Chapter 92 : โล่
ด้วยสกิลติดตัว ‘กระหายเลือด’ ที่ถูกยกระดับขึ้นมาทำให้ระยะการตรวจจับเพิ่มขึ้นเป็น300เมตร ทำให้โจวเฉินสามารถตามหามอนสเตอร์ที่มีระบบไหลเวียนเลือดในร่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยังไงก็ตามก็ยังคงมีมอนสเตอร์บางประเภทที่ไม่มีระบบไหลเวียนเลือด ยกตัวอย่างเช่นมอนสเตอร์ที่เขากำลังสู้อยู่นี้ก็คือหนึ่งในมอนสเตอร์จำพวกนั้น
ลักษณะของมันคล้ายกับมอนสเตอร์ประเภทวิญญาณ สีผิวขาวซีดและมีลักษณะดุร้าย ทันทีที่มันคืบคลานออกมาจากกำแพงหินมันก็ลอยตรงเข้าหาโจวเฉินอย่างเงียบเชียบโดยมาพร้อมกับกลิ่นอายเย็นเยียบที่ทำให้คนธรรมดาหายใจไม่ออก
เมื่อมันพยายามเหยียดกงเล็บขาวซีดแทงเข้าใส่โจวเฉิน โจวเฉินเองก็สวนกลับด้วยหอกในมือเช่นเดียวกัน
แต่เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าหอกเหล็กของเขาคล้ายกับแทงเข้าใส่อะไรบางอย่างที่อ่อนนุ่มอย่างยิ่ง ร่างกายของมอนสเตอร์ตัวนี้บิดงอและยืดออกไปตามการแทงของหอก
ในเวลาเดียวกันกงเล็บขาวซีดของมันก็แทงมาจนเกือบถึงตัวของโจวเฉินแล้ว หลังจากโจวเฉินหลบหลีกไปได้อย่างปราดเปรียวทำให้กงเล็บของมันทิ้งรอยบาดลึกเอาไว้ได้แค่บนพื้นเท่านั้น
“ไม่ได้ใช้การโจมตีทางจิตวิญญาณงั้นหรอ? แล้วมันโผล่ออกมาจากกำแพงหินได้ยังไง? หรือจะเป็นเหมือนกับมอนสเตอร์ประเภทเงาที่สามารถสลับไปมาระหว่างร่างกายเนื้อกับร่างวิญญาณได้?”
โจวเฉินสับสนเล็กน้อย เขายังคงใช่วิธีที่สะดวกที่สุดในการสู้กับมันซึ่งนั่นก็คือการใช้หอกโจมตีเข้าไปเรื่อยๆ
ยังไงก็ตามไม่นานนักเขาก็ต้องพบว่าแผนการนี้ไม่ดีนักเพราะร่างกายของเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้ดูเหมือนจะเบาบางยิ่งนัก นอกจากนี้มันยังสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางร่างกายได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการยืดขยายหรือบิดงอซึ่งนี่ก็ทำให้การโจมตีของโจวเฉินคล้ายกับโจมตีเข้าใส่ปุยนุ่น มีอยู่หลายครั้งที่การโจมตีของเขาถูกหลบได้ด้วยวิธีประหลาดๆ
โจวเฉินไม่สามารถสร้างความเสียหายแบบเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย กลับกันเขากลับรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อยด้วยซ้ำเนื่องจากการโจมตีของเจ้ามอนสเตอร์นักดัดตนตัวนี้ค่อนข้างยากจะป้องกัน
“ต้องลองวิธีอื่นแล้วสิ”
หลังจากรู้แล้วว่าการโจมตีทางกายภาพไม่ได้ผล โจวเฉินจึงหันมาใช้สกิลแสงศักดิ์สิทธิ์แทน แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่องลงบนร่างของเจ้ามอนสเตอร์จนทำให้มันขวัญหนีดีฝ่อจนต้องหนีกลับเข้าไปในกำแพง
โจวเฉินนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เจ้ามอนสเตอร์วิญญาณตนนี้มันควรจะถูกแสงศักดิ์สิทธิ์กดข่มจนสลายหายไปหรือได้รับบาดเจ็บสิแต่แท้จริงแล้วกลับเพียงแค่กลัวจนหลบหนีไปเท่านั้น
เขารู้สึกว่าเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้ผิดปกติ มันอาจจะมีความสามารถประเภทป้องกันรูปแบบพิเศษบางอย่างดังนั้นเขาจึงเริ่มสำรวจพื้นที่รอบๆโดยหวังว่าจะหามันให้เจอและจัดการมันลงให้ได้
สวรรค์ย่อมปรานีผู้ทำงานหนัก หลังจากออกค้นหาทั่วบริเวณกว่าครึ่งชั่วโมงในที่สุดโจวเฉินก็เจอกับเจ้ามอนสเตอร์วิญญาณตนนี้อีกครั้ง ร่างกายของมันดูเหมือนจะไม่ได้ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์เผาไหม้อย่างที่เขาคิดจริงๆ ทั่วทั้งร่างกายของมันนั้นยังคงอยู่ในสภาพเดิม
“กลิ่นอายที่มันปลดปล่อยออกมายังคงให้ความรู้สึกเย็นวาบเหมือนเดิมไม่แตกต่างจากตอนแรก หรือว่าแสงศักดิ์สิทธิ์จะไร้ผลกับมัน?”
โจวเฉินยิ่งสนใจเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้เข้าไปใหญ่ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะต้องฆ่ามันให้ได้
ยังไงก็ตามมอนสเตอร์ตัวนี้ดูเหมือนจะมีสติปัญญาอยู่พอสมควร เมื่อมันเห็นโจวเฉินเข้ามาใกล้มันกลับไม่ได้ตอบโต้เหมือนกับพวกไร้สมองแต่เลือกที่จะคลานกลับเข้าไปในกำแพงหินและหนีจากไปแทน
“อย่าหนีสิโว้ย!”
โจวเฉินรู้สึกหมดคำจะพูดขึ้นมาทันที การตามล่ามอนสเตอร์ที่สามารถทะลุผ่านกำแพงได้ไม่ใช่งานง่ายเลยจริงๆ
“ไม่เราจะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้ ทั้งวันนี้ฆ่ามอนสเตอร์มาก็เยอะแล้วแต่ยังไม่ได้อะไรเลย เราจะปล่อยให้เจ้าตัวนี้รอดไปไม่ได้เด็ดขาดเพราะเห็นๆอยู่ว่ามันต้องมีอะไรดีๆอยู่กับตัวแน่ๆ”
โจวเฉินเริ่มคิดหาวิธีสังหารมอนสเตอร์ตัวนี้
“เห็นได้ชัดว่าเราจำเป็นต้องใช้วิธีการพิเศษในการจัดการกับมัน ความสามารถพิเศษของเรานอกจากแสงศักดิ์สิทธิ์แล้วก็ยังมีเปลวเพลิงอีกอย่างหนึ่ง ยังไงก็ตามมีไอเทมบางอย่างเหมือนกันที่น่าจะมีประโยชน์”
หลังจากคิดอยู่ซักพักโจวเฉินก็เริ่มคิดหาแผนการ
หลังจากนั้นสองชั่วโมง โจวเฉินออกค้นหาร่องรอยของมอนสเตอร์วิญญาณตัวนั้นในบริเวณรอบๆ เขาวิ่งผ่านทางเดินทางแล้วทางเล่าและพบกับเจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้นอยู่หลายครั้ง
ยังไงก็ตามทันทีที่อีกฝ่ายเห็นเขามันก็จะหนีไปทันที
ดังนั้นหลังจากอดทนค้นหามาเป็นเวลานานโจวเฉินจึงไม่รีบร้อนเคลื่อนไหวอีกต่อไปหลังจากที่เห็นเงาร่างของมันลอยอยู่ไกลๆ
“ในระยะนี้มันน่าจะยังไม่สังเกตถึงเราหรือบางทีมันอาจจะคิดว่าเราอยู่ไกลเกินกว่าจะเป็นภัยคุกคามสำหรับมัน”
หลังจากเห็นว่าเจ้ามอนสเตอร์วิญญาณที่อยู่ไกลออกไปนั้นไม่ได้ระมัดระวังในตัวเขาเลย โจวเฉินจึงลอบถอยออกไปอย่างเงียบๆและหลบอยู่ด้านหลังหินยักษ์ก้อนหนึ่ง
จากนั้นเขาก็หยิบโพชั่นสีขาวออกมาและดื่มเข้าไป
“โพชั่นล่องหนหมดซะแล้ว ครั้งนี้ต้องทำให้สำเร็จให้ได้”
หลังจากเข้าสู่สภาวะหายตัว โจวเฉินก็เปิดใช้งานสกิล ‘ย่างก้าวสายลม’ และพุ่งเข้าใส่เจ้ามอนสเตอร์วิญญาณตนนั้นทันที เมื่อเข้ามาใกล้มากแล้วเขาก็เปิดใช้งานความสามารถลอยตัวของสกิลย่างก้าวสายลมและลอยตัวไปยังด้านหลังของมันอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เขาเข้าถึงตัวมันโจวเฉินก็เปิดใช้งานสกิลทั้งสองออกมพร้อมกัน – แสงศักดิ์สิทธิ์และเปลวเพลิง!
ขณะที่บอลแสงเหนือฝ่ามือของเขาถูกยิงออกไป เขาก็ยังพ่นเปลวเพลิงเข้าใส่มอนสเตอร์ตนนี้จนทำให้มันตกอยู่ภายใต้กองเพลิงไปอีกคำรบ
โจวเฉินได้ยินเสียงกรีดร้องน่าสังเวชดังขึ้นมา มอนสเตอร์ตัวนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ยังไม่ตาย มันยังพยายามจะคลานไปยังกำแพงหินที่อยู่ใกล้ๆ
“ความเสียหายยังขาดไปอีกนิดหน่อย ดูเหมือนต้องลองไอนี่แล้ว”
โจวเฉินหยิบขลุ่ยสีขาวออกมาจากช่องเก็บของและเป่ามันทันที
นี่คือขลุ่ยกระดูกที่เขาได้มาจากเมืองใต้ดิน เสียงที่ขลุ่ยนี้เปล่งออกมาจะสร้างความเสียหายให้กับเป้าหมายในบริเวณใกล้เคียงทั้งหมด
ยังไงก็ตามมันจำเป็นต้องเป่าซักพักใหญ่ๆถึงจะสามารถสร้างความเสียหายได้ ดังนั้นตั้งแต่ได้มาโจวเฉินจึงไม่เคยใช้มันมาก่อนเลย
โจวเฉินเป่าขลุ่ยกระดูกด้วยพลังทั้งหมดที่มีขณะเดียวกันก็วิ่งไปทั่วถ้ำเพื่อหาร่องรอยของมอนสเตอร์ตนนั้นขณะที่เล่นขลุ่ยกระดูกไปด้วย
เขาไม่รู้หรอกว่าแบบนี้มันจะได้ผลรึเปล่าแต่ก็อยากจะลองเสี่ยงโชคดู
ยังไงก็ตามดูเหมือนหนนี้โชคจะเข้าข้างเขา หลักจากเป่าขลุ่ยมาเกือบๆสองนาทีเขาก็พลันได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นมา
[พรสวรรค์ช่วงชิงสกิลติดตัวทำงาน : ท่านได้ทำการช่วงชิงสกิลติดตัวของวิญญาณร้ายแห่งคมดาบ [โล่(ระดับ2)] - ต้องการดูดซับหรือไม่?]
“มันให้สกิลจริงๆด้วย!”
โจวเฉินรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันตาเห็น เขาพยายามอย่างหนักก็เพื่อสิ่งนี้นี่แหละ
เขาเริ่มจากเช็คคำอธิบายของสกิลติดตัว ‘โล่’ นี่ก่อนเลย
[โล่(ระดับ2)]
[ประเภท : สกิลติดตัวระดับทองแดงขั้นกลาง]
[คำอธิบาย : ร่างกายของท่านจะมีโล่โปร่งแสงที่สามารถป้องกันความเสียหายจากการโจมตีได้หลากหลายประเภท ถ้าความเสียหายที่โล่ได้รับอยู่ในขอบเขตที่มันป้องกันได้มันจะฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อความเสียหายที่โล่ป้องกันได้เกินกว่าที่มันจะรับไหวโล่จะหายไปทันที...จากนั้นโล่จะค่อยๆฟื้นฟูหลังจากผ่านไป15นาที]