Chapter 96 : เขาศักดิ์สิทธิ์
หลังจากยืนยันทิศทางซ้ำอีกครั้งโจวเฉินที่รู้ว่าทิศทางที่เขากำลังมุ่งไปนั้นถูกต้องแล้วเขาจึงเพิ่มความเร็วในการเดินทางและมักจะเปิดใช้งานสกิล ‘ย่างก้าวสายลม’ เป็นช่วงๆเวลาผ่านพื้นที่สูงชัน
หนึ่งชั่วโมงให้หลังเขาก็ออกจากพื้นที่ภูเขาและมาถึงป่าแห่งเดิมที่คุ้นเคยในที่สุด หลังจากนั้นอีกชั่วโมงหนึ่งเขาที่ข้ามป่าข้ามดงมาเรื่อยๆในที่สุดก็มาถึงเป้าหมาย - เมืองผาแดง
“ระหว่างทางไม่เห็นรถม้าเลยแม้แต่คันเดียว...พวกคนขับเขาไม่ทำงานกลางคืนกันรึไง?”
โจวเฉินรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก เดิมทีเขาอยากจะนั่งรถม้ากลางทางแต่กระทั่งจนเสร็จสิ้นการเดินทางเขาก็ยังไม่เจอรถม้าเลยซักคัน กลารเดินทางหนนี้ไกลกว่ามาราธอนที่เขาเคยเข้าร่วมในชีวิตที่แล้วเสียอีก
หลังจากมาถึงรอบนอกของเมืองผาแดงโจวเฉินกลับไม่ได้เข้าไปผ่านทางประตูเมืองเนื่องจากเขาเกรงว่ากล่องในมือของเขาจะไปกระตุ้นความสนใจของพวกทหารรักษาการณ์โลภมาก
เขากระโดดข้ามกำแพงเมืองเข้าไปและกลับไปยังโรงแรมป่าอุ่นอย่างเงียบๆ
แม้ว่าประตูของโรงแรมจะปิดไปนานแล้วแต่ก็ยังมีพนักงานต้อนรับหลายคนคอยดูแลอยู่ดังนั้นเขาจึงเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
หลังจากกลับมาถึงโรงแรมโจวเฉินก็ล้างเนื้อล้างตัวและเข้านอน ก่อนจะนอนเขาสัมผัสได้ว่าหญิงสาวร่างสูงไม่ได้อยู่ในห้องของเจ้าหล่อนที่อยู่ติดกับห้องของเขา เขาไม่มั่นใจนักว่าอีกฝ่ายยังไม่กลับมาจากภารกิจหรือเกิดอะไรขึ้นกับเธอไปแล้ว
ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งพระอาทิตย์ตั้งตะหง่านอยู่บนฟ้าแล้วโจวเฉินถึงจะตื่นขึ้นมา
เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็เดินออกจากห้องและสั่งเนื้อย่างกับผลไม้มากินเพื่อเติมพลังงานที่เสียไป
ในระหว่างที่เขาคิดหาวิธีจัดการกับกล่องที่เต็มไปด้วยอัญมณีและเหรียญทองไปพลางกินไปพลางนั้นหญิงสาวร่างสูงที่ไม่พบเจอกันมาค่อนวันก็โผล่มาที่ประตูทางเข้าโรงแรม
เธอดูเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมากแต่สีหน้ากลับซ่อนความตื่นเต้นดีใจเอาไว้ไม่มิด
“ผลกำไรเป็นยังไงบ้าง?”
โจวเฉินถามยิ้มๆเมื่อเจ้าหล่อนเดินเข้ามาหา
“ไม่เลว ฉันขอพักให้หายเหนื่อยก่อนแล้วจะมาเล่าให้ฟัง ส่วนเหรียญทองนี้ฉันคืนให้”
หญิงสาวร่างสูงส่งยิ้มให้โจวเฉินและคืนเหรียญทองให้กับเขา นี่เป็นเงินที่เจ้าหล่อนหยิบยืมไปจากโจวเฉินเพื่อซื้อชุดเกราะหนังหมาป่าหิมะ
“เข้าใจแล้วเธอรีบไปพักก่อนเถอะไป”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนโจวเฉินจึงไม่คิดจะกวนเธออีก เขารีบจัดการอาหารตรงหน้าจนเสร็จก่อนจะหยิบกล่องอัญมณีขึ้นมาใส่กระเป๋าและตรงออกไปข้างนอก
ที่แรกที่เขาไปก็คือร้านคัมภีร์ที่เขาเคยมาเมื่อวันก่อน เขาขอยื่นข้อเสนอกับชายชราเคราขาวว่าขอเปลี่ยนวัตถุดิบทำแหวนที่เขาสั่งเอาไว้ให้เป็นทองแทน
เหตุผลก็เพราะตัวเขามีสกิลติดตัวอย่าง ‘ไม่มีวันตาย’ การสวมแหวนเงินจึงไม่มีประโยชน์ใดรั้งแต่จะเป็นภาระเท่านั้น ดังนั้นถ้าเขาเปลี่ยนวัตถุดิบมันซะคงดีกว่า
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้เขาจึงจำเป็นต้องจ่ายให้กับชายชราเคราขาวไปอีกสามเหรียญทอง ในเวลาเดียวกันระยะเวลากว่าไอเทมระแล้วเสร็จเองก็ต้องล่าช้าออกไปอีกหนึ่งวัน
หลังจากจัดการเรื่องนี้แล้วเขาก็ตรงไปยังร้านค้าที่ขายพวกเครื่องประดับทั่วๆไปภายในเมืองผาแดง เขาทำการขายอัญมณีส่วนใหญ่ที่ได้มาจากแวมไพร์ออกไปในราคาถูกเพื่อเปลี่ยนพวกมันให้เป็นเหรียญทอง
ไม่นานหลังจากที่เขาเดินออกมาจากร้านเครื่องประดับพร้อมกับเงินเขาก็พบว่าตัวเขากำลังถูกตามอยู่ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเส้นทางไปยังพื้นที่ที่ค่อนข้างร้างผู้คนก่อนจะจัดการคนที่แอบตามมาจนสลบไปเป็นการสอนบทเรียนให้กับคนพวกนี้
...
เมื่อกลับมาถึงโรงแรมป่าอุ่นเขาก็พบเข้ากับหญิงสาวร่างสูงที่พักผ่อนมาเต็มอิ่มแล้วและออกมาหาอะไรทาน
“ฉันไปเจอที่ดีเข้าเลยอยากจะร่วมทีมกับนายอีกรอบ”
ขณะกินข้าวอยู่นั้นหญิงสาวกล่าวกับเขาออกมาด้วยภาษาของจักรวรรดิมังกร
“ที่ดีๆแบบไหน?”
โจวเฉินเองก็ค่อนข้างสนใจ
“เป็นภูเขา มันมีชื่อเรียกโดยคนท้องถิ่นที่นี่ว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ กล่าวกันว่าตราบใดที่สามารถขึ้นไปถึงยอดของภูเขาลูกนี้ได้นายจะได้รับความสามารถบางอย่างจากจอมปราชญ์ที่อาศัยอยู่บนนั้น”
“นี่...ข้อมูลนี้เชื่อถือได้หรอ?”
โจวเฉินรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างประหลาดเกินไปหน่อย
“แน่นอน”
หญิงสาวร่างสูงตอบกลับอย่างมั่นใจ
“เมื่อวานนี้ฉันบังเอิญไปได้ยินบางคนพูดถึงเกี่ยวกับมันเมื่อตอนที่ฉันกลับมาถึงโรงเหล้ามังกรหลับเพื่อรับรางวัลภารกิจ จากนั้นฉันจึงลองถามคนในพื้นที่คนอื่นๆและยังตรงไปยังห้องสมุดเพื่อตรวจสอบเป็นพิเศษแล้วก็พบว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้มีอยู่จริง นายลองถามคนพื้นที่ที่มีอายุคนไหนก็ได้ เหตุผลที่พวกเขาไม่ค่อยคุยเรื่องนี้กันนักก็เพราะการจะขึ้นไปถึงยอดเขานั้นยากเป็นอย่างมาก ในอดีตที่ผ่านมามีคนหลายต่อหลายคนที่ไปแล้วไม่ได้กลับมาดังนั้นมันจึงกลายเป็นเรื่องต้องห้ามไป”
“ถ้างั้นมีใครเคยทำสำเร็จไหม?”
“มี กล่าวกันว่าจ้าวเมืองหลายคนจากแดนเหนือได้ปีนขึ้นไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์และได้รับความแข็งแกร่งอันมหาศาลมาครอง”
“เข้าใจล่ะ...แล้วภูเขานี่มันตั้งอยู่ที่ไหน? ไกลจากที่นี่มากไหม?”
“อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือห่างออกไปราวๆพันกิโลได้”
“...”
โจวเฉินหมดคำจะพูด
“พันกิโล? แล้วเวลาแค่ไม่กี่วันนี่พวกเราจะไปถึงที่นั่นได้ยังไง? รถม้าเรอะ?”
“พวกเราสามารถไปที่นั่นผ่านทางค่ายกลเคลื่อนย้ายได้”
หญิงสาวตอบกลับนิ่งๆ
“หืม?”
โจวเฉินไม่คิดเลยว่าจะมีอะไรแบบนี้ด้วย
“ฉันไปตรวจสอบมาแล้ว พวกเราจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายหกครั้งถึงจะไปถึงที่นั่น การเคลื่อนย้ายผ่านแต่ละเมืองจำเป็นต้องใช้เงินราวๆห้าสิบเหรียญทอง”
“แต่ละคนต้องใช้เงินถึง300เหรียญทองเนี่ยนะ? แล้วพวกเราจะไปหาเงินขนาดนั้นมาจากไหน...”
โจวเฉินรู้สึกว่ามันแพงเกินไปหน่อย
“รวมแล้วใช้เงิน300เหรียญทองจริงแต่ค่ายกลนั้นสามารถเคลื่อนย้ายได้สามคน ราคานี้ไม่ใช่ต่อคนแต่เป็นต่อครั้ง”
หญิงสาวอธิบายให้โจวเฉินเข้าใจ
“ดังนั้นหล่อนเลยดึงฉันเข้ามาเพื่อหาตัวหารใช่ไหม?”
“ใช่...แต่ในเวลาเดียวกันฉันก็คิดว่านายแข็งแกร่งมาก โอกาสที่นายจะปีนขึ้นไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ค่อนข้างสูงมาก”
หญิงสาวตอบกลับอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา
“ฉันขอหาข้อมูลก่อนเพราะฉันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี่มาก่อนเลย...”
โจวเฉินรู้ดีว่าเขาไม่อาจตอบรับคำไปอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังได้ ยังไงซะเขาก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับภูเขานี่มาก่อนเลยจนกระทั่งเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี่เอง
โจวเฉินที่เดิมทีคิดจะไปช็อปปิ้งซักหน่อยพลันต้องออกไปเสาะหาข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์แทน
หลังจากนั้นซักพักเขาก็ได้ข้อมูลมาจากเหล่าคนในพื้นที่หลายคน
สตรีเจ้าของโรงแรมป่าอุ่นกล่าว “ที่นั่นคือสถานที่อันน่าหวาดกลัว มีหลายต่อหลายคนที่ปีนขึ้นไปบนนั้นแล้วไม่ได้กลับมา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้มีหลายคนมุ่งหน้าไปที่นั่น ข้าขอแนะนำว่าเจ้าจงอย่าได้มีความคิดเช่นนั้นเลย”
แม่มดเฒ่าจากร้านขายยากล่าว “นั่นคือที่ที่ข้าเรียนรู้ทักษะการปรุงยาแต่ข้าไม่แนะนำให้เจ้าไปเพราะมันอันตรายมาก”
บางคนจากห้องสมุดกล่าว “ข้าเองก็อยากจะไปที่นั่นจนกระทั่งรู้ว่ามันทั้งไกลและหนาวเย็น นอกจากนี้ยังใช้เงินจำนวนมากอีกด้วย”
ชายชราเคราขาวจากร้านคัมภีร์กล่าว “ข้าเคยปีนภูเขาลูกนั้นกับพี่สาวมาครั้งหนึ่ง พวกเราโชคดีที่ทำสำเร็จ กระทั่งมาคิดตอนนี้ข้ายังรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อด้วยซ้ำ”
นักดื่มภายในโรงเหล้ามังกรหลับ “ภูเขาศักดิ์สิทธิ์? ข้าพึ่งไปที่นั่นมาเมื่อวานนี้เอง! ขอบอกเลยนะ ที่นั่นนอกจากหินแล้วก็ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ!”