ตอนที่แล้วบทที่ 894 (15) คุณชายหรง(ตอนฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 896 (17) คังหยวนถูกจับ!

บทที่ 895 (16) ปัญหาภายในและภายนอก(ตอนฟรี)


บทที่ 895 (16) ปัญหาภายในและภายนอก

“คุณชายหรง! คุณตั้งใจจะใช้บอดี้การ์ดภายในเพื่อจัดการกับโรงงานผลิตยาเซียวงั้นหรือ?!” เหล่าหวางตกใจ “เรื่องนี้มีจี้เจิ้นกั๋วมาเกี่ยวข้อง เขาไม่ใช่คนที่เราจะไปยุ่มย่ามตามใจได้ง่ายๆ!”

“หึหึ กว่าจี้เจิ้นกั๋วจะทันได้ทำอะไร เราก็ได้สูตรมาแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นทุกอย่างก็สายไป สิ่งที่เขาทำได้ก็มีแค่ยอมแพ้เท่านั้น!” คุณชายหรงกล่าวอย่างมั่นใจว่า “แม้จี้เจิ้นกั๋วจะมีพลังมาก แต่ตระกูลของพี่เขยของฉันก็ไม่ใช่ตระกูลเก่าแต่ไม่เก๋า การโต้ตอบของพวกเขาไม่ใช่เรื่องที่ใครจะรับมือได้ง่ายๆ!”

“ถ้านั่นจะเป็นหนึ่งในวิธีที่เราเตรียมเอาไว้ก็โอเคอยู่.. แต่อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถพิจารณาบริษัทอื่นได้อีกไม่ใช่หรือ? ไม่เห็นจะต้องมุ่งเป้าไปที่โรงงานเซียวเพียงอย่างเดียวเลย” เหล่าหวางกล่าว เขายังคงรู้สึกกังวลเล็กน้อย ยังไงจี้เจิ้นกั๋วก็ได้ชื่อว่าเป็นคุณชายใหญ่คนหนึ่งในตระกูลใหญ่ เขาเป็นคนที่เราจะไปยั่วโมโหได้ง่ายๆอย่างนั้นเลยหรือ?

“คุณไม่เข้าใจ! บริษัทอื่นไม่มีศักยภาพดีเท่าโรงงานเซียว.. เอาเถอะ! คุณไม่ต้องกังวล มันไม่มีปัญหาแน่นอน!” คุณชายหรงโบกมือแล้วพูดตัดจบ

................

“ดูเหมือนว่าคนที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้จะมีภูมิหลังมากมายจริงๆ...” จี้เฟิงเดินช้าๆในสวนสาธารณะของชุมชน เขาเพิ่งคุยกับซูหยวนทางโทรศัพท์และรู้ว่าผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาไปที่โรงงานเซียว แต่เขาไม่รู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะไปที่โรงงานเซียวเพื่อสร้างปัญหา

ซึ่งแปลว่ามีคนข้ามหัวซุนซู่เหรินและใช้รองผู้อำนวยการกับผู้อำนวยการแผนกโดยตรง ถ้าอย่างนั้น.. คนที่ออกคำสั่งจะต้องมีตำแหน่งสูงกว่าซุนซู่เหริน และต้องเป็นคนที่มีอำนาจอย่างแท้จริง

“ใครกันที่เพ่งเล็งมายังผงลดความอ้วนคังหยวน...” จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกอยู่พักหนึ่งก็ยังนึกไม่ออก “หรือจะเป็นกลุ่มบริษัทหรงเผิง?”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ มันก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก เพราะด้วยทรัพย์สินที่ซ่อนอยู่ของตระกูลอู๋บวกกับอิทธิพลในแวดวงการเมือง เขาสามารถทำอะไรแบบนี้ได้จริงๆ และเป็นไปได้สูงที่เขากำลังระดมพลังในเจียงโจว!

“ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร เรื่องนี้จะปล่อยไว้เฉยๆแบบนี้ไม่ได้! คิดจริงๆหรือว่าโรงงานเซียวเป็นลูกพลับอ่อนที่ใครอยากจะเด็ดไปกินเมื่อไหร่ก็ได้!” จี้เฟิงยิ้มเยาะ

...............

หลังจากนั้นไม่กี่วัน จี้เฟิงยังคงติดต่อกับซูหยวนอยู่เรื่อยๆเพื่อสอบถามสถานการณ์ของโรงงานเซียว

แต่ไม่มีใครมาสร้างปัญหาอีกเลย โรงงานผลิตยายังคงดำเนินกิจการไปตามปกติ และแม้ยาโก้ยตั๊กเพี่ยงที่ถูกแจ้งว่าปัญหาก็ไม่ได้หยุดการผลิต เพราะแท้จริงแล้วมันไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย มีแค่ใครบางคนจ้องจะจับผิดและหาข้ออ้างเพื่อมาตรวจสอบและขอสูตรยาเท่านั้น... นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ

อย่างไรก็ตาม ยิ่งคลื่นลมสงบมากเท่าไหร่ คลื่นลูกต่อไปก็จะยิ่งเป็นคลื่นพายุที่รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น มันทำให้จี้เฟิงต้องเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ในเมื่อตอนนี้จี้เฟิงรู้แล้วว่ามีใครบางคนกำลังจับตามองคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ที่ผลิตโดยโรงงานเซียวฟามาซูติคอล และภูมิหลังของใครบางคนที่ว่านั่นก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่อีกฝ่ายจะต้องปล่อยมือไปง่ายๆแค่นี้ ความสงบชั่วคราวอาจเป็นเพียงการสะสมกำลังหรือกำลังวางแผนการบางอย่างอยู่ก็เป็นได้

และถ้าหากพวกเขาลงมืออีกครั้ง การจัดการอาจไม่ง่ายเหมือนอย่างครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงไม่ได้มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย เขาเองก็เริ่มวางแผนแล้วเช่นกันว่าจะต่อสู้กลับอย่างไร

การอยู่เฉยๆให้อีกฝ่ายรังแกโดยไม่ตอบโต้ไม่ใช่นิสัยของจี้เฟิง ในเมื่ออีกฝ่ายเปิดเกมมาก่อนแล้วแบบนี้ เขาทนไม่ได้แน่นอนที่จะอยู่เฉยๆให้อีกฝ่ายรังแกได้ตามใจ!

ในวันที่ 28 ของเดือนจันทรคติที่ 12 (วันตรุษจีน) สมาชิกทุกคนในตระกูลจี้รวมตัวกันที่ลานซื่อเหอหยวนของผู้อาวุโสจี้เพื่อรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน

เนื่องจากเมื่อวันส่งท้ายปีเก่าที่ผ่านมาเป็นวันที่เหล่าอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้อาวุโสจี้และคนระดับสูงมากมายได้มาเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสจี้ เพราะพวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมในขณะนี้

จี้เฟิงยังคงนั่งกับจี้ช่าวเหลยในห้องพักลานที่สองภายในซื่อเหอหยวนของผู้อาวุโสจี้ พวกเขากำลังดื่มชาและพูดคุยกัน

ถ้ามองออกไปด้านนอกผ่านทางหน้าต่าง คุณสามารถเห็นคน 4-5 คนกำลังยืนอยู่ด้วยกัน พวกเขาพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสบายๆ สมาชิกตระกูลจี้เกือบทั้งหมดอยู่ที่นี่ รวมถึงสายเลือดรองก็อยู่ที่นี่ด้วย

เป็นเพราะผู้อาวุโสจี้ ผู้นำและเสาหลักของตระกูลจี้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมั่นคงดี ดังนั้นเขาจึงสามารถทำให้ทุกคนในตระกูลอยู่กันอย่างสงบเสงี่ยมและไม่มีใครกล้าแสดงท่าทีโอ้อวดต่อหน้าเขา

และเป็นเพราะเหตุนี้เช่นกัน ที่ทำให้ตระกูลจี้สายเลือดรองทำตัวดีอยู่ในกฎเกณฑ์กันมากขึ้น นอกจากนี้ จี้เจิ้นหัวและจี้เจิ้นกั๋วได้มาถึงตำแหน่งที่สูงมากแล้วและยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ตระกูลจี้สายรองจึงเข้าใจอย่างแจ่มชัดว่าพวกเขาไม่อาจสู้กับตระกูลจี้สายตรงได้เลย

“ดูสิ *จี้เส้าฮงก็อยู่ที่นี่ด้วย แล้วก็จี้เส้าจุน...” จี้ช่าวเหลยเบ้ปากเล็กน้อย

จี้เฟิงหันศีรษะเพื่อมองออกไปทางนอกหน้าต่าง แน่นอนว่าเขาเห็นจี้เส้าฮงในเสื้อโค้ตสีดำกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับจี้เส้าจุน ถัดจากพวกเขายังมีจี้เส้าโหยวซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีความขัดแย้งกับจี้เฟิงมาก่อน ทั้งหมดนี้คือรุ่นที่สามของตระกูลจี้

จี้เส้าฮงในวันนี้ เมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่จี้เฟิงเห็นเขา เขามีท่าทีที่สงบมากขึ้น และดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียทัศนคติที่ซ่อนมีดไว้ใต้รอยยิ้มอย่างก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง เขาดูสบายๆและซื่อตรงมากขึ้น

“เก่งกาจใช่ย่อยนะไอ้หมอนี่!” จี้ช่าวเหลยที่นั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้น “จี้เส้าฮงน่ะ ฉันได้ยินมาว่าปีนี้เขาทำผลงานได้ดีมากและผลลัพธ์ที่ได้ก็ยอดเยี่ยม”

“เหรอครับ.. ยังไงล่ะ?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม

จี้ช่าวเหลยยิ้มและพูดว่า “ก็ตั้งแต่ที่ถูกนายทำให้อับอายขายขี้หน้าไปครั้งล่าสุด จี้เส้าฮงก็เหมือนจะแอคทีฟมากขึ้น เขาไปยังมณฑลที่อยู่ทางตอนเหนือ นายก็รู้ว่าทางเหนือยังไม่ได้มีการพัฒนาอะไรมากมายนัก แต่ในทางตรงกันข้าม มันก็สร้างผลง่ายได้ไม่ยาก แต่ก็ถือว่าจี้เส้าฮงทำผลงานออกมาได้ดีจริงๆล่ะนะ แม้แต่คุณปู่ก็ยังชมเชยเขา”

“แล้วไม่ดีเหรอ?” จี้เฟิงยิ้ม “พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นสมาชิกของตระกูลจี้ คนของตระกูลจี้ทำงานออกมาได้ดี ทุกคนก็พลอยได้หน้าไปด้วย”

“หึหึ...” จี้ช่าวเหลยส่ายหัวและยิ้ม “ฉันเกรงว่าคนอื่นจะไม่คิดแบบนั้นกันน่ะสิ!”

จี้เฟิงส่ายหัวและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่รอง เราทุกคนขึ้นชื่อว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะตระหนักได้ถึงความจริงนี้... สักวัน”

จี้ช่าวเหลยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “นายพูดถูก แต่เรื่องแบบนี้ ต้องปล่อยให้ชนกับกำแพงซักสามสี่ครั้ง ถึงจะรู้ซึ้งถึงคำว่าครอบครัว”

ที่เขาพูดนั้นมีความหมายมาก

เมื่อพูดถึงรุ่นที่สองจากทางฝั่งสายรองของตระกูลจี้  จี้เจิ้นซานและจี้เจิ้นเย่ พวกเขาทั้งสองคนเป็นลูกชายทางสายเลือดของผู้อาวุโสจี้คนที่สองของตระกูลจี้(จี้เอ้อเหย่) และเป็นหลานของผู้อาวุโสเฒ่าตระกูลจี้ แม้พวกเขาสองคนจะมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี แต่ก็พูดอย่างเต็มปากเต็มคำไม่ได้ว่าพวกเขาสร้างมันมาทั้งหมดด้วยมือของตัวเอง ตอนนี้จี้เจิ้นซานเป็นรองหัวหน้าเขตหนึ่งในหยานจิง ส่วนจี้เจิ้นเย่ก็ทำหน้าที่ได้ดีในพื้นที่ท้องถิ่น

ส่วนในรุ่นที่สามของสายรองอย่างจี้เส้าฮงและจี้เส้าจุนนั้นดูเหมือนจะมีอนาคตไกลกว่า จี้เส้าฮงในปัจจุบันได้เป็นผู้พิพากษาในมณฑลทางตอนเหนือ ส่วนจี้เส้าจุนก็เหมือนลูกหลานคนรวยตระกูลอื่นๆที่ทำตัวเลื่อนลอยไปมาแต่มีชื่ออยู่ในแวดวงของธุรกิจ

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่สองอย่างจี้เจิ้นซานกันจี้เจิ้นเย่หรือรุ่นที่สามอย่างจี้เส้าฮงที่พวกเขาสามารถทำสิ่งที่น่าประทับใจได้ อันที่จริงเป็นเพราะพวกเขาได้รับการปกป้องจากตระกูลจี้มากกว่า

ด้วยชื่อของตระกูลจี้ จะไม่มีใครกล้าสู้กับพวกเขาแบบตัวต่อตัวอย่างแน่นอน อย่างน้อยๆก็เป็นการเจรจาหาทางออกที่ยังคงไว้หน้ากัน แทนที่จะทำให้ตัวเองเจ็บไปด้วยจากการปะทะกันตรงๆ กับตระกูลจี้ พวกเขาเลือกทางอื่นที่ง่ายกว่าไม่ดีกว่าหรือ?

ดังนั้นถ้าหากพูดถึงเรื่องความสามารถของพวกเขา มันจึงยังไม่ได้รับการยืนยันจนมาถึงทุกวันนี้ และเพื่อให้ชัดเจนว่าความสามารถของแต่ละบุคคลเป็นเช่นไร มันไม่ควรจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ราบรื่น แต่ต้องอยู่ในความทุกข์ยากถึงจะวัดกันได้!

ในประเด็นนี้ จี้เจิ้นหัวและจี้เจิ้นกั๋วอยู่ในสถานการณ์นั้น

ในช่วงปีแรกๆ พวกเขาสองคนไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวเลย ในเวลานั้นผู้อาวุโสจี้เพิ่งเข้ามามีอำนาจได้ไม่กี่ปี และความสัมพันธ์ในทุกๆด้านยังไม่ได้รับการชี้แจงอย่างละเอียดถี่ถ้วน นอกจากนี้ผู้อาวุโสจี้ยังใช้วิธีบีบบังคับคัดค้านหัวชนฝากับหลายๆเรื่องของลูกชายทั้งสอง ดังนั้นผลงานทั้งหมดของสองพี่น้องจี้เจิ้นหัวและจี้เจิ้นกั๋วจึงเกิดขึ้นด้วยความสามารถของพวกเขาเอง

แน่นอนว่าเมื่อพวกเขาขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในภายหลัง ผู้อาวุโสจี้อาศัยความสัมพันธ์บางอย่างอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นต่อให้เก่งกาจแค่ไหนก็สู้กับคนเส้นใหญ่อิทธิพลกว้างไม่ได้

ดังนั้นเมื่อพูดถึงปัจจุบัน เส้นทางในการเติบโตจากคนของฝั่งสายรองค่อนข้างสะดวกสบายราบรื่น แต่ก็เป็นเพราะเหตุนี้ ที่ทำให้พวกเขาไม่คุ้นชินกับความกดดันและไม่เคยต้องเผชิญกับปัญหาที่ยากลำบาก ซึ่งนี่เป็นข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาอย่างหนึ่งด้วย

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่จี้ช่าวเหลยกล่าวว่า พวกเขาจะรู้ว่าทุกคนคือครอบครัวก็ต่อเมื่อต้องชนกับกำแพงสักสามสี่ครั้ง ซึ่งนั่นหมายความว่า เมื่อพวกเขาเผชิญกับปัญหาจากโลกภายนอก พวกเขาจะรู้ว่าครอบครัวนั้นคือกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา โดยเฉพาะทายาทสายตรงคือสิ่งที่พวกเขาต้องพึ่งพิง!

สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการมีปฏิสัมพันธ์อันดีกับลูกหลานสายตรงแทนที่จะสร้างปัญหาความขัดแย้งภายใน

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อย หากสมาชิกในตระกูลจี้สามารถรวมตัวกันได้จริงๆ รวมถึงสมาชิกตระกูลจี้จากทางสายรอง ตระกูลจี้จะแข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้อย่างแน่นอน!

ช่างน่าเสียดาย.....

จริงๆ แล้วปัญหาภายในบางครั้งน่ากลัวกว่าปัญหาภายนอก เพราะอันตรายมักจะมาโดยที่คุณไม่ทันตั้งตัวและคาดไม่ถึง!

‘ฉันคงต้องหาวิธีคลายความตึงเครียดระหว่างสายตรงกับสายรอง...’ จี้เฟิงกล่าวอยู่ในใจ

ในเวลาเดียวกันจี้เฟิงก็คิดถึงเรื่องในเจียงโจว

ตอนนี้ตระกูลจี้ไม่ได้เป็นปึกแผ่น และมีคนนับไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นตระกูลอู๋หรือตระกูลอื่นๆ ที่คอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลา และมีคนที่ไม่รู้อีกว่าเป็นใครที่จ้องจะเขมือบโรงงานเซียวของเขาในเจียงโจว นี่อาจไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

การที่คนเหล่านั้นต้องการจัดการกับโรงงานเซียวของเขา เป็นไปได้ไหมว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือพ่อและอารอง? และถ้าพวกเขาจัดการโรงงานเซียวไม่สำเร็จ พวกเขาจะเลือกแทรกแซงทางคนของตระกูลจี้สายรองหรือไม่?

เพราะถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับทางสายรองจริงๆ ก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อสายตรงด้วย และคนอื่นๆก็จะบอกว่าผู้อาวุโสเฒ่าตระกูลจี้ไม่สั่งสอนลูกหลานที่ไร้ซึ่งระเบียบวินัย

ถ้ายังบริหารจัดการครอบครัวได้ไม่ดี แล้วจะบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างไร?

ในสังคมปัจจุบัน ไม่สำคัญว่าใครในตระกูลเป็นคนทำ หากเกิดอะไรขึ้นจะถูกมองทันทีว่าทุกคนในตระกูลรับรู้และผ่านการปรึกษาหารือกันมาแล้ว ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ไม่มีใครสามารถปิดฟ้าได้ด้วยมือเดียว

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อย ดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆจะต้องฝ่าฟันกันอีกมาก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตัวเขาเองไม่สามารถช่วยอะไรใครได้ เพราะเขายังอ่อนแอเกินไป เขายังตามหลังคู่ต่อสู้อยู่มาก

ในแง่ของความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ฉันเกรงว่าทุกคนคงมีกล่องสมบัติลับๆที่ซ่อนเอาไว้อยู่เบื้องหลังของพวกเขา  และจำนวนหลักหมื่นล้านนั้น จี้เฟิงไม่สามารถไปเปรียบเทียบกับพวกเขาได้เลย

ส่วนความสัมพันธ์กันในครอบครัว ตระกูลจี้ก็ไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

เมื่อมาคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้แล้ว ไม่แปลกเลยที่ผู้อาวุโสจี้จะได้รับความเคารพอย่างสูงขนาดนี้ ในบรรดาผู้อาวุโสเฒ่าที่เหลืออยู่ไม่กี่คน มีไม่กี่คนที่สามารถเปรียบเทียบกับผู้อาวุโสจี้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาคอยค้ำจุนตระกูลจี้เอาไว้ ก็เกรงว่าตระกูลจี้อาจไม่สามารถมาถึงความสูงนี้ได้!

และถ้าหากผู้อาวุโสจี้จากไป แม้ว่าตระกูลจี้จะไม่ถึงกับถูกเรียกว่าตกต่ำ แต่ก็เป็นไปได้มากที่จะถูกโจมตีโดยกองกำลังร่วม ตอนนี้พ่อของจี้เฟิงต้องก้าวขึ้นไปอย่างน้อยก็อีกขั้นหนึ่ง ก่อนที่จี้เฟิงจะก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในผู้นำ และได้เป็นผู้นำตระกูลอย่างเต็มตัว และเพื่อปกป้องไม่ให้ตระกูลจี้ถูกโจมตี มันเหลืออีกเพียงก้าวเดียว แต่ก้าวเดียวนั้นมันห่างไกลราวกับคนละโลก!

....จบบทที่ 895 ~

*จี้เส้าฮง  ชื่อเดิม จี้เส้าหง ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อเล็กน้อยนะคะ เพื่อป้องกันการสับสน

จี้เส้าฮง เป็นรุ่นที่ 3 เหมือนจี้เฟิง แต่เป็นทายาทสายรอง เป็นหลานของจี้เอ้อเหย่น้องชายผู้อาวุโสจี้(ปู่จี้เฟิง)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด