ตอนที่ 820 ข้ากลับมาแล้ว
เมืองสามวิญญาณ
ประตูบรอนซ์ที่คุ้นเคยยังคงเด่นสง่าและมีกำแพงสูงกว่าแต่ก่อนเล็กน้อย
สนามฝึกที่สว่างไปด้วยแสงไฟ มีเสียงสั่นสะเทือนและมีการยิงกันไม่หยุด ผู้ฝึกคนแล้วคนเล่าหลั่งเหงื่อเต็มหน้าและทั้งหมดเร่งสุดกำลัง เสียงก้องลึกดังขึ้นเมื่อพวกเขาล้มลง การปะทะกันทำให้เกิดประกายไฟระหว่างพวกเขา
ภายใต้แสงไฟทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนมาก
มีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนักจากแต่ก่อน
ถังเทียนถอนหายใจอย่างตื้นตันในใจ รู้สึกว่าทุกอย่างเหมือนกับผ่านมาเมื่อชาติที่แล้ว
ถังเทียนฉีกยิ้มกว้าง
‘ยังคงเป็นที่เก่าที่คุ้นเคยและกลิ่นเก่าๆ ที่คุ้นเคย’
ฟังแล้วเหมือนเป็นเรื่องตลกสำหรับเขา แต่ก็เป็นความจริง รอยยิ้มที่เฉิดฉันท์เหมือนดวงอาทิตย์ของเขาพร้อมกับการถอนหายใจหนักๆจากอก ถังเทียนงอเอวและแหงนหน้าหัวเราะขึ้นท้องฟ้า
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะของเขากึกก้องไปทั่วเมืองสามวิญญาณทำให้ทุกคนหยุดกิจกรรมที่กำลังทำ
อกของถังเทียนสะท้อนขึ้นลงอย่างหนักสถานการณ์ขมขื่น อันตราย สิ้นหวังที่เขาได้เผชิญพบ และในที่สุดเมื่อได้เห็นภาพดังกล่าวเขาจะไม่รู้สึกตื้นตันได้ยังไง? ทหารหนุ่มทุกคนที่กำลังฝึกฝนหลั่งเหงื่อพรั่งพรูไปทั่วสนามฝึกภายใต้แสงไฟ หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจะเผชิญอุปสรรค ตาของพวกเขาเป็นประกายโชติช่วงเหมือนเปลวเพลิง
เขาเห็นการต่อสู้ความตั้งใจ ความหวัง เขาเห็นตัวเอง เห็นครอบครัว
อกของเขารู้สึกเหมือนกับว่ามีกองไฟสุมรู้สึกเลือดลมพลุกพล่านเขาหันหน้าเข้าหาไฟ สนามฝึกที่เต็มไปด้วยเหงื่อหันหน้าเข้าหาประตูบรอนซ์ที่เด่นสง่า และเริ่มวิ่ง
สายลมหวีดหวิวผ่านหูของเขาและท่ามกลางเสียงอุทานตกใจ บุรุษหนุ่มทำเหมือนกับว่าไม่มีใครอื่นอยู่รอบตัวเขาเขาผ่านสนามฝึกฝน ผ่านแสงไฟ เขาเร่งความเร็วขึ้นเท่าที่สามารถทำได้
แค่เพียงเร่งฝีเท้าวิ่งเขาปล่อยความรู้สึกตื่นเต้นในร่างของเขา เขาไม่หยุด และกระโดดขึ้นกำแพงและวิ่งไปตามกำแพง
เขาเหมือนกับสายลม แต่ดูแล้วเหมือนกับลำแสงมากกว่าเป็นแสงที่กวาดผ่านเมฆครึ้ม กวาดผ่านลูกเห็บและพายุ ผ่านม่านหมอกและความสิ้นหวัง
ชั่วอึดใจเดียวถังเทียนก็ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของกำแพง เมืองสามวิญญาณที่งามสง่าผ่านเข้ามาในสายตาของเขา เขาหอบหายใจไม่ได้มาจากความเหนื่อย แต่มาจากความตื่นเต้น เขากางเขนเหมือนกับว่าต้องการจะโอบกอดเมืองบรอนซ์เอาไว้
หลังจากสูดหายใจลึกทันใดนั้นเขาคิดถึงอดีตเมื่อเขาอยู่บนยอดเขาของภูเขานอกเมืองซิงฟง ที่ซึ่งเขาตะโกนใส่ท้องฟ้าเพื่อกระตุ้นตัวเองเหมือนกับที่เขากำลังทำอยู่ในปัจจุบัน
‘เด็กหนุ่มไร้เดียงสาจากตอนนั้นตอนนี้กลายเป็นราชาแล้ว’
‘หัวใจที่ริเริ่ม ความมุ่งมั่นและความคลั่งไคล้ของบุรุษหนุ่มไม่เคยเปลี่ยน’
บุรุษหนุ่มกางแขนกว้างเหมือนเมื่อครั้งเป็นเด็กในตอนนั้นอีกครั้งประกาศต่อโลก
“ข้ากลับมาแล้ว!”
เสียงอุทานคงอยู่ไม่กี่วินาทีเหมือนกับว่ามันพุ่งผ่านก้อนเมฆ
ฤดูหนาวผ่านไปและฤดูใบไม้ผลิมาเยือน
อาคันตุกะที่เพิ่งมาถึงเมืองสามวิญญาณรู้สึกแบบนั้น ทุกคนที่อยู่บนถนนมีราศีที่บอกไม่ถูกบนใบหน้าของพวกเขา พวกเขาเต็มไปด้วยวิญญาณนักสู้เหมือนเพลิงที่ลุกโชติช่วง พวกเขาเปล่งแสงที่สว่างและอบอุ่น
เมืองสามวิญญาณปัจจุบันนี้เป็นเหมือนภูเขาไฟที่สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ หลังจากหลับใหลมาหลายพันปีมันสะสมพลังงานไว้มากมาย ราวกับว่าภูเขาไฟนี้กระตือรือร้นจะเปล่งเสียงของมันกระตือรือร้นที่จะแสดงพลังของมัน
ห้องวิจัยอาวุธจักรกลทุกคนตื่นเต้น
“นายท่านกลับมาบ้านแล้ว! ไม่มีนายท่านอยู่ที่นี่ทุกคนรู้สึกไม่สบายใจ”
“ใช่แล้ว, นี่ดีจริงๆ ตอนนี้นายท่านปลอดภัยแล้ว ใครจะสู้กับเราได้!”
“ข้าสงสัยจริงว่านายท่านเผชิญปัญหาอะไรถึงได้หายไปนานมาก?”
“เพราะเรื่องนี้ เราต้องให้เจ๊ใหญ่เรากลับมาจากนั้นเราจะได้รู้กัน!”
“ฮึ่ม..คนของสมาพันธ์ชาวยุทธอยู่มานานเกินไปแล้ว”
“ใช่แล้ว, ด้วยอารมณ์ของนายท่าน พวกเขาจะต้องโดนไล่ทุบอยอย่างหนักจนแม่พวกเขาจดจำไม่ได้แน่”
…..
ทุกคนเริ่มพูดคุยกันเอง การมาถึงของถังเทียนทำให้พวกเขาหายเครียดในใจ นายท่านไม่ได้ติดต่อมาเป็นเวลานานทำให้เจ๊ใหญ่อารมณ์ไม่ดีน่ากลัว นางเหมือนกับระเบิดที่พร้อมจะระเบิดได้แม้ถูกประกายที่น้อยที่สุด เป็นปกติธรรมดาเพราะประวัติศาสตร์ของกลุ่มดาวหมีใหญ่ทั้งหมด ถังเทียนไม่เคยหายไปนานขนาดนั้น
เพราะนายท่านกลับมาโดยปลอดภัยในที่สุดสร้างความตกใจให้กับระดับสูงของกลุ่มดาวหมีใหญ่ซึ่งเป็นพวกแรกที่รีบเร่งกลับมายังเมืองสามวิญญาณ
กลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่อยู่ในสถานการณ์ที่ดีทุกคนรู้สึกกดดัน และพอเจ้านายพวกเขากลับมา บรรยากาศกดดันคลายไปทันที และทุกคนเต็มไปด้วยความมั่นใจต่ออนาคต
ตึกตึก ตึก ตึก
เสียงรีบเร่งดังมาจากรองเท้าส้นสูงทำให้ทุกคนสั่น ‘เจ๊ใหญ่กลับมาแล้ว!’
ทุกคนรอบๆแตกฮือเหมือนนกทันที และรีบกลับไปทำงาน
เซรีนรีบเร่งเข้ามาเหมือนสายลมใบหน้านางเต็มไปด้วยความมั่นใจ นางเริ่มถามทันที “เรามีสัตว์ประหลาดอยู่กี่ชุดแล้ว?”
“ราวๆ 900 ชุด” ใครบางคนตอบ
ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดทันที สัตว์ประหลาดคืออาวุธจักรกลวิญญาณที่ลั่วซือดัดแปลงให้โคลิน มันน่าเกลียดมากและความสามารถของมันแตกต่างไปจากอาวุธจักรกลวิญญาณที่พวกเขาออกแบบ แบบเจ้าสัตว์ประหลาดแตกต่างออกไปมาก ตัวอย่างเช่น โครงสร้างของมันง่าย และด้วยหนังทำให้พลังป้องกันของมันค่อนข้างต่ำ แต่สำคัญก็คือมันมีความเหมาะสมกับนักสู้ที่มีจิตวิญญาณยุทธต่ำ
เจ้าสัตว์ประหลาดมีความแปลกใหม่มาก แต่ในเมืองสามวิญญาณมันไม่ค่อยเป็นที่ต้องการมาก ยังขาดความเป็นไปได้ในการพัฒนาให้ก้าวหน้า และการเปลี่ยนแปลงในองค์ประกอบของมันนั้นยากมากเพราะจิตวิญญาณยุทธแข็งแกร่งขึ้น มันสามารถใช้ได้ดีในการเติมเต็มหรือใช้เสริม แต่ไม่มีทางสร้างเป็นอาวุธจักรกลกำลังหลักอย่างแน่นอน
ห้องวิจัยเต็มไปด้วยกลุ่มของผู้คลั่งไคล้อาวุธจักรกลวิญญาณ พวกเขาทั้งหมดศึกษาเจ้าสัตว์ประหลาดและได้ประโยชน์จากมัน
แต่ไม่มีใครคาดเลยว่าลูกพี่หญิงจะถามถึงมันทันทีที่นางกลับมา
“ถ้าต้องสร้างสัตว์ประหลาดหมื่นชุดพวกเจ้าต้องใช้เวลาเท่าไหร่?”
ทุกคนสูดลมหายใจหนาวเหน็บ‘หมื่นชุด!’
“นั่นเราต้องใช้เวลาสองเดือน เรามีงานหลายอย่างเต็มมือแล้วในตอนนี้...”
“วางมือจากทุกอย่างในตอนนี้เลย” เซรีนพูดโดยไม่ลังเล
ทั่วทั้งห้องค้นคว้าวิจัยยังคงเงียบขณะที่พวกเขาจ้องมองลูกพี่หญิง
“พวกเจ้ามีปัญหาอะไรอีกไหม?” เซรีนเลิกคิ้ว ตาของนางคมราวกระบี่
“ไม่ ไม่” ทุกคนตื่นจากอาการตกตะลึง
“ถ้าโครงการอื่นๆ ของเราหยุดไปด้วย เราจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน” ผลการคำนวณเวลาครั้งที่สอง
“นานเกินไป” เซรีนพูดเด็ดขาด “เรามีเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์”
“นั่นเป็นไปไม่ได้!” คนที่คำนวณครั้งที่สองส่ายศีรษะ
“อย่าบอกข้าว่าเป็นไปไม่ได้” เซรีนหันมาทันที หน้าของนางเยือกเย็นเหมือนน้ำ นางพูดเน้นทีละคำ “ข้าต้องการได้ยินว่าพวกท่านทำมันให้เป็นไปได้”
ทุกคนมองหน้ากันเอง ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักว่านั่นคือภารกิจฆ่าตัวตาย และหัวใจพวกเขาสั่นสะท้าน
นางต้องการให้ถังเทียนเห็นว่าเมืองสามวิญญาณที่เติบโตแข็งแกร่งมากขึ้นอำนาจพลังที่เมืองมีนั้น
เป็นความแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทาน
***************
ทวีปรกร้าง
“นี่คือดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์?”
ตู้เค่อข่มความตื่นเต้นในหัวใจของเขา เขามีความฝันถึงดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มาหลายครั้งแล้ว และเมื่อมันอยู่ตรงหน้าเขาจริง มันกลายเป็นความรู้สึกที่ไม่จริง คนที่อยู่ข้างๆ เขาตื่นเต้นกันใหญ่
‘กลับมายังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์แล้ว!’
ในที่สุดพวกเขาก็กลับมายังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์!
ความฝันที่บรรพบุรุษมีมานับครั้งไม่ถ้วน เลือดเนื้อและชีวิตที่พวกเขาเสียสละไปในที่สุดพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ
“พวกท่านต้องใช้เวลาทั้งหมดทำความเข้าใจที่นี่” จงหลีไป๋ชำเลืองมองพวกเขาและเตือนพวกเขา “อย่างวิธีที่เราชินกับกฎธรรมชาติเส้นทางข้างหน้าของเราจะไม่เหมือนกัน”
ตู้เค่อสูดหายใจลึก จากนั้นเขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อควบคุมความตื่นเต้น และพูดด้วยความเคารพ “เราทุกคนจะทำอย่างดีที่สุด”
ทวีปรกร้างเป็นดินแดนแห้งแล้งมาก และไกลสุดสายตาที่พวกเขามองเห็นมีแต่ที่ราบไร้ขอบเขต
“ทางไหนไปทวีปทุ่งขาว?” จงหลีไป๋ถาม
“นั่น” เหวินกังตะกุกตะกักพูด ขณะที่ชี้ไปทางหนึ่งหน้าของเขาซีดขาว สีหน้าของเขายังตะลึง สองสามวันที่ผ่านมาเป็นฝันร้ายสำหรับเขา พวกเขาทำลายกำลังใจที่เขามีมาหลายปี ไม่ว่าเขารู้อะไร เขาจะบอกและเนื่องจากเขาคุ้นเคยกันพื้นที่ เขาจึงกลายเป็นคนนำทางที่สมบูรณ์แบบ
“ความหนาแน่นของพลังงานในทวีปทุ่งขาวมากเท่าใดเมื่อเทียบกับที่นี่?” จงหลีไป๋ถาม
“ราวๆ ห้าเท่า” เหวินกังกล่าว
สีหน้าของตู้เค่อขรึมขึ้น ความตื่นเต้นที่เขามาถึงดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หายไป
พลังงานในทวีปรกร้างนับว่าต่ำแล้ว แต่เขารู้สึกอึดอัดมากเมื่ออยู่ในนี้ พลังงานที่ไร้ที่สิ้นสุดทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ในน้ำหนาแน่น ความรู้สึกห่างเหินมีอยู่ทุกที่ ถ้าแม้แต่เขาเองยังรู้สึกเช่นนี้ อย่างนั้นพวกที่เหลือต้องรู้สึกอ่อนแอมากยิ่งกว่า
เมื่อไม่มีความสามารถต่อสู้ พวกเขาไม่สามารถย่างเท้าเข้าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์แทบจะตามถังเทียนไม่ทัน
เขาจำเป็นต้องหาแนวทางแก้ไข และตรงจุดนี้เขารู้สึกว่ามันคือภารกิจของเขา เขาคือบุรุษอันดับหนึ่งของแดนบาปและเกี่ยวกับพลังงาน บางทีเขาอาจมีความสามารถคลี่คลายปัญหานี้ได้
สีหน้าของตู้เค่ออ่อนลง เขามั่นใจในตนเอง
จงหลีไป๋หัวเราะเบาๆ เขากำลังเตือนตู้เค่อในฐานะสหาย พี่น้องตระกูลตู้และแดนบาปของพวกเขาเพิ่งเข้าร่วกับพวกเขาเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งสองฝ่ายยังไม่เชื่อใจกันและกันมากพอ
ไม่ว่ากองทัพนี้จะถูกปล่อยไว้หรือจะเดินหน้าต่อ เขากับเนี่ยชิวได้คุยกันแล้ว แต่ทุกคนไม่สนใจมากนัก แม้ว่ากองพลแดนบาปจะแข็งแกร่งและพวกเขามีไม้ตาย กองพลเกราะเทพเจ้าก็แข็งแกร่งพอกัน แต่มีเพียงกองทัพที่อ่อนแอก็คือหน่วยจงของจงหลีไป๋
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจงหลีไป๋รู้สึกกดดันทันที
แม้เขาจะรู้ว่าจุดอ่อนนี้มีอยู่แค่ชั่วคราว แต่ในฐานะที่เขาเป็นคนที่มีความภูมิใจ เขารู้สึกจิตตก
สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ตอนนี้คือก่อนที่นายท่านจะนำอาวุธจักรกลมาให้ ต้องฝึกเจ้าทหารสวะนี่ต่อไป สิ่งที่ปลอบประโลมเขาก็คือเมื่อเทียบกับกฎธรรมชาติ เขาคุ้นเคยกับอาวุธจักรกลวิญญาณมากกว่า
‘เด็กๆวันเวลาของพวกเจ้าจะต้องดีขึ้น!’
จงหลีไป๋ก้าวเท้ายาว หน้าของเขาดูน่ากลัว