ตอนที่ 2 สิ้นสุดความอดทน
ตอนที่ 2 สิ้นสุดความอดทน
ฝัน!:แน่ล่ะทุกคนย่อมเคยมีความฝัน แต่ครั้งนี้มันเป็นความฝันที่แตกต่างออกไป จากทุกๆครั้ง
ในห้วงแห่งความฝันเกาจิ้งได้เดินผ่านทะเลจักรวาลแห่งดวงดาว จนมาพบดาวเคราะห์ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียวขวางอยู่ตรงหน้าและทันใดนั้นเขาก็ถูกดึงดูดเข้าไปในดาวดวงนั้น
สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ล้วนเต็มไปด้วยภูเขาต้นไม้ขนาดใหญ่สูงเสียดฟ้านับไม่ถ้วน และสัตว์ป่าที่เห็นก็มีขนาดใหญ่ยักษ์ ท่าทางดุร้าย จนดูราวกับว่า เขาได้หลงเข้าไปในยุคของสัตว์โลกล้านปียังไงยังงั้น ในพื้นที่กว้างใหญ่สุดสายตาจนดูเหมือนว่าไร้ขอบเขต จนทำให้ เกาจิ้งรู้สึกเหมือนตนเองเป็นเพียงแมลงตัวเล็กๆที่น่าสมเพช
ขณะที่เขากำลังพยายามดั้นด้นหาทางผ่านออกจากป่าอันหนาทึบด้วยความกลัว ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังอื้ออึงอยู่ในหูของเขา
ติ๊ดๆๆ~
เกาจิ้งได้สติตื่นขึ้นมาจากฝันในทันที:เขามองเห็นเพดานด้านบนแทนที่จะเป็นท้องฟ้า เตียงนอนเดี่ยวที่กว้างเพียง 2 เมตรที่อยู่ใต้ตัวนั้นไม่ใช่พื้นใบไม้ ผนังห้องที่กว้างเพียง 10 ตารางเมตรรอบๆตัวไม่ใช่ป่า เขาผุดลุกขึ้นนั่งพร้อมมองไปรอบๆแล้วรู้สึกโล่งใจอย่างมากกับฉากที่คุ้นเคยทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าเขา
"นี่เราฝันร้ายหรือ"เขาพูดกับตัวเอง
แต่ในหูก็ยังได้ยินเสียงดังอื้ออึงอยู่ตลอด
อ๊ะ!
เกาจิ้ง รีบพลิกตัวคว้าหาโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างเตียงนอนและเห็นว่าเวลาที่แสดงอยู่บนหน้าจอคือ 8:47 น
เขาหลับสนิท แม้ว่านาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้จะดังมาระยะหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้เขาตื่น
"หมดกัน!" เกาจิ้งเอามือลูบหน้าผากแล้วสำลักคำพูดออกมาได้แค่นั้น
วันนี้ฉันต้องไปทำงานสายและคงได้เงินไม่เต็มเดือนแน่ๆ เขาคิดในใจ
นอกจากนี้ เมื่อวานยังต้องเสียเวลาและเสียเงินไปอีกเกือบ 200 ในการซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ การสูญเสียเงินจำนวนนั้นมันหนักหนามากสำหรับคนที่มีรายได้น้อยเช่นเขา
"ไม่เป็นไรช่างมัน"เกาจิ้งตบหน้าเบาๆให้กำลังใจตัวเอง และเป็นการปลุกสติ
ไม่ว่าจะยังไงชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เขารีบลุกขึ้นไปห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน จัดการธุระส่วนตัวให้เร็วที่สุดแล้วรีบไปทำงาน
เร็วเข้าเกาจิ้ง เร็วเข้า กว่าเขาจะมาถึงบริษัทก็เป็นเวลา 9:35 น
หญิงสาวที่แผนกต้อนรับถามเขาด้วยความสงสัย: "เกาจิ้งทำไมวันนี้คุณมาสายได้ล่ะ"
โดยปกติแล้วเขาจะตรงต่อเวลาในการทำงานและไม่เคยมาสาย
"ผมหลับเพลินไปหน่อยเลยตื่นสายนะ" เกาจิ้งตอบหญิงสาว แล้วเข้าไปในบริษัท
บริษัทการค้า จินฮุย ที่ เกาจิ้ง ทำงานให้นั้นมีขนาดกลาง มีพนักงานหลายร้อยคน และบริษัทแม่ต้นสังกัดที่มั่นคงแข็งแกร่ง
เนื่องจากฐานเงินเดือนบริษัทนี้ค่อนข้างดีเขาจึงทำงานอยู่ที่นี่มาเป็นเวลากว่า 4 ปี
ทันทีที่เขาเข้ามาถึงในบริษัท เกาจิ้งสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมงานของเขากำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจและสงสารอยู่เงียบๆ
มีแม้กระทั่ง แสดงสัญลักษณ์ให้กำลังใจ
เขายังไม่ทันคิดแค่รู้สึกสงสัย วินาทีนั้นเองเขาจึงพอรู้สึกถึงต้นตอของปัญหาที่จะเกิดข้างหน้า เมื่อเขาเหลือบไปเห็นเจ้านายของเขา เหลียงเซียง ผู้จัดการแผนกธุรกิจ มานั่งรออยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา
"เกาจิ้ง"
ผู้จัดการเหลียงเซียง เรียกชื่อเขาทันทีที่เห็นพร้อมกับยืนขึ้นด้วยความโกรธแค้นและตำหนิ:"คุณทำอะไรลงไป คุณ ซินหวัง โทรมาหาเพื่อบ่นให้ฉันฟังเมื่อคืนนี้บอกว่าทัศนคติของคุณแย่มากของที่ส่งไปไม่ตรงสเปค เขาใส่อารมณ์กับฉันอย่างมาก แล้วคุณยังจะคิดไหมว่าตอนนี้ผมยังอารมณ์ดีอยู่ไหม
"แล้วได้บิลคืนหรือยัง เช้านี้ก็ยังมาสายอีก ตกลงจะเอาไหมเงินเดือน"
ความรู้สึกของเกาจิ้งตอนนี้ตึงเครียดไปหมด บาดแผลที่มือขวายังปวดอยู่ แถมมาโดนตำหนิจนหน้าชาตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน ต่อให้เกาจิ้งจะเป็นคนใจเย็นแค่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะโกรธเขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม:"ผู้จัดการเหลียงผมไม่ได้เป็นคนเจรจาคำสั่งทางธุรกิจกับ บริษัท เครื่องจักรกล ซิน
จึงไม่ควรเป็นผมที่จะเป็นคนรับผิดชอบจัดการบัญชี ซึ่งผมจะทำอะไรได้ในเมื่อนายซินหวัง ไม่รู้จักผม ชายคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังผู้จัดการเหลียง มองมาที่ เกาจิ้ง ด้วยสายตาที่สลด แต่เมื่อเกาจิ้งจ้องมองกลับไป เขาก็หดหัวลงอย่างเขินอาย ผู้ชายคนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของผู้จัดการเหลียงเซียง และเขาเป็นผู้ลงนามคำสั่งธุรกิจของบริษัทเครื่องจักรกล ซิน เป็นผลให้มีบางอย่างผิดปกติกับรายการสินค้า และกลายเป็นว่าเกาจิ้ง ถูกตำหนิและเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบ
ทำไม!?เป็นความรู้สึกในใจของเกาจิ้ง
เหลียงเซียง พูดไม่ออกชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ตะโกนอย่างเสียงแข็ง:"คุณเป็นพนักงานของบริษัท ดังนั้นคุณควรทำงานให้หนักเพื่อให้งานที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทลุล่วงไปได้ ด้วยทัศนคติในการทำงานของคุณจึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่คุณไม่มีความคืบหน้าในตำแหน่งหน้าที่หลังจากทำงานมาหลายปี"
เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์กดดันเช่นนี้ เกาจิ้งกำหมัดโดยไม่ตั้งใจ
นับตั้งแต่เขาเข้าร่วมทำงานกับบริษัท จินฮุย เขาก็ทำงานอย่างมีมโนธรรมเสมอมาไม่เคยหย่อนยาน และผลงานของเขาก็อยู่ในระดับแนวหน้ามาโดยตลอด
ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา เกาจิ้ง ไม่เพียงจ่ายเงินใช้หนี้ให้ระบบกู้ยืมเพื่อการศึกษาทั้งหมดเท่านั้น แต่ยังจ่ายหนี้ที่เป็นค่ารักษาพยาบาลให้กับคุณปู่ของเขาอีกด้วย และยังเก็บเงินออมได้ก้อนหนึ่ง
การที่ต้องอาศัยคณะกรรมการธุรกิจในการพิจารณาเป็นเหตุผลที่ไม่มีการเลื่อนขั้นด้านอาชีพของเขานั้นยากที่จะอธิบาย
ในความเป็นจริงเกาจิ้งมีโอกาสได้รับการเลื่อนขั้นเมื่อครึ่งปีก่อน เป็นเพียงเพราะว่าเขาไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วม กับผู้จัดการที่รับผิดชอบในขณะนั้น ผลคือผลงานและความสามารถของเขาดีกว่า แต่เหลียงเซียงมีความกล้าที่จะเสนอผลงานปลอมแปลงในฐานะผู้นำ
และเหลียงเซียงมีความอิจฉาเป็นทุนเดิมเลยเกิดการเลือกที่รักมักที่ชัง ต่อเกาจิ้ง รวมถึงการทำให้แผนธุรกิจเขายุ่งเหยิงแม้กระทั่งคำสั่งทางธุรกิจของเกาจิ้งยังถูกแอบเอาไปแก้ไขหลายรายการ
การคาดหวังที่จะประสบความสำเร็จภายใต้บุคคลเช่นนี้เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน
ความเงียบของเกาจิ้งทำให้เหลียงเซียงลำพองใจ เขาโบกมือแล้วพูดว่า:"ตกลง! และฉันไม่สนว่าคุณจะใช้วิธีไหนแต่คุณต้องทวงหนี้ของซินหวัง ก่อนสิ้นเดือน มิฉะนั้นผลงานของคุณสำหรับครึ่งปีหลังจะถูกหักออก!"
ชายผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเหลียงเซียงที่อยู่ข้างๆแสดงรอยยิ้มที่พอใจ และมองไปที่เกาจิ้ง ด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
แล้วผลงามความดีที่ผ่านมาล่ะ?มันไม่มีค่าเลยหรือ นี่มันเป็นเรื่องที่น่าขยะแขยงจริงๆ
"ไปหากระโปรงมาใส่ซะ"
เกาจิ้งคลายกำปั้นที่กำแน่น
"นี่คุณพูดว่าอะไรนะ"
เหลียงเซียงสงสัยว่าหูของเขาฟังผิดไปหรือเปล่า กระพริบตาถี่ๆ และถามด้วยความไม่เชื่อหูตัวเอง
"ผมพูดว่า ไอ้!หน้า!ตัว!เมีย!"
คำพูดของเกาจิ้งนั้นดังและทรงพลังมาก เหมือนกับมีกำปั้นขนาดใหญ่ที่ชกใส่ใบหน้าของ เหลียงเซียงอย่างแรง
ด้วยความงงงันเหลียงเซียงถึงกับนิ่งตะลึง: "เกาจิ้ง คุณ! คุณเป็นอะไรคุณเป็นแค่แรงงานการจัดการ ลาออกไป!"
เกาจิ้งถอดบัตรพนักงานของเขาแล้วโยนมันบนลงบนโต๊ะ
"ผมจะไม่ทนอีกต่อไป"
เมื่อได้ยินคำ ลาออกไป ความเหนื่อยล้าในงานที่ต้องรับผิดชอบ ความไม่พอใจและความอัดอั้นที่สะสมอยู่ในใจลึกๆของเขาได้ถูกปลดปล่อยออกมา
ทุกคนรู้สึกทึ่งและตะลึงในเวลาเดียวกัน
แม้แต่เหลียงเซียงก็ยังตกตะลึงยืนเงียบเป็นเวลานาน
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า เกาจิ้ง ผู้ซึ่งที่มีความรับผิดชอบต่องานสูงและทำงานหนักอยู่เสมอในวันนี้เขาจะตัดสินใจลาออกอย่างเด็ดขาด แล้วหันหน้าไปที่โต๊ะทำงานของเขา
"สันดานหมาอย่างแกหลบไปให้พ้น"
เกาจิ้งผลักเหลียงเซียง ที่ยืมงุนงงอยู่ ออกไป และนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อพิมพ์จดหมายลาออก
ถ้าคุณไม่อยู่ที่นี่ คุณก็ต้องหางานใหม่ของคุณเอง และถ้าคุณไม่เข้าทำงานที่ไหนคุณก็จะต้องเป็นเจ้านายของตัวเอง
เหลียงเซียงเซถลาเกือบล้มลงกับพื้น ใบหน้าที่ซีดอยู่ก่อนของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ
เขาต้องการที่จะชกเกาจิ้งสัก 2-3 ครั้ง แต่พอหลังจากชั่งน้ำหนักความคิด ถึงความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่าย เขาจึงคิดว่า อย่าดีกว่า ดูจากหุ่นทรงแล้วเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเกาจิ้ง แม้แต่จะร่วมมือกับลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ตาม ดังนั้นเขาจึงยอมสงบสติอารมณ์อย่างขมขื่น
เกาจิ้งรีบพิมพ์จดหมายลาออกอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจสายตาที่สับสนของเพื่อนร่วมงานแล้วรีบนำไปส่งให้แผนกฝ่ายทรัพยากรบุคคล
กระบวนการพิจารณาการลาออกราบรื่นอย่างคาดไม่ถึง ประมาณว่า เหลียงเซียงเสียหน้าอย่างมากจึงต้องการให้เขาออกไปโดยเร็วที่สุด ดังนั้นจึงใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงในการดำเนินการทั้งหมดให้เสร็จสิ้น
เท่ากับว่าเงินชดเชยการลาออกนั้นศูนย์ไป
เกาจิ้งไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ และเขาไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับฝ่ายบุคคล ซึ่งอยู่ข้างเหลียงเซียง
หลังจากเก็บข้าวของส่วนตัว เขาก็ออกจากบริษัทที่เขาทำงานมา 4 ปีโดยไม่รู้สึกเสียใจใดๆ
มันคงเป็นการโกหกที่จะบอกว่าเขาไม่เสียใจ แต่ เกาจิ้ง ไม่เสียใจเลย
การระเบิดในวันนี้เป็นผลมาจากการสะสมเมื่อเวลาผ่านไปต้องเกิดขึ้นสักวันอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อเขาเดินมาถึงโถงหน้าลิฟต์ พอดีกับประตูลิฟท์เปิดออก มีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่หน้าลิฟต์
มีผู้หญิงรูปร่างสูง ขายาวผิวขาว และสวยโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ
เธอแต่งกายด้วยชุดที่สวยงามหรูหราเลอค่ามีระดับ เดินเชิดหน้า เผยให้เห็นลำคอประดุจดั่งหงส์ที่เย่อหยิ่ง
เกาจิ้งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หล่อนนั้นถูกล้อมรอบด้วยผู้คนทั้งชายหญิงมากมาย และเขาพบว่าหนึ่งในนั้นคือผู้จัดการทั่วไปของบริษัท จินฮุย และเป็นรองประธานสำนักงานใหญ่
ทั้งสองมักมีท่าทางที่เย่อหยิ่งแต่ตอนนี้พวกเขาพยักหน้าและโค้งคำนับอ่อนน้อมทำตัวเหมือนคนรับใช้
เกาจิ้ง ก้าวออกไปอย่างเงียบๆ เขาได้ยินมาว่าสำนักงานใหญ่ จินฮุยการค้า ได้ถูกซื้อด้วยคนกลุ่มหนึ่ง
เมื่อพิจารณาจากท่าทาง นางสาวไป๋ ฟูเหม่ย ซึ่งอยู่ในตำแหน่งสูงได้เข้ามาตรวจสอบ
แต่สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับเกาจิ้ง
เขาลาออกไปแล้ว
ไป๋ฟูเหม่ย เลือบมองไปที่เกาจิ้งเมื่อเธอเดินผ่านไป
เกาจิ้งไม่ได้ให้ความสนใจ แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ผู้หญิงอ้วนคนสุดท้ายที่เดินออกมาจากลิฟต์
"เกาจิ้ง?"หญิงอ้วนเอ่ยขึ้น
เมื่อเขาสังเกตเห็น เกาจิ้ง เช่นนั้นก็เดินหน้ามุ่ยถามด้วยความไม่พอใจ: "คุณไม่ไปทำงานเหรอ แล้วมาทำอะไรที่นี่"
เสียงของเธอเข้มงวด และดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
"ผู้จัดการเฉียว"
เกาจิงพูดด้วยรอยยิ้ม "ผู้จัดการเหลียงเซียงให้ผมมาถามคุณว่า เขาลืมวางกระเป๋าเงินไว้บนเตียงของคุณหรือเปล่า
ในสำนักงานใหญ่ตำแหน่งที่เหลือตกเป็นของ เหลียงเซียง ไม่มีใครในแผนกธุรกิจรู้ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง
ถ้าเทียบกับสัตว์นักล่าผู้หิวกระหาย
อายุ 30 เปรียบประดุจดังหมาป่า 40 เปรียบประดุจดั่งเสือ ผู้จัดการเฉียว อายุของเธอมากกว่า 50 สามีของเธอไม่ค่อยมีเวลาให้เกือบทั้งปี และลูกๆของเธออยู่โรงเรียนประจำ
นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ เหลียงเซียง ร่างกายอ่อนเพลียเป็นประจำ
เฉียวหลัวหลัวไม่เคยคิดฝันว่า เกาจิ้ง จะเปิดเผยความลับอันสกปรกของเธอในที่สาธารณะ และตอบโดยไม่รู้ตัวว่า "ฉันไม่เห็น"
ทันทีที่เธอพูดคำนั้น ใบหน้าของเธอก็ซีดลงทันที
การสนทนาระหว่างทั้งสองได้ยินอย่างชัดเจนโดยทุกคน รวมทั้งคุณไป๋ ฟูเหม่ย
"โอ้ ไม่เป็นไร"
เกาจิ้งเดินเข้าไปในลิฟท์ที่ประตูกำลังจะปิด เอื้อมมือออกไปกดปุ่ม B1 ซึ่งนำไปสู่โรงจอดรถชั้นใต้ดิน
เขาอดหัวเราะไม่ได้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาใน บริษัท จินฮุยความโศกเศร้าที่ถูกกดขี่โดย เฉียวหลัวหลัวและ เหลียงเซียง ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง
ทะเลกว้างพอที่ปลาแหวกว่ายได้ ท้องฟ้าก็สูงพอที่ นกบินได้ ที่จริงเขาน่าจะบินไปนานแล้ว
ผู้ชายที่สง่างามตราบเท่าที่เขาตั้งใจทำงานและอดทนต่อความยากลำบากแล้วเขายังจะกลัวว่าเขาจะไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้หรือ
จบตอน