี “เจ้าจะรู้เมื่อถึงเวลา”
เพียงแค่นั้น เขาหมุนตัวและเดินตรงไปที่ค่ายหน่วยสุญญตา ตู้ซินหวี่ตามเขาไปโดยไม่ลังเล เมื่อเห็นถังเทียนมั่นใจมาก นางรู้สึกสงสัยมากแนวคิดที่ไร้สาระจะเปลี่ยนทวีปรกร้างให้เป็นแดนบาปจะเป็นจริงได้ยังไง?
********************
คนกลุ่มหนึ่งบินผ่านทวีปรกร้างที่กว้างใหญ่
“ที่อยู่ต่อหน้าเราเป็นหุบเขา และน่าจะเป็นไปตามที่ขอ”
เหวินกังชี้ไปข้างหน้า หุบเขามองเห็นได้อย่างเลือนราง
“ไปกันเถอะ!” เหลียงชิวไม่ย้อนถามและพากลุ่มของเขาตรงไปที่หุบเขา
เป็นพื้นที่กันดารไม่มีสัญญาณชีวิต ใครจะรู้กันว่ามนุษย์คนสุดท้ายที่ย่างเท้าเข้ามาที่นี่กี่ปีมาแล้ว
เหลียงชิวเลือกตำแหน่งดีๆและล้วงสมบัติดวงดาวออกมา เป็นสมบัติระดับเงินจากกลุ่มดาวมีน และปลาสีเงินสดใสเหมือนมีชีวิตสองตัวขดตัวหัวชนหางกันเริ่มที่จะเคลื่อนไหว
สมบัติดวงดาวเปล่งประกายเจิดจ้าทันที และพลังงานรอบๆ เริ่มทะลักเข้ามาในสมบัติ ในพริบตาเดียว เกิดวังวนพลังงานขนาดใหญ่ หินและทรายทั้งหมดเริ่มเคลื่อนไหวในหุบเขาทำให้สมาชิกถูกบังคับให้ออกจากหุบเขา
เหวินกังมองดูวังวนพลังงานก่อตัวเหมือนกับพายุหมุน และไม่มีคำจะพูด
‘กลุ่มคนพวกนี้มาจากไหนกัน?’
เขาถูกเรียกมาหน่วยสุญญตาให้ทำหน้าที่เป็นคนนำทาง เนื่องจากเขายอมแพ้ไปแล้ว เขาไม่มีใจคิดจะต่อต้าน และตัดสินใจทำหน้าที่นำทาง แต่เมื่อก้าวเข้ามาในค่ายหน่วยสุญญตา เหมือนกับว่าเขาต้องมนต์สะกดจนตะลึง
สมบัติวิญญาณ,สมบัติวิญญาณที่มีค่าควรเมืองปลดปล่อยรัศมีแสงสีที่งดงาม
และเมื่อสมบัติวิญญาณเหล่านี้ที่มีค่าควรเมืองปรากฏชิ้นแล้วชิ้นเล่าต่อหน้าเขา กองเป็นภูเขาเลากาผลกระทบที่มีต่อเขาเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ในขณะนั้นเหวินกังคิดว่าเขากำลังมองดูทวีปรกร้างสีทองเต็มไปด้วยเหรียญทองอร่ามสดใส
ใจของเขาว่างเปล่าขณะมองดูกองสมบัติดวงดาวถูกส่งมอบให้สมาชิกหน่วยสุญญตาทุกคน แต่ละอย่างทำให้เหวินกังสูญเสียความคิด
ไม่ใช่แค่เพียงเขาเท่านั้น สหายของเขาที่ร่วมงานกับเขามาหลายปีสูญเสียความคิดพอกัน
ในครึ่งชั่วโมงเหวินกังและพวกเขาก็ตะลึงอยู่กับที่ ได้แต่เงียบคิดอะไรไม่ออก เมื่อพวกเขาค่อยๆ เรียกความรู้สึกกลับมากองสมบัติวิญญาณก็หายไปแล้ว ทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวด
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาจึงรู้สึกเจ็บปวด ในเมื่อมันไม่ใช่ของพวกเขาตั้งแต่เริ่มต้น
ความเจ็บปวดคงอยู่ไม่นานเมื่อพวกเขาเริ่มหวาดกลัวแผนของถังเทียน
“ทุกคนมีเพียงภารกิจเดียวและนั่นก็คือใช้สมบัติดวงดาวในมือของพวกเจ้าไปดูดซับพลังงานทั้งหมดในทวีปรกร้าง! ต้องไม่เหลือพลังงานไว้แม้แต่น้อย! แต่, แน่นอนว่าอาศัยสมบัติดวงดาวในมือของเจ้ายังไม่พอ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะเตรียมสมบัติดวงดาวไว้ให้พวกเจ้ามากเพียงพอ! หนึ่งสัปดาห์ เรามีเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ทุกคนต้องรับผิดชอบพื้นที่ของตนเอง และต้องไม่เหลือแม้แต่มุมเดียวอีกต่อไป ปฏิบัติการ!”
แผนการสร้างทวีปรกร้างใหม่ทำให้เหวินกังและพวกที่เหลือกลัวมากจนบางคนเริ่มฉี่ราดกางเกง
‘นี่...นี่ผิดธรรมดาเกินไปแล้ว!’
‘จะกวาดเอาพลังงานในทวีปออกไปทุกหยาดหยด โอวพระเจ้า, ไอ้บ้าที่ไหนถึงมีความคิดห่ามๆ เช่นนั้นได้ และมันจะได้ผลไหม?’
แม้แต่ตู้ซินหวี่ที่ตอนแรกยังสงบอยู่ได้ถึงกับตะลึงในขณะนั้นเอง
หน่วยสุญญตากระจายกันออกไปเหมือนถั่วนำสมบัติดวงดาวของพวกเขาไปทุกซอกมุมทวีปรกร้าง วังวนพลังงานลูกแล้วลูกเล่าก่อตัวขึ้นในทวีปรกร้างอย่างไม่มีสิ้นสุด
ทวีปรกร้างซึ่งมีพลังงานเบาบาง แม้ว่าจะตรงกันข้ามกับดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ยังมีพลังงานมากกว่ากลุ่มดาวใดๆในสวรรค์วิถีเสียอีก แต่ภายใต้การสูบพลังของสมบัติวิญญาณอย่างบ้าคลั่งเพียงแค่วันเดียว ความหนาแน่นของพลังงานของทวีปรกร้างตกลงไป20%
บ้าไปแล้ว!
และเมื่อพวกเขาคิดว่ามันเป็นความคิดบ้าๆ สมบัติดวงดาวชุดที่สองก็ถูกนำมากอง
จากนั้นชุดที่สาม จากนั้นชุดที่สี่....
ความเข้มข้นของพลังงานทวีปรกร้างลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ทุกคนกลัวมากจนพวกเขาคล้ายกับนกที่ถูกจับบีบคอ