บทที่ 6: เพิ่มช่องทางการการขาย! ใครจะสนว่าวิวกลางคืนจะสวยไม่สวย?
ไอ้ความคิดที่ว่าจะผลิตแตงโมเลเวลสองออกมาขายในราคาเดียวกับแตงโมนำเข้าคัดพิเศษมันก็ดีอยู่หรอก แต่ว่าตอนนี้เขามีแค่ไม่กี่ลูกเอง แถมยังกินไปแล้วลูกหนึ่งด้วย
ดังนั้นเขาจึงต้องจัดการธุระตรงหน้าให้เรียบร้อยก่อน อย่างน้อยก็ต้องใช้หนี้ที่บ้านให้หมดก่อนและจ่ายค่าดาวน์บ้านเพื่อให้แม่ของเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากนั้นค่อยพาโม่ชิงเข้าบ้านเพื่ออยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย
พอคิดได้แบบนี้เขาก็เข้าไปกอดเอวเธอจากทางด้านหลังจากนั้นมือก็เริ่มซุกซน “โม่ชิง~ คืนนี้ไม่กลับได้มั้ย?”
มีหรือจ้าวโม่ชิงจะรู้ไม่ทัน
“ถ้าฉันไม่กลับแม่ก็ต้องรู้สิว่าฉันอยู่กับเธอ ถึงตอนนั้นคงโดนบ่นอีกแน่” เธอพูดอย่างเอือมระอา
ฉินหลินถอนหายใจ “เฮ่อ~ แล้วเราควรทำไงดี? อดทนตั้งหลายวันมานี่มันยากจริง ๆ น้า~”
“ฮึ่ม!” จ้าวโม่ชิงตีมือที่กำลังล้วงนู่นขยำนี่แล้วขึ้นเสียงว่า “งั้นฉันจะโทรบอกแม่ว่าต้องไปกินเลี้ยงกับเพื่อนคืนนี้จะกลับดึกหน่อยโอเค้?”
“จ๊ะ ๆ เด๋วไปจองห้องแป๊บ” ฉินหลินหยิบมือถือออกมาจองห้องโรงแรมตงเฉิงที่มีเตียงคิงไซส์และอ่างอาบขนาดใหญ่
เตียงเล็กอ่างเล็กไม่เอา!
คิดว่าคู่รักที่จดทะเบียนสมรสกันแล้วแท้ ๆ แต่กลับต้องมาลักลอบได้เสียกันเหมือนพวกคนคบชู้แบบนี้มันใช่เรื่องง่ายไหมล่ะ? มีโอกาสทั้งทีจะเอาแบบกาก ๆ เหมือนไปม่านรูดได้ไง?
เมื่อจองห้องแล้วเขาก็เอากระเป๋าตังค์มาเปิดดูและพบเจ้าร่มน้อย (น่าจะหมายถึงถุงยาง) สองคัน ‘อืม แค่นี้ก็พอละ’
“แม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่า~ หนูรู้ ค่า ๆ หนูไม่ปล่อยให้เขาเอาเปรียบได้หรอกค่า~!” จ้าวโม่ชิงยืนยันก่อนจะวางสาย
“ดูซิ แม่ฉันกันท่าเธออย่างกับเธอเป็นโจรแหน่ะ... ทำไมเราไม่เปิดเผยให้ครอบครัวรู้ไปเลยล่ะ ฉันอยากอยู่กับเธอทุกวันอะ” จ้าวโม่ชิงว่าพลางจับแขนฉินหลิน
“ขอเวลาอีกหน่อยเถอะ” ฉินหลินรีบห้ามปรามโม่ชิงที่กำลังหุนหันพลันแล่น
หากเปิดเผยไปล่ะก็ทั้งคู่คงรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยแน่
ส่วนแม่เขาคงจะดีใจสุด ๆ แถมรู้สึกผิดสุด ๆ ไปพร้อม ๆ กันด้วย ส่วนพ่อแม่ของโม่ชิงคงจะอารมณ์เสียและผิดหวังมากชัวร์ ๆ และแม้ทั้งสองครอบครัวจะกลั้นใจยอมรับความสัมพันธ์นี้ก็ตาม แต่มันก็ต้องเป็นปมในใจไปตลอดอยู่ดี
ปัจจุบันห้องพักทั่วไปในอำเภอโหยวเฉิงราคาอยู่ที่ตารางเมตรละหนึ่งหมื่นสองพันหยวน บ้านขนาดร้อยตารางเมตรราคาประมาณล้านสามรวมภาษีและอื่น ๆ ดาวน์สี่แสนรวมค่ารวมค่าตกแต่งแล้วไม่ต่ำกว่าหกแสนหยวน
ก่อนหน้านี้เขาไม่มีทางคิดถึงเรื่องนี้เลย แต่ตอนนี้คิดแล้ว คือถ้าหากเขาเพิ่มช่องทางการขายแตงโมโดยสามารถทำให้ตนเองเอาแตงโมมาขายได้วันละยี่สิบสี่แปลงล่ะก็ เงินจำนวนดังกล่าวสามารถหาได้ภายในสองเดือนแน่นอน!
ยิ่งเมื่อเลเวลของตัวละครเพิ่มขึ้นอีกเขาจะสามารถเปิดแมพใหม่ ๆ ได้มากขึ้น เวลาในการปลูกก็ยิ่งสั้นลงด้วย
เมื่อทุกอย่างสำเร็จแล้วเขาก็สามารถพาโม่ชิงเข้าบ้านและอยู่กินด้วยกันได้อย่างเปิดเผยอีกทั้งยังมีความภาคภูมิใจมากพอที่จะใช้มองหน้าพ่อแม่ของเธอและอธิบายเรื่องราวให้พวกท่านฟัง เรื่องราวของทั้งสองครอบครัวให้จัดการกันอย่างมีความสุขจะดีที่สุด
“ตกลง ฉันจะฟังเธอ ปะ รีบไปกันเถอะ” จ้าวโม่ชิงพยักหน้าตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เธอไม่เคยสงสัยฉินหลิน แม้ว่าผู้ชายที่เธอเลือกจะเป็นเพียงถนนลูกรังเส้นหนึ่งก็ตาม แต่เธอก็ได้เลือกเขาแล้วด้วยความเต็มใจ
โรงแรมตงเฉิงเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอโหยวเฉิง สถานที่ติดริมแม่น้ำและมีทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่งดงาม
แต่ เมื่อคู่รักจูงมือกันเข้าโรงแรมแล้วใครมันจะไปสนว่าวิวกลางคืนมันสวยไม่สวย?
เมื่อเช็คอินที่หน้าฟรอนท์และรับเอาคีย์การ์ดมาแล้วฉินหลินก็จูงมือจ้าวโม่ชิงขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน เมื่อเข้าห้องปุ๊บก็ล็อคประตูปั๊บ ตอนนี้ชายหนุ่มรอแทบไม่ไหวอยากจะปลดเปลื้องเครื่องป้องกันของหญิงสาวตรงหน้าออกใจจะขาดตายอยู่แล้ว เขาได้จูงมือเธอตรงไปยังอ่างอาบน้ำคิงไซส์
…...............................................................................
ฉินหลินเดินจูงมือจ้าวโม่ชิงออกจากโรงแรมด้วยความพึงพอใจ ทั้งคู่ไปหาอะไรกินกันที่ตลาดนัดกลางคืนก่อนที่เขาจะส่งเธอกลับบ้าน
บอกลาจ้าวโม่ชิงแล้วฉินหลินก็กลับบ้านไปเปิดจอเกม
ตอนที่กำลังเล่นสนุกกันที่โรงแรมเกมได้แจ้งเตือนว่าที่แปลงปลูกมีแมลงรบกวน ซึ่งตอนนั้นเขาไม่อาจดูแลได้เลยต้องมาทำตอนนี้
...........................................................................
วันรุ่งขึ้นฉินหลินตื่นแต่เช้าเปิดจอเกม
แตงโมในแปลงทั้งยี่สิบสี่แปลงสุกหมดแล้ว
เขาสั่งให้ตัวละครไปเก็บพวกมันทั้งหมดใส่ไว้ในโกดังเก็บของ จากนั้นก็ถอนต้นเหี่ยว ๆ ทิ้งและปลูกชุดใหม่ซึ่งจะสุกในตอนเย็น
ตอนนี้เท่ากับว่ามีแตงโมทั้งหมดสองชุดคือชุดเมื่อเย็นกับชุดตอนนี้
เขาล็อคประตูห้อง
เข้าไปในโลกเกม
และเจอเข้ากับแตงโมที่กองเป็นภูเขาเลากา
แตงโมไร้เมล็ด: 836 (เลเวล 1)
แตงโมไร้เมล็ด: 7 (เลเวล 2)
สองชุดรวมกันมีแปดร้อยสี่สิบสามลูก แถมยังมีแยกเลเวลสองให้แล้วอีกเจ็ดลูก
หลังจากออกจากเกมฉินหลินก็กินโจ๊กชามหนึ่งอย่างรีบ ๆ จากนั้นก็ตรงดิ่งไปยังโกดังเช่า
กว่าจะย้ายแตงโมแปดร้อยกว่าลูกออกจากโลกในเกมหมดก็ใช้เวลาไปพอสมควร แล้วเขาก็ถ่ายคลิปโพสต์ลงวีแชทกลุ่มเถ้าแก่ร้านฯ
ครู่ต่อมาพวกหลิวต้าเชิ่งพร้อมด้วยบรรดาเฒ่าแก่ทั้งหลายก็ค่อย ๆ โผล่มาทีละคน ๆ โดยทั้งหมดล้วนเป็นลูกค้าประจำ ลูกค้าใหม่ไม่มี
นอกจากขายผลไม้แล้วคนกลุ่มนี้ยังขายผัก อาหารทะเล และอื่น ๆ อีกด้วย ศักยภาพในการซื้อขายแตงโมแม้จะมากอยู่แต่ก็เท่านั้นแหล่ะ
นับ ๆ ดูแล้วคราวนี้มีออเดอร์อยู่ที่สี่ร้อยสิบเอ็ดลูก
ฉินหลินเอาแตงโมไปส่งตามออเดอร์โดยส่งทีละร้าน ๆ ใช้เวลาโดยรวม ๆ ก็สามชั่วโมงได้ สรุปบัญชีรอบนี้ขายได้สี่พันห้าร้อยยี่สิบเอ็ดจินเป็นเงินหกพันเจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดหยวน
เมื่อกลับมาที่โกดังยังมีแตงโมกองอยู่อีกสี่ร้อยกว่าลูก และที่กำลังจะสุดช่วงบ่าย ๆ เย็น ๆ อีกสี่ร้อยกว่าลูก เขาต้องเพิ่มช่องทางการค้าใหม่
และเขาก็เล็งเป้าเอาไว้แล้วด้วยว่าจะเอาที่ไหน
ห้าง RT-Mart ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ในจัตุรัสการค้าตะวันออก!
จัตุรัสการค้าตะวันออกเป็นศูนย์กลางการจราจรในอำเภอโยวเฉิง มีที่จอดรถที่ใหญ่ที่สุด ในอาคารพาณิชย์ของจัตุรัสทั้งหมดมีร้านค้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบาร์ คาราโอเกะ โรงภาพยนตร์… เป็นศูนย์รวมความบันเทิงทุกประเภท
ห้าง RT-Mart ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดในชั้นหนึ่ง มีพื้นที่กว้างขวาง แบ่งโซนเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ อย่างชัดเจน และมีผู้เข้ามาใช้บริการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุดในอำเภอโหยวเฉิง
ปริมาณแตงโมทั้งหมดในร้านของหลิวต้าเชิ่งยังไม่อาจเทียบกับหนึ่งในสิบส่วนของ RT-Mart เลยด้วยซ้ำ
ฉินหลินหยิบแตงโมสองลูกใส่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าบึ่งไปยัง RT-Mart
จอนนี้ที่เขาต้องทำคือเอาแตงโมไปนำเสนอเพื่อให้แตงโมของตนเองได้วางขายบนแผงในห้าง
เขารู้มาว่านอกจากผ่านทางประกวดราคาแล้วทาง RT-Mart ยังมักจะรับสินค้าขายส่งด้วยราคา ‘พิเศษ’ อยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งเขาย่อมต้องเลือกเอาวิธีที่สองนี้อยู่แล้ว
เมื่อเขามาถึงสำนักงานของซุปเปอร์มาร์เก็ตฉินหลินก็ยัดบุหรี่ซองหนึ่งใส่มือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและถามถึงสำนักงานของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ
หลังจากที่เอาบุหรี่ใส่กระเป๋าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ช่วยฉินหลินเอาแตงโมไปที่สำนักงานของผู้จัดการเฉินอย่างขยันขันแข็ง
รปภ.เคยเห็นคนแบบนี้มาที่แผนกจัดซื้อหลายคนและรู้ว่าแต่ละคนมีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น อีกทั้งผู้จัดการเฉินยังสั่งให้พาบุคคลดังกล่าวเหล่านั้นไปพบเขาโดยตรงด้วย
ผู้จัดการเฉินเป็นคนอ้วนมันเยิ้มพุงใหญ่ เขารู้อยู่แล้วว่าฉินหลินมาทำอะไรและชำเลืองทำเป็นมองแตงโมสองลูกอย่างละเอียด “อื้ม~ รูปลักษณ์ภายนอกดูไม่เลว เป็นของดีเลยทีเดียวนะ”
“ผู้จัดการเฉินครับ ไม่ทราบว่าแตงโมนี่พอจะเอาไปวางขายในห้างได้มั้ยครับ” ฉินหลินถาม
ผู้จัดการเฉินดูกังวลขึ้นมาทันที “เสี่ยวฉินเอ๊ย เธอก็น่าจะรู้อยู่นะว่าแต่ละวันมีคนมาหาฉันตั้งเยอะแยะเพราะอยากขายของ ส่วนฉันเองก็ร่วมมือกับคนอื่นไปแล้ว และต้องต้องซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจด้วย”
“…” ฉินหลินรู้ว่าฉากฟาดฟันกำลังจะมาแล้ว ถ้าไอ้หมอนี่มันซื่อสัตย์จริง ๆ ล่ะก็คงไม่ยอมคุยกับเขามากมายหลายคำขนาดนี้หรอก
“ทางห้างเองก็ต้องการกำไรใช่มั้ยครับ? ข้างนอกเขาขายส่งกันที่จินละหนึ่งจุดห้า ผมยอมลดให้เหลือจินละหนึ่งจุดสาม” ฉินหลินว่า
ผู้จัดการเฉินยังคงดูเป็นทุกข์ “เสี่ยวฉินเอ๊ยเสี่ยวฉิน เธอก็น่าจะรู้นะว่าคนที่อยู่ในตำแหน่งของฉันมันลำบากขนาดไหน!”
ฉินหลินรู้ดีและยิ้มให้ “งั้นผมจะลดให้อีกหน่อย เอาเป็นจินละหนึ่งจุดสองแล้วกัน ยังไงคุณก็ต้องให้ผมมีกินมีใช้บ้าง จริงมั้ยครับ?”
ฉินหลินรู้ดีว่ามีแต่ตัวเองเท่านั้นแหล่ะที่สามารถเสนอราคานี้ออกมาได้ เพราะว่าเขาผลิตฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายยังไงล่า~
ผู้จัดการเฉินได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออก “ในเมื่อเธอจริงใจขนาดนี้งั้นทางห้างของเราจะรับแตงโมของเธอแล้วกัน แต่ราคาขายส่งในใบแจ้งหนี้จะเขียนไว้ที่จินละหนึ่งจุดสี่นะ”
“ไม่ต้องห่วงครับผู้จัดการ เรื่องนี้ผมเข้าใจดี” ฉินหลินยิ้มแต่ในใจนี่ด่ามันไปยันบรรพชนในหลุมแล้ว
อันที่จริงเรื่องนี้เขาก็รู้มาตั้งนานแล้วแหล่ะ ที่เขียนในใบแจ้งหนี้ว่าจินละหนึ่งจุดสี่ก็เพื่อเอาไปใช้เบิกเงิน แต่จ่ายจริง ๆ คือจินละหนึ่งจุดสองซึ่งแปลว่าอีกจินละศูนย์จุดสองจะเข้ากระเป๋าไอ้ผู้จัดการนี่แบบนิ่ม ๆ
ขินละศูนย์จุดสองหยวนแม้จะดูน้อย แต่ถ้าเป็นวันละห้าพันจินล่ะ? แปลว่าจะได้เงินเข้ากระเป๋านิ่ม ๆ วันละพันหยวน เดือนละสามหมื่นหยวนไง
นี่คาแตงโมอย่างเดียวนะ แล้วทั้งห้างมีผลไม้กี่ชนิด แล้วไอ้ผู้จัดการเฉินนี่มันฟันเงินเข้ากระเป๋านิ่ม ๆ เดือนละเท่าไหร่
โคตร… เลย