ตอนที่ 818 ขอให้เอาชนะให้ได้
ในทวีปป่าหินทรายแท่งหินสุดสายตาตั้งอยู่กับที่ เกิดเป็นป่าหินเทาขนาดใหญ่
อูหม่าเทียนพ่นทรายในปากใบหน้าซูบตอบของเขาที่ควันปกคลุมมีตอหนวดเคราครึ้มที่ไม่ได้โกนมาหลายวันแล้ว ตัวของเขาไม่มีส่วนที่เหลาะแหละอีกต่อไปแต่ดูเหมือนทหารผ่านศึกที่คมและมาดมั่นมากกว่า
เขาและสหายที่อยู่ห่างกันระยะสิบเมตรมองดูกันและกันทั้งสองฝ่ายส่งสัญญาณให้กัน จากนั้นถอยและหายไปในเงา
เมื่อกลับเข้ามาในค่าย อูหม่าเทียนนั่งเหยียดตัวกับพื้นและหยิบกระติกน้ำจิบลงคอดับกระหายทำให้รู้สึกดีขึ้น
“สถานการณ์เป็นไง?”
อายะเดินมาหาเขาและนั่งลง สายตาของนางมองดูร่างของอูหม่าเทียนที่มีร่างผอมกว่าแต่ก่อน แต่ม่านตาดำของเขาเจิดจ้า เมื่อเห็นบุคลิกอูหม่าเทียนเปลี่ยนไปทำให้อายะมีความสุขใจมาก นางรู้สึกว่าโชคชะตาผลักดันให้ราชาขาหมูมาอยู่ฝ่ายนาง
แผนของหน่วยกะโหลกถูกกำหนดโดยอูหม่าเทียนอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก อูหม่าเทียนมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นนอกจากนี้ยังได้รับการนับถือจากหน่วยกะโหลกทั้งหมด สำหรับอายะอูหม่าเทียนเป็นคนที่คู่ควรยืนข้างท่านปิงและถูกดันให้ไปอยู่กับหน่วยกะโหลกนับว่าใช้เขาได้ไม่เต็มที่ หน่วยกะโหลกเดิมทีเป็นกองทหารรับจ้าง และแม้ว่าทุกคนจะมั่นคงไม่หวั่นไหวยามอยู่ข้างนอก แต่พวกเขายังขาดความเชื่อมั่นตัวเอง และรู้สึกว่าพวกเขายังด้อยเมื่อเทียบกับกองทัพมาตรฐาน
นางรู้มาตรฐานของทุกคนในหน่วยกะโหลก และถ้าไม่ใช่เพราะอูหม่าเทียน พวกเขาคงพ่ายแพ้แน่นอน นางพูดกับเขาด้วยความนับถือจากใจจริง
อูหม่าเทียนหัวเราะแก้มของเขานูนเด่นบนใบหน้าที่ตอบเผยให้เห็นบุคลิกคมสัน แต่เขาพูดอย่างอ่อนโยน “ทุกคนทำได้ค่อนข้างดี มีการบาดเจ็บล้มตายไปบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เทียบกับเราศัตรูไม่เหมาะกับการทำสงครามแบบนั้น แต่โกวเฉิงเวิ่นเต้าตรึงกำลังอยู่ป้อมพิทักษ์สมุทร ดังนั้นข้าเกรงว่าศัตรูที่อยู่ด้านนี้จะกังวลมากขึ้นคราวต่อไปจะเป็นการทดสอบที่แท้จริง การโจมตีที่ทุกคนต้องเผชิญจะรุนแรงมากขึ้น”
อูหม่าเทียนคิดถึงเรื่องรายงานจากแนวหน้า และยังรู้สึกว่าเหลือเชื่อ
โกวเฉิงเวิ่นเต้ามีเรือล้อมโจมตีขนาดยักษ์22 ลำถูกป้อมพิทักษ์สมุทรหยุดไว้ได้ เขาไม่รู้ว่านั่นทำได้ยังไง เขาไม่เคยคบกับเซี่ยอวี่อันมาก่อน และเพียงความประทับใจของเขาก็คือเขาเป็นคนซื่อสัตย์และรอบคอบและมีนิสัยเป็นกันเอง แต่เขาไม่เคยคาดเลยว่าเขาจะทรงพลังได้ขนาดนั้น เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านอาเฮ่อจะทรงพลัง นั่นคือความจริงที่ทุกคนเห็นอย่างชัดเจน
เมื่อเทียบกับพวกเขา ความสำเร็จในการสู้รบของเขาน้อยนิดกว่ามาก แต่ไม่ว่าจะเป็นเขาหรืออายะ พวกเขาทั้งสองคนเชื่อมั่นต่อความสำเร็จของเซี่ยอวี่อัน
ความจริงบันทึกการสู้รบของพวกเขาก็โดดเด่นเป็นอย่างดีเช่นกัน และท่านปิงก็ชื่นชมพวกเขามากกว่าเป็นครั้งคราว
คลิฟบริวารของโกวเฉิงเวิ่นเต้าและกองทัพของเขาถูกพวกเขาถ่วงเวลาไว้ห้าวันเต็มทวีปป่าหินที่กว้างขวางกลายเป็นสมรภูมิที่ดีที่สุดของพวกเขา ภูมิประเทศที่ซับซ้อนกลายเป็นสวรรค์ของสงครามในเมือง หน่วยกะโหลกเคลื่อนที่ผ่านสมรภูมิเหมือนกับปลาในน้ำ ขณะที่ศัตรูเคลื่อนไหวอย่างยากลำบาก
ทวีปป่าหินทรายกลายเป็นลานเนื้อสับที่ไม่มีคนสังเกตได้ และเมื่อคลิฟรู้ตัวจำนวนคนบาดเจ็บล้มตายของพวกเขาก็เกินสามพันคน สิ่งที่แย่ก็คือกำลังใจของพวกเขาความล้มเหลวของภารกิจที่ป้อมพิทักษ์สมุทรและศัตรูที่ปรากฎเหมือนภูตผียังคงเพิ่มพูนคนบาดเจ็บล้มตายทำให้กำลังใจของทหารตกต่ำกันหมด
เมื่อการกรีฑาพลเข้าภูมิภาคใต้เป็นเหมือนมีดร้อนที่ใช้หั่นเนยไม่ว่าจะมีคนบาดเจ็บล้มตายมากเพียงไหน ก็ไม่เคยส่งผลต่อกำลังใจพวกเขา แต่เมื่อโกวเฉิงเวิ่นเต้าเคลื่อนทัพด้วยตนเองแต่ก็ยังถูกขัดขวางได้นี่นับว่าส่งผลต่อกำลังใจของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขามาก
โกวเฉิงเวิ่นเต้าถือว่าเป็นเทพสงครามในกองทัพเขา และในหัวใจทุกคนตราบใดที่โกวเฉิงเวิ่นเต้ายังเคลื่อนไหวเองได้ พวกเขาก็ถือว่าชนะแล้ว พวกเขาไม่เคยแม้แต่จะยอมรับว่าโกวเฉิงเวิ่นเต้าจะล้มเหลวในที่แรก
ความดึงดันของพันธมิตรใต้ทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบมากกว่าที่คาดจนถึงจุดที่พวกเขารู้สึกกลัว พวกเขามีความสามารถในการต่อสู้ในเมือง แต่แม้ด้วยพวกเขาที่มีคนบาดเจ็บล้มตาย พวกเขาก็ยังไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย
ฝ่ายสัมพันธมิตรใต้สูญเสียคนไป1000 คน แต่อัตราส่วน 1 ต่อ 3ก็พอจะทำให้คลิฟอายแล้ว แต่สัดส่วนของความแข็งแกร่งกลับขยายกว้างขึ้น พวกเขามีสมาชิกและมี 3000 คนที่ตายไปไม่ได้ส่งผลต่อพวกเขา แต่พันธมิตรใต้มีคนเพียง 5000 คน และบาดเจ็บล้มตายไปพันคนและพันคนที่ตายไปก็มากถึง หนึ่งในห้า”
20% ก็เพียงพอจะทำลายกองทัพอ่อนแอได้
แต่ศัตรูยังคงรังควานอย่างเหนียวแน่น นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายนับได้ว่าเป็นกองทัพที่มีมาตรฐานสูง แต่คลิฟเชื่อว่าพวกเขายังไม่ถึงจุดวิกฤติ
คลิฟคาดเดาได้ถูกฝ่ายหน่วยกะโหลกสูญเสียกำลังพลไปถังพันนาย
เมื่อได้ยินการตัดสินใจของอูหม่าเทียนอายะถึงกับหน้าเสีย
กองทัพนี้ตกทอดมาจากบิดาของนาง และทหารหลายคนในหน่วยทุกคนเหมือนกับพี่น้องของอายะ เมื่อสหายผู้คุ้นเคยกันเหล่านั้นตาย หัวใจนางราวกับถูกกรีด ถ้าสถานการณ์ตึงเครียดมากยิ่งขึ้นก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องมีคนตายเพิ่มอีก และมือที่จับดาบของอายะเปลี่ยนเป็นซีด
อูหม่าเทียนเข้าใจว่าอายะรู้สึกอย่างไร เมื่อเห็นสหายของตนล้มตาย เขาก็รู้สึกทนไม่ได้
เขายังคงเงียบไประยะหนึ่งก่อนจะพูด “กองพลสายรุ้งใต้ของเต๋อซิงกับกองพลหยวนม่อซังอยู่ด้านหลังเราแล้วและสามารถสนับสนุนเราได้ทุกเมื่อ แต่ข้าไม่แนะนำให้พวกเขาเข้าสมรภูมิเลย กำลังของศัตรูยังไม่หมด พวกเขายังไม่เหนื่อยและพวกเขาเข้ามาตอนนี้ก็เปลี่ยนสถานการณ์ไม่ได้”
อายะมองดูอูหม่าเทียนมือกำดาบแน่นจนจำเส้นเลือดเริ่มปูดและกัดฟันถาม “เจ้าต้องการให้หน่วยกะโหลกสู้ตายพร้อมกับเราหรือ?”
อูหม่าเทียนไม่หันกลับแต่พูดเย็นชามากขึ้น “ก็แค่ทำเท่าที่เราจะมีโอกาสชนะได้”
อายะยืนโงนเงนหน้าซีดหลังจากนั้นเป็นเวลานาน “เราทำแบบนี้แล้วจะชนะได้งั้นหรือ?”
“ข้าไม่รู้” อูหม่าเทียนพึมพำ, ริ้วรอยความสูญเสียและความเจ็บปวดผุดขึ้นบนในหน้าเขา แต่สายตาของเขาคมกล้าอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและเยือกเย็น “มันเป็นวิธีเดียวที่ข้าคิดได้ตอนนี้”
อายะยังคงเงียบนางคิดทันทีถึงวันที่บิดานางส่งมอบกองทัพให้นาง หลังจากนั้นชีวิตของพวกเขาก็ขมขื่นมาก อดมื้อกินมื้อ พวกเขาขาดแคลนอาวุธขาดแคลนเกราะ และบางครั้งบางคราว เพื่อให้ได้เงินสักสองสามพันคลาวด์พวกเขาถึงกับยอมเสี่ยงชีวิต
อายะสงบใจได้แล้ว
‘จริงสิ, ยังมีอะไรไม่พึงพอใจอีกยังมีอะไรต้องบ่นต้องเรียกร้องอีก? ชีวิตที่น่าสมเพชและต่ำต้อยของเราได้เพลิดเพลินกับการใช้จ่ายและได้รับเกียรติที่เราเคยใฝ่ฝันเราจะไม่ใช่วิญญาณอดอยากอีกต่อไปและได้รับปฏิบัติเหมือนกับเป็นกองทัพที่ดีที่สุด เราเป็นกลุ่มที่นายท่านให้เกียรติได้รับความนับถือ’
‘ทุกอย่างก็เพื่อวันนี้’
‘ทุกสิ่งทุกอย่างนำเรามาตายในวันนี้’
‘นี่เป็นวันที่ทุกคนรอคอยไม่ใช่หรือ?นี่คือสิ่งที่ทุกคนสาบานเอาไว้ว่าจะทำไม่ใช่หรือ?
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะทำมัน”
อายะยืนขึ้นอย่างสงบ นางชูดาบใหญ่ในมือนางขึ้นสายลมพัดผมสีแดงเพลิงของนางจนดูเหมือนเปลวเพลิงกำลังลุกโชติช่วงต่อหน้าอูหม่าเทียน
“ข้ามีข้อขอร้องประการเดียว”
อูหม่าเทียนที่สูญเสียสมาธิถามโดยไม่รู้ตัว “คำขออะไร?”
“ขอให้เจ้าเอาชนะให้ได้!”
อายะหันหน้าไปทันทีและหัวเราะ “เมื่อเจ้าเอาชนะได้ เจ้าต้องบอกข้า”
สายตาของอูหม่าเทียนพลันพร่าเลือน
**************************
พันธมิตรใต้ในปัจจุบันนี้กำลังรุ่งเรือง ทวีปต่างๆในภูมิภาคใต้ทั้งหมดส่งเรือรบมุ่งสู่สัมพันธมิตรใต้ และไม่มีการโดดเดี่ยวโดยไม่ช่วยเหลืออีกต่อไป สินค้าดีๆและกำลังพลทั้งหมดจากทั่วทุกมุมภูมิภาคใต้ทะลักเข้าสัมพันธมิตรใต้
การก่อตั้งพันธมิตรใต้เร็วๆนี้กลายเป็นความหวังเดียวของภูมิภาคใต้ มีเพียงพันธมิตรใต้ที่สามารถต่อต้านการแทรกแซงของทวีปกวงหมิงได้ คำพูดนี้กลายเป็นคำขวัญที่ทุกคนพูดกันไปทั่วท้องถนน ตระกูลระดับสูงต่างๆ และสมาคมการค้าใหญ่ของภูมิภาคใต้ทั้งหมดรวมตัวกันและสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์และยุทธภัณฑ์เข้ามายังสัมพันธมิตรใต้ไม่หยุดหย่อน
แต่ที่สำคัญที่สุดพวกคนหนุ่มวัยเยาว์ทั้งหมดล้วนกระหายความสำเร็จต่อเป้าหมายของพวกเขา
ถึงขนาดที่ค่ายรับสมัครทหารของพันธมิตรใต้แน่นขนัดไปหมด
ชิวหย่งและไต้ซานเร่งรีบมาจากทวีปหินใต้อันห่างไกล ถ้าไม่ใช่เพราะการเดินทางเข้าพันธมิตรใต้ไม่มีค่าใช้จ่าย คงไม่มีใครสามารถทนแบกค่าธรรมเนียมภาษีในการเดินทางไกลได้แน่
เมื่อพวกเขาลงจากยานโดยสารก็ต้องตื่นตกใจกับฝูงคนทันที
“โอว, พระเจ้า มีผู้คนมากมายยิ่งนัก!”
ตาของชิวหย่งหมอง,เขาเอามือทั้งสองกุมศีรษะทำสีหน้าตะลึง ไต้ซานที่อยู่ข้างๆเขากลับตื่นเต้นฉากภาพที่ร้อนแรงต่อหน้าทำให้เขาเลือดลมพลุกพล่านด้วยความตื่นเต้น เพื่อปกป้องบ้านเขา เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย นั่นคือสิ่งที่ลูกผู้ชายพึงกระทำ!
ไต้ซานผู้ด้วยความมั่นใจ “เราต้องได้รับเลือกแน่นอน!”
ชิวหย่งไม่แน่ใจ “แต่มีคนมากมายนัก...”
แม้แต่สถาบันรับสมัครทหารที่ดีที่สุดก็ยังไม่เคยเต็มไปด้วยฉากภาพผู้คนมากมายหนาแน่น ผู้คนหลั่งไหลมาอย่างน้อยก็สองสามหมื่นคน และชิวหย่งเห็นประกาศรับสมัคร สำหรับการรับสมัครในปัจจุบัน พวกเขารับคนเพียง 200 คน
“เราควรเปลี่ยนไปสมัครค่ายอื่นดีไหม?” ชิวหย่งถามอย่างลังเลใจ
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ข้างเขาอดพูดขึ้นไม่ได้ “อย่าแม้แต่จะคิด! ค่ายอื่นทุกค่ายก็เหมือนกัน อาจจะมีความแตกต่างกันบ้าง แต่คนไม่น้อยลงแน่
ไต้ซานตบไหล่ของชิวหย่งและให้กำลังใจดังลั่น “เราจะต้องได้รับเลือกแน่! อาหย่ง, เจ้าต้องมีความมั่นใจ!”
ขณะนั้นเสียงดังกึกก้องหายไปทันที
ทั้งสองคนตกใจและมองดูที่เวที
บุรุษที่หน้าซีดสวมชุดยาวสบายๆปรากฏตัวบนเวทีของค่ายรับสมัคร
“เซี่ย...เซี่ยอวี่อัน!”
ไต้ซานตะลึง,ตาของเขาเป็นประกายเหลือเชื่อ ไม่ใช่แต่เพียงเขาเท่านั้น, ชิวหย่งก็พลอยตกตะลึงไปด้วย
พอเข้าพื้นที่แล้วจู่ๆในพื้นที่กลายเป็นเงียบสงัด พวกเขาสำรวมตัวอยู่ในความเงียบ
เซี่ยอวี่อันมาถึงอย่างไม่คาดคิด เขาตัดสินใจมาด้วยตนเอง
เซี่ยอวี่อันรู้สึกว่าอาการบาดเจ็บของเขาไม่ได้ร้ายแรงเกินไปและเขาออกจากโรงพยาบาลได้เร็ว สงครามอยู่ในที่ไกล กองพลนางแอ่นอ่อนกำลังลงมาก และเขาตั้งใจจะหาตำแหน่งทดแทนและรีบกลับเข้าสมรภูมิโดยเร็ว
เขาไม่เคยคาดเลยว่าการปรากฏตัวของเขาจะทำให้เกิดเสียงฮือฮา
“โอวสวรรค์โปรด! เป็นเซี่ยอวี่อันจริงๆ!”
“เทพสงครามเซี่ยอวี่อัน!”
ในภูมิภาคใต้ใครบ้างไม่รู้จักเซี่ยอวี่อัน? พลเมืองทุกคนที่ก้าวเข้ามาเพื่อร่วมสงครามทุกคนได้เห็นวีรกรรมจากบันทึกการรบหกชั่วโมงมาแล้ว และเมื่อมาเผชิญกับวีรบุรุษผู้เป็นแบบอย่างด้วยตัวเอง พวกเขาตื่นเต้นตัวตรง
ทั่วทั้งพื้นที่กลับกลายเป็นมีชีวิตชีวา ข่าวที่ร้อนแรงที่สุดแพร่กระจายไปทั่วภูมิภาคใต้
เซี่ยอวี่อันยังคงรู้สึกมั่นใจ ทหารที่เขาคัดเลือกเฉพาะค่อนข้างมีพลังและความสำเร็จโดดเด่นทุกคน แต่สิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนก็คือดูเหมือนการกระทำโดยไม่ตั้งใจของเขาเตะตาคนเจ้าเล่ห์คนหนึ่งทันที
ในตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ปิงโบกมือให้เขา “อา..เสี่ยวเซี่ยยังไม่ฟื้นฟูร่างกายเต็มที่เลย เขากำลังฝืนตัวเองมากเกินไป เราฉวยโอกาสนี้เลยดีกว่า”
เป็นวันที่เซี่ยอวี่อันได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตผู้จัดสรรคัดหาบุคลากรให้พันธมิตรใต้ และให้ทำหน้าที่คัดสรรด้วย
จำนวนเรือรบและขบวนสินค้ามุ่งเข้าสู่พันธมิตรใต้มากมายมหาศาลในวันนั้น