ตอนที่ 818 ยิ้มของเย่ว์หวี่
“มีอะไรหรือ?” หลังจากหลิวเย่ลงน้ำ นางพบว่าเย่ว์หวี่มีสีหน้าเปลี่ยนไปและมองนางด้วยความประหลาดใจ นางคิดว่านางมีบางอย่างผิดปกติ
“ข้าไม่เป็นไร” เย่ว์หวี่รู้สึกตัวและโบกมือ
“พี่หลิวเย่! จี้ทองของท่านดูสวยงามมากจริงๆ” เป่าเอ๋อว่ายน้ำเข้ามาหา นางพบว่าที่อกสีขาวดุจน้ำนมของหลิวเย่ห้อยจี้ทองเอาไว้ ตอนนี้จี้ส่องแสงรูปอักษรรูนทองสดใส
“อาจารย์ของข้ามอบให้ข้า ถ้าไม่ใช่เพราะท่านย้ำไว้ว่าห้ามทำหาย ข้าอาจยกให้เจ้าโดยไม่เสียดายก็ได้” หลิวเย่ใช้มือประคองจี้ทองอย่างระมัดระวัง
เป่าเอ๋อมองใกล้ๆ ด้วยความสงสัยเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องอักษรรูนสวรรค์เท่าใดนัก และปกตินางไม่สามารถเข้าใจชิ้นอักษรรูน จึงไม่รู้อะไร
เซี่ยอียังคงเงียบ นางไม่สนใจจี้ทอง แต่พอเห็นสีหน้าประหลาดใจของเย่ว์หวี่ทำให้นางรู้สึกสองคนนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกันบ้างเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามในเมื่อเรื่องไม่เกี่ยวกับนาง นางจึงไม่สนใจติดตามมากเกินไป
สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ลอบมองเย่ว์หวี่
แม้ว่าเย่ว์หวี่จะกลับคืนสู่ความสงบได้ แต่ใจนางยังคงปั่นป่วนราวกับเจอคลื่นสึนามิ
หลิวเย่เองก็มีจี้ทองนี้ด้วย นั่นหมายความว่ายังไง? นางคือน้องสาวของนางหรือเปล่า? นางยังคงตามมาที่ตระกูลเย่ว์ด้วยหรือ?
สิ่งที่ทำให้จิตใจเย่ว์หวี่ปั่นป่วนที่สุดคือก่อนหน้านี้ ข่าวคราวที่แตกต่างที่บิดานางกับปู่ห้าพูดขัดแย้งกัน ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตคือพวกนางเกิดในสนามรบ อาจเป็นหลิวเย่ก็ได้ เพราะนางมีทักษะที่บริสุทธิ์ทักษะชำระใจสามารถสลายความชั่วร้ายของปีศาจ ช่วยบิดาที่ตกไปอยู่กับพวกปีศาจ เพราะกลัวถูกทหารไล่ล่า ท่านพ่อจึงไม่ยอมทอดทิ้งเด็กทารก แต่มอบเด็กให้สหายพาหนีไป ท่านพ่อคอยอยู่ระวังหลัง หลังจากเจ้าหญิงเผ่าปีศาจช่วยเหลือเขาจึงหนีไปได้
ความจริงสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้นบิดานางตายแล้วและไม่สามารถรู้ได้
อย่างไรก็ตามมีเบาะแสหลายอย่าง
“เป็นไปได้ไหมว่าเป็นการฝากเพื่อทวงกลับ...” เย่ว์หวี่กลัวว่าน้ำตาจะไหล นางทำเหมือนว่าประทับใจบ่อน้ำพุร้อนจึงไปนั่งที่โขดหินมองดูเหมือนนางเงือกและฉวยโอกาสปลดปล่อยความกดดันในใจ สถานที่ซึ่งไม่มีใครพบเห็นนี้สามารถพบความสงบได้
ต่อไปจะสู้หน้าเสี่ยวซานได้ยังไง?
ในกรณีที่เขารู้ว่านางไม่ใช่พี่สาว เขายังจะทำตัวกับนางอย่างนี้หรือไม่?
ใครจะสามารถจัดการดูแลชีวิตเขาได้ในทุกที่ ช่วยงานเขาในห้องปฏิบัติการ สามารถดูแลความเป็นอยู่ของเขาได้
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว คนอื่นจะมองนางว่าไง? หากนางไล่ล่าหาความจริง แล้วหลิวเย่จะเศร้าเพียงไหน.. หลิวเย่นางทั้งใจดีและบริสุทธิ์ นางมีความรักต่อเสี่ยวซาน ถ้านางทราบความจริง นางจะถึงกับฆ่าตัวตายหรือไม่?
แต่ถ้าไม่พูดเรื่องนี้ ถ้าหลิวเย่รู้ในภายหลัง นางอาจจะเจ็บปวดมากกว่า”
แม้ว่านางจะไม่บอก แต่เรื่องนี้จะปกปิดได้นานเพียงไหน
ท่านพ่อจากไปแล้ว ปู่และปู่ห้า พวกท่านต้องทราบความจริง ถ้าหลิวเย่ต้องการแต่งงานกับเสี่ยวซาน พวกท่านอาจจะคัดค้าน เรื่องแบบนี้จะดีได้ยังไง?
ต้องการจะบอกความจริงเกี่ยวกับสถานะตนเองกับเสี่ยวซานน่ะหรือ ถ้าท่านปู่และปู่ห้ารู้ว่าเสี่ยวซานผู้สืบทอดสถานะของอาสามเป็นเพียงชีวิตที่พี่สาวแม่สี่สร้างขึ้นจากพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ บางทีผู้คนมากมายอาจต้องพบกับเรื่องเจ็บปวด แม่สี่คงจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นางจะพูดแน่ นี่ไม่ใช่แค่เสี่ยวซานเท่านั้น ปิงเอ๋อและซวงเอ๋อจะทำยังไง เรื่องอย่างนี้ยังจะตามตรวจสอบอีกหรือ? ความจริงของเรื่องนี้เป็นการทำร้ายตัวเองอย่างหนึ่ง และยังมีผลต่อหลิวเย่ด้วย สำหรับปู่และปู่ห้า สำหรับเสี่ยวซานและปิงเอ๋อและซวงเอ๋อ พวกเขาจะต้องเผชิญความจริงอันโหดร้าย แล้วนางจะทำอย่างไร?
เย่ว์หวี่ยิ่งคิดยิ่งว้าวุ่นสับสน มีเรื่องต่างๆ มากมายวิ่งเข้ามาในหัวและนางรู้สึกสับสน
นางไม่เคยเห็นชิ้นส่วนจี้ทองที่อยู่ในคอของหลิวเย่ นางไม่เคยรู้ความจริง
แต่อย่างน้อยนางสามารถคงสถานการณ์ปัจจุบันนี้ต่อไปได้อย่างสับสนโดยไม่ต้องกังวลถึงความเป็นจริง
ภายในน้ำพุร้อนหลังจากไตร่ตรองเรื่องที่น่าอึดอัดหลายเรื่อง เย่ว์หวี่รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีและเริ่มรู้สึกว่าความคิดของนางเริ่มสงบลงบ้าง อสูรคลื่นคลั่งไม่ทราบว่าออกมาโดยอัตโนมัติตั้งแต่เมื่อใด และช่วยทำให้นางมีความสดชื่นขึ้น
อสูรคลื่นคลั่งก่อนหน้านั้นไม่มีร่างคล้ายมนุษย์และไม่มีปัญญา
เมื่อเย่ว์หวี่บรรลุระดับทูตศักดิ์สิทธิ์ในสนามพลังของเย่ว์หยาง มันก็วิวัฒนาการในพลังงานกฎสวรรค์ไม่มีที่สิ้นสุด
มันพัฒนาไปเป็นบมุษย์โดยไม่รู้ตัว และยังคงมีสติปัญญาด้วย บางทีเพราะเหตุผลของการรู้แจ้งในอาณาจักรการรู้แจ้งนั้น แม้ว่าภูมิปัญญาของมันจะเป็นส่วนสำคัญ แต่รูปร่างมนุษย์ของมันก็น่าทึ่ง มันใกล้จะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้วจึงเข้าใจวิธีดูแลเจ้านาย... แม้ว่านางจะไม่เข้าใจถึงความลำบากใจของเจ้านาย แต่นางเห็นสภาพเจ็บปวดใจที่เจ้านายแสดงออก นางจึงแยกน้ำในบริเวณรอบๆ ออกไปเพื่อที่เจ้านายจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด
เมื่อเห็นมันพยายามทำอย่างนี้เจ็ดแปดครั้ง อสูรคลื่นคลั่งดูมีลักษณะเหมือนเด็กที่เกิดจากน้ำ เย่ว์หวี่อดเอื้อมมือไปแตะนางไม่ได้ “ขอบใจมาก, ข้าไม่เป็นไรมาก ขอให้ข้าได้สงบจิตใจก่อน”
อสูรคลื่นน้ำไม่สามารถพูดได้ นางได้แต่นั่งอยู่ข้างๆ เย่ว์หวี่
นางไม่รู้จะปลอบเจ้านายยังไง จึงได้แต่อยู่เป็นเพื่อนเงียบๆ
เย่ว์หวี่เห็นนางกังวลห่วงใยตนเอง นางได้แต่ทำใจให้เข้มแข็ง ไม่ว่าหลิวเย่จะเป็นน้องสาวร่วมสายโลหิตของนาง หรือว่านางเองก็เป็นหนึ่งในสามกุลธิดาตระกูลเย่ว์ นางคือตัวแทนตระกูลเย่ว์คนหนึ่ง นี่คือเหตุผลที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้!
นานมาแล้ว นางเคยให้คำมั่นกับเสี่ยวซานว่าจะดูแลเขาจากรุ่นสู่รุ่น
เรื่องนี้ไม่อาจเป็นอุปสรรคได้
ปมหัวใจนี้ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ ไม่สำคัญว่าโลกจะมองอย่างไร นางต้องอยู่กับเสี่ยวซานสนับสนุนเขาและดูแลเขา!
เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วเย่ว์หวี่ลุกขึ้นยืนและเอื้อมมือลูบศีรษะอสูรคลื่นน้ำเบาๆ ดวงตาของนางมีแววสงบ นางว่ายไปตามน้ำพุร้อนและภาพนางดูล่องลอยแปลกประหลาดเหมือนมีผ้าทับซ้อนอยู่บนตัว
เมื่อกลับไปถึงเขตสนามพลังแล้ว นางเห็นว่าเย่ว์หยางยังคงหลับ และอู๋เหินรออยู่ข้างนอกคอยดูแล
เย่ว์หวี่พยักหน้าให้นาง “เสี่ยวซานยังไม่ตื่น ดูแค่นี้ก็คงพอแล้ว ข้าอยากใช้โอกาสนี้ หาประสบการณ์ในบันไดสวรรค์ของตนเอง เผื่อว่าจะหาทางหลอมรวมความรู้ในขอบเขตใหม่ให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้”
สำหรับอู๋เหินนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเย่ว์หวี่ทำเช่นนี้ ปกตินางไม่ค่อยสนใจคร่ำเคร่งการฝึกฝนมากนัก เกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตามนางไม่ได้ถาม แค่พยักหน้า “ไม่เป็นไร ข้าจะอยู่ที่นี่เอง ท่านไปฝึกก่อนได้ เมื่อเขาฟื้นแล้วข้าจะตามไปสมทบ”
เย่ว์หวี่กอดนางเบาๆ และปีกนางฟ้าปรากฏในอากาศ เย่ว์หวี่ไม่เข้าใจจะจัดการกับปัญหาที่แท้จริงได้อย่างไร นางเลิกใช้ปีกนางฟ้าในช่วงนี้ก่อน และได้แต่เตือนตนเองซ้ำ ว่าจะอยู่กับเย่ว์หยางและช่วยให้ความสนับสนุนเขาในทุกด้าน แน่นอนเย่ว์หวี่ก็หวังว่าจะมีประสบการณ์วิวัฒนาการก่อนที่เขาจะตื่น เพื่อที่ว่าจะได้ช่วยเขาได้แท้จริง แทนที่จะทำให้เขาเดือดร้อน
แน่นอนด้วยวิธีนี้ นางสามารถสงบความว้าวุ่นใจได้ชั่วคราว
ปล่อยวางทุกอย่าง และฝึกฝนเพื่อยกระดับ
เย่ว์หวี่กลับเข้าไปฝึกตามเส้นทางฝึกฝนในบันไดสวรรค์ นางไม่เคยทุ่มเทเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา นางไม่ชอบต่อสู้เพื่อสงบอารมณ์ เกี่ยวการฝึกฝนเพื่อเลื่อนระดับเป็นความหวังที่สูงมาก นางปล่อยทั้งหมดให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ตอนนี้นางได้รับการเปลี่ยนแปลง และนางบังคับตนเองให้เดินหน้าต่อด้วยความมุ่งมั่นและมีความปรารถนาอย่างไม่เคยมีมาก่อน
บันไดสวรรค์ขั้นที่ 1500, 2000, 2500, 3000.... เย่ว์หวี่ไม่เคยคิดว่าตัวนางเองจะขึ้นไปถึงขั้นที่ 3000 เผชิญหน้ากับร่างเงาพลังงาน ราชันย์ภูตอัคคี ยอดผู้พิทักษ์ที่ทรงพลังประจำด่านทดสอบชั้นที่ 3000 เย่ว์หวี่ไม่กลัวและเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ นางใช้ดาบปีกนางฟ้าระเบิดพลังต่อสู้อย่างไม่เคยมีมาก่อน!
หนึ่งวันผ่านไป
สิบวันผ่านไป
ครึ่งเดือนต่อมา เมื่ออู๋เหินเห็นจักรพรรดินีราตรีก้าวออกมาช้าๆ นางรู้สึกถึงตำแหน่งพลังงานในท้องฟ้าได้ทันที มีพลังงานที่อธิบายไม่ถูกลุกโชนจากท้องฟ้า เทียบอาหงเลื่อนเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ อาหมันได้รับตกทอดพลังจากเสาห้าธาตุศักดิ์สิทธิ์แล้วเลื่อนเป็นเทพขุนพลได้ นับว่าไม่อ่อนด้อยกว่ากันเลย
พลังที่มหาศาลนี้ไม่มีร่องรอยแห่งความนุ่มนวลของทะเลสาบหรือของทะเลที่เงียบสงบ
ความรู้สึกของการเกิดคล้ายกับการเห็นน้ำตกไหลทะลักขึ้นไปบนท้องฟ้าและทิ้งตัวลงมาที่ผิวทะเลสาบจากระยะสูงเป็นพันฟุตก่อให้เกิดคลื่นและละอองน้ำกระจาย...
แม้ว่าพื้นที่จะอยู่สูงมาก แต่อู๋เหินก็ยังรู้สึกได้ชัด
แม้แต่นางก็ยังรู้สึกทึ่งที่อ่านความรู้สึกของอีกฝ่ายได้
“เย่ว์หวี่เลื่อนไปเป็นระดับทูตศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงได้แล้ว” จักรพรรดินีราตรียืนอยู่ด้านข้างอู๋เหิน สนามพลังดารารายของนางกระจ่างมากกว่าเดิม ร่างที่งดงามนั้นเงยหน้ามองดูท้องฟ้า เสียงของนางไพเราะเสนาะโสต “เข้าถึงขอบเขตระดับทูตศักดิ์สิทธิ์ ทั้งที่ยังไม่ทันเลื่อนเป็นปราณราชันย์หรือ? เย่ว์หยางสร้างปาฏิหาริริย์ให้กับโลกนี้อีกแล้ว แต่ถึงจะเป็นปาฏิหาริย์ยังไงก็ตาม ดูเหมือนว่าเย่ว์หวี่ก็ฝึกฝนอย่างพากเพียรเหมือนกัน! ข้าคิดว่านางจะทำได้ดียิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและคงจะเลื่อนไปอยู่ในระดับทูตศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงได้ คิดไม่ถึงเลยว่านางจะล้ำหน้าพวกเจ้าทุกคนได้”
“นางฝึกฝนอย่างหนักจริงๆ” อู๋เหินได้ยินแล้วมีความสุข เพราะเป็นผู้ที่เข้าใจเย่ว์หวี่มากที่สุด
บันไดสวรรค์ขั้นที่ห้าพัน
หลังจากท้าทายต่อเนื่องถึงสิบครั้ง ในที่สุดเย่ว์หวี่ก็เอาชนะผู้พิทักษ์ด่านจ้าวสมุทรของขั้นที่ห้าพันได้และได้รับการยอมรับสูงสุดในการใช้กฎพลังงานห้าพันขั้นตอน เหมือนกับว่านางมองเห็นผู้อาวุโสผู้ทิ้งภาพเงาจิตสำนึก ให้หลอมรวมพลังงานที่นางทิ้งไว้เข้ากับพลังทูตศักดิ์สิทธิ์ พลังจ้าวสมุทรหลอมรวมเข้ากับอสูรคลื่นคลั่ง กลายเป็นอสูรสึนามิ ชั้นเพชรระดับห้า...
อสูรสึนามิ: ชั้นเพชรระดับห้า อสูรสายธาตุ รูปมนุษย์ อสูรพิทักษ์ มีลักษณะคล้ายกับเจ้านาย ก่อตัวจากธาตุ(น้ำ)เป็นหลัก ทักษะพิเศษคือ สึนามิ, น้ำพุ, น้ำตกฟ้า, กระแสน้ำ, น้ำวน, เป็นอสูรวิญญาณ, ผูกพันกับเจ้านาย
ขณะที่เย่ว์หวี่ออกมาจากลำแสงเลื่อนระดับ ใบหน้าของนางมีน้ำตาอาบแก้ม
อสูรสึนามิซึ่งมีลักษณะคล้ายนางถึงเก้าในสิบส่วน ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป แต่นางดูเป็นเหมือนดรุณีน้อยอายุสิบสี่ แม้ว่าจะดูไม่เต็มวัย แต่ร่างสีเขียวอ่อนของนางดูเหมือนเย่ว์หวี่ ถ้าคนมองอย่างผิวเผินอาจเข้าใจผิดว่าเป็นพี่น้องกันได้ อสูรสึนามิคุกเข่าข้างหนึ่งทักทายเจ้านาย และนางเลื่อนเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ นางเรียนรู้มารยาทจากความทรงจำส่วนหนึ่งของผู้เป็นนาย
เย่ว์หวี่จับไหล่ทักทายอสูรสึนามิและกอดนางเบาๆ เหมือนกับว่านางพบน้องสาวตัวเอง
ทันใดนั้นอสูรสึนามิเปลี่ยนไปเป็นร่างพลังงาน
ผสานกับร่างเย่ว์หวี่
ร่างวิญญาณและเจ้านายหลอมรวมกันทำให้อสูรสึนามิได้เรียนรู้และเลียนแบบสำนึกความรู้สึกของเจ้านายที่ผ่านมา ทำให้นางเติบโตภายใต้อิทธิพลของเจ้านาย ในทำนองเดียวกัน นางสามารถช่วยให้ความมั่นใจในชีวิตหรือการสู้รบของเจ้านายมากขึ้น
เย่ว์หวี่กลับลงมาที่บันไดสวรรค์ชั้นล่าง อู๋เหินและทุกคนมารอพบอยู่ที่เชิงเขาแล้ว
นางกอดทุกคนทีละคน...
เย่ว์หวี่หลังจากได้พบประสบการณ์ยากลำบากมามาก นางมีความแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้นางไม่เพียงแต่แข็งแกร่งมากขึ้น แต่นางยังคลายปมในใจที่คั่งค้างมาเป็นเวลานาน เย่ว์หวี่กอดหลิวเย่และกระซิบข้างหูนางเบาๆ “หลิวเย่! เจ้าต้องพยายามเข้าไว้!” หลิวเย่ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดนี้ของนาง นึกว่าเป็นการให้กำลังใจกันธรรมดา
ทุกคนไม่รู้ความจริง รวมทั้งหลิวเย่ผู้ที่นางกอดไว้ และเขาก็ยังไม่รู้ด้วย
มีแต่อู๋เหินที่รู้จักเย่ว์หวี่ดีที่สุด
สามารถคาดการณ์ได้เล็กน้อย
“ท่านยิ้ม หัวเราะได้อย่างนี้ ข้าไม่เห็นท่านหัวเราะมานานมากแล้ว” อู๋เหินมองดูเย่ว์หวี่อย่างมีความหมาย
“ไม่ใช่ข้าเท่านั้น ทุกคนยังยิ้มมากกว่าเสียอีก” เย่ว์หวี่ยิ้มและตอบ นางยิ้มหน้าแดงเปล่งปลั่ง วันนี้เป็นวันพิเศษ สายลมจากทะเลสาบพัดลูบไล้ร่างทุกคนอย่างนุ่มนวล!-!