ตอนที่ 32 - เครื่องประดับ
1/2
ตอนที่ 32 - เครื่องประดับ
“นั่นมัน ....” ใบหน้าของหลงเฟยดูน่าเกลียดจนน่าประหลาดใจ
แต่คราวนี้ไม่มีใครสนใจเขา สมาธิของทุกคนถูกดึงดูดไปที่อัญมณีเหล่านี้
หลิวซิงเย่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ยกแว่นขยายขึ้นแล้วสลับเลนส์ไปมา ตรวจสอบมันอย่างตั้งใจ
เฉินยี่ก็วางงานในมือลงเช่นกัน ถือสร้อยเพชรด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ หยิบแว่นขยายสำหรับส่องเครื่องประดับที่ไม่ทราบว่านำมันมาจากไหนขึ้นส่องพวกมันอย่างตั้งใจ
ภายในร้านปราศจากเสียงใดๆ เช่นเดียวกับตอนนี้ที่ไม่มีลูกค้า
พนักงานขายยืดคอดูว่าเกิดอะไรขึ้น
สีหน้าของหลงเฟยเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง สุดท้ายเปลี่ยนมาจบที่สีหน้าเหลือเชื่อและสับสน
หลงเฟยไม่ได้ใช้เครื่องมือตรวจดูอัญมณีเหมือนคนอื่นๆ แต่ถึงกระนั้น เขาคลุกคลีกับทอง เงิน และเครื่องประดับมาตั้งแต่เด็ก เขาแทบจะสามารถบอกได้ว่าเป็นของแท้ในพริบตาเดียว
พวกมันเป็นของแท้!
เลขาที่ยืนอยู่หลังหลงเฟยไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากนัก แต่พิจารณาจากสีหน้าของหลงเฟย เขาก็พอคาดเดาได้ในใจ
“นี่คือสร้อยคอไพลินเจียระไนทรงเหลี่ยม ขนาดใหญ่น่าจะราวๆ 20 กะรัต” หลังจากหลิวซิงเย่พึมพำกับตัวเอง เขาเอ่ยด้วยความชื่นชมว่า “ความชัดและความใสของมันสูงมาก หาได้ยากจริงๆ”
“รอบนอกล้อมรอบด้วยชั้นเพชรเจียระไนที่สมบูรณ์แบบสไตล์ยุโรป ตกแต่งแบบคลาสสิค แต่กลับเข้ากันได้ดีกับไพลิน ทั้งยังช่วยขับเน้นความงามของมัน” เฉินยี่ก็พูดขึ้นเช่นกัน
ถึงเพชรรอบนอกจะถูกไพลินตรงกลางบดบังรัศมีไปบ้าง และถึงพวกมันจะไม่มีขนาดใหญ่เท่า แต่ความบริสุทธิ์และสีของแต่ละเม็ดนั้นดีมาก
“ทำเป็นรู้ดี ฉันว่าพวกคุณไม่เคยเห็นมันมาก่อนแน่ๆ เพราะนี่คือไพลินแคชเมียร์ แต่เหมืองของมันถูกปิดเพราะว่าขุดหาไพลินไม่ได้อีกแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 1887 สำหรับคนธรรมดาคงไม่เคยได้สัมผัสมัน แต่ฉันได้เห็นอะไรแบบนี้บ่อยมาก!” หลงเฟยยังคงพูดจาแข็งกร้าว พยายามเก็บเศษหน้าตัวเองโดยใช้ข้อได้เปรียบที่ติดตัวเองมาตั้งแต่เกิด
“นายเคยเห็นมันมาก่อนจริงๆหรอ?” เจียงหลินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างแท้จริง
แต่คำพูดธรรมดาของเธอ มันให้ความรู้สึกราวกับชกหน้าหลงเฟย เวลานี้สีหน้าแข็งกร้าวของเขาเริ่มหมองไปทีละน้อย
ในท้ายที่สุด หลงเฟยก็ถูกหลิวซิงเย่ เฉินยี่ เจียงหลิน และเลขาของเขาจับตามอง ตอบด้วยน้ำเสียงเบาราวกับยุงบิน “เคยเห็นสิ .... ในงานประมูล ...”
เมื่อพูดออกไป หลงเฟยก็ตระหนักว่าเขาเสียหน้าอีกครั้ง เริ่มโวยวายอย่างอารมณ์เสียว่า “เพราะหลงจิวเวอรี่ของเรารุ่งเรือง ฉันในฐานะทายาทเลยได้ไปเข้าร่วมงานประมูลบ่อย คนต่ำต้อยอย่างพวกคุณคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่างานประมูลจัดขึ้นที่ไหน ใช่ไหมล่ะ? กล้าดียังไงมาดูถูกทายาทของหลงจิวเวอรี่!”
เลขาที่อยู่ข้างเขาในขณะนี้ ยังอดไม่ไหวอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
ถ้าแบบนั้นอย่าพูดจะดีกว่า!
เคยเห็นในงานประมูล นั่นหมายความว่าไม่เคยสัมผัสหรือเป็นเจ้าของ!
เลขารู้สึกแสบร้อนบนใบหน้ามากๆ หากไม่ใช่เพราะตำแหน่งเลขาของหลงจิวเวอรี่มันเย้ายวน ด้วย IQ ของเขา คงไม่คิดรับใช้นายน้อยแบบนี้หรอก
อย่างไรก็ตาม แม้แต่เลขาซึ่งเป็นคนธรรมดาในอุตสาหกรรมนี้ หลังจากได้ยินข้อมูลคร่าวๆ เขาก็ทำการเปรียบเทียบราคากับเครื่องประดับที่เคยหาข้อมูลมาก่อนในอดีต
และผลลัพธ์มันทำให้เขาต้องประหลาดใจ เพราะสร้อยคอเส้นนั้นมีมูลค่าหลักล้านดอลลาร์!
มันไม่ใช่เครื่องประดับที่หมุนเวียนทั่วไปในตลาดอีกต่อไป ราคาของมันยกระดับมาอยู่ในประเภทของสะสมส่วนตัว!
ซึ่งเมื่อราคามาถึงระดับนี้แล้ว จะไม่มีใครสนใจเรื่องยี่ห้อหรือโลโก้ว่ามาจากที่ไหนอีกต่อไป เพชรราคาสูงสามารถอยู่เหนือข้อผูกมัดหรือกฏเกณฑ์ทั่วไปได้
แต่สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่สร้อยคอ สร้อยคอที่กำลังตรวจสอบกันแม้โดดเด่นท่ามกลางกองอัญมณี แต่ไม่ใช่ดีที่สุดแน่นอน แม้แต่เลขาที่เป็นมือสมัครเล่นด้านเพชรก็ยังสามารถมองออกได้
สร้อยคอนี้ไม่มีค่ามากพอที่จะเทียบกับมงกุฎและกริชประดับเพชร
คนอื่นๆก็ตระหนักถึงปัญหานี้เช่นกัน พวกเขามองไปยังมงกุฎและกริชอัญมณีโดยพร้อมเพรียง
ทั้งสองชิ้นดูมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นของเก่าเมื่อสังเกตจากรูปทรง อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่ได้ตรวจสอบรับรองคาร์บอน 14 (เป็นวิธีการตรวจหาอายุของเก่า มีความแม่นยำสูง)
เพียงมองด้วยตาเปล่ายังไม่สามารถบอกได้ว่านี่คือของเก่าที่ถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดี หรือมันถูกสร้างขึ้นจากสิ่งประดิษฐ์สมัยใหม่แต่ทำเลียนแบบรูปทรงในอดีต
แต่ไม่ว่าจะเป็นข้อไหน อัญมณีที่ฝังอยู่บนนั้นเป็นของจริง เพชรเม็ดใหญ่ ใสสะอาดไร้ตำหนิ ใสเหมือนน้ำแรกในฤดูใบไม้ผลิ ตำแหน่งของมันหากสวมใส่จะตั้งอยู่กลางกระหม่อมพอดี กลมกลืนไปกับอัญมณีและไข่มุกอื่น ๆ ให้ความรู้สึกของผู้สูงศักดิ์ สง่างาม สะท้อนให้เห็นถึงความหรูหราอย่างเต็มที่
ตรงกันข้ามกับกริชฝังเพชรพลอย เจ้าสิ่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนอันธพาลตั้งแต่แวบแรกที่เห็น
หลิวซิงเย่ตั้งใจนับอัญมณีที่ถูกฝังไว้ และคาดว่ามีรวมๆกว่า 180 เม็ด พวกมันสว่างไสวเป็นประกายระยิบระยับ การฝังอัญมณีติดๆกันเช่นนี้ สำหรับบางคนอาจดูไม่สวย
แต่ก็เพราะมันฝังไว้เยอะแบบนี้ มันเลยดูมีกลิ่นเฉพาะตัวและมีคุณค่า
หลิวซิงเย่รู้สึกว่าเขาหาคำที่จะพูดมันออกมาได้ยากมากๆ “พวกมันเป็นเครื่องประดับที่งดงามและมีราคาแพง! อา! ได้เห็นอัญมณีเกรดประมูลถึงสามชิ้นในคราวเดียว นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? โอ้คุณพระช่วย! เจ้านาย คุณมีพวกมรกตบ้างรึเปล่า? ฉันอยากตรวจสอบพวกมรกตด้วยตัวเอง!” ปัญหาเก่าของหลิวซิงเย่เรื่องคลั่งหยกเริ่มออกอาการอีกครั้ง เฉินยี่รีบเข้าไปห้ามเขา
ส่วนพนักงานขายในร้านยังคงหวาดกลัวนายน้อยที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ขณะนี้พวกเขาไม่กล้าเข้ามาใกล้ มองไกลๆราวกับกำลังดูหนังอยู่
“เรื่องมรกตเอาไว้ว่ากันทีหลัง ตอนนี้ต้องรอให้บางคนออกจากร้านไปก่อน” เจียงหลินหัวเราะ และไม่ลืมมองไปทางหลงเฟย
สีหน้าของหลงเฟยเริ่มแดงด้วยความโกรธ เวลานี้อกเขายุบฟองเร็วมาก เหมือนคางคกไม่มีผิด
หลงเฟยเคยต้องโกรธถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เขามองไปยังเครื่องประดับบนเคาน์เตอร์ โทสะอัดแน่นเต็มอก วินาทีนั้นไม่สนใจสิ่งอื่นใด
“ของปลอม! ของปลอมทั้งหมด!” หลงเฟยหยิบมงกุฎขึ้นมาอย่างลวกๆและกำลังจะขว้างมันลง
เลขาตกใจมากจึงรีบเข้าไปหยุดเขา “นายน้อยหลง! นายน้อยหลง! อย่าทำแบบนี้! คุณคือประธานในอนาคตของหลงจิวเวอรี่ อย่าเสียเวลาไร้ค่ากับพวกมันเลย”
เลขาเหงื่อไหลเป็นน้ำตก ที่นี่คือร้านขายเครื่องประดับ ฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถตรวจสอบมันได้อย่างไร? หากเป็นของจริง แล้วนายน้อยหลงขว้างมันลง ทำมงกุฏเสียหาย เกรงว่าคงถูกเจียงหลินแจ้งตำรวจ
ที่นี่มีทั้งพยานหลักฐานและบุคคล นั่นหมายความว่าพวกเขาผิดเต็มๆ
อีกอย่าง เครื่องประดับในราคานี้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้คือค่าชดเชย และนั่นคงสร้างปัญหาให้ท่านประธานมากๆ
หลงเฟยน่ะเป็นลูกชายแท้ๆของหลงซิน เป็นธรรมดาที่อาจไม่ถูกคาดโทษ แต่เขาในฐานะเลขาที่ติดตามหลงเฟยแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายทำสินค้าเสียหายไม่มีทางรอดแน่นอน
หลงเฟยเห็นมีคนมาห้าม ในที่สุดก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย อีกอย่างคำพูดของเลขาก็ตรงใจเขา
เขาคือนายน้อยแห่งตระกูลหลงผู้ที่ทุกคนต้องแหงนมอง!
แต่หลงเฟยยังไม่โล่งใจ เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ฉันจะหาแหล่งที่มาสินค้าของคุณให้ได้คอยดู!”
เมื่อเลขาได้ยินคำพูดของหลงเฟย เขาก็มั่นใจแล้วว่าเจ้านายจะไม่สร้างปัญหาที่นี่อีก เกิดความรู้สึกโล่งอกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก รีบพูดว่า “นายน้อยหลง พวกเรากลับไปตรวจสอบกัน วันนี้มีสินค้าเข้าใหม่จากท่านประธาน พวกเราจะช้าไม่ได้แล้ว”
หลงเฟยพูดด้วยท่าทีหงุดหงิด แต่ใจจริงเขาพอใจมาก “ตาแก่นี่น่ารำคาญจริงๆ แต่เห็นแก่ที่ทำเพื่อฉัน พวกเรากลับกันก็ได้”