ตอนที่ 811 ข่าวของเหวินกัง
“มีข่าวอะไรจากแนวหน้าบ้างไหม?”
หลู่ไควางเหยือกเหล้าข้างหน้าเหวินกังและเมื่อคนที่เหลือได้ยินคำถาม พวกเขาวิ่งเข้ามารวมกันทันที เหวินกังเพิ่งกลับมาจากภารกิจในเมือง และจะต้องได้รู้ข้อมูลใหม่แน่นอน ประตูบาปแยกออกมาจากโลก และการเดินทางจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มายังประตูบาปไม่ใช่เรื่องง่าย และตามระเบียบปฏิบัติ พวกเขามีโอกาสทุกๆ สามปีพวกเขาจะได้กลับไปยังทวีปกวงหมิงเพื่อรับหน้าที่ทางการ
ในประตูบาปการกรีฑาพลเข้าภูมิภาคใต้เป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุด
ในรอบหลายศตวรรษทวีปกวงหมิงต่อสู้มาหลายสงครามและชนะศึกทั้งหมด พวกเขากลืนทวีปต่างๆ ในภูมิภาคตะวันตก และปกครองแบบเบ็ดเสร็จในปัจจุบัน หลังจากได้ชัยชนะต่อเนื่องก็ทำให้พลเมืองของทวีปกวงหมิงมีความรู้สึกลำพองในตัวเองตั้งแต่อายุยังเยาว์ พวกเขาเชื่ออย่างแน่นเหนียวว่าทวีปกวงหมิงไร้เทียมทาน และกระตือรือร้นต่อการสู้รบ ยิ่งกว่าพลเมืองธรรมดา
การไม่สามารถเข้าร่วมกรีฑาพลเข้าภูมิภาคใต้ทำให้พวกทหารเหล่านี้ที่ถูกส่งมาเฝ้าประตูบาปรู้สึกเสียใจ แต่พันธมิตรใต้ยังเป็นหัวข้อที่ได้รับการสนใจมากที่สุด เพียงแต่พวกเขาอยู่ห่างเกินไป และเมื่อใครสักคนมาจากธุระงานเมืองข้างนอกก็จะทำให้พวกเขาได้รับทราบข่าวล่าสุด
เหวินกังรับเหยือกเหล้าและดื่มเต็มอึก
ประตูบาปมีเหล้าให้ดื่มมากมาย
ตามกฎแล้วผู้ปฏิบัติงานมึนเมาระหว่างปฏิบัติหน้าที่จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก แต่ที่ประตูบาป กฎพวกนั้นจะทำอะไรได้?
ประตูบาปตัดขาดจากโลกที่เหลือเนื่องจากเป็นที่มีสภาพแวดล้อมอันตราย ไม่มีน้ำหรือน้ำมันเป็นสถานที่โหดร้ายน่ากลัวเกินกว่าจะทำงานได้ และคนปกติทั่วไปไม่ยินดีทำงานที่นี่ เนื่องจากเป็นที่เหมือนกับคนต้องโทษอาญา พวกผู้บัญชาการก็คือคนที่เคยขัดใจกับระดับสูงในอดีตและทหารที่ติดตามพวกเขาพลอยโชคร้ายไปด้วย หลังจากอยู่มาเป็นเวลาทศวรรษหนึ่ง ความทะเยอทะยานและเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาก็ถูกกำจัดล้างไป
จากที่เคยฝึกฝนกันทุกวันก็กลายเป็นฝึกฝนสามวันต่อครั้ง และจากนั้นก็กลายเป็นฝึกสิบวันครั้ง แล้วก็ไม่ฝึกกันเลย
บุคลากรที่ได้รับแต่งตั้งดูแลไม่สามารถหลบหนีได้จะมีพลเมืองแดนบาปท้าทายพวกเขาเป็นครั้งคราว และถ้าพวกเขาปล่อยให้คนแดนบาปหนีไปได้จริงๆ ครอบครัวพวกเขาเองจะถูกปฏิบัติอย่างสาสม แต่ช่วงเวลาสองสามปีมานี้คนในแดนบาปไม่เคยปรากฏตัว และวันคืนที่ดูน่าเบื่อทำให้พวกเขาหมดหวัง เมื่อคนแดนบาปคนสุดท้ายปรากฏตัว กองทัพก็ถูกระดับพลและทุกคนก็จะมาดูความวุ่นวาย
พวกทหารที่ทำหน้าที่จะเบื่อกันมากและพวกเขาถ้าไม่เล่นไพ่ก็ดื่มเหล้าฆ่าเวลา พวกเขาไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงในวันเหล่านี้
เมื่อเห็นว่าทุกคนล้อมวงเข้ามาเหวินกังให้ความสนใจชั่วครู่ ก่อนจะพูดจริงจัง “ตอนนี้แม่ทัพโกวเฉิงเวิ่นเต้าพบคู่ต่อกรของเขาแล้ว”
“พูดจริงหรือ?”
“เป็นไปได้ไหมว่าทวีปทองเคลื่อนไหวแล้ว?”
“หรือว่าแม่ทัพใหญ่โกวเฉิงเวิ่นเต้าตั้งใจอ่อนข้อ?”
……
ทุกคนรุมล้อมเข้ามาอย่างวุ่นวายทันที
ทุกคนรู้ว่าโกวเฉิงเวิ่นเต้าเป็นใครในฐานะหนึ่งในห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิงในแง่ความสามารถรุก เขาคือผู้ชนะเลิศ! ห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิงมีศักดิ์ศรีที่สูงส่งในทวีปกวงหมิงบางอย่างที่ไม่มีคนภายนอกรู้ ทหารยศต่ำทุกคนเทิดทูนและนับถือห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิง นอกจากนี้พวกเขาแตกต่างจากแม่ทัพที่มีชื่อเสียงในทวีปอื่น นอกจากมู่จือเสียแล้ว สี่แม่ทัพมีผลงานสู้รบที่โดดเด่น ขณะที่แม่ทัพที่มีชื่อเสียงของทวีปอื่นเอาแต่เล่นซ่อนหากับโจรสลัด ส่วนทั้งสี่คนนั้นสามารถสังหารและยึดครองทวีปได้
บางทีอาจมีคนที่แข็งแกร่งมากกว่าห้าพยัคฆ์กวงหมิงในแง่พลังส่วนตัว แต่เมื่อว่าถึงการควบคุมสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกรีฑาทัพขนาดใหญ่แม่ทัพผู้มีชื่อเสียงอื่นถือว่ายังต่างชั้นกันกับห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิง
จุดนี้ฝังลึกอยู่ในใจของคนทวีปกวงหมิง ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินว่าแม่ทัพโกวเฉิงเวิ่นเต้าพบคู่มือต่อกรทุกคนจึงมีปฏิกิริยารุนแรง
“มีเด็กอยู่สองคน” เหวินกังชูนิ้วมือสองนิ้ว
“เด็กสองคน? เจ้าเข้าใจผิดหรือเปล่า? เหวินกังอย่าโกหกเราดีกว่า!”
“นั่นน่ะสิ! และพวกเขายังเป็นเด็กหรือ? เจ้าคิดว่าทุกคนเป็นอย่างแม่ทัพชิวหรือ?”
“ต้องมีข้อมูลบางอย่างผิดไปแน่ แม่ทัพชิวคืออัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่ปรากฏออกมาในรอบไม่กี่ร้อยปี”
ทุกคนค่อนข้างจะเหยียดหยามข้อมูลของเหวินกัง และทุกคนมีอารมณ์รู้สึกเหลือเชื่อ
“ผิดผิด, หนึ่งในนั้นไม่ใช่เยาว์วัย”
เหวินกังแกล้งทำเป็นลึกลับ เมื่อเห็นว่าทุกคนให้ความสนใจแล้ว จากนั้นเขาจึงค่อยเพิ่มเติม “หนึ่งในนั้นเรียกว่าเซี่ยอวี่อัน เมื่อพูดเรื่องของเขาเขามาจากพื้นฐานที่น้อยนิด เขาคือเพื่อนร่วมชั้นเรียนของไป๋เยี่ย”
“ไป๋เยี่ยเป็นใคร”
“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน”
“เอ่,ข้าคิดว่าข้ารู้เรื่องของเขาบางเรื่อง ดูเหมือนมีอยู่คนหนึ่งจากตระกูลไป๋เรียกว่าไป๋เยี่ยแห่งภูมิภาคใต้แต่เขาไม่ใช่คนมีชื่อเสียง”
“ข้าบอกแล้วว่า เราไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน เหวินกังหยุดทำเป็นอวดและทำเสียงราวกับว่าไป๋เยี่ยเป็นเหมือนคนยิ่งใหญ่”
ทุกคนมีท่าทีเย้ยหยัน
เมื่อเหวินกังรั้งสายตากลับ “เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนใช่ไหม? ข้าก็เหมือนกันแต่แม่ทัพชิวซิ่วหัวกำลังลำบากเพราะไป๋เยี่ยและสูญเสียกำลังพลไปสามหมื่น และแม่ทัพฟงหวินม่านตายในการศึก
ทุกคนเงียบลงและมีสีหน้าเหลือเชื่อ
“สามกองทัพใหญ่, แม่ทัพโกวเฉิงเวิ่นเต้ากระหน่ำใส่สัมพันธมิตรใต้โดยตรง แม่ทัพม่อซินนำกำลังไปทางปีกซ้าย ขณะที่แม่ทัพชิวซิ่วหัวนำทัพปีกขวา เวลานั้น, แม่ทัพชิวซิ่วหัวนำกองทัพใหญ่แสนห้าหมื่นนายยันกับกองทัพร่วมภูมิภาคใต้โดยมีกองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เป็นแกนนำ แนวป้องกันของทัพพันธมิตรกำลังตกอยู่ในอันตราย และจากที่เห็นแม่ทัพชิวซิ่วหัวกำลังจะชนะ แต่ไป๋เยี่ยและกองพลกาขาวของเขาปรากฏตัวข้างกองทัพของแม่ทัพชิวซิ่วหัวเหมือนภูตพรายและซุ่มโจมตีอย่างน่ากลัวทำให้แม่ทัพชิวซิ่วหัวมีคนบาดเจ็บล้มตายไปมาก และพวกเจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องของไป๋เยี่ยมาก่อนสินะ กองพลกาขาวที่เขาบัญชาการเพิ่งจะเลื่อนขึ้นเป็นกองทัพระดับทองเมื่อเร็วๆนี้ ใช่แล้ว ทุกคนถูกเขาล่อลวงทุกคนคิดว่าเขาจะไปถ่วงเวลาแม่ทัพม่อซิน”
น้ำเสียงของเหวินกังจริงจังการสู้รบที่สูญเสียกำลังพลไปถึงสามหมื่นนายเป็นเรื่องที่ยากจะเห็นได้ในประวัติศาสตร์ทวีปหมิงกวง นอกจากนี้ผู้บัญชาการใหญ่ยังเป็นแม่ทัพชิวซิ่วหัว แม้ว่าทุกคนจะลำเอียงไปทางเขา พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าไป๋เยี่ยนับว่าเป็นผู้โดดเด่นคนหนึ่ง
ในเวลานี้ทุกคนตะลึง
“เซี่ยอวี่อันคือเพื่อนร่วมชั้นเรียนของไป๋เยี่ย และอดีตของเขายิ่งน่าทึ่งมาก เวลานั้นสัมพันธมิตรใต้ โอว,ตอนนั้นยังไม่มีสัมพันธมิตรใต้ แค่เรียกกันว่าทวีปซางโจวเวลานั้นทวีปซางโจวไม่มีกองทัพเลยสักกองทัพเดียว ดังนั้นพวกเขาจึงคิดหาทางตัดสินใจซื้อกองทัพ!”
ต้องบอกว่าเหวินกังรู้วิธีพูด เนื่องจากเขาดึงดูดความสนใจของทุกคนได้
“ซื้อกองทัพ?”
ทุกคนงุนงง หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเลื่อ พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ปูนนี้แล้ว ไม่เคยได้ยินเรื่องประหลาดอย่างการซื้อกองทัพมาก่อน
“ใช่แล้ว เมื่อข้าได้ยินเรื่องนี้ ข้าก็ตะลึงเหมือนกัน เมื่อเราพูดเรื่องคนในภูมิภาคใต้ เราเรียกพวกเขาว่านักธุรกิจที่มีพรสวรรค์และพวกเขาก็รู้วิธีทำธุรกิจเป็นอุปนิสัย ทวีปซางโจวนี้ร่ำรวยมาก พวกเขามีทรัพยากรหล่อเลี้ยง และเมื่อพบกับปัญหา ไม่ต้องพูดอะไรสักคำ พวกเขาแค่ซื้อ ซื้อ ซื้อ! เวลานั้นทวีปซางโจวมีธุรกิจร่วมกับตระกูลไป๋และเซี่ยอวี่อันก็เป็นผลของการทำธุรกิจ”
ทุกคนจดจ่ออยู่กับข้อมูล มันประหลาดมากเหลือเกิน
“ทวีปซางโจวนี้ร่ำรวยมากอุดมไปด้วยทรัพยากรมาก ไม่ต้องพูดสักคำพวกเขาทำให้เซี่ยอวี่อันกลายเป็นกองทัพระดับเงินได้สำเร็จ และส่วนที่ฟุ่มเฟือยที่สุดพวกเจ้ารู้ไหมว่าคืออะไร? อาวุธวิญญาณ! ทวีปซางโจวนี้มอบอาวุธวิญญาณให้กำลังพลทุกคนในกองพลนางแอ่นของเซี่ยอวี่อัน”
เมื่อเหวินกังพูดแค่นั้นแม้แต่เขาเองก็มีแววอิจฉา
“อะไรวะนั่น รวยชิบหาย!”
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราพยายามจะยึดทวีปซางโจวด้วยการทุ่มเงินมหาศาลใครจะทนรับได้เล่า”
“แล้วไงเล่า ถ้าพวกเขารวย! เอาเถอะ แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงชิงมันมาใช่ไหมเล่า?”
ทุกคนเริ่มอุทานออกมาดังๆทุกคนถึงกับตาแดงน้ำลายไหล
เมื่อเหวินกังเห็นสีหน้าพวกเขา เขาลอบดีใจ ความจริงเมื่อเขาได้ยินเรื่องนั้นตอนแรกก็คงไม่มีทางดีไปกว่าพวกเขาได้ เขากระแอมเบา “ตอนแรก เราก็ไม่สนใจหรอก ฮึ...กองพลนางแอ่นน่ะหรือ? ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อพวกเขามาก่อน โกวเฉิงเวิ่นเต้าเป็นบุรุษที่น่ากลัวขนาดนั้น เขาคือดาบสมบัติที่แท้จริง ไม่ว่าเขาจะไปที่ใด ทุกอย่างจะถูกสับฟันพินาศสิ้น แนวป้องกันสัมพันธมิตรใต้ถูกบดขยี้อย่างรวดเร็วและจากเท่าที่ดู สภาพพวกเขาใกล้จะพังทลาย เวลานั้นพวกเขาเตรียมตัวจะโค่นถล่มแนวป้องกันทั้งหมด แต่พวกเขาไม่ทันตระหนักว่ายังมีคนที่ทนอยู่ได้ เป็นเพราะตำแหน่งยุทธศาสตร์ของพวกเขาแปลก และถ้าพวกเขาต้องการโค่นทุกอย่างลง พวกเขาต้องกำจัดหนามยอกที่ตรึงอยู่ตรงนั้นให้ได้เสียก่อนท่านแม่ทัพคลิฟ ขุนพลเลือดเหล็กอยู่ในตำแหน่งที่ดี ท่านคลิฟส่งกองพลที่สามไปกำจัดเสี้ยนหนาม แต่ล้มเหลวและกองพลที่สามพ่ายแพ้ หลังจากนั้นท่านคลิฟส่งกองพลที่สองไปอีก แต่ก็ล้มเหลว ในที่สุดท่านคลิฟก็ไม่อาจทนอยู่ได้นำกองพลสามหมื่นเข้าบุกตะลุย แต่ในทุกสุดพวกเขาก็ยังแพ้สูญเสียกำลังพลไปพันนาย!”
ทุกคนสูดลมหายใจหนาวเหน็บ
คลิฟอาชากล้าเลือดเหล็กคือหนึ่งในสามแม่ทัพใต้ร่มธงของโกวเฉิงเวิ่นเต้าผู้มีความกล้าหาญไม่มีใครเหมือนทุกคนคือทหารกล้าและพวกเขาเป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเข็มงวดและระดับความแข็งแกร่งในกองทัพของพวกเขา และความต่างกันในเรื่องพลังของกองทัพคลิฟก็เป็นอีกระดับหนึ่ง สูงกว่าพวกนั้นสองสามระดับและกองทัพบริวารคลิฟโดยตรงก็เป็นยอดฝีมือในยอดฝีมือและมีทหารไม่กี่คนที่แข็งแกร่งมากกว่าพวกเขาที่เป็นบริวารโดยตรงของห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิง
‘เซี่ยอวี่อันผู้นี้ทรงพลังแท้จริง!’
“เซี่ยอวี่อันกลายเป็นผู้ลือชื่อในศึกเดียวและได้รับฉายาว่าผู้พิทักษ์สวรรค์ดีที่สุดเป็นอันดับสามหลังจากนั้นเขาฟื้นฟูป้อมพิทักษ์สมุทรที่ซึ่งแม่ทัพโกวเฉิงเวิ่นเต้าตัดสินใจเคลื่อนกำลังพลด้วยตนเอง ฉากภาพการรบที่ทำให้สวรรค์เปลี่ยนแม่ทัพโกวเฉิงเวิ่นเต้านำเรือรบล้อมตีขนาดยักษ์ไปกับเขาด้วย!”
เสียงสูดหายใจหนาวเหน็บของทุกคนดังขึ้นอีกครั้ง กองเรือรบล้อมโจมตีขนาดยักษ์ 22 ลำช่างสง่างามเหลือเกิน!
ใจของทุกคนคิดถึงฉากภาพที่ยิ่งใหญ่ตระการตาก็ทำให้พวกเขาตื่นเต้น
“หลังจากนั้นเล่า?”
บางคนอดถามไม่ได้
เหวินกังรีบสงบใจลง
“หลังจากนั้น?” ใครบางคนคะยั้นคะยอ
แต่ในเวลาอันรวดเร็ว ทุกคนสังเกตว่าเหวินกังเงียบ ทุกคนตะลึง
“หลังจากนั้น, ป้อมพิทักษ์สมุทรจู่ๆก็เปิดการตอบโต้อย่างน่ากลัว ไม่มีใครรู้ว่ามันจะทำอะไร” เสียงของเหวินกังแหบแห้ง “มันทรงพลังมากเหลือเกิน มากยิ่งกว่าพลังโจมตีจากเรือรบล้อมตีเสียอีก เวลานั้น เรือรบล้อมโจมตีขนาดยักษ์สามลำระเบิดจากพลังโจมตีนั้น”
“เป็นไปไม่ได้!”
“นั่นน่ะสิ จะเป็นไปได้อย่างไรที่มีพลังโจมตีที่รุนแรงขนาดนั้น?”
“จะมีอะไรที่โจมตีได้รุนแรงมากกว่านอกจากพลังโจมตีของเรือรบล้อมโจมตีลำยักษ์?”
ทุกคนส่งเสียงฮือฮาอีกครั้ง เรือรบล้อมโจมตีใหญ่เป็นอสูรสงครามสูงสุด แม้ว่าพวกเขาจะมีจุดอ่อนหลายอย่าง แต่พวกมันมีพลังทำลายล้างทำให้พวกมันกวาดสนามรบได้ทั้งหมด
“เป็นการโจมตีจากสมบัติวิญญาณ” เมื่อเหวินกังเงียบไปชั่วขณะก่อนจะพูดต่อ “ผู้บริหารเบื้องบนคาดว่าเป็นการโจมตีจากสมบัติวิญญาณเป็นการใช้ความสามารถของสมบัติวิญญาณสูบพลังงานสร้างเป็นพลังงานกระแสหมุนวนที่สะท้อนพลังกันและกัน ผู้บริหารระดับสูงคำนวณไว้แล้ว พวกมันต้องใช้สมบัติวิญญาณมากกว่าหกชิ้นเพื่อกระตุ้นพลังโจมตีเช่นนั้น ทุกการโจมตีต้องทุ่มเทคุณค่าสูงจากพวกทหาร”
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ พวกเขาต้องการคัดค้านเขา แต่ไม่มีใครพูดอะไร
การโจมตีที่จำเป็นต้องใช้สมบัติวิญญาณหกชิ้นหรือมากกว่าเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถคาดคิดได้
“การสู้รบรุนแรง” เมื่อเหวินกังรู้สึกได้ว่าคอของเขาแห้ง และร่างของเขาเริ่มสั่น “ป้อมรบนี้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และไม่สามารถหลบได้ เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ทอดสมอโจมตี และไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ขณะนั้นเอง ไม่มีกลยุทธอื่นที่เป็นไปได้ และทั้งสองต่างระดมยิงใส่กัน”
ปากของทุกคนอ้าค้าง หน้าของพวกเขาซีดขาว แค่เพียงไม่กี่ประโยคก็อธิบายการสู้รบได้ทั้งหมด ทำให้ทุกคนสำลัก
“การสู้รบคงอยู่เป็นเวลาหกชั่วโมง”
เสียงของเหวินกังสั่นสะท้าน เหมือนกับว่าเขากำลังเพ้อ