ตอนที่ 810 ความคิดเล็กน้อยที่น่ากลัวของจงหลีไป๋
“ถังห้าวกำลังสร้างกลยุทธบ้าอะไรอีก?”
อาโมรี่มองดูที่จุดดำเล็กๆด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาพึมพำกับตนเองเนื่องจากคลื่นพลังที่กระจายออกมาจากระยะไกลนั้นรุนแรงมาก ไม่มีใครใส่ใจเขา เนื่องจากทุกคนกำลังตั้งสมาธิ ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเขาที่เห็นการฝึกของกองทัพเกราะเทพเจ้า แต่ทุกครั้งที่พวกเขาเห็นพวกเขาสามารถได้รับประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น
รังสีเจิดจ้าที่ปลดปล่อยออกมาทำให้เกิดความตื่นตะลึงกับชาวแดนบาป แต่สำหรับคนจากสวรรค์วิถี ไม่มีอะไรมาก ในสวรรค์วิถีความฉลาดรอบรู้จากวิทยายุทธมีความงดงามมากกว่า แต่ในสายตาของทุกคน นั่นยังไม่ใช่ความสามารถ พวกเขากำลังมองดู แต่พลังที่ปลดปล่อยออกมาจากจุดดำก็ทำให้พวกเขาหนังศีรษะชาได้
สายตาของซือหม่าเซี่ยวไม่เคยคลาดไปจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของถังเทียน หัวใจของเขาถูกความตกใจครอบงำ
‘ในช่วงเวลาสั้นๆนี้คนผู้นี้ก้าวหน้าไปมากมายขนาดไหนกัน?’
ประสบการณ์ในแดนบาปเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับซือหม่าเซี่ยว ความสามารถในการต่อสู้ของเขาลดลงเหลือศูนย์ และเขาสูญเสียการติดต่อกับสมบัติจ้าวแมงป่องไป จ้าวแมงป่องได้รับการยกย่องอย่างดีในสวรรค์วิถีกลับอยู่ในสภาพตกต่ำ แต่เขาเป็นคนที่เริ่มมาจากไม่มีอะไรและความเพียรของเขาเหนือกว่าคนธรรมดาสามารถทะเยอทะยานและเป็นผู้เหี้ยมหาญได้ ไหวพริบปฏิภาณของเขาโดดเด่นทำให้เขาเป็นอิสระได้ไว
สถานการณ์ของเขาดีกว่าคนอื่นหลายคนมาก แต่เขายังไม่พอใจ และเขาหมกมุ่นกับการฝึกฝน
‘แต่เทียบกับเจ้านั่นแล้ว...’
ซือหม่าเซี่ยวรู้สึกถึงอารมณ์ทุกรูปแบบ แม้ว่าเขาจะลงเรือลำเดียวกับถังเทียน แต่สถานะของเขาอ่อนไหวมากกว่า เขาไม่นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มถังเทียนและในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาอาจเป็นพันธมิตรกัน แต่ในช่วงเวลายาวนาน ยังเป็นคู่แข่ง
เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาเติบโตอย่างมาก ขณะที่ตัวเขาเองสะดุดทำให้เขารู้สึกเช่นนั้น ตอนแรกเขาพอใจกับความก้าวหน้าของตนเอง แต่เมื่อเห็นกระบวนการของถังเทียนเขาเข้าใจความรู้สึกถึงอารมณ์ของสมาพันธ์ชาวยุทธทันที
หินลับมีดของสมาพันธ์ชาวยุทธนั่นคือฉายาที่สมาพันธ์ชาวยุทธเคยให้ถังเทียนมาก่อน เนื่องจากพวกเขายังประเมินเขาต่ำไป แต่พอเวลาผ่านไป หินลับมีดยังคงเดิม แต่ไม่มีกระบี่อีกต่อไปแล้ว ‘ถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธเผชิญกับฉายานี้อีก พวกเขาต้องรู้สึกถึงอารมณ์ที่ซับซ้อนมากกว่าข้า’
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นแล้วความรู้สึกทรมานใจของซือหม่าเซี่ยวลดลงมากมาย แต่เมื่อเขาคิดถึงอีกว่าถ้าพลังปัจจุบันของถังเทียนเป็นอย่างนี้ตอนกลับไปยังสวรรค์วิถี ใครจะสามารถสู้กับเขาได้? ลึกลงไปในดวงตาของเขามีประกายที่น่ากลัว
ขณะที่มองคู่แข่งของเขาอย่างจนใจเขากำลังครองความเป็นใหญ่ ยิ่งทิ้งเขาไว้เบื้องหลังทุกที เขาไม่รู้สึกสบายใจเป็นธรรมดา มีเป็นบางครั้งที่ความรู้สึกจนใจผุดขึ้นมาในใจของเขาเหมือนกัน
แต่นอกจากซือหม่าเซี่ยวแล้ว ทุกคนตกใจแต่ก็เต็มไปด้วยความยินดี
เนื่องจากยิ่งถังเทียนแข็งแกร่งมากขึ้น ก็หมายความว่าอนาคตของพวกเขาสว่างไสวขึ้น
กองพลเกราะเทพเจ้าของถังเทียนไม่เพียงแต่ทำให้ตู้เค่อ,ตู้ซินหวี่และซือหม่าเซี่ยวต้องกดดันเท่านั้น แต่ยังทำให้เนี่ยชิวและจงหลีไป๋กดดันมากเหมือนกัน
กองพลเกราะเทพเจ้าปลุกรูปแบบวิธีการต่อสู้ใหม่ และเป็นกองทัพที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่
เนี่ยชิงและจงหลีไป๋เจอแรงกระทบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นี่พังทลายทุกอย่างที่พวกเขาได้เรียนรู้ และยังทำให้พวกเขาต้องลงมือพร้อมกัน ครั้งล่าสุดทั้งสองคนทำงานร่วมกันเมื่อตอนที่พวกเขากำลังคิดหลักสูตรในการฝึกหน่วยสุญญตา
ทั้งสองคนพูดคุยปรึกษากันถึงสองวันและมีการทะเลาะอย่างรุนแรง
“เหตุผลเพราะเกราะเทพเจ้าเป็นเพราะการสะท้อนผิวกฎธรรมชาติ เรามีอะไรที่ได้เปรียบบ้างเล่า?”
“เว้นแต่เราหาคนอื่นมาตอบเรื่องนี้ เท่าที่ดูวิธีการของนายท่านไม่น่าจะมีการแพร่หลายออกไป
“ถ้าไม่ใช่ผิวกฎธรรมชาติ แล้วสายใยกฎล่ะเป็นยังไงบ้าง? สามารถเอามาสะท้อนบ้างได้ไหม?”
“ก็น่าจะถูกปล่อยออกมาได้ แต่พลังของมันจะอ่อนเกินไปและไม่มีค่าพอจะฝึกฝน”
“แม่ทัพทหารของสวรรค์วิถีใช้การควบคุมรัศมีเพื่อควบคุมการสู้รบอีกที เราสามารถใช้ความรู้ด้านนี้เพื่อหาทางบรรลุระดับใหม่ได้ไหม?”
“ในทฤษฎี,เราสามารถทำได้ แต่ความต้องการของแม่ทัพจะสูงมาก ในขณะที่เราไม่สามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้”
….
หลังจากปรึกษาพูดคุยกันสองวัน ทั้งสองคนเหนื่อยล้า แต่พวกเขาทำพื้นที่คลุมเครือให้ชัดเจน
จงหลีไป๋มีเคราเขียวเป็นตอแต่ใบหน้าของเขาแดงด้วยความตื่นเต้นดวงตาเป็นประกาย “กองพลเกราะเทพเจ้าเป็นกองพลขนาดเล็กระดับสูงเหมือนกับกองกำลังแกะน้ำแข็งเงินในอดีตและยากที่จะทำซ้ำได้ ข้ารู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องได้ผลกระทบจากพวกเขาเลย เราควรจะมองภาพรวมสงครามในอนาคตของเราจะอยู่ที่ไหนเล่า? ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และสวรรค์วิถี! สถานที่เหล่านั้นว่ากันด้วยพลังงานทั้งนั้น ไม่ว่ากฎธรรมชาติจะสามารถปรับใช้ที่นั่นได้หรือไม่ เราจะไม่มีทางรู้ แต่เราจำเป็นต้องคิดอะไรบางอย่าง ข้ารู้สึกว่าเราสามรถเดินตามเส้นทางเรือรบ นั่นคือกลยุทธการรบที่เหมาะกับเรา”
“อาวุธจักรกลวิญญาณก็เป็นส่วนเพิ่มเติมที่ดีเช่นกัน” เนี่ยชิวกล่าว
จงหลีคิดอยู่ชั่วขณะ และประกายในดวงตาของเขาฉายมากขึ้น “นั่นก็ถูก เจ้าจำอาวุธจักรกลวิญญาณที่น่าเกลียดนั้นได้ไหม?เจ้าตัวที่เราพบวันแรกที่มาถึงเมืองสามวิญญาณ!”
“จำได้สิ!” เนี่ยชิวหายใจเร็วขึ้น เขาจะไม่มีทางลืมรัศมีที่แผ่ออกมาจากจักรกลที่ชื่อว่าสัตว์ประหลาดได้เลย
“ถ้าเรามีอาวุธจักรกลวิญญาณเหล่านั้นใครจะหยุดเราได้?” เมื่อจงหลีไป๋พูดคำเหล่านี้ เขาอดสั่นไม่ได้ เขาถูกความคิดนั้นครอบงำ
เมื่อคิดถึงเจ้าหุ่นกลสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดน่ากลัวที่กวาดมองไปทั่วสนามฝึกอย่างหยิ่งยโส เขารู้สึกเลือดลมพลุกพล่าน
ส่วนเรือรบเขาโยนความคิดนี้ออกไปจากใจนานแล้ว ใครจะสนใจเรื่องเรือรบเมื่อการโจมตีด้วยอาวุธจักรกลวิญญาณน่าสนุกมากกว่า?
“ความคิดดี!” เนี่ยชิวตื่นเต้นกับคำเสนอแนะนั้น
อาวุธจักรกลวิญญาณที่น่าเกลียดที่คล้ายกับสัตว์ประหลาดดูเหมือนกับว่าทำมาเพื่อจงหลีไป๋โดยเฉพาะ เขาสามารถวาดภาพว่าหลังจากหน่วยจงติดตั้งเครื่องจักรสังหารนั้นพวกเขาจะกลายเป็นผู้ทรงพลังมากเพียงไหน
ในแง่ความรับผิดชอบจงหลีไป๋เป็นต้นแบบสำหรับแม่ทัพทหารของกลุ่มดาวราชสีห์ เขากล้าหาญ เด็ดขาด ด้วยการจู่โจมของเขาเหมือนค้อนที่หวดด้วยพลังรุนแรง
แต่การควบคุมอย่างพิถีพิถันของเขาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เนี่ยชิวไม่เก็บไว้ให้รกหัวเขาและพยายามประคองตนไว้ “ข้าต้องดูก่อนว่าเรือรบจะเหมาะกับหน่วยสุญญตาหรือไม่”
“เรือรบเหมาะกับเจ้ามากกว่า” จงหลีไป๋ยังคงผงกศีรษะขนาดของเรือรบจะใหญ่กว่าและมีอาวุธใช้งานมากกว่าเน้นในเรื่องการร่วมประสาน สำหรับเนี่ยชิวผู้เป็นคนที่ดูภาพใหญ่เป็นแม่ทัพที่พิถีพิถัน นั่นสมบูรณ์ที่สุดสำหรับเขา
เนี่ยชิวหัวเราะ “เมื่อเรากลับไปยังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เราต้องยืนยัน”
จงหลีไป๋ตื่นเต้นกับแนวความคิดที่เขาพูดออกไป “เมื่อเรารู้ทิศทางการเป็นผู้บัญชาการของเราเราต้องเปลี่ยนรูปแบบการฝึก กฎธรรมชาติจำเป็นต้องใช้เวลาฝึกมาก และเราไม่มีเวลาให้พวกเขากระทำอย่างนั้น เราเตรียมจะลุยผ่านประตูบาป นายท่านจะไม่ยอมหยุดนานแน่ และเราจะต้องกลับไปยังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์แน่นอนไม่ว่าจะเป็นเรือรบหรือเจ้าสัตว์ประหลาดจักรกล เราต้องเตรียมตัวเราให้พร้อม เราควรจะเน้นภารกิจกับการฝึกฝนดาบมารพิฆาตให้มาก”
การฝึกฝนดาบมารพิฆาตจะช่วยขัดเกลาร่างกายให้เตรียมพร้อมและนอกจากนี้ยังคงได้รับการเสริมพลังจากแก่นต้นกำเนิดชีวิตภายในกรวดเหล็กทอง
สำหรับการตะลุยผ่านประตูบาป เขาไม่สามารถจินตนาการว่าใครจะหยุดกองพลเกราะเทพเจ้าของเจ้านายได้ ต่อให้พวกเขาสามารถหยุดกองพลเกราะเทพเจ้าอย่างนั้นหน่วยสุญญตาและหน่วยจง จะไม่สามารถสู้กับพวกเขาได้ แม้ว่าพวกเขาจะสู้ด้วยก็ตาม
“ถูกแล้วกองทัพของเจ้าจำเป็นต้องฝึกเพิ่ม” เนี่ยชิวเตือนเขาอย่างหวังดี
จงหลีไป๋หน้าดำเป็นก้นหม้อทันที กำลังส่วนใหญ่ของหน่วยจงของเขาก่อตั้งขึ้นมาจากโจรป่า และไม่ใช่กลุ่มที่น่าอายแน่นอน โจรป่าเองไม่ได้มีความรู้ในเรื่องกลยุทธแต่อย่างใด แม้ว่าจงหลีไป๋จะเข้าใจและควบคุมเวลาฝึกพวกเขา แต่จะให้ได้มาตรฐานเหมือนหน่วยสุญญตาในปัจจุบัน พวกเขายังมีระยะทางอีกยาว
สภาพเร่งด่วนของกลุ่มดาวหมีใหญ่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกองทัพจักรกล ปัจจุบันนี้กองทัพจักรกลไม่ใช่ผลผลิตที่ยากต่อไปในสวรรค์วิถีและสำหรับตระกูลต่างๆที่ยังไม่มีจักรกล พวกเขาสามารถหามาได้เพื่อการค้นคว้าวิจัย
สิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับการสร้างกองทัพจักรกลก็คือทหารจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนในเรื่องกลยุทธอย่างสูง ในด้านนี้ทหารของกลุ่มดาวหมีใหญ่ขึ้นชื่อมาก
พวกเขามีร่างกายที่ดีด้วยการฝึกดาบมารพิฆาตและกรวดเหล็กทองผนวกกับร่างกายของชาวแดนบาปจะต้องทรงพลังเป็นแน่ นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย
‘โธ่เว้ย!’
‘ข้าต้องมาฝึกเจ้าพวกบัดซบเหล่านี้แทบเป็นแทบตายอีกแล้ว!’
เมื่อคิดถึงเรื่องที่คลื่นอาวุธจักรกลสัตว์ประหลาดย่ำยีทุกที่ๆพวกมันไป กวาดผ่านไปได้ทุกที่ ความตั้งใจสู้ในตัวจงหลีไป๋ท่วมทะลัก เขาไม่ต้องการนั่งเฉยอีกต่อไป เขาลุกขึ้นยืนทันที “ข้าจะดูแลการฝึกของพวกเขา”
เขาออกจากห้องของเนี่ยชิวเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
ถังเทียนมีความสุขที่ตู้เค่อต้องการเข้าร่วมกับพวกเขาเขายอมรับด้วยความยินดี เขาไม่เคยคิดอะไรมาก หรือคิดว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ฝูเจิ้งจือและจี๋เจ๋อตะลึง ตู้เค่อเป็นพันธมิตรของถังเทียนแทบจะทำให้ตาพวกเขาถลน แต่ตู้เค่อเข้าร่วมค่ายถังเทียน นี่.....
ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่เข้าใจ แต่คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลหรืออำนาจ สำหรับแดนบาปถังเทียนและตู้เค่อระดับแตกต่างกันสิ้นเชิง แต่การพัฒนาไปทางนั้นเป็นเรื่องเกินคาดของพวกเขา
คนของถังเทียนย่อมดีใจเป็นธรรมดา แต่บริวารของตู้เค่อกลับตรงกันข้าม
จากนั้นตู้เค่อประชุมรวมพวกเขาทุกคนและบอกพวกเขาถึงเรื่องที่ตู้ซินหวี่พูดนั่นแหละจึงทำให้พวกเขาเงียบทันที แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักคำพูดที่ทรงพลัง แต่เมื่อคิดว่าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์คือต่างแดน ทุกคนไม่มีความมั่นใจอีกต่อไป
พวกเขาไม่มีกระทั่งความรู้ว่าปัจจุบันเงาของพวกทวีปกวงหมิงดูเหมือนอะไร
พวกเขาเหมือนกับคนที่ถูกปิดประตูขังมานานเกินไป จู่ๆ ก็ตระหนักว่ามีทางออก พวกเขามีแต่ความไม่สบายใจและกลัว นั่นเป็นเรื่องธรรมดา
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นแท้จริงเมื่อเนี่ยชิวมาเยี่ยมและให้การประเมินผลการฝึกฝนอย่างใจกว้างและเน้นไปที่ข้อสนับสนุนกองทัพของตู้ซินหวี่ยอดฝีมือคนหนึ่งอาจจะเป็นที่รู้จักเมื่อแสดงฝีมือของเขา และตู้ซินหวี่และยอดฝีมือในทำเนียบนักสู้แดนบาปที่ตอนแรกคิดว่าพวกเขาเข้าใจว่ากองทัพทำงานอย่างไร ก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาไร้เดียงสามากกว่าพวกที่เหลือ
แม่ทัพนายกองทหารของสวรรค์วิถีได้สร้างระบบที่ชาญฉลาดมาอย่างยาวนานซึ่งผ่านประวัติศาสตร์มายาวนานและมีรูปแบบต่างๆ
ข้อแนะนำของเนี่ยชิวดูเหมือนเป็นรายละเอียดเล็กน้อย แต่เมื่อรายละเอียดที่ดูเหมือนธรรมดานี้ถูกเติมเข้ามาทำให้ตู้ซินหวี่ตระหนักว่าศักยภาพของกองทัพสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกมากมาย
ความพยายามบุกเข้าประตูบาปและกลับไปยังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ข่าวใหม่อีกต่อไปได้แพร่กระจายไปทั่วแดนบาป และกลายเป็นหัวข้อพูดคุยที่ร้อนแรง
ทุกคนในแดนบาปมีความคิดซับซ้อน กลัว, ตื่นเต้นสูญเสีย และคาดหวังปนกันไป แต่ทุกคนรู้ว่าไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว แดนบาปกำลังจะเปลี่ยนไป
แต่ถังเทียนผู้เป็นหัวใจของพายุกลับสงบมาก เขาฝึกฝนอย่างอดทนและทดสอบสิ่งใหม่ๆ รอการสู้รบ