ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 176 ฆ่าจ้าวจื่อป๋อ (1)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 176 ฆ่าจ้าวจื่อป๋อ (1)
แปลโดย iPAT
แม่น้ำไหลไปยังส่วนลึกของถ้ำที่มืดมิด เมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็ไหลตกลงไปในเหวลึกและรวมตัวเป็นทะเลสาบใต้พิภพขนาดใหญ่โดยมีเกาะเล็กๆโผล่ขึ้นมากลางทะเลสาบ
จ้าวจื่อป๋อและผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ทั้งเจ็ดปิดล้อมหลี่ฉิงซาน ทุกคนต่างเย้ยหยันเขา เก้อเจี้ยนกล่าว “เจ้าหนู เจ้าสติแตกเพราะความกลัวไปแล้วงั้นหรือ?”
“อย่าเสียเวลาพูดกับเขา เพียงฆ่าเขาซะ!” ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์อีกคนกล่าวอย่างหมดความอดทน
เซี่ยหนานเต๋อกล่าวเสริม “ถูกต้อง ผู้บัญชาการ เรายังต้องไล่ล่าศิษย์นิกายม่อจื้อ”
“ข้ามีแผนของข้า!”
จ้าวจื่อป๋อดูเหมือนกำลังเพลิดเพลินกับความรู้สึกในเวลานี้ เขายกมือขึ้นเพื่อปิดปากผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาและกล่าวกับหลี่ฉิงซาน “ตอนนี้เจ้าเสียใจหรือยังที่เป็นศัตรูกับข้า? หากเจ้ารู้วิธีปฏิบัติตัวและแสดงความเคารพต่อข้าเมื่อเจ้ามาถึงเมืองเจียเผิง ข้าคงไม่ต้องการฆ่าเจ้าถึงเพียงนี้ หากเจ้าคุกเข่าอ้อนวอนข้าตอนนี้ ข้าอาจไว้ชีวิตเจ้า” ความรู้สึกของผู้มีอำนาจเหนือกว่าทำให้เขาพึงพอใจมาก
หลี่ฉิงซานก้มศีรษะลงและมองลายปักบนชุดผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ของเขา “เครื่องแบบคือหมาป่า ไม่ใช่สุนัข!” จ้าวจื่อป๋อโกรธมากขณะที่หลี่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นและกล่าวต่อ “อย่าพึ่งโกรธ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สุนัขจะมีอำนาจ แต่ข้าแค่ไม่ชอบมัน”
แสงเย็นเยียบพุ่งผ่านดวงตาของจ้าวจื่อป๋อ ด้วยการสะบัดมือเบาๆ ดาบเล่มเล็กปรากฏขึ้นในมือของเขาทันที “ก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้า มีบางสิ่งที่ข้าอยากถาม หากเจ้าตอบตามตรง ข้าจะอนุญาตให้เจ้าตายเร็วขึ้น...”
“อย่ากังวล ไม่ว่าเจ้าจะกล่าวสิ่งใด ข้าก็จะให้เจ้าตายอย่างรวดเร็ว” หลี่ฉิงซานขัดจังหวะจ้าวจื่อป๋อและเย้ยหยันขณะที่เขี้ยวในปากของเขาเริ่มยาวขึ้น
ในจังหวะนี้จ้าวจื่อป๋อเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากร่างของหลี่ฉิงซาน มันกระทั่งทำให้เกิดสายลมกรรโชกแรงขึ้นในถ้ำ ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ยกมือขึ้นด้วยความตกใจขณะที่พวกเขามองหลี่ฉิงซานด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หลี่ฉิงซานถอดชุดเครื่องแบบหมาป่าอินทรีย์ออกและเผยให้เห็นหน้าอกสีทองแดงค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเข้มและดูเงางามเหมือนโลหะ แสงสีแดงส่องประกายออกมาจากดวงตาของเขาขณะที่เส้นผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงและยาวลงมา ร่างกายของเขาสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากหนึ่งเมตรไปสองเมตรและสามเมตร อย่างไรก็ตามความสูงของเขายังไปไม่ถึงเพดานถ้ำ กลิ่นอายของเราปะทุขึ้นกระทั่งบรรลุถึงจุดสูงสุด
หลี่ฉิงซานมองลงไปและพึมพำกับตนเอง “ดูเหมือนข้าจะสูงขึ้นอีกแล้ว!” เม็ดยารวบรวมพลังปราณที่เขากินเข้าไปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาไม่ได้สูญเปล่า ตอนนี้เขาสูงเกือบสิบเมตรแล้ว ร่างกายของเขาเหมือนถูกหลอมขึ้นมาจากเหล็กดำและไม่สามารถสั่นคลอนเหมือนภูเขา
ดวงตาของจ้าวจื่อป๋อเบิกกว้างขณะที่เขากล่าวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าเป็นปีศาจ! เป็นไปไม่ได้!” หลี่ฉิงซานเคยพบหวังฝูซื่อและกู่เยี่ยนหยินซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาสามารถเข้าร่วมหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ ด้วยการบ่มเพาะของเขา เป็นไปไม่ได้ที่ผู้บัญชาการระดับสูงทั้งสองจะไม่สังเกตเห็นร่างที่แท้จริงของเขา
ทันใดนั้นจ้าวจื่อป๋อพลันนึกขึ้นได้อย่างกะทันหันว่าแม่ทัพระดับสูงบางคนก็มีสายเลือดปีศาจเช่นกัน อย่างไรก็ตามมันถือเป็นสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ของจักรวรรดิต้าเซี่ยและกระทั่งสูงส่งกว่าราชนิกุลหลายคน
แม้นี่จะเป็นแผนการบางอย่างของกู่เยี่ยนหยิน แต่หลี่ฉิงซานในปัจจุบันก็ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม
“ผู้บัญชาการ เราจะทำอย่างไร!?” เก้อเจี้ยนกรีดร้องด้วยความลนลาน เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหลี่ฉิงซานสามารถบดขยี้เขาได้อย่างง่ายดาย เมื่อเขาคิดว่าตนเองยั่วยุสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาตลอด เขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าเป็นคนฆ่าจ้าวเหลียงฉิงและเฉียนเยี่ยนเหนิง!” จ้าวจื่อป่อกล่าว เขาสงบอารมณ์ลงแล้ว หลี่ฉิงซานไม่ใช่ขุนพลปีศาจที่เขาคิดว่าเป็นในตอนแรก แม้เด็กหนุ่มจะสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ แต่เขาก็ครอบครองความแข็งแกร่งระดับจอมยุทธ์ขั้นหกหรือเจ็ดเท่านั้น จ้าวจื่อป๋อเชื่อว่าตนเองจะไม่พ่ายแพ้
ตอนนี้หลี่ฉิงซานได้เรียนรู้แล้วว่าเหตุใดตัวร้ายในละครมักเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วเช่นเดียวกับจ้าวจื่อป๋อ นี่เป็นเพราะความรู้สึกในฐานะผู้ที่สามารถควบคุมทุกสิ่งเป็นเรื่องน่ายินดี ตอนนี้เขาเข้าใจมันอย่างถ่องแท้แล้ว
อย่างไรก็ตามด้วยทุกสิ่งที่เขาเคยเห็นมาในอดีต เขาต้องระงับความรู้สึกของตนและกล่าวด้วยเสียงเหมือนโลหะขูดกันว่า “เจ้าพูดถูก...” ในเวลาเดียวกันเขาก็ยกเท้าซ้ายขึ้นหรืออาจกล่าวอีกอย่างว่ากีบเท้าซ้ายและกระทืบลงไปอย่างรุนแรง
ปีศาจวัวกระทืบ!
“กระโดด!” จ้าวจื่อป๋อกระโจนขึ้นสู่อากาศ ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์คนอื่นๆล้วนมีประสบการณ์ ดังนั้นปฏิกิริยาตอบสนองของพวกเขาจึงไม่ช้า แต่แรงกระแทกยังส่งพวกเขาพุ่งออกไปเหมือนจรวด
มีเพียงจอมยุทธ์ขั้นสามเท่านั้นที่ตอบสนองช้ากว่าเล็กน้อย เมื่อเขาต้องการกระโดด คลื่นกระแทกก็พุ่งปะทะร่างกายของเขาและทำให้เขากลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว
จ้าวจื่อป๋อและคนอื่นๆเฝ้ามองด้วยความตกใจ พวกเขาไม่ได้มองสหายที่ตายแต่มองเกาะทั้งเกาะที่สั่นสะเทือนและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เท้าซ้ายของหลี่ฉิงซาน
น้ำในทะเลสาบกลายเป็นปั่นป่วน เกาะทั้งเกาะจมลงใต้น้ำและก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ หลี่ฉิงซานยืนอยู่ตรงกลางของกระแสน้ำวนและจ้องมองศัตรูของเขาด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ
จ้าวจื่อป๋อกำดาบเล่มเล็กในมือไว้อย่างแน่นหนา พลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ปีศาจทั่วไปจะสามารถครอบครอง
หากหลี่ฉิงซานไม่แตกต่างจากปีศาจทั่วไป เขาจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
เสี่ยวอันซ่อนตัวอยู่ในน้ำขณะที่ริมฝีปากของนางม้วนขึ้นเป็นรอยยิ้ม นางไม่รีบร้อนเข้าแทรกแซงเพราะนางรู้ว่าหลี่ฉิงซานต้องการระบายอารมณ์
หลี่ฉิงซานกล่าว “ท่านี้ค่อนข้างใช้งานยาก งั้นมาลองท่าอื่นกันดีกว่า!” เขาสูดหายใจลึกและอ้าปากคำราม
เสียงคำรามของปีศาจพยัคฆ์!
คลื่นแสงระเบิดออกไปทุกทิศทางขณะที่สายลมกรรโชกแรงเหมือนพายุดาบ มันทรงพลังกว่าดาบสายลมที่เกิดจากดาบวายุมาก
การแสดงออกของจ้าวจื่อป๋อเปลี่ยนไป “ไม่!”
คลื่นเสียงมาถึงก่อนสายลม ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์สองคนที่โดนโจมตีเป็นสองรายแรกยกมือขึ้นกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด พลังปราณของพวกเขาถูกปัดเป่าออกไป นั่นทำให้พวกเขาร่วงลงจากอากาศ เมื่อสายลมที่แหลมคมมาถึง พวกเขาก็ถูกตัดแยกร่างขณะที่เลือดและชิ้นส่วนร่างกายของพวกเขาปลิวไปทุกหนทุกแห่ง
เสียงคำรามดังสะท้อนอยู่ในถ้ำที่มืดมิด ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์คนอื่นๆแทบไม่สามารถรับมือการโจมตีชนิดนี้ โดยเฉพาะหลังจากสหายของพวกเขาเสียชีวิตไปในลักษณะนั้น หัวใจของพวกเขาก็จมดิ่งลงจนถึงจุดต่ำสุด
พวกเขาไม่เคยพบศัตรูเช่นนี้มาก่อน หากประมาทเพียงเล็กน้อย พวกเขาก็จะถูกบดขยี้จนกลายเป็นฝุ่นผง การหลบหนีหลังจากได้รับบาดเจ็บเป็นไปไม่ได้เช่นกัน
หลี่ฉิงซานกล่าว “นั่นไม่แย่นัก!” หลังจากทั้งหมดมันยากที่จะหลีกเลี่ยงการโจมตีด้วยคลื่นเสียง
หลี่ฉิงซานสังหารผู้ใต้บังคับบัญชาของจ้าวจื่อป๋อราวกับเขากำลังทดลองพลังของตนซึ่งทำให้จ้าวจื่อป๋อตกใจและโกรธมาก ในความเป็นจริงเขากระทั่งพัฒนาความกลัวขึ้นมาในใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะกลายเป็นเหยื่อให้กับเหยื่อที่เขาต้องการขย้ำ ตอนนี้มันกลายเป็นการสังหารหมู่เพียงฝ่ายเดียวของหลี่ฉิงซานไปแล้ว
จ้าวจื่อป๋อเริ่มสวดมนต์และแยกมือออก มังกรไฟปรากฎขึ้นและทำให้ถ้ำกลายเป็นสว่างไสว มันส่งเสียงคำรามก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีหลี่ฉิงซานด้วยกรงเล็บและเขี้ยวของมัน จ้าวจื่อป๋อใช้กำลังเต็มที่ในการโจมตีครั้งนี้ มันไม่เหมือนตอนที่เขาอยู่บนภูเขาของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ แม้เขาจะไม่สามารถสังหารหลี่ฉิงซานด้วยการโจมตีนี้แต่เขาก็ต้องการพลิกสถานการณ์และชิงความได้เปรียบ
แต่หลี่ฉิงซานกลับเพิกเฉยต่อมังกรเพลิงที่พุ่งเข้ามาอย่างสิ้นเชิง เขายื่นกรงเล็บอันแหลมคมออกไปและคว้าจับที่ลำคอของมัน
เสียงคำรามของมังกรหยุดลงทันที
อย่างไรก็ตามจ้าวจื่อป๋อกลับรู้สึกยินดี เขาเป็นผู้บ่มเพาะธาตุไฟ เขาสามารถควบคุมไฟและมีทักษะพิเศษมากมาย
ความร้อนจากมังกรไฟรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มันเพียงพอที่จะหลอมเหล็ก อย่างไรก็ตามรอยยิ้มของเขากลับกลายเป็นแข็งทื่อ
ภายใต้การควบคุมของจ้าวจื่อป๋อ มังกรเพลิงดิ้นรนอย่างสิ้นหวังอยู่ในกำมือของหลี่ฉิงซาน
แสงสีแดงส่องประกายขึ้นในดวงตาของหลี่ฉิงซาน ทันใดนั้นมังกรเพลิงก็ระเบิดเป็นประกายไฟจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายไป “การโจมตีชนิดนี้ไร้ความหมายสำหรับข้า” ไม่มีแม้แต่รอยไหม้บนฝ่ามือของเขา
ธาตุทั้งห้าหนุนเสริมและต่อต้านซึ่งกันและกัน ปีศาจธาตุน้ำเช่นเขาเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของผู้ใช้เปลวเพลิง โดยเฉพาะเมื่อพลังปีศาจเหนือกว่าพลังปราณของมนุษย์ในระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นการดับไฟของจ้าวจื่อป๋อจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลี่ฉิงซาน
ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่เหลืออีกสี่คนฉวยโอกาสนี้เปิดฉากโจมตีด้วยพลังทั้งหมด พวกเขารู้ว่านี่เป็นการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้ทุกสิ่งที่มี ยันต์ระดับต่ำและยันต์ระดับกลางถูกปลดปล่อยออกมา ทั่งไฟ สายฟ้า และดาบสายลมพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซานอย่างพร้อมเพรียง
หลี่ฉิงซานกล่าว “กระดองเต่าจิตวิญญาณ!” แสงสีฟ้าอ่อนส่องประกายขึ้นรอบตัวหลี่ฉิงซาน ทุกการโจมตีไม่สามารถทะลวงผ่านโล่แสง
ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ทั้งหมดตกสู่ก้นเหวแห่งความสิ้นหวัง พวกเขาจะเอาชนะคู่ต่อสู้ที่พวกเขาไม่แม้แต่จะสามารถสัมผัสร่างกายได้อย่างไร
จ้าวจื่อป๋อรู้สึกเสียใจมาก ในความเป็นจริงความคับข้องใจระหว่างเขากับหลี่ฉิงซานยังไม่ใกล้เคียงจุดที่ไม่สามารถหวนกลับ หากเขารู้เรื่องนี้มาก่อน เขาจะไม่มีวันเป็นศัตรูกับสหายผู้นี้เพราะอคติเพียงเล็กน้อย
เก้อเจี้ยนตะโกน “ถอยกันเถอะ ผู้บัญชาการ!”
“กระดองเต่าจิตวิญญาณค่อนข้างดี แต่ข้าสงสัยว่ามันสามารถป้องกันการโจมตีจากสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับกลางหรือไม่?” หลี่ฉิงซานพึมพำกับตนเอง จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่จ้าวจื่อป๋อเพื่อรอให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามจ้าวจื่อป๋อกลับออกคำสั่งอย่างเด็ดเดี่ยว “ถอย!”
ราวกับพวกเขาได้รับการไว้ชีวิต ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่เหลือใช้ทุกอย่างที่มีในการหลบหนี พวกเขากระทั่งติดยันต์หลายแผ่นเพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดและวิ่งกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง