(ฟรี) บทที่ 170 ประกาศให้โลกรู้ ปีศาจสวรรค์ปราบโลกา!
เซิงเย่นั่งอยู่บนบังลังก์มังกร ใบหน้าของเขาปราศจากความรู้สึก
เขาไม่เข้าใจสิ่งที่อวี้ชิงหลันกำลังทำอยู่
หลี่หรานควรเป็นศัตรูของสถาบันเทียนซู
อย่างไรก็ตาม อวี้ชิงหลันไม่เพียงแต่ไม่จัดการกับเขา นางยังมีทัศนคติที่จะปกป้องเขาอีกด้วย!
‘หลี่หรานเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของวิหารโหยวหลัวหรือสถาบันเทียนซูกันแน่?’
แม้แต่เซิงเย่ก็ยังสับสน
ในเวลานี้เอง อวี้ชิงหลันกล่าวว่า “จักรพรรดิเซิง สถาบันเทียนซูไม่จำเป็นต้องปล้นความดีความชอบของผู้อื่น โปรดคืนเกียรติยศของหลี่หรานให้กับเขา”
น้ำเสียงของนางชัดเจนและเย็นชา ไม่มีที่ว่างสำหรับการโต้แย้ง
ร่องรอยของความลำบากใจฉายผ่านดวงตาของเซิงเย่
เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกฝ่ายมีความสุข แต่ตอนนี้เขาดูเหมือนจะกลายเป็นคนน่ารังเกียจ!
เซิงเย่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาดังๆว่า “เอกสารนี้เป็นผลจากการตรวจสอบขององค์หญิงมังกรนที มันไม่มีการปลอมแปลง เราไม่มีอะไรต้องเปลี่ยน”
“พระบิดา!” เซิงจื่อเซี่ยไม่สามารถรั้งตัวเองไว้ได้อีกต่อไป
นางกำลังจะยืนขึ้นและพูด แต่นางกลับพบว่าตัวเองถูกปิดผนึกไว้อย่างสมบูรณ์และไม่สามารถพูดได้แม้แต่พยางค์เดียว
การแสดงออกของเซิงเย่เย็นชา
เมื่อเร็วๆนี้หลี่หรานเป็นจุดสนใจของสาธารณชนมากเกินไป
หากบุคคลดังกล่าวไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นปีศาจต่อไป อนาคตอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น
หากสถาบันเทียนซูไม่ต้องการชื่อเสียงนี้ เขาจะมอบมันให้กับศาลาหมื่นดาบ
เยว่เจียนหลี่คงจะไม่ปฏิเสธใช่ไหม?
ดวงตาของอวี้ชิงหลันหรี่ลงเล็กน้อย “จักรพรรดิเซิงแน่ใจหรือว่าเอกสารนั้นไม่ได้ถูกปลอมแปลง?”
เซิงเย่ถามอย่างเย็นชา “นักพรตอวี้กำลังตั้งคำถามเราอยู่หรือเปล่า?”
บรรยากาศระหว่างทั้งสองกลายเป็นการตึงเครียดทันที
รัชทายาทและเจ้าหน้าที่พลเรือนที่อยู่ข้างหลังเขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
ถ้าสองคนนี้สู้กัน เมืองหลวงแห่งนี้คงราบเป็นหน้ากลอง!
“วันนั้นหลี่หรานไม่เพียงแต่ขัดขวางคลื่นสัตว์อสูรเท่านั้น เขายังช่วยชีวิตศิษย์นิกายหลายสิบคน ข้าเกรงว่าการกระทำของจักรพรรดิเซิงจะไม่เป็นที่ยอมรับ” เสียงของอวี้ชิงหลันสงบ
เซิงเย่หัวเราะเบาๆ “นักพรตอวี้ไม่ได้อยู่ที่นั่นในเวลานั้น มันเป็นเพียงคำบอกเล่า แล้วท่านจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเอกสารนี้ถูกปลอมแปลง?”
อวี้ชิงหลันส่ายหัว “ดูเหมือนว่าจักรพรรดิเซิงได้ตัดสินใจลงไปแล้ว”
เขาพูดด้วยความโกรธว่า “การตัดสินใจของข้าจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
อวี้ชิงหลันถอนหายใจเบาๆ “แต่เดิมข้าก็ไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนี้”
“หือ?” เซิงเย่ตกตะลึง
ทุกๆคนเห็นได้เพียงว่าอวี้ชิงหลันโบกเสื้อคลุมนักพรตของนาง ท้องฟ้าที่สดใสก็มืดลงอย่างกะทันหัน และความมืดมิดก็ปกคลุมพระราชวังจักรพรรดิทั้งหมด
เป็นอีกวันหนึ่งที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ไม่ส่องแสง!
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นทันทีจากจัตุรัส
เซิงเย่ขมวดคิ้ว “นักพรตอวี้ ท่านหมายความว่ายังไง?”
อวี้ชิงหลันคนนี้บ้าไปแล้วชัดๆ นางกล้าเคลื่อนไหวในพระราชวังจักรพรรดิ!
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างและเงยหน้าขึ้นมอง เป็นผลให้รูม่านตาของเขาหดลงเล็กน้อย
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเป็นเหมือนม่าน และภาพขนาดมหึมาก็ฉายขึ้นด้านบน
คลื่นสัตว์อสูรที่ราวกับมหาสมุทรซัดสาดเข้ามา ทุกๆคนสามารถมองเห็นเขี้ยวที่ดุร้ายได้อย่างชัดเจน และเสียงโหยหวนก็ราวกับอยู่ข้างหูของพวกเขา!
ฉากนี้เหมือนจริงเกินไป ราวกับว่าพวกเขาประสบกับมันด้วยตัวเอง
ใบหน้าของทุกคนซีดเผือกและสั่นเทา เจ้าหน้าที่บางคนถึงกับทรุดลงกับพื้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังนี้เอง ร่างสูงก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างกายของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยเพลิงสีทองในขณะที่เขาพุ่งเข้าใส่คลื่นสัตว์อสูร
เพลิงสวรรค์แพร่กระจายออกไปและสัตว์อสูรก็ร้องโหยหวน
ฉากต่อมายิ่งกระตุ้นประสาทของทุกคนอย่างลึกซึ้ง
หอกสีเงินของหลี่หรานระบำอยู่ในอากาศ และซากสัตว์อสูรที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็กองพะเนินราวกับภูเขา ยักษ์สีทองที่สูงตระหง่านนั้นปิดกั้นคลื่นสัตว์อสูรไว้อย่างเด็ดเดี่ยว
ในตอนสุดท้าย ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยพลังจากสายเลือด เขาก้าวขึ้นไปบนซากศพของราชสีห์อสนีคลั่งและเดินเข้าหาคลื่นสัตว์อสูร
สัตว์อสูรแยกตัวออกจากกัน พวกมันร้องโหยหวนและหนีไปด้วยความหวาดกลัว!
ฉากหยุดลงกะทันหัน
นี่คือความทรงจำของหลินหลางเยว่ และอวี้ชิงหลันก็ฉายมันด้วยเทคนิคลับ
เนื้อหาของการฆ่าอวี้เย่ไม่ได้ปรากฏ นางไม่ต้องการให้หลี่หรานกลายเป็นศัตรูกับนิกายเต๋าหยิน
ความมืดมิดหายไป ดวงอาทิตย์ฉายแสงลงมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จัตุรัสยังคงเงียบสนิท
ทุกคนจมอยู่ในฉากที่น่าตกตะลึงนั้น
ดวงตาของเซิงจื่อเซี่ยเป็นประกาย
นางเพียงเคยได้ยินเกี่ยวกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของหลี่หรานเท่านั้น แต่นางไม่เคยคิดว่าของจริงจะน่าตื่นตาตื่นใจเช่นนี้
เพียงคนเดียวก็ทำให้คลื่นสัตว์อสูรหวาดกลัวจนหนีไป?
มันเท่เกินไป!
ในขณะเดียวกันเซิงอันอวี่ก็อ้าปากเล็กน้อย ดวงตาที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยความตกใจ
‘เขาทรงพลังจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่จื่อเซี่ยเต็มใจทำเช่นนั้น...’
อวี้ชิงหลันพูดอย่างเฉยเมย “จักรพรรดิเซิงยังคิดว่าตัวเองถูกอยู่หรือไม่?”
เซิงเย่เงียบลง
เขาไม่เคยคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเตรียมพร้อมขนาดนี้
หากฉากนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ไม่เพียงแต่ศักดิ์ศรีของราชวงศ์จะถูกทำลาย พวกเขาจะกลายเป็นขั้วตรงข้ามของวิถีมารทั้งหมด!
‘นักพรตอวี้คนนี้เต็มใจที่จะทำให้ข้าขุ่นเคืองเพื่อช่วยหลี่หราน? พวกเขามีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่?’
ความแข็งแกร่งที่แสดงโดยหลี่หรานนั้นเกินความคาดหมายของเขามาก
และยังมีสองนิกายชั้นนำคอยสนับสนุนเขา มันเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวขนาดไหนกัน?
ตำแหน่งของหลี่หรานในหัวใจของเขาพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์!
เซิงเย่ชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียอย่างเงียบๆ...
ในเวลานี้ ขันทีของจักรพรรดิก้าวมาข้างหน้าและกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “รายงานต่อฝ่าบาท ถึงเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
คิ้วของเซิงเย่กระตุกเล็กน้อย
เขามองไปที่อวี้ชิงหลัน ดวงตาของนางลึกล้ำราวกับมหาสมุทรไร้ก้นบึ้ง ทั้งสงบและผ่อนคลาย
อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าในส่วนลึกของมหาสมุทรนั้นมีคลื่นที่โหมกระหน่ำกำลังก่อตัวขึ้นเพื่อเตรียมทำลายล้างทุกสิ่ง
เซิงเย่ทอดถอนใจ แต่ใบหน้าของเขาไม่มีความผันผวนแม้แต่น้อย เขาพูดเสียงทุ้มว่า “เปิดวิหาร!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เฟิงเทียนเฉิน เปิดวิหาร!”
วิ้งงง!
มังกรทองที่สลักอยู่บนแท่นสูงสว่างขึ้น และแสงสีทองก็กระจายออกมา กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และจริงจังปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง
นอกจากเซิงเย่และอวี้ชิงหลันแล้ว คนอื่นๆต่างก็คุกเข่าลงกับพื้น
เซิงเย่ยืนขึ้นและค่อยๆเดินขึ้นบันไดไปทีละขั้น
ม่านลูกปัดแกว่งไกวและเสื้อคลุมมังกรของเขาก็ปลิวไสวไปตามสายลม กลิ่นอายของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆราวกับเป็นดวงอาทิตย์ที่แผดเผาออกมาโดยตรง
นี่คือแรงกดดันของจักรพรรดิแห่งโลกมนุษย์!
มีเพียงอวี้ชิงหลันเท่านั้นที่สามารถบอกได้ว่าฝีเท้าของเขาหนักอึ้งเล็กน้อย...
ครู่ต่อมา เสียงที่สง่างามก็ดังขึ้น:
[ บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารโหยวหลัว หลี่หราน ได้ขับไล่คลื่นสัตว์อสูรและสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม เขาช่วยชีวิตคนธรรมดานับแสนจากไฟและน้ำ เขาเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์! ]
[ ข้าขอประกาศให้โลกรู้ว่าข้าจะตบรางวัลเป็นสมบัติวิญญาณ 10 ชิ้นและสมุนไพรอมตะ 8 ชิ้น! ]
[ เนื่องจากเขาได้ช่วยมนุษย์และโลกใบนี้ไว้ ข้าขอมอบสมญานามให้เขาว่า ปีศาจสวรรค์ปราบโลกา! ]
เสียงของจักรพรรดิดังกึกก้องไปทั่วขอบฟ้า ดังก้องไปทั่วทุกซอกมุมของดินแดนอันกว้างใหญ่!
ในเวลานี้ ผู้บ่มเพาะทั้งหมดต่างตกตะลึงและมองไปทางเมืองอู่หยาง
หลี่หราน?
ช่วยชีวิตมนุษย์? ปีศาจสวรรค์ปราบโลกา?
ทุกคนมีความคิดเดียวกันว่า: โลกกำลังจะเปลี่ยนไป!
เหลิงอู่เหยียนยืนอยู่บนยอดเขาปีศาจ มองดูเมฆที่กระจัดกระจายไปตามเสียงของจักรพรรดิ มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่สดใสและสวยงาม
“ปีศาจสวรรค์ปราบโลกา? ช่างน่าเกลียดจริงๆ เซิงเย่มันตั้งชื่อไม่เป็นหรือไงกัน”
“ท่านผู้นำนิกาย ผู้อาวุโสแห่งยอดเขาทั้งหกและศิษย์ในนิกายทั้งหมดพร้อมออกเดินทางแล้ว พวกเขาสามารถไปที่เมืองหลวงได้ทุกเวลา!”
เหลิงอู่เหยียนโบกมือ “แยกย้าย ไม่จำเป็นต้องไป”
ศิษย์ที่มารายงานตกตะลึง “อา?”
เหลิงอู่เหยียนพูดอย่างเกียจคร้าน “เนื่องจากเซิงเย่ไม่ได้ตัดสินใจทำอะไรโง่ๆ ข้าก็คร้านเกินกว่าจะไปยุ่งกับเขา ให้เขาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
/////