ตอนที่ 809 ความเร็ว ขอบเขตของปราณราชันย์
เย่ว์หยางไม่ได้ใช้กระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัวโจมตีจอมปีศาจลี่ตี้ แต่กลับเปลี่ยนทิศทางใช้กระบี่ทั้งสองแทงใส่หัวใจและระหว่างคิ้วของบุรุษชราผมขาว
บุรุษผมขาวไม่คิดว่าเย่ว์หยางจะโจมตีใส่เขาจริงๆ เขาตกใจร่างสั่นเล็กน้อย
เขาสะท้านเฮือกด้วยความเจ็บปวดภายใต้การสังหารของกระบี่ทั้งสอง
เขาเป็นอสูรพิทักษ์ร่างมนุษย์และจะไม่ตายอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามถ้าเขาถูกโจมตีอย่างรุนแรงหรือถูกลงโทษตามกฎสวรรค์เป็นไปไม่ได้ที่จอมปีศาจลี่ตี้จะใช้กระจกทนทุกข์ถ่ายเทความเจ็บปวดส่งมาที่เขา เย่ว์หยางสังเกตเห็นข้อนี้ก่อนที่จะโจมตีจอมปีศาจลี่ตี้เขาใช้กระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัวเพื่อตรึงชายชราผมขาว....
จอมปีศาจลี่ตี้เคลื่อนไหวช้ามากเขาบังคับร่างให้เคลื่อนไหวทั้งพันธนาการพยายามหลบคลื่นพลังโจมตีครั้งที่สองของเย่ว์หยาง
เขาไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่จะโจมตียังไง แต่เขารู้ว่ามิใช่จะรับมือได้ง่ายๆ
เป๊าะ
เย่ว์หยางสะบัดมือดึงเกราะหมวกของจอมปีศาจลี่ตี้ออก
พลังระเบิดคราวนี้ไม่มีพลังโจมตีอยู่เลยไม่เป็นการต้านพลังของเกราะปีศาจฟ้า นอกจากนี้พลังนี้ยังหลอกล่อเกราะปีศาจ และถอดเกราะหมวกออกได้
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้ดาบเทพฟันศีรษะของจอมปีศาจลี่ตี้จากด้านบน
ดาบเทพผ่าศีรษะเขาจนถึงปากและปราณกระบี่ทะลุตัดเข้าไปในพื้น
อสูรจักรกลขนาดเล็กตัวหนึ่งปรากฏอยู่ใต้เท้าของจอมปีศาจลี่ตี้ กระจกทนทุกข์ที่อยู่กับร่างของจอมปีศาจลี่ตี้ข้างหนึ่งถ่ายเทความเสียหายของร่างกายไปที่อสูรจักรกลขนาดเล็กทันทีและอสูรจักรกลขนาดเล็กนั้นกลายสภาพเป็นผุยผง หลังจากส่งความเสียหายไปที่อสูรจักรกลน้อยแล้วจอมปีศาจลี่ตี้จึงได้รับอิสรภาพ เมื่อเขาหลบพลังโจมตีครั้งที่สองของเสวี่ยอู๋เสียเขาพบว่าที่ด้านหลังของเขาไม่ทราบว่ามีปีศาจอสรพิษน้อยมาอยู่ตั้งแต่เมื่อใด
“ไม่เพียงแต่ทักษะแฝงเร้นเท่านั้น แต่ยังคงรวมถึงสนามพลังที่จับเป้าหมายและมีปณิธานปราณราชันย์เปลี่ยนเป็นความเสียหายได้” เสวี่ยอู๋เสียให้ข้อสังเกตถึงรายละเอียดของความสามารถของจอมปีศาจลี่ตี้
“จุดอ่อนอยู่ตรงนี้!” เย่ว์หยางสนองตอบแพราะเห็นจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามในขณะต่อสู้
เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนควงดาบเทพและตัดคอของจอมปีศาจลี่ตี้อีกครั้ง อสูรจักรกลน้อยตัวที่สองก็ปรากฏอีกแต่เย่ว์หยางใช้เท้าเหยียบมันไว้
จอมปีศาจลี่ตี้แค่นเสียงและมีอสูรจักรกลอยู่ด้านหลังเขาอีกตัวหนึ่งคอยรับพลังโจมตีของดาบเทพ
เขาควงขวานยักษ์เพื่อบีบให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถอยหนีออกไปและใช้ขวานฟันใส่เสี่ยวเหวินหลี
เสี่ยวเหวินหลีเบิกตากว้างด้วยความโกรธ
ทักษะแฝงเร้นพันธนาการถูกปล่อยออกมาอย่างรุนแรง ร่างของจอมปีศาจลี่ตี้เคลื่อนไหวซวนเซขณะควงขวานอยู่ในอากาศพลังปณิธานของอสูรเทพนี้ยังอยู่เหนือทักษะแฝงเร้น อาวุธสมบัติ สนามพลังและจิตใจเย่ว์หยางกับเสี่ยวเหวินหลีมีความคิดที่สอดคล้องกันมีประกายระยิบระยับอยู่ใต้เท้าพวกเขาปรากฏว่าวงจักรนิรันดรมาอยู่ใต้เท้าของพวกเขา...เสี่ยวเหวินหลีคลายพันธนาการทักษะแฝงเร้นของเธอ และกระโดดใช้ดาบคู่ฟันใส่ขวาน ขวานปีศาจดินสั่นสะท้านทันทีภายใต้การหมุนตัวที่แยบยลของเสี่ยวเหวินหลี ฝ่ามือของเขาขาดกระเด็นลอยในอากาศ
ในท้องฟ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเกร็งพลังมังกรฟ้าศักดิ์สิทธิ์รออยู่แล้ว
เสวี่ยอู๋เสียโจมตีเร็วกว่าความเร็วในตอนนี้สิบเท่า นางพุ่งจากด้านบนลงมาข้างล่างใช้พลังสายฟ้าและพลังเยือกแข็งตบใส่หูของจอมปีศาจลี่ตี้
เย่ว์หยางกดหน้าของจอมปีศาจลี่ตี้เพลิงอมฤตระเบิดใส่จมูกและปากของจอมปีศาจลี่ตี้
“ส่งเจ้าสู่ปรภพ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนควงดาบเทพจักรพรรดิอวี้และตัดศีรษะของจอมปีศาจลี่ตี้เย่ว์หยางหลบหลีกปราณกระบี่วิเศษ ไล่ตามแม่เสือสาวมาอย่างกระชั้นเตะศีรษะของจอมปีศาจลี่ตี้ออกไปนอกวิหารปีศาจดิน
“....”บุรุษผมขาวซึ่งกำลังทุกข์ทรมานจากกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัวไม่เข้าใจภาพที่เขาเห็น
แม้จะตัดศีรษะจอมปีศาจลี่ตี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเขา
ทำเช่นนี้มีประโยชน์อะไร?
นอกจากนี้ต่อให้เตะศีรษะออกไปนอกห้องโถงใหญ่ แต่เพราะผนึกของกฎสวรรค์จอมปีศาจลี่ตี้ก็ยังไม่สามารถแยกพ้นไปจากพลังกฎสวรรค์ได้ และจะกลับมายังวิหารโดยอัตโนมัติไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ไกลเพียงไหนก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายอสูรพิทักษ์บาดเจ็บสาหัสหรือตัดศีรษะของจอมปีศาจลี่ตี้ ล้วนไม่ใช่การสร้างอาการบาดเจ็บสาหัส
ทำไมเย่ว์หยางและสองสาวจึงตั้งใจทำเช่นนี้?
ชายชราผมขาวไม่เข้าใจ
ศีรษะพุ่งกระเด็นออกไปข้างนอกราวกับกระสุนและแสดงอาการเจ็บปวดบนใบหน้า นี่ไม่ใช่ฝีมือของคมดาบเทพของจักรพรรดิอวี้ในมือขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอย่างเดียว แต่เป็นอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากพลังกฎสวรรค์ประจำวิหารปีศาจดินทำให้ความเจ็บปวดทับทวีคูณเกินขีดจำกัดและเป็นผลให้ระเบิดออกมาศีรษะของจอมปีศาจลี่ตี้ระเบิดพลังเหมือนกับไอพ่นดันศีรษะกลับไปที่ห้องโถงด้วยพลังกฎสวรรค์
ร่างที่ไร้ศีรษะหลังจากวงจักรนิรันดรหายไปแล้วก็โซซัดโซเซหลบหลีกเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกลับไปหาศีรษะทันที
แม้ว่าจะเป็นปีศาจที่ตายยากแต่ความรู้สึกที่ถูกตัดศีรษะย่อมไม่ใช่ความรู้สึกที่ดี
หลังจากเข้ามาในห้องโถงใหญ่เสวี่ยอู๋เสียยื่นมือออกทันที
ลูบหน้าเขาอย่างแผ่วเบา
พลังน้ำแข็งสายฟ้าที่ฝังอยู่ในหูก่อนนั้นระเบิดออกทันที...กะโหลกศีรษะของจอมปีศาจลี่ตี้ระเบิดกระจาย และหูซ้ายมีน้ำแข็งแตกกระจาย ซึ่งเป็นผนึกของวิหารปีศาจดินที่อยู่บนกะโหลก องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้ดาบเทพพลังของเต่าดำศักดิ์สิทธิ์ตอนแรกใช้พลังมังกรฟ้าทำลายขาของร่างไร้ศีรษะจอมปีศาจลี่ตี้ขาดจนถึงเข่าและผนึกด้วยพลังน้ำแข็งยิ่งทำให้ร่างไร้ศีรษะยิ่งเดินก็ยิ่งช้าลง... เสี่ยวเหวินหลีเลื้อยมาถึงใช้ดาบคู่ฟันใส่ร่างที่ไร้ศีรษะแม้จะทำอะไรได้ไม่มากเพราะลำตัวของปีศาจลี่ตี้มีเกราะปีศาจฟ้า แต่ร่างของจอมปีศาจลี่ตี้ถูกแช่แข็งไปส่วนหนึ่ง
“พวกเจ้าจะทำอะไร?คิดว่าแค่นี้จะสามารถฆ่าข้าได้อย่างนั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้ ข้าเป็นคนตายแล้ว!” จอมปีศาจลี่ตี้โกรธ
“เพลิงอมฤตสามารถชำระทุกอย่างได้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดถึงความเป็นไปได้
“แต่กฎสวรรค์ของวิหารปีศาจดินผนึกข้าเอาไว้ทำให้ข้าต้องทนเจ็บปวดทรมานไม่มีที่สิ้นสุด เพลิงอมฤตสามารถฆ่าปีศาจได้แต่ข้าจะหลบหลีกได้ภายใต้การป้องกันของกฎสวรรค์ในที่สุด ตราบใดที่วิหารปีศาจดินยังคงอยู่ข้าก็ยังอยู่ ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรก็ตามมีแต่สิ้นเปลืองพลังงานเปล่าๆ” จอมปีศาจลี่ตี้แค่นเสียง เขาไม่มีอะไรต้องกลัว นี่คือกฎสวรรค์ที่ลงโทษได้ไม่มีสิ้นสุดเขามีอสูรพิทักษ์มารับโทษแทนจึงเหมือนเป็นการรับประกันความอมตะของเขา
“อย่างนั้นเราต้องทำลายวิหารปีศาจดินแห่งนี้...” เย่ว์หยางพูดว่าเขาตั้งใจมาที่วิหารปีศาจดิน“ผู้อาวุโส การฆ่าท่านเป็นแค่ภารกิจรองของข้าเป้าหมายหลักของข้าคือดูดซับพลังกฎสวรรค์ที่นี่”
“เจ้าว่ายังไงนะ?” จอมปีศาจลี่ตี้ไม่อยากจะเชื่อหู คนที่ไม่มีพลังปราณราชันย์กล้าบอกว่าเขากำลังจะดูดซับกฎสวรรค์ของเทพหรือ?
“พวกเราที่กำลังยืนอยู่ในที่นี้ล้วนแต่ยอมรับว่าตกอยู่ใต้การควบคุมของกฎสวรรค์ ถ้าเราไปได้ไกลกว่านั้นจนล่วงพ้นกฎสวรรค์ด้วยการดูดซับพลังกฎก็จะพ้นไปจากการควบคุมของพลังกฎสวรรค์ของวิหารปีศาจดินได้และได้พลังของวิหารปีศาจดินไว้ในมือ?” เย่ว์หยางมีความคิดที่บ้าระห่ำ
“เจ้าบ้าไปแล้ว!” จอมปีศาจลี่ตี้เห็นคนมามากมายตลอดชีวิต แต่คนบ้าอย่างนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“ข้าจะเปิดโลกทัศน์ให้ท่าน..พลังกฎสวรรค์ที่นี่คืออาหารบำรุงเพื่อเลื่อนระดับปราณราชันย์ที่ดีที่สุดของข้า เจ้าคิดว่าข้าโลดแล่นมาที่นี่เพื่อต่อสู้กับเจ้าด้วยเรื่องเล็กน้อยเพราะอะไร? ความจริงการฆ่าเจ้าเป็นการกระทำที่ผิดพลาดเจ้าถูกลงโทษไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุด ข้าต้องการพลังเพื่อเลื่อนระดับพลัง การมาที่นี่ก็เพื่อดูดซับพลังกฎสวรรค์ขณะที่ช่วยเผื่อแผ่ฆ่าเจ้า ปิดฉากความผิดที่เลวร้ายที่สุดของเจ้าซึ่งเหมือนกับจะเป็นไปไม่ได้” เย่ว์หยางกางแขนทั้งสองข้าง พลังกฎสวรรค์เล็กๆ เริ่มปรากฏอยู่บนร่างของเขากลายเป็นแสงดาวระยิบระยับเหมือนกับสนามพลังดารารายของจักรพรรดินีราตรี
ภาพมายากลุ่มดาวแกะดาววัวทอง ฯลฯ ปรากฏทีละกลุ่มดาว
คัมภีร์อัญเชิญและอสูรโลกได้รับพลังสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมันกำลังดูดซับพลังรอบด้านอย่างบ้าคลั่ง ไม่ว่าจะเป็นพลังน้ำแข็ง เพลิงหรือสายฟ้า ส่วนพลังงานใดๆ ก็ตามผู้มาใหม่ล้วนไม่ปฏิเสธกำลังดูดซับอาหารเพื่อการวิวัฒนาการ
กฎสวรรค์ของวิหารปีศาจดินถูกพลังกฎสวรรค์ของเย่ว์หยางท้าทายและมีการเปลี่ยนแปลงไปทันทีไม่มีการซ่อนความลึกลับเหมือนก่อนอีกต่อไป
เหมือนกับเทพที่มาเยือนในโลก
พลังที่สง่างามยากจะนึกภาพออก ที่วิหารปีศาจพลังกฎสวรรค์กำลังกดดันใส่เย่ว์หยางด้วยความตั้งใจจะเอาชนะความตั้งใจของเขาทั้งหมด ทั้งจะกำจัดฆ่าเขาให้กลายเป็นศพภายใต้กฎสวรรค์ ขณะเดียวกันโซ่น้ำแข็งเก้าสิบเก้าเส้นเหมือนกับอสรพิษสีขาวพุ่งเข้าหาเย่ว์หยางโดยอัตโนมัติและแยกกันป้องกันพลังกฎสวรรค์ของศัตรูที่มาท้าทายนี้... เมื่อตอนสร้างวิหารปีศาจดินในตำนานได้มีการตั้งกฎนี้ไว้ ไม่ว่าใครก็ตามที่ต้องการสั่นสะเทือนวิหารปีศาจดินหรือท้าทายพลังกฎของมันก็จะต้องรับพลังสะท้อนกลับถึงสิบเท่า
จอมปีศาจลี่ตี้ที่ตอนแรกประหลาดใจกลับดีใจทันที “หลังจากเจ้าถูกจัดการเจ้าก็ยังจะอยู่กับข้าต่อไปในอนาคต ฮ่าฮ่าฮ่า
รอยยิ้มของเขาคงอยู่ได้เพียงสองวินาทีองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตัดลิ้นของเขาด้วยดาบเทพ
แขนที่ร่างกายไร้ศีรษะยังคงถือกระจกทนทุกข์และถ่ายเทพลังไปที่อสูรจักรกลอยู่ข้างหน้าไม่ไกล อสูรจักรกลถูกกระแทกพังและลิ้นของจอมปีศาจลี่ตี้หายจากอาการบาดเจ็บทันที และริมฝีปากที่ถูกตัดไปด้วยก็ฟื้นฟูเป็นปกติ “ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าเจ้าจะใช้พลังทำร้ายข้าแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์! นอกจากนี้ข้าสามารถส่งเจ้าออกจากวิหารปีศาจดินได้ เพราะเด็กหนุ่มนี้พยายามใช้กลยุทธ์สู้กับวิหารปีศาจดิน วิหารปีศาจดินจึงปิดผนึกอีกครั้ง และจะได้พบกับเจ้าทั้งสองอีกครั้งหลังจากผ่านไปพันปี พวกเจ้าทั้งสองบอกลาคนรักได้ในอีกสามวินาที...”
รัศมีแสงสองช่องปรากฏอยู่รอบตัวเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
กระจกทนทุกข์ฉายแสงเปล่งปลั่ง
จอมปีศาจลี่ตี้มองดูสตรีทั้งสองและกล่าวเย้ยหยัน “ลาก่อน เชิญไสหัวไปได้แล้ว!”
สตรีทั้งสองเปล่งรัศมีและหายไปทันทีและในวินาทีเดียวกัน แต่เสี่ยวเหวินหลีหลบไม่ยอมให้จอมปีศาจลี่ตี้ใช้ทักษะแฝงเร้นส่งกลับร่างที่ไร้ศีรษะเดินเข้าไปในวิหารปีศาจดินแล้วเก็บศีรษะมาต่อที่คออีกครั้งรอให้เลือดและเนื้อผสานเป็นเนื้อเดียวกันจนไม่มีช่องว่าง จากนั้นเขาส่ายศีรษะเมื่อพบว่าไม่ค่อยสะดวกสบายนัก เย่ว์หยางต่อสู้กับกฎสวรรค์ที่คงอยู่เก้าสิบเก้าสายที่เป็นด้วยเพลิงอมฤต เย่ว์หยางยังคงยิ้ม“คนโง่อย่างเจ้ากล้าเรียกข้าว่าคนบ้าด้วยท่าทางที่หยิ่ง ข้าไม่เคยพูดกับมนุษย์ด้วยคำหยิ่งอย่างนั้น ข้าสามารถผนึกจอมปีศาจลี่ตี้ได้ด้วยพลังของข้า โอวข้าไม่คิดว่าเป็นความฝันหรอก โลกนี้มีเจ้าแต่คนเดียว! แต่น่าเสียดายจริงๆ เจ้าแพ้แล้วเป็นความกล้าที่น่าเบื่อจริงๆ”
“เพราะข้าคือข้า และเพราะเจ้าไม่ใช่ข้า เจ้าไม่สามารถเข้าใจขอบเขตของข้าได้” เย่ว์หยางไม่โกรธ ได้แต่หัวเราะ
“ข้าจะคอยดู เจ้าจะทนต่อได้อีกนานแค่ไหนเจ้าจะอยู่ได้นานอีกแค่ไหน? ข้าไม่ต้องการให้ความสุขยินดีเช่นนี้หายไปจากตัวได้”จอมปีศาจลี่ตี้หัวเราะอยู่ในกลางอากาศ
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหลบหนีไปอยู่ด้านนอกอย่างรวดเร็ว
ราวกับว่าพวกนางรู้ว่าจะมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้น
พวกนางเพิ่งหลบออกมาจากทางผ่าน
ข้างหลังพวกนางมีพลังที่ไม่อาจบรรยายได้กดดันลงมาบนร่างจนไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้แม้แต่เหลือบตาดูก็ยังแทบทำไม่ได้
ในวิหารปีศาจดินพอรู้ว่าพวกเสวี่ยอู๋เสียหนีออกไปโดยปลอดภัย พลังกฎสวรรค์จากไพ่ชะตาเริ่มทำงานทันทีพลังกฎสวรรค์ที่หลุดพ้นจากการควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิง..เป็นไปไม่ได้ที่จะประเมินความสูงของยักษ์ทองเหนือหัวเย่ว์หยางว่าสูงเพียงไหนแม้แต่นิ้วเท้าก็ยังสูงกว่าเย่ว์หยางถึงสิบเท่า เมื่ออยู่ต่อหน้ายักษ์ทองนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นเล็กน้อย จอมปีศาจลี่ตี้ที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งคุกเข่าลงกับพื้นมือทั้งสองค้ำอยู่ข้างหน้า แม้แต่การเต้นของหัวใจก็ถูกบังคับให้หยุดนิ่งหายใจแทบไม่ออก ไม่ต้องว่ากันถึงเรื่องพูด
บางทีวิหารปีศาจดินอาจถูกเทพเจ้าสร้างขึ้นทำให้มีแรงระเบิดน่ากลัวและกฎสวรรค์ที่ผนึกจอมปีศาจลี่ตี้ไม่อาจจะเทียบเคียงกับยักษ์ทองได้ในพริบตายักษ์ทองก็ระเบิดพลังทั้งหมดวิหารปีศาจดินทั้งหมดไม่สามารถต้านรับพลังเท้าเดียวของยักษ์ทองได้
โซ่น้ำแข็งเก้าสิบเก้าเส้นแตกสลาย
โซ่น้ำแข็งที่ฝังเข้าไปในร่างของเย่ว์หยางถูกเพลิงอมฤตทำลายจนเป็นผุยผงไม่เหลือสำนึกพลังใดๆอยู่เลย และปล่อยให้อสูรโลกคัมภีร์และเย่ว์หยางดูดซับพลังทั้งสองไว้
แหล่งพลังเทียมเทพที่อยู่ในวิหารปีศาจดินเป็นเหมือนคนแคระเมื่อเทียบกับยักษ์ทอง
แหล่งเก็บกักพลังงานกฎสวรรค์สูงเพียง200-300 ยังไม่อาจเทียบได้แค่เพียงระดับเข่าของยักษ์ทองและยักษ์ทองเมื่อมีผู้แหงนหน้ามองก็ยังมองไม่เห็นศีรษะไม่เห็นอกสูงชะลูดขึ้นไปในท้องฟ้า ห่างออกไปสิบกิโลเมตร เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นที่อยู่ในระหว่างต่อสู้ เมื่อเห็นยักษ์ทองปรากฏออกมาพวกเขาทั้งหมดไม่มีพลังเคลื่อนไหว และต้นไม้ปีศาจโดยรอบและสัตว์ประหลาดบริวารต่างร่วงลงกับพื้นในทันทีหลายตนกลายสภาพเป็นหมอกดำและควันหายไป...
ภาพที่สง่างามดุจเทพเจ้าสลายหายไป
บางทียักษ์ทองอาจถูกปราบบางทีอาจสูญเสียพลังสนับสนุนของปราณราชันย์
พลังงานเหล่านี้ถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงานอิสระที่ไม่สูญเสียสำนึกอยู่ด้วยกันกับพลังของผนึกเหมือนกับจักรวาลทางช้างเผือกลอยอยู่รอบตัวเย่ว์หยางและคัมภีร์อัญเชิญ
ยักษ์ทองหายไปแล้ว
ร่างของเย่ว์หยางเปล่งแสงสว่างทรงพลังมากกว่าแต่ก่อนถึงสิบเท่า และแฝงไว้ด้วยพลังเทพในตำนานหลายชนิด
ในขณะนี้เองพลังที่แท้จริงของเขาพุ่งขึ้นจนถึงระดับสุดท้ายบรรลุเข้าสู่ระดับปราณราชันย์