ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 110 นังผู้หญิงหลงทาง ออกไป อย่าเข้ามาใกล้ข้าเด็ดขาด!
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 110 นังผู้หญิงหลงทาง ออกไป อย่าเข้ามาใกล้ข้าเด็ดขาด!
ติงเย่วกลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจทันทีที่ปรากฏตัว
เขากอดกระบี่ไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับยืนอยู่บนยอดเขาที่ไร้ผู้คน เมินเฉยสายตาที่จับจ้องมาโดยรอบ
เขาซ่อนพลังยุทธ์ไว้ เผยเพียงขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นแรกเท่านั้น ทำให้เขาดูอ่อนแอในสายตาของคนอื่น ราวกับว่าใครก็ตามสามารถบดขยี้เขาให้ตกตายได้
บนยอดเขาสำนักภูเขาเก้ากระบี่ อิ้งเจี้ยนคงเหลือบมองติงเย่วชั่วครู่ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเลิกสนใจเขาทันที
ในสายตาของเขา ติงเย่วเป็นเพียงขยะที่ถูกไล่ออกจากสำนักภูเขาเก้ากระบี่
หญิงงามที่อยู่ข้างกายของอิ้งเจี้ยนคงก็มองไปที่ติงเย่วแล้วขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ติงเย่วสังเกตเห็นอิ้งเจี้ยนคงและคนรักในวัยเด็กมองมาที่เขา
แต่ตอนนี้ เขาไม่รู้สึกอะไรแล้ว
เขาได้ทะลวงผ่านวิถีแห่งกระบี่ขั้นแรก เขาลืมคนรักของเขาไปหมดสิ้นแล้ว!
ส่วนขั้นที่สอง เขาเชื่อว่าน่าจะไปถึงได้ในไม่ช้า ถึงตอนนั้นเขาจะปฏิบัติต่อหญิงงามเฉกเช่นคนทั่วไป ไม่ถูกครอบงำด้วยความงดงามของพวกนาง
ติงเย่วนั้นเป็นคนอ่อนแอ อย่างน้อยก็บนผิวเผิน
...
ในโลกนี้ไม่ขาดแคลนคนประจบสอพลอ ติงเย่วที่ได้ยึดครองยอดเขาที่สงวนไว้สำหรับสำนักศาลาบุปผาเหิน ดังนั้นจึงอยากมีคนบึ่งไปรีบสอนบทเรียนให้แก่ติงเย่วเพื่อประจบประแจงสำนักศาลาบุปผาเหิน
ร่างหนึ่งบินไปหาติงเย่วจากภูเขาที่อยู่ใกล้เคียง
“ไอ้หนู นี่ไม่ใช่ที่สำหรับคนอย่างเจ้า นี่คืออาณาเขตที่สงวนไว้สำหรับพวกนางสวรรค์ของสำนักศาลาบุปผาเหิน มดปลวกเช่นเจ้ากำลังจะแปดเปื้อนลูกกะตาของนางสวรรค์ ไม่ต้องรอให้นางสวรรค์ของศาลาบุปผาเหินลงทัณฑ์เจ้า ข้านี่แหละลงทัณฑ์เจ้าเอง”
ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตจริงแท้ขั้นที่สาม
ขอบเขตจริงแท้ขั้นที่สามถือว่าอ่อนแอที่สุดในบรรดาขุมอำนาจใหญ่ที่อยู่โดยรอบ
เขายกมือขึ้นหมายจะคว้าตัวติงเย่ว
เขาต้องการที่จะบดขยี้กระดูกทั้งร่างของติงเย่วและปล่อยติงเยว่ให้มีชีวิตอยู่ทั้งอย่างนั้น
ทุกคนเหลือบมองอย่างเย็นชา ไม่มีใครหยุดเขา
คนอ่อนแอมาที่นี่ก็เท่ากับรนหาที่ตาย
ทุกคนพากันคิดว่าติงเย่วจะจบเอยในสภาพที่น่าสังเวช แต่ทันใดนั้นก็เกิดแสงเย็นวูบหนึ่ง ชายวัยกลางคนที่โจมตีไม่มีโอกาสแม้แต่จะกรีดร้อง
ร่างของเขาขาดครึ่งกลางอากาศและตกตายคาที่
ติงเย่วยังคงกอดกระบี่ไว้ในอ้อมแขน เก็บงำรักษาท่วงทางเดิมไว้เหมือนเก่า ดูเหมือนกับว่าเขามิได้ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
นั่นรวมถึงยอดฝีมือขอบเขตกึ่งจักรพรรดิเช่นกัน
ริ้วแสงกระบี่นั้นเร็วเกินไป เมื่อครู่นี้ทุกคนมิได้ให้ความสนใจกับสถานการณ์มากนัก ดังนั้นแม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตกึ่งจักรพรรดิก็ยังมองเห็นไม่ชัดว่าริ้วแสงกระบี่มาจากไหน
ทุกคนจึงมองไปที่สำนักภูเขาเก้ากระบี่โดยปริยาย
ยอดเขาของสำนักศาลาบุปผาเหินอยู่ถัดจากยอดเขาของสำนักภูเขาเก้ากระบี่
ยอดฝีมือจากสำนักภูเขาเก้ากระบี่คนใดเคลื่อนไหวหรือไม่?
หรือเป็นอิ้งเจี้ยนคง?
“เป็นกระบี่ที่รวดเร็วอะไรอย่างนี้!”
ผู้อาวุโสจากสำนักภูเขาเก้ากระบี่มองไปที่ติงเย่วด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
รูม่านตาของอิ้งเจี้ยนคงหดแคบ เขาแลดูตกใจ ติงเย่วเป็นคนที่โจมตีอย่างงั้นหรือ?
นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?
หญิงงามข้างกายของอิ้งเจี้ยนคงก็มองไปที่ติงเย่วด้วยความไม่เชื่อสายตา
นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าขยะที่ถูกขับไล่ออกจากสำนักภูเขาเก้ากระบี่นั้นมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
ไม่ใช่ว่าเขาอยู่เพียงขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นแรกเท่านั้นเองหรือ?
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของสำนักภูเขาเก้ากระบี่ ทุกคนจึงตระหนักว่าริ้วแสงกระบี่เมื่อครู่มิได้มาจากสำนักภูเขาเก้ากระบี่
ทว่ามาจากชายหนุ่มคนนั้น
เป็นไปได้อย่างไร?
เขาอายุเท่าไหร่กัน!
เขาอายุน้อยกว่าอิ้งเจี้ยนคงมาก อายุยังน้อยกลับมีพลังมหาศาลถึงเพียงนี้จริงหรือ?
เขายังเป็นมือกระบี่ตั้งแต่อายุยังน้อยและครอบครองแข็งแกร่งที่น่าสะพรึง เขาอาจจะน่ากลัวยิ่งกว่าอิ้งเจี้ยนคงใช่หรือไม่?
ผู้ใดกัน?
"ช่างน่าสนใจ ดูท่ามันจะได้รับโชควาสนาและแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย”
อิ้งเจี้ยนคงหัวเราะเบา ๆ “ขยะก็เป็นขยะอยู่วันยังค่ำ ถึงมันเขาจะอาศัยโชควาสนาเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่ความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อยนี้ก็เป็นขีดจำกัดของมันแล้ว”
ทุกคนพากันมองไปที่อิ้งเจี้ยนคง
อิ้งเจี้ยนคงรู้จักชายหนุ่มคนนั้น?
ติงเย่วเยาะเย้ย “ขยะที่ไปถึงเพียงขอบเขตจริงแท้ขั้นที่เก้าตอนที่อายุห้าสิบปีพยายามจะกล่าววาจาเรื่องขยะกับข้า”
กลิ่นอายรอบตัวของติงเยว่พุ่งพล่านขึ้น ฐานพลังยุทธ์ขอบเขตจริงแท้ขั้นที่เก้าของเขาเผยออกมา
ติงเย่วอายุเท่าไหร่?
ชายหนุ่มที่ยังเด็กอยู่ขนาดนั้นกลับอยู่ในขอบเขตจริงแท้ขั้นที่เก้า
นอกจากนี้ กลิ่นอายของเขายังแข็งแกร่งมากเสีฃยจนทำให้ขอบเขตจริงแท้ขั้นที่เก้าหลายคนรู้สึกถึงความด้อยกว่า
เขาเป็นขอบเขตจริงแท้ขั้นที่เก้าตั้งแต่อายุน้อย แม้นว่าเขาจะอาศัยโชคเพื่อพัฒนาพลังยุทธ์ แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังเป็นของจริง
แม้นว่าติงเย่วจะฝึกฝนภายในโลกใบเล็กมานานกว่าสามสิบปี ทว่าเป็นเพราะความสามารถพิเศษของโลกใบเล็ก จึงมีการปรับความต่างของเวลาให้เวลาภายในสอดคล้องเวลาภายนอก ดังนั้นอายุของติงเย่วจึงยังคงคำนวณไปตามอายุขัยของเขาในโลกแห่งความจริง
สีหน้าของอิ้งเจี้ยนคงมืดครึ้มลง แววตาของเขาดูแปลกประหลาด
ติงเย่วมองทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างเย็นชาและเยาะเย้ย “เจ้าคิดว่าข้าติงเย่วได้รับโชควาสนาอย่างงั้นหรือ? พวกเจ้าอยากฉกฉวยไปจากข้าอย่างงั้นหรือ?”
“หึ พวกเจ้ามีค่าพอหรือ”
“โชควาสนาที่ข้าได้รับคือโชควาสนาได้พบท่านอาจารย์ของข้า ในสายตาของท่านอาจารย์ พวกเจ้าทุกคนเป็นเพียงขยะ ขยะที่ไม่คู่ควรกับท่านอาจารย์ของข้า!”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง เอาแต่ใจ ทำให้สีหน้าของทุกคนดูน่าเกลียด
แต่ไม่มีใครพยายามเคลื่อนไหว พวกเขากำลังคิดไตร่ตรอง พยายามหาตัวตนของอาจารย์ติงเย่ว?
ความจริงที่ว่าอาจารย์ของติงเยว่สามารถบ่มเพาะยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้ขั้นที่เก้าได้ในเวลาอันสั้นนั้นเป็นหลักฐานว่าเขาทรงพลังเพียงใด
ขอบเขตจักรพรรดิ?
แผ่นดินหนานโจวมีผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตจักรพรรดิหรือไม่?
อาจารย์ของเขาเป็นคนนอกหรือไม่?
ขุมอำนาจใหญ่ที่ล่วงรู้ความลับบางอย่างของแผ่นดินหนานโจต่างขมวดคิ้วมุ่น ในตอนนี้ยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิจากแผ่นดินอื่นยังมิได้รับอนุญาตให้เข้าสู่แผ่นดินหนานโจว
คนผู้นั้นจากหอจันทร์ทมิฬพิเศษไม่น้อย เพราะหอจันทร์ทมิฬนั้นทรงพลังมาก นั่นเป็นเหตุผลว่าเหตุใดพวกเขาจึงมีข้อยกเว้นอนุญาตให้คนผู้นั้นเข้าสู่แผ่นดินหนานโจว
บัดนี้เอง กลีบดอกไม้เริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า กลีบดอกไม้หลากสีร่วงหล่นลงมาและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
จิตใจของทุกคนถูกปลุกตื่น ผู้คนจากสำนักศาลาบุปผาเหินมาถึงแล้ว
เมื่อติงเย่วครอบครองยอดเขาของสำนักศาลาบุปผาเหิน หลายคนก็ตื่นเต้น น่าจะมีละครดี ๆ ให้รับชม
จากในระยะไกล มีเรือนร่างงามเดินเฉิดฉายอยู่บนอากาศ ขณะที่นางเดินไปทีละก้าว กลีบดอกไม้ที่สวยงามก็ติดตามนางไปทุกที่
กลีบดอกเหล่านี้เป็นการสำแดงพลังวิญญาณประเภทหนึ่ง ไม่ใช่กลีบดอกจริง
พวกมันถูกสร้างขึ้นมาโดยวิชายุทธ์ของสำนักศาลาบุปผาเหิน และยังเป็นวิธีปกติที่พวกนางประกาศการมาถึง
ผู้ที่มานั้นงามสง่าหาที่เปรียบมิได้
“นั่นคือเทพธิดาแห่งสำนักศาลาบุปผาเหิน หานยิ่งเมิ่ง!”
หลายคนร้องด้วยความประหลาดใจ
ผู้ฝึกยุทธ์อายุน้อยบางคนแสดงท่าทางชื่นชมและเทิดทูน
แม้แต่ดวงตาของอิ้งเจี้ยนคงก็สว่างวาบเมื่อเขาเห็นหานยิ่งเมิ่ง
มีเพียงดวงตาของติงเย่วเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนแปลง!
ไม่ว่าสตรีจะสวยสดงดงามเพียงใด นางก็มิอาจทำให้เขาเสียสมาธิได้
ขั้นที่สองของวิถีแห่งกระบี่กำหนดไว้ว่าหญิงงามมิอาจเบี่ยงเบนความสนใจได้!
ติงเย่วจำมันได้ดี ดังนั้นไม่ว่าจะได้ยินเสียงโห่ร้องแสดงความชื่นชมยินดีจากรอบข้างมากเพียงใด เขาก็ไม่แม้แต่จะเหลือบมองหานยิ่งเมิ่ง
หานยิ่งเมิ่งที่เดินไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ ขณะที่ฟังเสียงโห่ร้องยกย่องชมเชยจากรอบข้าง รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ยิ่งเบ่งบาน
นางเหยียบย่างอากาศไปยังยอดเขาที่ติงเย่วอยู่ทีละก้าว
นั่นคือภูเขาที่สงวนให้แก่สำนักศาลาบุปผาเหิน
แม้นว่าจะมีคนหนึ่งอยู่ที่นั่นแล้ว และความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ ทว่านางกลับคิดเพียงว่าเขาเป็นคนที่พยายามประจบประแจงกับสำนักศาลาบุปผาเหินและช่วยให้พวกนางครอบครองยอดเขา บางทีเขาอาจเป็นหนึ่งในผู้ชื่นชม
ติงเย่วขมวดคิ้ว
เมื่อมองไปยังหานยิ่งเมิ่งที่กำลังเหยียบย่างเข้ามาหาทีละก้าว หัวใจของเขารู้สึกมืดมน
“นางกำลังพยายามจะทำอะไร? นางจงใจพยายามดึงดูดความสนใจของข้าอย่างงั้นหรือ”
“นางยิ้มอย่างสดใส นางมาที่นี่เพื่อทำให้ข้าสับสนหรือ?”
“สตรีผู้นี้ช่างน่ารังเกียจ นางต้องพยายามสั่นคลอนหัวใจแห่งเต๋าของข้า พยายามทำให้ข้าตกหลุมรักนางเพื่อหยุดความก้าวหน้าในการตระหนักรู้วิถีแห่งกระบี่ของข้า”
“ข้า ติงเย่ว ปรารถนาบรรลุดินแดนที่ข้าไร้สตรีในหัวใจ ที่ซึ่งข้าสามารถวาดกระบี่และสังหารเทพเซียน ข้าจะถูกรบกวนด้วยสตรีนางหนึ่งได้อย่างไร”
หานยิ่งเมิ่งที่เพิ่งหยั่งเท้าข้างหนึ่งลงบนยอดเขาตอนที่ติงเย่วมองตาขวางแล้วเอ่ยกับนางอย่างเย็นชาว่า "นังผู้หญิงหลงทาง ออกไป อย่าเข้ามาใกล้ข้าเด็ดขาด!”