ตอนที่ 823 จดหมายรัก
สามวันต่อมาในที่สุดก็ได้รับข่าวจากไป่ลู่
ตอนนี้นางไม่ได้อยู่ในแคว้นมรกต แต่กล่าวกันว่านางไปยังอาณาจักรไท่หลุน มีข่าวรายงานทางลับว่าราชาท้องถิ่นอาณาจักรไท่หลุนเพราะสมคบคิดกับกองกำลังชั่วร้าย เขาถูกจับกุมโดยผู้คุมกฎแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ และตัดสินให้ประหารชีวิต ญาติและสหายของราชาไท่หลุนจะถูกจับกุม พวกเขาทุกคนจะถูกส่งเข้าคุกของตำหนักกลางให้สวดสำนึกบาป
“ไร้ยางอายเกินไป แม้แต่เด็กสามขวบในแดนสวรรค์ใต้ก็ยังรู้ว่าราชาไท่หลุนเป็นคนดี” เปากู่ถอนหายใจ
“เหรอ?” โล่วฮัวให้ความสนใจกับข่าวนี้ขึ้นมาบ้าง
“ท่านหญิงโล่วฮัว, เปากู่พูดความจริง ถ้าท่านพูดถึงราชาอาณาจักรอื่น นูเจนไม่กล้าพูดอะไรแน่นอน แต่ถ้าพูดถึงราชาไท่หลุน เขาเป็นคนดีอย่างแน่นอน ภายใต้การปกครองของราชาไท่หลุน ประชาชนมีชีวิตที่ดี ไม่มีโจรขโมย ในแดนสวรรค์จะเห็นได้ว่าทุกที่คนอ่อนแอจะตกเป็นเหยื่อของคนแข็งแกร่ง แต่ที่นั่นเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้น้อยมาก แต่ราชาไท่หลุนครอบครองพลังที่แข็งแกร่ง แม้แต่อสูรปีศาจที่นั่นก็มีความแข็งแกร่งแต่ยอมตกลงสันติภาพไม่มีการรบกวนทำร้ายผู้คน ในอาณาจักรไท่หลุนในใจหลายคนเหมือนกับภาพลวงตา ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวก็คือที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่ราบสูง ที่นี่มีแรงดึงดูดสิบเท่าเมื่อเทียบกับสถานที่อื่น คนธรรมดาไม่สามารถปรับตัวได้ ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะมีคนอีกกี่คนไม่ทราบที่ย้ายไปอยู่ที่อาณาจักรไท่หลุน” นูเจนอธิบายรายละเอียด
“กล่าวหาว่าราชาไท่หลุนสมคบกับกองกำลังชั่วร้ายและถูกจับกุมโดยตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นการปฏิบัติที่ไม่ยุติธรรมหรือเปล่า?” โล่วฮัวถาม
“แน่นอน!” ทั้งเปากู่และนูเจนพยักหน้ายืนยัน
“อย่างนั้นทำไมตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จึงเปิดการตัดสินและประหารชีวิตราชาที่เป็นที่รักของประชาชน?” เย่ว์หยางคิดว่าเรื่องนี่ไม่ง่ายอย่างที่เห็น คนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนโง่ ไม่มีหลักฐาน แล้วจะประกาศประหารชีวิตต่อหน้าประชาชน นั่นไม่ใช่เรื่องดี
ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็ยังสามารถดำเนินการประหารลับ ทำไมต้องประหารต่อสาธารณะแล้วยังเชิญผู้คนมาดูด้วย?
เนื่องจากพวกเขามั่นใจว่าสามารถอธิบายต่อสาธารณชนได้ว่าพวกเขามีหลักฐานในมือ
ไม่ว่าหลักฐานจะเป็นจริงหรือเท็จก็ตาม
อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยหลักฐานเหล่านี้มากพอยืนยันเอาผิดราชาที่สมคบคิดกับกองกำลังชั่วร้าย
เปากู่และนูเจนไม่สามารถตอบปัญหานี้ให้เย่ว์หยางฟังได้ พวกเขาเป็นแค่คนไม่สำคัญ แค่ใช้วิจารณญาณได้ขั้นพื้นฐาน เป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะคิดถึงเรื่องราวภายในของคนชั้นสูง
เย่ว์หยางรออีกครึ่งวัน รอคอยจนกว่าจะได้รับข้อมูลเพิ่มอีก เป็นข้อมูลที่รวบรวมโดยบริวารของเย่ว์หยางอีกคน เหยียนเจ้า
เหยียนเจ้ามีภารกิจเพิ่มขึ้นอีก คนอื่นต้องรีบกลับไปโดยไม่มีเวลาพอจะรายงานเรื่องเมืองอู๋เย่ ข้อมูลที่ผ่านองค์การลับใต้ดิน เย่ว์หยางต้องการนำมาใช้ ตามข้อมูลของเหยียนเจ้า ราชาถัวเย่ส่งเสนาบดีอวี้เฉียนจวินเสนาบดีแปรพักตร์ของแคว้นมรกตผางเพ่ย เขาเป็นคนที่มีทักษะมากที่สุด และถูกส่งไปอาณาจักรไท่หลุน สิ่งที่สำคัญที่สุดเหยียนเจ้าแจ้งว่าเสี่ยวโฉ่วพากลุ่มโจรตัวตลกไปยังอาณาจักรไท่หลุน.. ตอนนี้ราชาหลายคนรวมทั้งราชาใจสิงห์ก็ยังคงนำกองทัพไปด้วย
คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก
สำหรับการสำเร็จโทษราชาไท่หลุน เย่ว์หยางคาดว่าไม่ว่าราชาไท่หลุนจะมีสมบัติสำคัญหรือไม่ หรือมีความลับอะไร ผู้คุมกฎของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์คงต้องการ และไม่ยินดีจะปล่อยไป
หรือว่าความลับนี้เป็นสิ่งที่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ต้องการ แต่ราชาไท่หลุนไม่เต็มใจให้
ถ้าเสี่ยวโฉ่ว ราชาถัวเย่และเจ้าแคว้นมรกตไม่มีความคิดที่ดีไปเพื่อดูการดำเนินการประหารราชาไท่หลุน อย่างนั้นเย่ว์หยางไม่ยืนยันเช่นกัน ตอนนี้ดูว่าเขาคิดว่าอย่างน้อยก็มีหลายสิบ นอกจากนี้ เย่ว์หยางคาดการณ์ว่านี่อาจเป็นสมบัติที่ถูกฝังอยู่ที่ไม่ใช่คนๆ เดียวจะจัดการค้นหาได้ มิฉะนั้นตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะดำเนินการสำเร็จโทษราชาไท่หลุนต่อหน้าสาธารณชนได้อย่างไร
“เราไปดูด้วยเถอะ!” เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกว่าจะมีหรือไม่มีสมบัติก็ตาม แต่นี่เป็นการถือโอกาสไปดูความครึกครื้นแดนสวรรค์ใต้
“ถ้าผู้คุมกฎตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ตาย...” ตอนนี้เย่ว์หยางกำลังคิด ถ้าเขาสามารถฆ่าผู้คุมกฎของตำหนักกลางได้ อย่างนั้นตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะต้องโมโห แต่ทางแดนสวรรค์ใต้ไม่ใช่เรื่องใหญ่
“คุณชายสาม เรื่องการฆ่าถานไถ ถูเมี่ยค่อนข้างยากไปนิด” นูเจนกลัวว่าเย่ว์หยางจะโกรธจึงรีบขยายความ “พลังแปลกประหลาดของถานไถถูเมี่ยเรารู้จักดี ถานไถถูเมี่ยตอนอยู่ในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เป็นสุดยอดฝีมือภายใต้บังคับของสามเจ้าตำหนักใหญ่ มีเกียรติยศศักดิ์ศรีเทียบกับเจ้าตำหนักแสงจงหัว กล่าวกันว่าเขามีร่างอมตะ ขณะเดียวกันเขายังเป็นเจ้าของสมบัติชั้นเทพอย่างดาบสังหารเทพ นักสู้ระดับราชาตกอยู่ในเงื้อมมือเขามีแต่ตายสถานเดียว เขาดำเนินการประหารชีวิตนักสู้ระดับราชาไม่ใช่แค่ครั้งเดียว และไม่เคยได้ยินว่ามีคนที่หลบหนีพ้นการสังหารของเขาได้ ทั้งหมดที่ตายมีพลังปราณฟ้าระดับหก”
“เจ้ารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง?” เย่ว์หยางถามด้วยความประหลาดใจ
“ครั้งหนึ่งหัวหน้าเหย่หนิวได้สมบัติที่หายากกำลังจะพาเราไปฉลอง ใครไม่รู้ปลอมตัวเป็นเจ้าแคว้นมรกตผางเพ่ย เขาให้เหย่หนิวเอาสมบัติออกมาทันที มันบอกว่านั่นเป็นสมบัติของภูตพรายฟ้า สหายของภูตพรายฟ้าและราชาใจสิงห์ไม่อาจหลีกเลี่ยงการชดเชยได้ นอกจากนี้นี่ยังเป็นรางวัลส่วนตัวของภูตพรายฟ้า และนั่นทำให้ผางเพ่ยไปตามสมบัติกลับคืนมา หลังจากนั้นข้าได้ยินหัวหน้าเหย่หนิวพูดว่าครั้งนั้นเขาชดเชยให้เราแทนที่จะเสียไปทั้งหมด ดังนั้นเรื่องนี้จึงประทับอยู่ในความทรงจำของข้า”
“ข้อมูลนี้ไม่เลว” เย่ว์หยางตบไหล่นูเจนยกย่อง
ความจริงเย่ว์หยางไม่ได้เชื่อถือข้อมูลนี้เต็มที่
ถ้าภูตพรายฟ้าและอสูรฟ้ามีพลังปราณฟ้าระดับหกจริง ราชาใจสิงห์จะไม่มีทางก้มหัวให้เลย
ยกเว้นเป็นไปได้ว่าอันตรายของราชาใจสิงห์อยู่ที่พลังที่ซ่อนเอาไว้ มีความเป็นไปได้ว่าอสูรฟ้ากับภูตพรายฟ้าแข็งแกร่งมากกว่าปราณฟ้าระดับหก
ขณะที่ถานไถถูเมี่ย ผู้คุ้มกฎไม่ต้องพูดถึง ระดับแค่เป็นรองสามเจ้าตำหนักกลาง กับเจ้าตำหนักแสงจงหัว ทั้งในมือยังมีอาวุธเทพที่น่ากลัว
แม้ว่าแดนสวรรค์จะใหญ่โตมโหฬาร พวกเขามีสมบัติเทพอยู่กี่ชิ้น?
เจ้าตำหนักแสงจงหัว เย่ว์หยางสงสัยว่าเป็นบุรุษที่ใช้นักรบแดนทมิฬทั้งหมื่นให้ทำงาน
นอกจากจีอู๋ลี่แล้ว ในแดนสวรรค์เย่ว์หยางเห็นว่าผู้ที่มีความฉลาดมากที่สุดคล้ายกับเทพเจ้าอย่างจงหัวเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด
ถ้าถานไถถูเมี่ยแข็งแกร่งพอๆ กับจงหัว เย่ว์หยางคาดว่าด้วยพลังของเขาเองการลงมือกับผู้คุมกฎเป็นเรื่องค่อนข้างยาก อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เย่ว์หยางไม่สามารถต่อสู้อย่างอิสระได้ แต่เขาสามารถหากำลังเสริมได้ ที่สำคัญจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีก็สามารถช่วยได้ถ้าจำเป็น ถ้าใช้สมองหน่อย ก็อาจใช้แนวคิดของหมิงเยี่ยกวงได้
อย่างน้อยเขียนจดหมายติดต่อฉันท์มิตรก็ไม่เลวอยู่
“ข้าคิดถึงท่าน หมิงเยี่ยกวงของข้า กล่าวกันว่าผู้คุมกฎของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มีสมบัติเทพอยู่ชิ้นหนึ่ง ข้ากำลังจะเอาของสิ่งนั้นมาเป็นของขวัญหมั้นหมาย ข้าสงสัยว่าหมิงเยี่ยกวงยินดีจะช่วยให้เด็กน้อยผู้นี้สมปรารถนาได้ไหม? อาณาจักรไท่หลุน รอจนกว่าเราจะได้พบกัน”
เย่ว์หยางเขียนจดหมายรักด้วยภาษารูนสวรรค์ ผนึกไว้ในกล่องส่วนบุคคลและส่งไปที่สมาคมทหารรับจ้างส่งไปให้หมิงเยี่ยกวง หนึ่งในสามจอมภพแดนสวรรค์ตะวันตก
ก่อนนั้นเขาเคยเขียนจดหมายสองสามฉบับ แต่ครั้งนี้แตกต่างอยู่บ้าง
ครั้งนี้ เย่ว์หยางต้องการความร่วมมืออย่างเห็นได้ชัด
สำหรับเรื่องที่สำคัญอย่างนี้ เขาเชื่อว่าสมาคมทหารรับจ้างคงจะทุ่มเทกำลังส่งของไปให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้
ไม่ว่าหมิงเยี่ยกวงจะมาปรากฏตัวในอาณาจักรไท่หลุนหรือร่วมมือกับเย่ว์หยางเพื่อฆ่าถานไถถูเมี่ย นี่ไม่ใช่ผลที่เย่ว์หยางต้องการที่สุด นอกจากนี้เย่ว์หยางรู้สึกว่าการฆ่าถานไถถูเมี่ยในอาณาจักรไท่หลุนไม่น่าจะเป็นไปได้ เขาจะหาโอกาสที่ดีกว่า รอให้เจ้าผู้นี้ประมาทเพื่อลงมือประสบผลเท่าที่เป็นไปได้
ครั้งนี้เขาจะไม่รีบ ตราบใดที่หมิงเยี่ยกวงตอบรับ เมื่อนั้นค่อยร่วมลงมือ
นอกจากนี้หมิงเยี่ยกวงฟื้นฟูพลังได้มากแค่ไหนแล้ว เย่ว์หยางยังไม่แน่ใจ นางจะสามารถลงมือได้แค่ไหนขึ้นอยู่กับความสามารถในการฟื้นฟูพลังสุดยอดของนาง?
“เจ้าแน่ใจนะว่านางจะยอมตกลงด้วย?” เจ้าเมืองโล่วฮัวคิดว่าจดหมายรักของเจ้าเด็กนี่เขียนสั้นยิ่งนัก ไม่มีความจริงใจ และมีเนื้อความไม่กี่บรรทัด ปกติจดหมายรักจะต้องเขียนกันสองสามหน้าเต็ม ใช้ถ้อยคำพรรณนาเป็นพันเป็นหมื่นคำ แล้วอย่างนี้จะสร้างความประทับใจให้หมิงเยี่ยกวงได้อย่างไร?
“ตอนนี้นางโดดเดี่ยวและไร้คนที่จะร่วมมือกับนาง ได้ข้ามานับเป็นผู้ช่วยที่ดีได้!” เย่ว์หยางกำลังจะบอกว่าเขาเป็นเอกบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
“ข้าไม่มองโลกในแง่ดีอย่างนั้น!” เจ้าเมืองโล่วฮัวพูดตามตรง และนางไม่กลัวว่าจะทำร้ายจิตใจเย่ว์หยาง
“จดหมายไม่ถูกจำกัด เขียนเสริมขึ้นไม่กี่คำย่อมประสบความสำเร็จได้แน่” เย่ว์หยางอ้างใช้ความหมายที่ลึกซึ้งเกี้ยวหญิงสาว ถือได้ว่าเขาเป็นเทพแห่งความหน้าหนาในด้านนี้
“คิดว่าจดหมายนี้คงจะได้รับการตอบสนองหรอกนะ...” เจ้าเมืองโล่วฮัวหัวเราะ ถ้าเขาเขียนจดหมายไม่กี่คำและพิชิตใจของหนึ่งในสามจอมภพได้ อย่างนั้นทำไมจักรพรรดิอวี้ถึงถูกเล่นงานอย่างหนัก? แน่นอนว่าเย่ว์หยางมีเหตุผลของตนเอง เขาไม่พยายามที่จะรู้หรือ? เขารู้สึกว่าเขายิ่งใหญ่ที่สุดต่างจากจักรพรรดิอวี้ นั่นคือเขาฉลาดกว่าจักรพรรดิอวี้ และหน้าด้านมากกว่า!
เมื่อได้รับข้อมูลต่างๆ นานา เย่ว์หยางและเจ้าเมืองโล่วฮัววิเคราะห์สถานการณ์ร่วมกัน
เขาคิดว่านี่ไม่ใช่กับดัก
ในที่สุดพวกเขาตัดสินใจไปอาณาจักรไท่หลุนเพื่อพบกับไป่ลู่และเหยียนเจ้าที่แฝงตัวอยู่ในอาณาจักรไท่หลุนเพื่อสังเกตการณ์ความเป็นไป
การไปอาณาจักรไท่หลุนโดยตรงยังทำไม่ได้ เพราะทหารของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เข้าควบคุมสถานการณ์ไว้แล้ว ต้องเป็นคนมีชื่อ มิฉะนั้นจะถูกสืบสาว มิฉะนั้นเมืองอู๋เย่จะถูกสังเกตพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับหอทงเทียน และจะถูกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทำลายโดยง่าย
วันต่อมา
มีเรือเหาะเลิศหรูงดงามเข้าเทียบท่าก่อนจะมุ่งหน้าไปยังวงเวทเทเลพอร์ตเข้าสู่อาณาจักรไท่หลุน
บนเรือเหาะเขียนคำว่าเพลิงพิโรธ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มโจรเพลิงพิโรธ
หัวหน้าลี่เยี่ยนที่ฝึกฝนอยู่ที่บันไดสวรรค์ ยอมติดตามเย่ว์หยางและในฐานะหัวหน้ากองโจรจะต้องแสดงบัตรเชิญให้ทหารผู้อารักขาวงเวทเทเลพอร์ตดู ความจริงสิ่งนี้เป็นของที่ไม่ระบุชื่อและชิงมาได้ ขอเพียงมีสัญลักษณ์ของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เป็นพอ หัวหน้าลี่เยี่ยนใช้เป็นหลักฐานได้โดยไม่มีข้อบกพร่อง
เย่ว์หยางยืนอยู่ด้านหลังของลี่เยี่ยน เมื่อเขาไปพร้อมกับนาง เขาซ่อนพลังไว้ในที่ปราณฟ้าระดับสามและทำให้มีคุณสมบัติเข้าร่วมพิธีดำเนินการประหาร
“กลุ่มโจรเพลิงพิโรธสลายตัวไปแล้วไม่ใช่หรือ?” ทหารคนหนึ่งพึมพำด้วยความประหลาดใจ
“ช่างเถอะน่ะ, ตราบใดที่หัวหน้ากลุ่มยังไม่ตาย ใช่ว่าจะตั้งกลุ่มใหม่ไม่ได้” หัวหน้าทหารแค่นเสียงเบื่อหน่าย ในแดนสวรรค์กลุ่มโจรมีมากมายราวกับขนวัว โดยทั่วไปหัวหน้ากลุ่มจะมีพลังอำนาจ ถ้าหัวหน้ากลุ่มไม่ตาย ความตายของผู้ใต้บังคับบัญชาก็เท่ากับไม่มีอะไร ไม่เพียงแต่ลี่เยี่ยนจะไม่ตายเท่านั้น แต่ดูเหมือนจะผ่านประสบการณ์ผจญภัยบางอย่างและนางมีพลังมากขึ้น การตั้งกลุ่มโจรเพลิงพิโรธไม่ใช่เรื่องแปลก”
“ผู้คุมกฎสั่งไว้ว่าก่อนว่า ในลานประหารห้ามมิให้ผู้ใดนำอาวุธเข้ามา หัวหน้าได้โปรด” ทหารผู้ตรวจสอบเตือนลี่เยี่ยน ขณะเดียวกันใช้ทักษะรับเงินสินบนจากเย่ว์หยางอย่างชำนาญ เมื่อพิสูจน์สถานะแล้วลี่เยี่ยนและเย่ว์หยางนำเรือเหาะออกไป ทหารผู้นั้นเปิดถุงเงินที่ดูมีน้ำหนักพบว่ามีทั้งทองและอัญมณี เขาอดวิ่งเข้าไปหาหัวหน้าอย่างตื่นเต้นมิได้ “ข้าบอกแล้วหัวหน้า ลี่เยี่ยนคงไปพบกับโชคลาภมหาศาล ท่านดู เจ้าหนุ่มให้เรามาเท่าไหร่, พันเหรียญทองและเพชรตาแมว โอว”
“แล้วเจ้าจะรออะไรอยู่อีก เจ้าไม่ต้องการทำหน้าที่แล้วหรือ ไปบอกญาติข้าเดี๋ยวนี้ ให้เขาจัดที่จอดเรือดีๆ ให้กลุ่มของสลัดเพลิงพิโรธ ในเมื่อนักสู้มีน้ำใจ เราไม่ควรพลาดเป็นสหายกับพวกเขา!”