ตอนที่แล้วตอนที่ 810 ความคิดเล็กน้อยที่น่ากลัวของจงหลีไป๋
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 812 การสู้รบที่น่าอัศจรรย์

ตอนที่ 811 ข่าวของเหวินกัง


“มีข่าวอะไรจากแนวหน้าบ้างไหม?”

หลู่ไควางเหยือกเหล้าข้างหน้าเหวินกังและเมื่อคนที่เหลือได้ยินคำถาม  พวกเขาวิ่งเข้ามารวมกันทันที  เหวินกังเพิ่งกลับมาจากภารกิจในเมือง  และจะต้องได้รู้ข้อมูลใหม่แน่นอน  ประตูบาปแยกออกมาจากโลก และการเดินทางจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มายังประตูบาปไม่ใช่เรื่องง่าย  และตามระเบียบปฏิบัติ  พวกเขามีโอกาสทุกๆ สามปีพวกเขาจะได้กลับไปยังทวีปกวงหมิงเพื่อรับหน้าที่ทางการ

ในประตูบาปการกรีฑาพลเข้าภูมิภาคใต้เป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุด

ในรอบหลายศตวรรษทวีปกวงหมิงต่อสู้มาหลายสงครามและชนะศึกทั้งหมด พวกเขากลืนทวีปต่างๆ ในภูมิภาคตะวันตก และปกครองแบบเบ็ดเสร็จในปัจจุบัน  หลังจากได้ชัยชนะต่อเนื่องก็ทำให้พลเมืองของทวีปกวงหมิงมีความรู้สึกลำพองในตัวเองตั้งแต่อายุยังเยาว์ พวกเขาเชื่ออย่างแน่นเหนียวว่าทวีปกวงหมิงไร้เทียมทาน และกระตือรือร้นต่อการสู้รบ  ยิ่งกว่าพลเมืองธรรมดา

การไม่สามารถเข้าร่วมกรีฑาพลเข้าภูมิภาคใต้ทำให้พวกทหารเหล่านี้ที่ถูกส่งมาเฝ้าประตูบาปรู้สึกเสียใจ  แต่พันธมิตรใต้ยังเป็นหัวข้อที่ได้รับการสนใจมากที่สุด  เพียงแต่พวกเขาอยู่ห่างเกินไป  และเมื่อใครสักคนมาจากธุระงานเมืองข้างนอกก็จะทำให้พวกเขาได้รับทราบข่าวล่าสุด

เหวินกังรับเหยือกเหล้าและดื่มเต็มอึก

ประตูบาปมีเหล้าให้ดื่มมากมาย

ตามกฎแล้วผู้ปฏิบัติงานมึนเมาระหว่างปฏิบัติหน้าที่จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก  แต่ที่ประตูบาป กฎพวกนั้นจะทำอะไรได้?

ประตูบาปตัดขาดจากโลกที่เหลือเนื่องจากเป็นที่มีสภาพแวดล้อมอันตราย ไม่มีน้ำหรือน้ำมันเป็นสถานที่โหดร้ายน่ากลัวเกินกว่าจะทำงานได้ และคนปกติทั่วไปไม่ยินดีทำงานที่นี่ เนื่องจากเป็นที่เหมือนกับคนต้องโทษอาญา พวกผู้บัญชาการก็คือคนที่เคยขัดใจกับระดับสูงในอดีตและทหารที่ติดตามพวกเขาพลอยโชคร้ายไปด้วย หลังจากอยู่มาเป็นเวลาทศวรรษหนึ่ง ความทะเยอทะยานและเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาก็ถูกกำจัดล้างไป

จากที่เคยฝึกฝนกันทุกวันก็กลายเป็นฝึกฝนสามวันต่อครั้ง และจากนั้นก็กลายเป็นฝึกสิบวันครั้ง แล้วก็ไม่ฝึกกันเลย

บุคลากรที่ได้รับแต่งตั้งดูแลไม่สามารถหลบหนีได้จะมีพลเมืองแดนบาปท้าทายพวกเขาเป็นครั้งคราว และถ้าพวกเขาปล่อยให้คนแดนบาปหนีไปได้จริงๆ ครอบครัวพวกเขาเองจะถูกปฏิบัติอย่างสาสม  แต่ช่วงเวลาสองสามปีมานี้คนในแดนบาปไม่เคยปรากฏตัว และวันคืนที่ดูน่าเบื่อทำให้พวกเขาหมดหวัง  เมื่อคนแดนบาปคนสุดท้ายปรากฏตัว  กองทัพก็ถูกระดับพลและทุกคนก็จะมาดูความวุ่นวาย

พวกทหารที่ทำหน้าที่จะเบื่อกันมากและพวกเขาถ้าไม่เล่นไพ่ก็ดื่มเหล้าฆ่าเวลา พวกเขาไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงในวันเหล่านี้

เมื่อเห็นว่าทุกคนล้อมวงเข้ามาเหวินกังให้ความสนใจชั่วครู่ ก่อนจะพูดจริงจัง “ตอนนี้แม่ทัพโกวเฉิงเวิ่นเต้าพบคู่ต่อกรของเขาแล้ว”

“พูดจริงหรือ?”

“เป็นไปได้ไหมว่าทวีปทองเคลื่อนไหวแล้ว?”

“หรือว่าแม่ทัพใหญ่โกวเฉิงเวิ่นเต้าตั้งใจอ่อนข้อ?”

……

ทุกคนรุมล้อมเข้ามาอย่างวุ่นวายทันที

ทุกคนรู้ว่าโกวเฉิงเวิ่นเต้าเป็นใครในฐานะหนึ่งในห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิงในแง่ความสามารถรุก เขาคือผู้ชนะเลิศ!  ห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิงมีศักดิ์ศรีที่สูงส่งในทวีปกวงหมิงบางอย่างที่ไม่มีคนภายนอกรู้ ทหารยศต่ำทุกคนเทิดทูนและนับถือห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิง นอกจากนี้พวกเขาแตกต่างจากแม่ทัพที่มีชื่อเสียงในทวีปอื่น นอกจากมู่จือเสียแล้ว สี่แม่ทัพมีผลงานสู้รบที่โดดเด่น  ขณะที่แม่ทัพที่มีชื่อเสียงของทวีปอื่นเอาแต่เล่นซ่อนหากับโจรสลัด ส่วนทั้งสี่คนนั้นสามารถสังหารและยึดครองทวีปได้

บางทีอาจมีคนที่แข็งแกร่งมากกว่าห้าพยัคฆ์กวงหมิงในแง่พลังส่วนตัว  แต่เมื่อว่าถึงการควบคุมสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกรีฑาทัพขนาดใหญ่แม่ทัพผู้มีชื่อเสียงอื่นถือว่ายังต่างชั้นกันกับห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิง

จุดนี้ฝังลึกอยู่ในใจของคนทวีปกวงหมิง ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินว่าแม่ทัพโกวเฉิงเวิ่นเต้าพบคู่มือต่อกรทุกคนจึงมีปฏิกิริยารุนแรง

“มีเด็กอยู่สองคน”  เหวินกังชูนิ้วมือสองนิ้ว

“เด็กสองคน? เจ้าเข้าใจผิดหรือเปล่า?  เหวินกังอย่าโกหกเราดีกว่า!”

“นั่นน่ะสิ!  และพวกเขายังเป็นเด็กหรือ? เจ้าคิดว่าทุกคนเป็นอย่างแม่ทัพชิวหรือ?”

“ต้องมีข้อมูลบางอย่างผิดไปแน่  แม่ทัพชิวคืออัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่ปรากฏออกมาในรอบไม่กี่ร้อยปี”

ทุกคนค่อนข้างจะเหยียดหยามข้อมูลของเหวินกัง  และทุกคนมีอารมณ์รู้สึกเหลือเชื่อ

“ผิดผิด, หนึ่งในนั้นไม่ใช่เยาว์วัย”

เหวินกังแกล้งทำเป็นลึกลับ  เมื่อเห็นว่าทุกคนให้ความสนใจแล้ว  จากนั้นเขาจึงค่อยเพิ่มเติม  “หนึ่งในนั้นเรียกว่าเซี่ยอวี่อัน  เมื่อพูดเรื่องของเขาเขามาจากพื้นฐานที่น้อยนิด เขาคือเพื่อนร่วมชั้นเรียนของไป๋เยี่ย”

“ไป๋เยี่ยเป็นใคร”

“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน”

“เอ่,ข้าคิดว่าข้ารู้เรื่องของเขาบางเรื่อง  ดูเหมือนมีอยู่คนหนึ่งจากตระกูลไป๋เรียกว่าไป๋เยี่ยแห่งภูมิภาคใต้แต่เขาไม่ใช่คนมีชื่อเสียง”

“ข้าบอกแล้วว่า เราไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน เหวินกังหยุดทำเป็นอวดและทำเสียงราวกับว่าไป๋เยี่ยเป็นเหมือนคนยิ่งใหญ่”

ทุกคนมีท่าทีเย้ยหยัน

เมื่อเหวินกังรั้งสายตากลับ  “เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนใช่ไหม?  ข้าก็เหมือนกันแต่แม่ทัพชิวซิ่วหัวกำลังลำบากเพราะไป๋เยี่ยและสูญเสียกำลังพลไปสามหมื่น  และแม่ทัพฟงหวินม่านตายในการศึก

ทุกคนเงียบลงและมีสีหน้าเหลือเชื่อ

“สามกองทัพใหญ่, แม่ทัพโกวเฉิงเวิ่นเต้ากระหน่ำใส่สัมพันธมิตรใต้โดยตรง  แม่ทัพม่อซินนำกำลังไปทางปีกซ้าย  ขณะที่แม่ทัพชิวซิ่วหัวนำทัพปีกขวา  เวลานั้น, แม่ทัพชิวซิ่วหัวนำกองทัพใหญ่แสนห้าหมื่นนายยันกับกองทัพร่วมภูมิภาคใต้โดยมีกองพลเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เป็นแกนนำ แนวป้องกันของทัพพันธมิตรกำลังตกอยู่ในอันตราย และจากที่เห็นแม่ทัพชิวซิ่วหัวกำลังจะชนะ แต่ไป๋เยี่ยและกองพลกาขาวของเขาปรากฏตัวข้างกองทัพของแม่ทัพชิวซิ่วหัวเหมือนภูตพรายและซุ่มโจมตีอย่างน่ากลัวทำให้แม่ทัพชิวซิ่วหัวมีคนบาดเจ็บล้มตายไปมาก และพวกเจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องของไป๋เยี่ยมาก่อนสินะ กองพลกาขาวที่เขาบัญชาการเพิ่งจะเลื่อนขึ้นเป็นกองทัพระดับทองเมื่อเร็วๆนี้  ใช่แล้ว ทุกคนถูกเขาล่อลวงทุกคนคิดว่าเขาจะไปถ่วงเวลาแม่ทัพม่อซิน”

น้ำเสียงของเหวินกังจริงจังการสู้รบที่สูญเสียกำลังพลไปถึงสามหมื่นนายเป็นเรื่องที่ยากจะเห็นได้ในประวัติศาสตร์ทวีปหมิงกวง  นอกจากนี้ผู้บัญชาการใหญ่ยังเป็นแม่ทัพชิวซิ่วหัว แม้ว่าทุกคนจะลำเอียงไปทางเขา พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าไป๋เยี่ยนับว่าเป็นผู้โดดเด่นคนหนึ่ง

ในเวลานี้ทุกคนตะลึง

“เซี่ยอวี่อันคือเพื่อนร่วมชั้นเรียนของไป๋เยี่ย  และอดีตของเขายิ่งน่าทึ่งมาก  เวลานั้นสัมพันธมิตรใต้ โอว,ตอนนั้นยังไม่มีสัมพันธมิตรใต้ แค่เรียกกันว่าทวีปซางโจวเวลานั้นทวีปซางโจวไม่มีกองทัพเลยสักกองทัพเดียว ดังนั้นพวกเขาจึงคิดหาทางตัดสินใจซื้อกองทัพ!”

ต้องบอกว่าเหวินกังรู้วิธีพูด  เนื่องจากเขาดึงดูดความสนใจของทุกคนได้

“ซื้อกองทัพ?”

ทุกคนงุนงง หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเลื่อ  พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ปูนนี้แล้ว ไม่เคยได้ยินเรื่องประหลาดอย่างการซื้อกองทัพมาก่อน

“ใช่แล้ว เมื่อข้าได้ยินเรื่องนี้  ข้าก็ตะลึงเหมือนกัน  เมื่อเราพูดเรื่องคนในภูมิภาคใต้  เราเรียกพวกเขาว่านักธุรกิจที่มีพรสวรรค์และพวกเขาก็รู้วิธีทำธุรกิจเป็นอุปนิสัย ทวีปซางโจวนี้ร่ำรวยมาก พวกเขามีทรัพยากรหล่อเลี้ยง  และเมื่อพบกับปัญหา ไม่ต้องพูดอะไรสักคำ  พวกเขาแค่ซื้อ ซื้อ ซื้อ!  เวลานั้นทวีปซางโจวมีธุรกิจร่วมกับตระกูลไป๋และเซี่ยอวี่อันก็เป็นผลของการทำธุรกิจ”

ทุกคนจดจ่ออยู่กับข้อมูล  มันประหลาดมากเหลือเกิน

“ทวีปซางโจวนี้ร่ำรวยมากอุดมไปด้วยทรัพยากรมาก  ไม่ต้องพูดสักคำพวกเขาทำให้เซี่ยอวี่อันกลายเป็นกองทัพระดับเงินได้สำเร็จ  และส่วนที่ฟุ่มเฟือยที่สุดพวกเจ้ารู้ไหมว่าคืออะไร?  อาวุธวิญญาณ!  ทวีปซางโจวนี้มอบอาวุธวิญญาณให้กำลังพลทุกคนในกองพลนางแอ่นของเซี่ยอวี่อัน”

เมื่อเหวินกังพูดแค่นั้นแม้แต่เขาเองก็มีแววอิจฉา

“อะไรวะนั่น รวยชิบหาย!”

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราพยายามจะยึดทวีปซางโจวด้วยการทุ่มเงินมหาศาลใครจะทนรับได้เล่า”

“แล้วไงเล่า ถ้าพวกเขารวย!  เอาเถอะ แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงชิงมันมาใช่ไหมเล่า?”

ทุกคนเริ่มอุทานออกมาดังๆทุกคนถึงกับตาแดงน้ำลายไหล

เมื่อเหวินกังเห็นสีหน้าพวกเขา  เขาลอบดีใจ ความจริงเมื่อเขาได้ยินเรื่องนั้นตอนแรกก็คงไม่มีทางดีไปกว่าพวกเขาได้  เขากระแอมเบา “ตอนแรก เราก็ไม่สนใจหรอก ฮึ...กองพลนางแอ่นน่ะหรือ? ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อพวกเขามาก่อน โกวเฉิงเวิ่นเต้าเป็นบุรุษที่น่ากลัวขนาดนั้น  เขาคือดาบสมบัติที่แท้จริง  ไม่ว่าเขาจะไปที่ใด  ทุกอย่างจะถูกสับฟันพินาศสิ้น  แนวป้องกันสัมพันธมิตรใต้ถูกบดขยี้อย่างรวดเร็วและจากเท่าที่ดู สภาพพวกเขาใกล้จะพังทลาย เวลานั้นพวกเขาเตรียมตัวจะโค่นถล่มแนวป้องกันทั้งหมด  แต่พวกเขาไม่ทันตระหนักว่ายังมีคนที่ทนอยู่ได้  เป็นเพราะตำแหน่งยุทธศาสตร์ของพวกเขาแปลก  และถ้าพวกเขาต้องการโค่นทุกอย่างลง  พวกเขาต้องกำจัดหนามยอกที่ตรึงอยู่ตรงนั้นให้ได้เสียก่อนท่านแม่ทัพคลิฟ ขุนพลเลือดเหล็กอยู่ในตำแหน่งที่ดี  ท่านคลิฟส่งกองพลที่สามไปกำจัดเสี้ยนหนาม  แต่ล้มเหลวและกองพลที่สามพ่ายแพ้  หลังจากนั้นท่านคลิฟส่งกองพลที่สองไปอีก  แต่ก็ล้มเหลว ในที่สุดท่านคลิฟก็ไม่อาจทนอยู่ได้นำกองพลสามหมื่นเข้าบุกตะลุย  แต่ในทุกสุดพวกเขาก็ยังแพ้สูญเสียกำลังพลไปพันนาย!”

ทุกคนสูดลมหายใจหนาวเหน็บ

คลิฟอาชากล้าเลือดเหล็กคือหนึ่งในสามแม่ทัพใต้ร่มธงของโกวเฉิงเวิ่นเต้าผู้มีความกล้าหาญไม่มีใครเหมือนทุกคนคือทหารกล้าและพวกเขาเป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเข็มงวดและระดับความแข็งแกร่งในกองทัพของพวกเขา และความต่างกันในเรื่องพลังของกองทัพคลิฟก็เป็นอีกระดับหนึ่ง  สูงกว่าพวกนั้นสองสามระดับและกองทัพบริวารคลิฟโดยตรงก็เป็นยอดฝีมือในยอดฝีมือและมีทหารไม่กี่คนที่แข็งแกร่งมากกว่าพวกเขาที่เป็นบริวารโดยตรงของห้าแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิง

‘เซี่ยอวี่อันผู้นี้ทรงพลังแท้จริง!’

“เซี่ยอวี่อันกลายเป็นผู้ลือชื่อในศึกเดียวและได้รับฉายาว่าผู้พิทักษ์สวรรค์ดีที่สุดเป็นอันดับสามหลังจากนั้นเขาฟื้นฟูป้อมพิทักษ์สมุทรที่ซึ่งแม่ทัพโกวเฉิงเวิ่นเต้าตัดสินใจเคลื่อนกำลังพลด้วยตนเอง  ฉากภาพการรบที่ทำให้สวรรค์เปลี่ยนแม่ทัพโกวเฉิงเวิ่นเต้านำเรือรบล้อมตีขนาดยักษ์ไปกับเขาด้วย!”

เสียงสูดหายใจหนาวเหน็บของทุกคนดังขึ้นอีกครั้ง  กองเรือรบล้อมโจมตีขนาดยักษ์ 22 ลำช่างสง่างามเหลือเกิน!

ใจของทุกคนคิดถึงฉากภาพที่ยิ่งใหญ่ตระการตาก็ทำให้พวกเขาตื่นเต้น

“หลังจากนั้นเล่า?”

บางคนอดถามไม่ได้

เหวินกังรีบสงบใจลง

“หลังจากนั้น?” ใครบางคนคะยั้นคะยอ

แต่ในเวลาอันรวดเร็ว  ทุกคนสังเกตว่าเหวินกังเงียบ ทุกคนตะลึง

“หลังจากนั้น, ป้อมพิทักษ์สมุทรจู่ๆก็เปิดการตอบโต้อย่างน่ากลัว ไม่มีใครรู้ว่ามันจะทำอะไร” เสียงของเหวินกังแหบแห้ง “มันทรงพลังมากเหลือเกิน มากยิ่งกว่าพลังโจมตีจากเรือรบล้อมตีเสียอีก  เวลานั้น เรือรบล้อมโจมตีขนาดยักษ์สามลำระเบิดจากพลังโจมตีนั้น”

“เป็นไปไม่ได้!”

“นั่นน่ะสิ จะเป็นไปได้อย่างไรที่มีพลังโจมตีที่รุนแรงขนาดนั้น?”

“จะมีอะไรที่โจมตีได้รุนแรงมากกว่านอกจากพลังโจมตีของเรือรบล้อมโจมตีลำยักษ์?”

ทุกคนส่งเสียงฮือฮาอีกครั้ง  เรือรบล้อมโจมตีใหญ่เป็นอสูรสงครามสูงสุด  แม้ว่าพวกเขาจะมีจุดอ่อนหลายอย่าง  แต่พวกมันมีพลังทำลายล้างทำให้พวกมันกวาดสนามรบได้ทั้งหมด

“เป็นการโจมตีจากสมบัติวิญญาณ”  เมื่อเหวินกังเงียบไปชั่วขณะก่อนจะพูดต่อ “ผู้บริหารเบื้องบนคาดว่าเป็นการโจมตีจากสมบัติวิญญาณเป็นการใช้ความสามารถของสมบัติวิญญาณสูบพลังงานสร้างเป็นพลังงานกระแสหมุนวนที่สะท้อนพลังกันและกัน  ผู้บริหารระดับสูงคำนวณไว้แล้ว  พวกมันต้องใช้สมบัติวิญญาณมากกว่าหกชิ้นเพื่อกระตุ้นพลังโจมตีเช่นนั้น  ทุกการโจมตีต้องทุ่มเทคุณค่าสูงจากพวกทหาร”

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ  พวกเขาต้องการคัดค้านเขา  แต่ไม่มีใครพูดอะไร

การโจมตีที่จำเป็นต้องใช้สมบัติวิญญาณหกชิ้นหรือมากกว่าเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถคาดคิดได้

“การสู้รบรุนแรง”  เมื่อเหวินกังรู้สึกได้ว่าคอของเขาแห้ง  และร่างของเขาเริ่มสั่น  “ป้อมรบนี้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้  และไม่สามารถหลบได้  เรือรบล้อมโจมตีขนาดใหญ่ทอดสมอโจมตี  และไม่สามารถเคลื่อนที่ได้  ขณะนั้นเอง ไม่มีกลยุทธอื่นที่เป็นไปได้  และทั้งสองต่างระดมยิงใส่กัน”

ปากของทุกคนอ้าค้าง  หน้าของพวกเขาซีดขาว แค่เพียงไม่กี่ประโยคก็อธิบายการสู้รบได้ทั้งหมด ทำให้ทุกคนสำลัก

“การสู้รบคงอยู่เป็นเวลาหกชั่วโมง”

เสียงของเหวินกังสั่นสะท้าน  เหมือนกับว่าเขากำลังเพ้อ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด