ตอนที่ 3 เดินทางครั้งแรก
ตอนที่ 3 เดินทางครั้งแรก
"98, 99, 100!"
ในบ้านเช่าเกาจิ้ง นอนลงบนพื้นคอมโพสิตราคาถูกและเสร็จสิ้นการวิดพื้นมาตรฐาน 100 ครั้งจนเหงื่อออกชุ่ม
หลังจากที่ปู่ของเขาเสียชีวิตด้วยอาการป่วยเมื่อเขาอายุได้ 18ปี เกาจิ้ง ได้ตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพอย่างลึกซึ้ง และเขาไม่สามารถแบกรับราคาค่ารักษาของความเจ็บป่วยแม้ว่าเขาจะยังไม่เป็นอะไรเลยก็ตาม
ดังนั้น เกาจิ้ง จึงออกกำลังกายอยู่เสมอไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก
หลังจากผ่านไปหลายปี เกาจิ้ง ได้ฝึกฝนร่างกายและมีสุขภาพที่ยอดเยี่ยม
ไม่เพียงแต่เขาไม่เคยป่วยเป็นโรคอื่นนอกจากหวัดเล็กน้อย แล้วเขายังเป็นคนรูปร่างหน้าตาดีเกินเกณฑ์มาตรฐานเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ และเขาเคยมีแฟนสวยหลายคน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าความสัมพันธ์จะสวยงามเพียงใด ความจริงอันเย็นชาก็ยังคงสร้างความพ่ายแพ้ให้อยู่เสมอ
การใช้ชีวิตในเมืองหลวงของมณฑลที่มีประชากร 12 ล้านคน ไม่มีรถ ไม่มีบ้าน เงิน งาน หรือการศึกษาไม่สูง ไม่มีอนาคตที่สดใส เรื่องรักๆใคร่ๆของ เกาจิ้ง ต้องพบกับการเลิกลาต่อกัน
ตอนนี้เขาอยู่คนเดียวแล้วก็เป็นโสดมา 2 ปี
เขาลุกขึ้นมาจากพื้นและไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ
หลังจากสระผมและเป่าผมให้แห้งแล้วเกาจิ้งก็นั่งลงที่หน้าโต๊ะทำงานขนาดเล็ก
เขาต้องเริ่มวางแผนชีวิตใหม่
เกาจิ้ง กล้าลาออกจากบริษัท จินฮุย โดยไม่ลังเลและเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอีกด้วย
เนื่องจากอาชีพของเขา ได้พบกับผู้คนหลากหลายอาชีพ หลายศาสนาวัฒนธรรมและหลายระดับความรู้ในช่วงการทำงานตลอด 4 ปีที่ผ่านมา และเขายังเชี่ยวชาญในทักษะทางธุรกิจการค้ามากมายอีกด้วย
ครั้งหนึ่งมีคนชื่นชอบนิสัยและความสามารถของ เขา และทาบทามให้ เกาจิ้งเปลี่ยนงานไปช่วยเขาแทน
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องอยากสำหรับเขาที่จะหางานใหม่ในตอนนี้
แต่ถ้าไม่มีทางออกอื่นจริงๆเกาจิ้งคิดว่าจะไปขับรถส่งอาหารเขาสามารถขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ได้และสภาพร่างกายของเขาก็สมบูรณ์แข็งแรงดังนั้นการทำงานหาเลี้ยงชีพไม่มีอะไรยากสำหรับเขา
แต่ก็นั่นละว่าการขับรถส่งอาหารคือทางเลือกสุดท้ายนั่นก็เพราะว่า เขาชอบที่จะทำงานในอาชีพที่เขาคุ้นเคยและถนัดมากกว่า
ไม่มีใครที่ไม่คาดหวังในความใฝ่ฝัน
เมืองหลวงแห่งนี้ เกาจิ้ง รู้สึกมันแคบเกินไป
ปัจจุบันเกาจิ้งมีเงินฝากธนาคารประมาณ 20,000 กว่าหยวน ถึงเขาจะสามารถกู้ยืมได้มากกว่า100,000 จากแหล่งเงินกู้ แต่ความเสี่ยงในการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ด้วยเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงนั้น มันเป็นการเสี่ยงเกินไป ถ้าหากเขาล้มเหลว
เกาจิ้ง ขมวดคิ้วคิด เขาใช้สมองอย่างหนักจนรู้สึกปวดหัวจนต้องยอมแพ้และพักความคิดไว้ก่อน
ทันใดนั้นหางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นสมอทองแดงข้างโคมไฟโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลังจากกลับบ้านมาเมื่อวานนี้ ก่อนที่เขาจะอาบน้ำ เกาจิ้ง หยิบสมอทองแดงออกมาจากกระเป๋าแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะ
ภายใต้แสงไฟนั้น สมอทองแดงดูเหมือนจะเรืองแสงสีทองออกชมพูจางๆ
สถานที่บ้านเช่าของเกาจิ้งนั้นอยู่ในหมู่บ้านในเมือง มีอาคารหลายหลังในพื้นที่แคบๆ ดังนั้นสภาพแสงสว่างจึงแย่มาก โดยทั่วไปแล้ว ไม่มีแสงแดดส่องถึงในห้องของเขา และเขายังต้องเปิดไฟแม้แต่เป็นเวลากลางวัน
เกาจิ้งเอื้อมมือไปหยิบสมอทองแดงที่วางไว้ใต้โคมไฟบนโต๊ะมาดูอย่างพิจารณา
สิ่งนี้ทำขึ้นอย่างปราณีตจริงๆ แม้ว่าจะมีขนาดเล็กแค่ฝ่ามือเด็ก แต่ฝีมือช่างทำออกมาได้เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแกะสลักที่ด้ามสมอ ที่ทำเป็นรูปงูหรือมังกรนั้นสวยงามมาก มันน่าตื่นตาตื่นใจที่ได้ดูอย่างพิจารณา
ราวกับว่ามันจะฟื้นคืนชีพได้ทุกเมื่อ พร้อมที่จะกางเขี้ยวเล็บแล้วทะยานสู่ท้องฟ้า
เกาจิ้งลูบคลำเกร็ดนูนบนด้ามจับของสมอเบาๆด้วยนิ้วของเขา และด้วยเหตุผลบางอย่างเขาก็มีความรู้สึกถึงเลือดเนื้อ
สมอทองแดงนี้ให้ความรู้สึกยามสัมผัสเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขาเอง
รู้สึกแปลกมาก:เขาบอกกับตัวเอง
จิตใจของ เกาจิ้ง อดไม่ได้ที่จะนึกถึงความฝันเมื่อคืนนี้ ดาวเคราะห์สีเขียว ภูเขาตระหง่าน ป่าที่กั้นท้องฟ้า และสัตว์ร้ายยุคก่อนประวัติศาสตร์นับไม่ถ้วน
ภาพรายละเอียดทีละอย่างผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน
หากความฝันเป็นจริง การไปเยือนโลกดังกล่าวจะต้องน่าสนใจมากแน่ๆ!
เกาจิ้งไม่สามารถหยุดยิ้มได้
ณบัดนั้น เขาเกิดอาการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน
จู่ๆสติสัมปชัญญะของเขา ก็ตกอยู่ในสภาพแปลกประหลาด จนอธิบายไม่ถูก ทุกสิ่งรอบตัวเขา เป็นภาพพร่ามัวลวงตา ราวกับว่าวิญญาณของเขา หลุดออกจากร่างล่องลอยพุ่งทะยาน ผ่านดวงดาวหลายร้อยล้านปีแสงในพริบตาและถูกส่งไปยังสถานที่ที่ไม่อาจจะรู้ได้
บางทีกาลเวลาอาจผ่านไปหลายทศวรรษ แต่นั่นอาจจะเป็นเวลาแค่วินาทีเดียว ช่วงเวลาต่อมา สติของเขาก็เริ่มกลับคืนสู่สภาพปกติ
เขาหอบอย่างหนัก ปอดของเขา ร้อนผ่าวราวกับว่าถูกมือขนาดใหญ่บีบอัดจนแทบหายใจไม่ออก
แต่ในไม่ช้าเขาก็ละทิ้งความคิดทั้งหมดลงเพราะภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ!
เพราะสถานที่ที่ เกาจิ้ง อยู่ในขณะนี้ไม่ใช่บ้านที่คับแคบอีกต่อไป แต่เป็นป่าดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยต้นไม้สูงตระหง่านและเถาวัลย์หนาทึบที่เติบโตจนรกชัฏ
แสงแดดส่องผ่านร่มไม้หนาทึบ ทอดเงาเป็นรอยด่างบนผืนป่าที่ปกคลุมด้วยหมอก และเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ไม่รู้จักสามารถได้ยินได้จากระยะไกล กระทบโสดประสาทของ เกาจิ้ง เหมือนเสียงเบสหนักๆจากลำโพงขนาดใหญ่
"มันไม่ใช่ความฝันใช่ไหม"เขาพึมพรำออกมาอย่างตะลึงงัน
เกาจิ้ง ขยี้ตาอย่างแรง สงสัยว่าเขากำลังเห็นภาพหลอน
อย่างไรก็ตาม ภาพที่เห็นได้ด้วยตา เสียงที่หูได้ยิน และกลิ่นลมหายใจทางจมูก การรับรู้ทั้งหมดของร่างกายกำลังบอก เกาจิ้ง อย่างชัดเจนว่า...
นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง!
มันคืออะไร!?ส่วนไหนบนโลก?
ความตึงเครียดและความกลัวของสิ่งแปลกใหม่ทำให้ เกาจิ้ง กำมือของเขาโดยไม่ตั้งใจ ส่งผลให้เกิดความรู้สึกเสียวซ่าที่ฝ่ามือของเขา
เขาถูกเสมอทองแดงบาดเข้าที่มือ
"ไม่นึกไม่ฝันเลยจริงๆ!"
ความรู้สึกเจ็บที่บาดแผลทำให้ เกาจิ้งได้สติขึ้นมา
เขาบังคับตัวเองเพื่อระงับสติอารมณ์ที่วุ่นวายในใจและปล่อยให้ตัวเองสงบลง เพื่อให้เกิดสมาธิในการที่จะได้ใช้ความคิด
นี่ไม่ควรเป็นโลกที่เราเคยอยู่ เพราะไม่มีป่าขนาดใหญ่บนดาวโลก เส้นผ่านศูนย์กลางของต้นไม้ แต่ละต้น นั้นมากกว่าสิบเมตรและมีจำนวนต้นไม้ที่หนาแน่นและกว้างใหญ่กว่า
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฉากที่อยู่ตรงหน้านั้นสอดคล้องกับสิ่งที่ฉันเห็นในความฝันเมื่อคืนนี้อย่างสมบูรณ์!
"ฉันถูกพาข้ามมา?"
เกาจิ้ง มองลงไปที่สมอทองแดงในมือของเขา
ถ้าเขาเดาไม่ผิด น่าจะเป็นสมอทองแดงที่ส่งเขามายังโลกนี้
"มันสามารถนำตัวเองกลับไปที่โลก ได้หรือไม่?"
หากการเทเลพอร์ตเป็นแบบเที่ยวเดียวโดยไม่ได้เตรียมน้ำอาหาร และอุปกรณ์ยังชีพมาด้วย ความเป็นไปได้ที่ เกาจิ้ง จะรอดชีวิตนั้นมีน้อยมาก
"ฉันอยากกลับไปที่โลกอีกครั้ง"
ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ทำให้เกาจิ้งยึดสมอทองแดงไว้แน่นอีกครั้ง
ความรู้สึกก่อนเดินทางมานั้นได้เกิดขึ้นอีกครั้ง วินาทีต่อมาเขากลับมายังที่ห้องของเขา
" เชี่ย!" เขาอุทานออกมาด้วยความรู้สึกงุนงง ปนไปกับความดีใจในคราวเดียว
เกาจิ้ง ไม่เคยรู้สึกว่าบ้านเช่าที่เรียกง่ายขนาด 10 ตารางเมตรหลังนี้เป็นมิตรสะดวกสบายและปลอดภัย
หลังพ้นจากอันตรายความตึงเครียดและความกลัวก็ค่อยๆผ่อนคลายลง
กลายมาเป็นความตื่นเต้นและความประหลาดใจ สงสัยอย่างไม่รู้จบ
"เชี่ยอะไรวะ!ไอ้บ้าเอ้ย!"
เกาจิ้งกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ เขาเดินวนไปวนมาในห้อง ถือสมอทองแดงไว้ในมือ สมองตื้อยังคิดอะไรไม่ออก
ใบหน้าของเขาแดงก่ำ หัวใจเต้นรัวเร็ว มือสั่นเล็กน้อย มีเหมือนเม็ดเล็กๆผุดขึ้นที่หน้าผาก
เกาจิ้ง ไม่รู้ว่าสมอทองแดงนี้คืออะไร ใครเป็นคนทำ และทำไมมันถึงมีพลังวิเศษเช่นนี้...
แต่เขารู้ดีว่าเขาได้พบกับโอกาสอันยิ่งใหญ่แล้ว!
มันเป็นโลกใบใหญ่และต้องมีความมั่งคั่งของทรัพยากรมากมายไม่รู้จบซ่อนอยู่ที่นั่น บางทีแค่พบบางสิ่งที่นั้นอาจทำให้ เขาร่ำรวยในชั่วข้ามคืน
โลกใบใหญ่ที่เป็นของเขา!
อย่างไรก็ตาม หลังจากความตื่นเต้นสุดขีดผ่านไป เกาจิ้ง ก็ค่อยๆ สงบลง
เขาคิดว่ามันสวยงามเกินไป โลกใบใหญ่ที่ไม่มีใครรู้จัก แม้ว่ามันจะมีความมั่งคั่งทางทรัพยากรไม่รู้จบ แต่ก็แสดงถึงอันตรายไม่รู้จบเช่นกัน
เกาจิ้ง เขาไม่ใช่ยอดมนุษย์ในภาพยนตร์ แม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่ดี แต่เขาก็ยังจัดอยู่ในประเภทของคนธรรมดา
เขาไม่มีประสบการณ์มากนักในการเอาชีวิตรอดในถิ่นทุรกันดาร
หากรีบร้อนเกินไปในการสำรวจโลกใบนั้นผลที่ได้อาจจะไม่ดีอย่างที่คิด
ต้องไม่พลาดในโอกาสนี้แต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมและรอบคอบพอ!
หลังจากคิดอย่างจริงจัง จิตใจของ เกาจิ้ง ก็มั่นคงเด็ดเดี่ยว
เขากลับไปที่โต๊ะทำงาน ในเวลานี้ เกาจิ้ง ก็คิดขึ้นมาได้
นั่นคือตอนนี้เขาถูกเทเลพอร์ตไปยังโลกสีเขียวใบใหญ่นั้นขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ และดูเหมือนว่าแม้แต่เก้าอี้ก็ถูกเทเลพอร์ตไปที่นั่นด้วย
แล้วส่งกลับพร้อมกัน
ต่อมาสักพัก เกาจิ้ง ก็พบกับสิ่งสกปรกเหนียวและใบไม้เน่าที่เชิงเก้าอี้!
นี่เป็นหลักฐานที่พิสูจน์ว่าโลกใหม่ใบนั้นมีจริง และเขาสามารถนำวัตถุที่สัมผัสใกล้ชิดกับเขาไปมาได้
ตัวอย่างเช่น เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ และเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่
ก็เกิดคำถามใหม่ว่า ของใหญ่ หนัก ขนไปมาได้แค่ไหน เอาสิ่งมีชีวิตมาได้ไหม?
"ฉันคิดว่าจะต้องมีการลองผิดลองถูก!"
"นอกจากนี้ หากคนอื่นได้รับสมอทองแดงวิเศษนี้ พวกเขาจะไปยังโลกนั้นได้หรือไม่?"
เกาจิ้ง: ส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว
สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าเขาอาจเป็นคนเดียวที่สามารถเปิดใช้งานความสามารถของสมอทองแดงได้
สมอทองแดงผูกมัดกับเขา!
แต่ เกาจิ้ง ไม่มีความตั้งใจที่จะตรวจสอบความถูกต้องของสัญชาตญาณของเขา เขาจะไม่โง่เขลาที่จะให้สิ่งนี้แก่ผู้อื่นเพื่อการทดลอง
เขาไม่สามารถบอกใครได้
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เกาจิ้ง เปิดลิ้นชักและพบสร้อยคอ
สร้อยคอเส้นนี้เป็นของขวัญวันเกิดจากแฟนเก่าของเขา จี้คือ ฟันหมาป่า ซึ่งว่ากันว่ามีหน้าที่ปัดเป่าวิญญาณชั่วร้าย
เกาจิงเห็นสิ่งต่าง ๆ ก็หวนคิดถึงความหลังเก่าๆทำให้เขาซึมเศร้าลงเล็กน้อย
สาเหตุที่ทั้งสองเลิกกันเพราะไม่มีใครขอโทษอีกฝ่าย เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่ยอมรับความเป็นจริงเท่านั้นเอง
และ ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งตอกย้ำให้เกาจิ้งมุ่งมั่นในการสำรวจโลกใบใหม่
เขาถอดฟันหมาป่าออกแล้วใส่กลับเข้าไปในลิ้นชัก ยึดสมอทองแดงกับสร้อยคอ แล้วห้อยไว้ที่คอของเขา ซ่อนไว้ในเสื้อยืด
จบตอน