ตอนที่แล้วบทที่ 164 วิถีมารก็คือวิถีมาร!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 166 เซียวชิงเกอฝึกฝนเทคนิคการบ่มเพาะคู่จริงๆ?

(ฟรี) บทที่ 165 ฉินหรูเหยียนผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสวนหลังบ้าน!


บรรยากาศภายในห้องเป็นไปด้วยความตึงเครียด

แม้เยว่เจียนหลี่จะบอกว่านางรู้สึกผิดกับเซียวชิงเกอ แต่เมื่อทั้งสองคนกลับมาพบกัน พวกนางก็เริ่มจิกกัดกันอีกครั้ง

เซียวชิงเกอกอดอก “หัวหน้าศิษย์เยว่ ข้าไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบกันอีกเร็วขนาดนี้”

เยว่เจียนหลี่ส่ายหัว “แต่ข้าไม่ได้อยากเจอคุณหนูเซียวเลย”

เซียวชิงเกอเยาะเย้ย “ข้าก็ไม่อยากเจอเจ้าเหมือนกัน แต่ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่บ้านคู่หมั้นของข้า?”

เยว่เจียนหลี่กอดแขนของหลี่หรานและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “สามีและข้ามีความรักที่ลึกซึ้งต่อกัน ข้าจะอยู่ทุกที่ที่เขาไป”

หลี่หรานมองนางด้วยความประหลาดใจ

นางพูดอะไรน่าอายแบบนั้นออกมาได้ยังไง?

นางดูไม่เหมือนนักดาบอมตะแม้แต่น้อย!

เยว่เจียนหลี่หน้าแดงและเขินอายมาก แต่นางยังคงดื้อรั้นและไม่ยอมปล่อยมือ

ตามที่คาดไว้ เมื่อสตรีเกิดความหึงหวง พวกนางย่อมทำได้ทุกอย่าง...

“สามี? ข้าไม่เคยเรียกเขาแบบนั้นมาก่อนด้วยซ้ำ!” หน้าอกของเซียวชิงเกอกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโกรธ และแสงสีขาวก็วาบเข้ามาในดวงตาของนาง “ครั้งที่แล้วเรายังไม่ได้ตัดสินผู้แพ้ชนะเลย มาสู้กันใหม่!”

เยว่เจียนหลี่ไม่พอใจ “เจ้าคิดว่าจะเอาชนะข้าได้เพราะแค่เข้าสู่ขอบเขตแก่นทองคำ?”

เซียวชิงเกอกระพือไฟให้หนักขึ้นไปอีก “อย่ามัวแต่สิ้นเปลืองลมหายใจ มาเจอกันเลยดีกว่า!”

เยว่เจียนหลี่พูดเบาๆว่า “ข้าเป็นครึ่งขั้นขอบเขตกำเนิดจิตวิญญาณแล้ว เจ้ายังอยู่ขั้นต้นของขอบเขตแก่นทองคำอยู่เลย ข้าไม่อยากรังแกเจ้าหรอก นอกจากนี้...”

นางพิงไหล่ของหลี่หราน “ข้าไม่อยากทำให้สามีโกรธ”

เซียวชิงเกอกัดฟันด้วยความโกรธ แต่ไม่มีอะไรที่นางสามารถทำได้

หลี่หรานไม่สามารถพูดอะไรได้ “…”

บุคลิกของเยว่เจียนหลี่ตรงไปตรงมาอยู่เสมอ นางกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

นี่อาจเป็นพรสวรรค์ของสตรี?

ในขณะนั้นเอง เขาสังเกตเห็นรอยยิ้มจางๆของฉินหรูเหยียนที่กำลังมองเยว่เจียนหลี่

ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจ

ต้องเป็นนังปีศาจตนนี้แน่ๆ!

เซียวชิงเกอกอดแขนอีกข้างของหลี่หรานและพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “หลี่หราน ดูวิธีที่นางรังแกข้าสิ”

เยว่เจียนหลี่กล่าวว่า “ข้าแค่ต้องการอยู่กับสามีของข้า”

“หลี่หราน”

“สามี”

“หยุด!”

หลี่หรานขมวดคิ้ว “หยุดได้แล้ว อย่าพูดถึงมันเลย”

เมื่อเห็นว่าเขาดูเหมือนจะโกรธ สองสาวจึงไม่กล้าพูดอะไรและนั่งตัวตรงอย่างเชื่อฟัง

หลี่หรานจ้องไปที่ฉินหรูเหยียน “ออกมาข้างนอกกับข้า”

นางลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้อง

ดวงตาของฉินหรูเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะที่นางเดินออกไป

ในลานบ้าน หลี่หรานพูดอย่างโกรธๆว่า “เจ้าเป็นคนสอนเยว่เจียนหลี่ให้เป็นแบบนี้?”

ฉินหรูเหยียนกระพริบตา “ข้ารับใช้คนนี้ไม่เข้าใจสิ่งที่นายน้อยหลี่พูด”

จู่ๆหอกหยุนหลิงก็ปรากฏขึ้นและปลายหอกก็สั่นเล็กน้อย “ตอนนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง?”

ฉินหรูเหยียนรู้สึกเศร้าใจอย่างอดไม่ได้ “เก็บมันลงไปเถิด แท่งของเจ้าน่ากลัวมาก ข้ารับใช้คนนี้รับไม่ไหวหรอก”

หลี่หรานพูดไม่ออก “…”

หากเขาไม่รู้ว่าแก่นพรหมจรรย์หยินของนางยังไม่สลายไป เขาคงคิดว่านางผ่านประสบการณ์มาหลายร้อยครั้ง

นิ้วของฉินหรูเหยียนม้วนผมสีดำของนางในขณะที่นางพูดว่า “เด็กที่ร้องไห้เท่านั้นที่สามารถกินน้ำตาลได้ สตรีที่อยู่รอบๆบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่มีความโดดเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ และบุคลิกของหัวหน้าศิษย์เยว่ก็แข็งกร้าวเกินไป มันง่ายสำหรับนางที่จะพ่ายแพ้ ข้ารับใช้คนนี้แค่ช่วยนางปิดช่องโหว่เท่านั้น”

หลี่หรานลูบหน้าผากของเขาและพูดอย่างหมดหนทาง “แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?”

ไม่ใช่ว่านี่มันคือการเพิ่มความวุ่นวายหรือไง?

ฉินหรูเหยียนก้มหน้าลงและพูดด้วยท่าทางเจ้าชู้ “ทำไมเจ้าไม่รับข้ารับใช้คนนี้ไว้ด้วยล่ะ ข้ารับใช้คนนี้จะไม่หึงหวงอย่างแน่นอนและสามารถดูแลสวนหลังบ้านของเจ้าให้เป็นระเบียบได้”

ปั่ก!

หลี่หรานเคาะหัวนาง “เจ้ากำลังคิดบ้าอะไรอยู่?”

ฉินหรูเหยียนลูบหัวของนางและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ไม่เชื่อในมาตรฐานของข้ารับใช้คนนี้หรือ?”

หลี่หรานพยักหน้า “ข้าคงจะเชื่อเจ้าหรอก”

“งั้นก็รอดูได้เลย”

ฉินหรูเหยียนหันหลังกลับและเดินเข้าไปในห้อง

และเยว่เจียนหลี่ก็เดินออกมา

นางเดินมาข้างหน้าหลี่หรานและลดศีรษะลง “สามี ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว ข้าไม่ควรทำตัวเป็นเด็กๆ ข้าจะครอบครองสามีไว้คนเดียวได้อย่างไร?”

หลี่หรานตกตะลึง “อา?”

เยว่เจียนหลี่เงยหน้าขึ้น แก้มของนางแดงเล็กน้อย “เจ้ากับคุณหนูเซียวไม่ได้เจอกันนานแล้ว รีบไปอยู่กับนางสิ ชีวิตของเรายังอีกยาวไกล”

จากนั้นนางก็กลับไปที่ห้องของนาง

หลี่หรานเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าว่างเปล่า เขาเห็นฉินหรูเหยียนยิ้มอย่างภาคภูมิใจเหมือนจิ้งจอกตัวน้อย

“นังแม่มดนี่...”

ภายในห้อง แสงเทียนสลัวๆและกลิ่นหอมของเทียนลอยขึ้นเป็นเกลียว

ใบหน้าสวยของเซียวชิงเกองดงามเป็นพิเศษภายใต้แสงไฟ

นางจ้องมองใบหน้าที่หล่อเหลาของหลี่หรานออย่างมึนงง “หลี่หราน นานมากแล้วที่เราพบกันครั้งสุดท้าย ท่านคิดถึงข้าไหม?”

“แน่นอนอยู่แล้ว...”

หลี่หรานเล่นกับใบหน้าเล็กๆของนางและบีบมันเหมือนหนูแฮมสเตอร์ มันดูน่ารักมาก

เซียวชิงเกอหน้ามุ่ยและพึมพำ “ข้าจะพยายามบ่มเพาะอย่างหนัก และเมื่อนั้นข้าจะได้อยู่กับท่านตลอดไป”

“เจ้าทำงานหนักมากพอแล้ว” หลี่หรานส่ายหัว

ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาแยกจากกัน นางยังคงอยู่ที่ขอบเขตสร้างรากฐานขั้นปลาย แต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็เข้าสู่ขั้นต้นของขอบเขตแก่นทองคำแล้ว

นอกจากนี้หลี่เต้าหยวนยังบอกด้วยว่านางมักจะมายังพื้นที่ลับเพื่อบ่มเพาะทุกวัน แม้แต่ช่วงเทศกาลกำเนิดเหมันต์ก็ไม่มีข้อยกเว้น

เซียวชิงเกอส่ายหัว “มันยังไม่พอ ข้าต้องแข็งแกร่งกว่านี้”

นางรู้สึกถึงอันตรายที่อธิบายไม่ได้ในใจ

สตรีที่อยู่เคียงข้างหลี่หรานมีความโดดเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ พวกนางทั้งหมดเป็นศิษย์สายตรงของนิกายและอัจฉริยะระดับสูง

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พรสววรค์ระดับสุดยอดของนางดูเหมือนจะค่อนข้างธรรมดา

นางให้กำลังใจตัวเองในใจ ‘เอาเถอะ อย่างน้อยเจ้าก็ควรจะเหนือกว่าเยว่เจียนหลี่’

ในเวลานี้ หลี่หรานคิดถึงบางสิ่งและถามด้วยความสับสนว่า “ลุงเซียวพูดอะไรกับเจ้าตอนที่เราออกจากคฤหาสน์ตระกูลเซียว? เขาดูลึกลับมาก”

“มะ...ไม่มีอะไรหรอก”

ใบหน้าของเซียวชิงเกอเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที แววตาของนางลุกลี้ลุกลนจนไม่กล้ามองเขา

หลี่หรานบีบคางของนาง “ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าจะทรมานให้เจ้าสารภาพมันออกมา”

“เขาบอก... เขาบอกว่า...” เซียวชิงเกอกำชายเสื้อของนางแล้วพูดอย่างเขินอายว่า “ท่านพ่อบอกว่ายิ่งการบ่มเพาะของท่านสูงเท่าไรการมีทายาทก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น และการบ่มเพาะของท่านพัฒนาเร็วเกินไป ถ้าการบ่มเพาะของท่านสูงเกินไป ท่านอาจไม่สามารถมีทายาท...”

หลี่หรานยิ้ม “เป็นเช่นนั้นนี่เอง ไม่น่าแปลกใจที่ลุงเซียวบอกให้ข้าทำให้ดีที่สุด”

อันที่จริงความกังวลนี้ไม่จำเป็นเลย

ด้วยสายเลือดพิเศษของเขา มันมากเกินพอที่จะให้กำเนิดทีมฟุตบอล แม้ว่าเขาจะกลายเป็นจักรพรรดิไปแล้วก็ตาม

เป็นเพียงว่าเขายังไม่มีความคิดเช่นนั้นเลย

เขาถามว่า “แต่เรายังไม่ได้แต่งงานกัน ลุงเซียวไม่ว่าอะไรหรือ?”

เซียวชิงเกอพูดอย่างเขินอาย “ท่านพ่อบอกว่าการแต่งงานเป็นเพียงพิธีการ แค่เรารักกันก็พอแล้ว เขายังกล่าวด้วยว่าการให้กำเนิดทายาทคือทุกอย่าง”

หลี่หรานปิดหน้าของเขา “ท่านพ่อของเจ้าช่างมีหัวสมัยใหม่จริงๆ”

เมื่อมองดูความงามที่เขินอายภายใต้แสงเทียน รอยยิ้มของเขาก็ค่อยๆกลายเป็นแปลกพิกล

“แม้ว่าข้ายังไม่มีแผนที่จะมีทายาท แต่การฝึกฝนก่อนย่อมไม่เป็นปัญหา”

เซียวชิงเกอเบิกตากลมโตที่ไร้เดียงสาของนาง

“ฝึกฝน...?”

/////