ตอนที่แล้วตอนที่ 819 สุดยอดการรบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 821 ภารกิจเร่งด่วน

ตอนที่ 820 ข้ากลับมาแล้ว


เมืองสามวิญญาณ

ประตูบรอนซ์ที่คุ้นเคยยังคงเด่นสง่าและมีกำแพงสูงกว่าแต่ก่อนเล็กน้อย

สนามฝึกที่สว่างไปด้วยแสงไฟ  มีเสียงสั่นสะเทือนและมีการยิงกันไม่หยุด ผู้ฝึกคนแล้วคนเล่าหลั่งเหงื่อเต็มหน้าและทั้งหมดเร่งสุดกำลัง  เสียงก้องลึกดังขึ้นเมื่อพวกเขาล้มลง  การปะทะกันทำให้เกิดประกายไฟระหว่างพวกเขา

ภายใต้แสงไฟทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนมาก

มีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนักจากแต่ก่อน

ถังเทียนถอนหายใจอย่างตื้นตันในใจ  รู้สึกว่าทุกอย่างเหมือนกับผ่านมาเมื่อชาติที่แล้ว

ถังเทียนฉีกยิ้มกว้าง

‘ยังคงเป็นที่เก่าที่คุ้นเคยและกลิ่นเก่าๆ ที่คุ้นเคย’

ฟังแล้วเหมือนเป็นเรื่องตลกสำหรับเขา  แต่ก็เป็นความจริง  รอยยิ้มที่เฉิดฉันท์เหมือนดวงอาทิตย์ของเขาพร้อมกับการถอนหายใจหนักๆจากอก ถังเทียนงอเอวและแหงนหน้าหัวเราะขึ้นท้องฟ้า

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

เสียงหัวเราะของเขากึกก้องไปทั่วเมืองสามวิญญาณทำให้ทุกคนหยุดกิจกรรมที่กำลังทำ

อกของถังเทียนสะท้อนขึ้นลงอย่างหนักสถานการณ์ขมขื่น อันตราย สิ้นหวังที่เขาได้เผชิญพบ และในที่สุดเมื่อได้เห็นภาพดังกล่าวเขาจะไม่รู้สึกตื้นตันได้ยังไง? ทหารหนุ่มทุกคนที่กำลังฝึกฝนหลั่งเหงื่อพรั่งพรูไปทั่วสนามฝึกภายใต้แสงไฟ หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจะเผชิญอุปสรรค  ตาของพวกเขาเป็นประกายโชติช่วงเหมือนเปลวเพลิง

เขาเห็นการต่อสู้ความตั้งใจ ความหวัง เขาเห็นตัวเอง เห็นครอบครัว

อกของเขารู้สึกเหมือนกับว่ามีกองไฟสุมรู้สึกเลือดลมพลุกพล่านเขาหันหน้าเข้าหาไฟ สนามฝึกที่เต็มไปด้วยเหงื่อหันหน้าเข้าหาประตูบรอนซ์ที่เด่นสง่า และเริ่มวิ่ง

สายลมหวีดหวิวผ่านหูของเขาและท่ามกลางเสียงอุทานตกใจ บุรุษหนุ่มทำเหมือนกับว่าไม่มีใครอื่นอยู่รอบตัวเขาเขาผ่านสนามฝึกฝน ผ่านแสงไฟ เขาเร่งความเร็วขึ้นเท่าที่สามารถทำได้

แค่เพียงเร่งฝีเท้าวิ่งเขาปล่อยความรู้สึกตื่นเต้นในร่างของเขา เขาไม่หยุด และกระโดดขึ้นกำแพงและวิ่งไปตามกำแพง

เขาเหมือนกับสายลม  แต่ดูแล้วเหมือนกับลำแสงมากกว่าเป็นแสงที่กวาดผ่านเมฆครึ้ม กวาดผ่านลูกเห็บและพายุ ผ่านม่านหมอกและความสิ้นหวัง

ชั่วอึดใจเดียวถังเทียนก็ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของกำแพง เมืองสามวิญญาณที่งามสง่าผ่านเข้ามาในสายตาของเขา เขาหอบหายใจไม่ได้มาจากความเหนื่อย แต่มาจากความตื่นเต้น เขากางเขนเหมือนกับว่าต้องการจะโอบกอดเมืองบรอนซ์เอาไว้

หลังจากสูดหายใจลึกทันใดนั้นเขาคิดถึงอดีตเมื่อเขาอยู่บนยอดเขาของภูเขานอกเมืองซิงฟง ที่ซึ่งเขาตะโกนใส่ท้องฟ้าเพื่อกระตุ้นตัวเองเหมือนกับที่เขากำลังทำอยู่ในปัจจุบัน

‘เด็กหนุ่มไร้เดียงสาจากตอนนั้นตอนนี้กลายเป็นราชาแล้ว’

‘หัวใจที่ริเริ่ม ความมุ่งมั่นและความคลั่งไคล้ของบุรุษหนุ่มไม่เคยเปลี่ยน’

บุรุษหนุ่มกางแขนกว้างเหมือนเมื่อครั้งเป็นเด็กในตอนนั้นอีกครั้งประกาศต่อโลก

“ข้ากลับมาแล้ว!”

เสียงอุทานคงอยู่ไม่กี่วินาทีเหมือนกับว่ามันพุ่งผ่านก้อนเมฆ

ฤดูหนาวผ่านไปและฤดูใบไม้ผลิมาเยือน

อาคันตุกะที่เพิ่งมาถึงเมืองสามวิญญาณรู้สึกแบบนั้น  ทุกคนที่อยู่บนถนนมีราศีที่บอกไม่ถูกบนใบหน้าของพวกเขา พวกเขาเต็มไปด้วยวิญญาณนักสู้เหมือนเพลิงที่ลุกโชติช่วง  พวกเขาเปล่งแสงที่สว่างและอบอุ่น

เมืองสามวิญญาณปัจจุบันนี้เป็นเหมือนภูเขาไฟที่สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ  หลังจากหลับใหลมาหลายพันปีมันสะสมพลังงานไว้มากมาย ราวกับว่าภูเขาไฟนี้กระตือรือร้นจะเปล่งเสียงของมันกระตือรือร้นที่จะแสดงพลังของมัน

ห้องวิจัยอาวุธจักรกลทุกคนตื่นเต้น

“นายท่านกลับมาบ้านแล้ว!  ไม่มีนายท่านอยู่ที่นี่ทุกคนรู้สึกไม่สบายใจ”

“ใช่แล้ว, นี่ดีจริงๆ ตอนนี้นายท่านปลอดภัยแล้ว  ใครจะสู้กับเราได้!”

“ข้าสงสัยจริงว่านายท่านเผชิญปัญหาอะไรถึงได้หายไปนานมาก?”

“เพราะเรื่องนี้ เราต้องให้เจ๊ใหญ่เรากลับมาจากนั้นเราจะได้รู้กัน!”

“ฮึ่ม..คนของสมาพันธ์ชาวยุทธอยู่มานานเกินไปแล้ว”

“ใช่แล้ว, ด้วยอารมณ์ของนายท่าน พวกเขาจะต้องโดนไล่ทุบอยอย่างหนักจนแม่พวกเขาจดจำไม่ได้แน่”

…..

ทุกคนเริ่มพูดคุยกันเอง การมาถึงของถังเทียนทำให้พวกเขาหายเครียดในใจ  นายท่านไม่ได้ติดต่อมาเป็นเวลานานทำให้เจ๊ใหญ่อารมณ์ไม่ดีน่ากลัว  นางเหมือนกับระเบิดที่พร้อมจะระเบิดได้แม้ถูกประกายที่น้อยที่สุด  เป็นปกติธรรมดาเพราะประวัติศาสตร์ของกลุ่มดาวหมีใหญ่ทั้งหมด ถังเทียนไม่เคยหายไปนานขนาดนั้น

เพราะนายท่านกลับมาโดยปลอดภัยในที่สุดสร้างความตกใจให้กับระดับสูงของกลุ่มดาวหมีใหญ่ซึ่งเป็นพวกแรกที่รีบเร่งกลับมายังเมืองสามวิญญาณ

กลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่อยู่ในสถานการณ์ที่ดีทุกคนรู้สึกกดดัน และพอเจ้านายพวกเขากลับมา บรรยากาศกดดันคลายไปทันที และทุกคนเต็มไปด้วยความมั่นใจต่ออนาคต

ตึกตึก ตึก ตึก

เสียงรีบเร่งดังมาจากรองเท้าส้นสูงทำให้ทุกคนสั่น  ‘เจ๊ใหญ่กลับมาแล้ว!’

ทุกคนรอบๆแตกฮือเหมือนนกทันที และรีบกลับไปทำงาน

เซรีนรีบเร่งเข้ามาเหมือนสายลมใบหน้านางเต็มไปด้วยความมั่นใจ นางเริ่มถามทันที  “เรามีสัตว์ประหลาดอยู่กี่ชุดแล้ว?”

“ราวๆ 900 ชุด” ใครบางคนตอบ

ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดทันที สัตว์ประหลาดคืออาวุธจักรกลวิญญาณที่ลั่วซือดัดแปลงให้โคลิน  มันน่าเกลียดมากและความสามารถของมันแตกต่างไปจากอาวุธจักรกลวิญญาณที่พวกเขาออกแบบ   แบบเจ้าสัตว์ประหลาดแตกต่างออกไปมาก  ตัวอย่างเช่น โครงสร้างของมันง่าย  และด้วยหนังทำให้พลังป้องกันของมันค่อนข้างต่ำ  แต่สำคัญก็คือมันมีความเหมาะสมกับนักสู้ที่มีจิตวิญญาณยุทธต่ำ

เจ้าสัตว์ประหลาดมีความแปลกใหม่มาก แต่ในเมืองสามวิญญาณมันไม่ค่อยเป็นที่ต้องการมาก  ยังขาดความเป็นไปได้ในการพัฒนาให้ก้าวหน้า  และการเปลี่ยนแปลงในองค์ประกอบของมันนั้นยากมากเพราะจิตวิญญาณยุทธแข็งแกร่งขึ้น มันสามารถใช้ได้ดีในการเติมเต็มหรือใช้เสริม แต่ไม่มีทางสร้างเป็นอาวุธจักรกลกำลังหลักอย่างแน่นอน

ห้องวิจัยเต็มไปด้วยกลุ่มของผู้คลั่งไคล้อาวุธจักรกลวิญญาณ พวกเขาทั้งหมดศึกษาเจ้าสัตว์ประหลาดและได้ประโยชน์จากมัน

แต่ไม่มีใครคาดเลยว่าลูกพี่หญิงจะถามถึงมันทันทีที่นางกลับมา

“ถ้าต้องสร้างสัตว์ประหลาดหมื่นชุดพวกเจ้าต้องใช้เวลาเท่าไหร่?”

ทุกคนสูดลมหายใจหนาวเหน็บ‘หมื่นชุด!’

“นั่นเราต้องใช้เวลาสองเดือน  เรามีงานหลายอย่างเต็มมือแล้วในตอนนี้...”

“วางมือจากทุกอย่างในตอนนี้เลย”  เซรีนพูดโดยไม่ลังเล

ทั่วทั้งห้องค้นคว้าวิจัยยังคงเงียบขณะที่พวกเขาจ้องมองลูกพี่หญิง

“พวกเจ้ามีปัญหาอะไรอีกไหม?”  เซรีนเลิกคิ้ว ตาของนางคมราวกระบี่

“ไม่ ไม่” ทุกคนตื่นจากอาการตกตะลึง

“ถ้าโครงการอื่นๆ ของเราหยุดไปด้วย  เราจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน”  ผลการคำนวณเวลาครั้งที่สอง

“นานเกินไป” เซรีนพูดเด็ดขาด “เรามีเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์”

“นั่นเป็นไปไม่ได้!”  คนที่คำนวณครั้งที่สองส่ายศีรษะ

“อย่าบอกข้าว่าเป็นไปไม่ได้”  เซรีนหันมาทันที  หน้าของนางเยือกเย็นเหมือนน้ำ  นางพูดเน้นทีละคำ  “ข้าต้องการได้ยินว่าพวกท่านทำมันให้เป็นไปได้”

ทุกคนมองหน้ากันเอง  ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักว่านั่นคือภารกิจฆ่าตัวตาย  และหัวใจพวกเขาสั่นสะท้าน

นางต้องการให้ถังเทียนเห็นว่าเมืองสามวิญญาณที่เติบโตแข็งแกร่งมากขึ้นอำนาจพลังที่เมืองมีนั้น

เป็นความแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทาน

***************

ทวีปรกร้าง

“นี่คือดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์?”

ตู้เค่อข่มความตื่นเต้นในหัวใจของเขา เขามีความฝันถึงดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มาหลายครั้งแล้ว  และเมื่อมันอยู่ตรงหน้าเขาจริง  มันกลายเป็นความรู้สึกที่ไม่จริง  คนที่อยู่ข้างๆ เขาตื่นเต้นกันใหญ่

‘กลับมายังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์แล้ว!’

ในที่สุดพวกเขาก็กลับมายังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์!

ความฝันที่บรรพบุรุษมีมานับครั้งไม่ถ้วน  เลือดเนื้อและชีวิตที่พวกเขาเสียสละไปในที่สุดพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ

“พวกท่านต้องใช้เวลาทั้งหมดทำความเข้าใจที่นี่”  จงหลีไป๋ชำเลืองมองพวกเขาและเตือนพวกเขา  “อย่างวิธีที่เราชินกับกฎธรรมชาติเส้นทางข้างหน้าของเราจะไม่เหมือนกัน”

ตู้เค่อสูดหายใจลึก จากนั้นเขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อควบคุมความตื่นเต้น  และพูดด้วยความเคารพ  “เราทุกคนจะทำอย่างดีที่สุด”

ทวีปรกร้างเป็นดินแดนแห้งแล้งมาก  และไกลสุดสายตาที่พวกเขามองเห็นมีแต่ที่ราบไร้ขอบเขต

“ทางไหนไปทวีปทุ่งขาว?”  จงหลีไป๋ถาม

“นั่น”  เหวินกังตะกุกตะกักพูด ขณะที่ชี้ไปทางหนึ่งหน้าของเขาซีดขาว สีหน้าของเขายังตะลึง สองสามวันที่ผ่านมาเป็นฝันร้ายสำหรับเขา พวกเขาทำลายกำลังใจที่เขามีมาหลายปี ไม่ว่าเขารู้อะไร เขาจะบอกและเนื่องจากเขาคุ้นเคยกันพื้นที่  เขาจึงกลายเป็นคนนำทางที่สมบูรณ์แบบ

“ความหนาแน่นของพลังงานในทวีปทุ่งขาวมากเท่าใดเมื่อเทียบกับที่นี่?”  จงหลีไป๋ถาม

“ราวๆ ห้าเท่า” เหวินกังกล่าว

สีหน้าของตู้เค่อขรึมขึ้น ความตื่นเต้นที่เขามาถึงดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หายไป

พลังงานในทวีปรกร้างนับว่าต่ำแล้ว  แต่เขารู้สึกอึดอัดมากเมื่ออยู่ในนี้ พลังงานที่ไร้ที่สิ้นสุดทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ในน้ำหนาแน่น  ความรู้สึกห่างเหินมีอยู่ทุกที่  ถ้าแม้แต่เขาเองยังรู้สึกเช่นนี้ อย่างนั้นพวกที่เหลือต้องรู้สึกอ่อนแอมากยิ่งกว่า

เมื่อไม่มีความสามารถต่อสู้  พวกเขาไม่สามารถย่างเท้าเข้าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์แทบจะตามถังเทียนไม่ทัน

เขาจำเป็นต้องหาแนวทางแก้ไข และตรงจุดนี้เขารู้สึกว่ามันคือภารกิจของเขา  เขาคือบุรุษอันดับหนึ่งของแดนบาปและเกี่ยวกับพลังงาน บางทีเขาอาจมีความสามารถคลี่คลายปัญหานี้ได้

สีหน้าของตู้เค่ออ่อนลง  เขามั่นใจในตนเอง

จงหลีไป๋หัวเราะเบาๆ  เขากำลังเตือนตู้เค่อในฐานะสหาย พี่น้องตระกูลตู้และแดนบาปของพวกเขาเพิ่งเข้าร่วกับพวกเขาเป็นช่วงเวลาสั้นๆ  ทั้งสองฝ่ายยังไม่เชื่อใจกันและกันมากพอ

ไม่ว่ากองทัพนี้จะถูกปล่อยไว้หรือจะเดินหน้าต่อ  เขากับเนี่ยชิวได้คุยกันแล้ว  แต่ทุกคนไม่สนใจมากนัก แม้ว่ากองพลแดนบาปจะแข็งแกร่งและพวกเขามีไม้ตาย  กองพลเกราะเทพเจ้าก็แข็งแกร่งพอกัน  แต่มีเพียงกองทัพที่อ่อนแอก็คือหน่วยจงของจงหลีไป๋

เมื่อคิดได้เช่นนั้นจงหลีไป๋รู้สึกกดดันทันที

แม้เขาจะรู้ว่าจุดอ่อนนี้มีอยู่แค่ชั่วคราว  แต่ในฐานะที่เขาเป็นคนที่มีความภูมิใจ  เขารู้สึกจิตตก

สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ตอนนี้คือก่อนที่นายท่านจะนำอาวุธจักรกลมาให้ ต้องฝึกเจ้าทหารสวะนี่ต่อไป  สิ่งที่ปลอบประโลมเขาก็คือเมื่อเทียบกับกฎธรรมชาติ เขาคุ้นเคยกับอาวุธจักรกลวิญญาณมากกว่า

‘เด็กๆวันเวลาของพวกเจ้าจะต้องดีขึ้น!’

จงหลีไป๋ก้าวเท้ายาว  หน้าของเขาดูน่ากลัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด