ตอนที่ 809 การตัดสินใจของตู้ซินหวี่
เมื่อถังเทียนบินลงมา ตู้เค่อเข้ามาหาอย่างกระตือรือร้น
“นี่คือกลยุทธอะไร? ทำไมถึงได้แตกต่างจากหน่วยสุญญตา?”
ถังเทียนถอดเกราะเทพเจ้าเผยให้เห็นใบหน้าที่ขาวซีด เพื่อให้เกราะเทพเจ้าทำงานจำเป็นต้องให้เขาอยู่ในสภาวะสูงสุดและการสะท้อนผิวกฎธรรมชาติสร้างความเครียดให้กับถังเทียนมหาศาลแม้ว่าความเครียดส่วนใหญ่จะถูกเกราะดูดซับไปแล้วก็ตาม แต่ในฐานะผู้ควบคุมถังเทียนจำเป็นต้องทนแบกรับด้วยเช่นกัน
“สะท้อนผิวกฎธรรมชาติ”
ถังเทียนไม่ได้ปกปิดอะไรเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของตู้เค่อ ถังเทียนรู้ว่าเขาไม่ได้แกล้งทำ และเขาเองก็ต้องการอวดฝีมือของเขาเป็นบางครั้ง แต่เนื่องจากเขาเหนื่อยจัดจนแทบจะทรุดลงกับพื้น เขาจึงอธิบายได้เพียงไม่กี่คำ
“การสะท้อนผิวกฎธรรมชาติ?” ตาของตู้เค่อเบิกกว้าง เขาอุทานออกมาเสียงดัง“นั่นเป็นไปได้ยังไง!”
ในแง่ความเข้าใจกฎธรรมชาติ ไม่มีใครในแดนบาปสามารถเทียบได้กับตู้เค่อ กับคำพูดประโยคเดียวของถังเทียนตู้เค่อก็คาดเดาทุกสิ่งทุกอย่างออก เขาสามารถเข้าใจการสะท้อนพลังกฎธรรมชาติ และสามารถเข้าใจพลังที่สร้างออกมาจากการสะท้อนพลังมากมาย เขายังคงพึมพำกับตนเอง และคิดตามได้อย่างชัดเจน แต่เขายังคงรู้ว่าจะสะท้อนผิวกฎธรรมชาติได้สำเร็จต้องการเงื่อนไขที่รุนแรงและมีความต้องการมาตรฐานที่สูง
เหมือนกับที่ในโลกนี้ไม่เคยมีใบไม้สองใบที่เหมือนกัน ย่อมไม่มีผิวกฎธรรมชาติที่เหมือนกันในแดนบาป คนฝึกฝนในกฎธรรมชาติที่ต่างกันคนเรามีพรสวรรค์ต่างกัน ระยะเวลาที่พวกเขาฝึกก็แตกต่างกัน ความเข้าใจที่ลึกซึ้งระหว่างคนก็ต่างกันดังนั้นผิวกฎธรรมชาติที่สร้างโดยทุกคนจึงแตกต่างโดยสิ้นเชิง
สำหรับผิวกฎธรรมชาติสองอย่างสะท้อนกันได้อย่างสมบูรณ์ต้องการความร่วมมือและความเข้าใจมากจริงๆ ตู้เค่อสามารถเข้าใจได้
ถ้าเป็นเพียงสองคนตู้เค่อคงไม่ประหลาดใจอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แต่ว่ามีกี่คนเล่านั่น?
200 คน!
‘ถังเทียนทำได้ยังไง?’
ถ้าตู้เค่ออ้างว่าความเข้าใจเรื่องกฎธรรมชาติของเขาเป็นที่สองในโลก คงไม่มีใครกล้าอ้างว่าเป็นอันดับหนึ่ง หลายอย่างที่เขาเห็นเกินกว่าความรู้ของคนธรรมดา คน 200 คนสามารถนับได้ว่าเป็นกองทัพเล็กๆ ถังเทียนเป็นแกนกลางที่แท้จริงของกองทัพ และเขาสามารถเชื่อมโยงผิวกฎธรรมชาติทั้ง 200ได้
นั่นเป็นเรื่องที่ตู้เค่อรู้สึกเหลือเชื่อ
จะรวบรวมผิวกฎธรรมชาติของคน 200คนเพื่อสะท้อนให้สำเร็จ จากนั้นทำเป็นคลื่นและผสานทั้งหมดเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์นั่นน่ากลัวมากมายขนาดไหน?
แค่คิดคำนวณมากขนาดนี้แล้ว ตู้เค่อรู้ว่าพลังนั้นสามารถกวาดล้างเมืองน้อยได้ถึงสองสามเมือง!
ไม่มีใครสามารถทนรับพลังที่รุนแรงได้ ไม่มีใคร! แม้กระทั่งตัวเขาเองตู้เค่อนักสู้อันดับหนึ่งของแดนบาป เมื่อเผชิญพลังเช่นนั้นมีแต่จะพินาศทันที
‘เขาทำได้อย่างไร?’
เขามองดูเด็กหนุ่มผู้ยังมีแววไร้เดียงสาปรากฏบนใบหน้าถึงกับพูดไม่ออก
ถังเทียนหายใจสั้นๆไม่กี่ครั้งก็ฟื้นคืนพลังกลับมาได้มาก เขาเองยังสั่นสะท้านกับตัวเองและด้วยด้วยความดีใจ “ข้าทำได้ยังไง? เรื่องมันยาว!”
หลังจากนั้น, ถังเทียนใช้น้ำเสียงโอ้อวดและพูดเรื่องเกี่ยวกับการรู้แจ้งเกราะเทพเจ้า กระบวนการค้นพบการสะท้อนผิวกฎธรรมชาติ จุดสำคัญก็คือเป็นความฉลาดของหนุ่มชาวฟ้า ‘หึหึ,เล่าตู้ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อน ข้าจะขู่ขวัญเขาสักหน่อย!’
ตู้ซินหวี่เหมือนกับไม่มีหัวใจก่อนนั้น นางค่อยรู้สึกตัวจากอาการตกใจก่อนหน้านั้น
แต่ฉากภาพต่อหน้านางทำให้นางรู้สึกขำ
กลุ่มคนที่นั่งกระจายตัวอยู่หน้าพวกเขากับเด็กหนุ่มในกลุ่มพวกเขากำลังยืนเผชิญหน้ากับพี่ชายนางมีท่าทีโอ้อวดและพูดคุยประสบการณ์ของเขา ดูตามสีหน้าของพี่ชายนางดูตะลึง แปลกใจหรือตกใจ
นางรู้สึกหูอื้อไปหมดจนไม่สามารถพูดเป็นคำออกมาได้ จึงได้แต่ดูภาพที่น่าขบขันอยู่ข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว
ในเรื่องความเข้าใจกฎธรรมชาติ นางยังด้อยเมื่อเทียบกับพี่ชายนาง แต่ตู้เค่อมอบงานสร้างกองทัพให้นาง เป็นเพราะนางมีสมาธิดี กฎธรรมชาติที่นางฝึกคล้ายกับพยุหะหยินหยางของเนี่ยชิว และเนื่องจากนางเป็นคนใจเย็นและเด็ดขาดนางจึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์ที่สุด
นางไม่รานความคาดหวังพี่ชายของนาง กองทัพที่นางสร้างพิถีพิถันอย่างมาก และกับกลยุทธของหน่วยสุญญตาทำให้นางสร้างหลักสูตรกลยุทธที่เป็นของนางเอง เมื่อได้เห็นแม้แต่ตู้เค่อก็ต้องยกย่องชื่นชมนาง
ทำให้นางรู้สึกภูมิใจ
แต่ความภูมิใจทั้งหมดของนางสลายหายไปหมดเมื่อได้เห็นการฝึกภาคพื้นดิน
นางได้รับผลกระทบและตกใจอย่างมาก
กองทัพ 200คนแสดงพลังได้มากกว่าที่นางจะคิดเกินขีดจำกัดไปมาก การผสานกฎธรรมชาติอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเต็มไปด้วยความคิดที่สร้างสรรค์ไม่เหมือนใครและทรงพลัง ในประวัติศาสตร์แดนบาปสองสามศตวรรษมานี้ ไม่เคยมีใครคิดว่ากฎธรรมชาติสามารถผสานกันได้
เป็นพลังโจมตีที่เด็ดขาดรุนแรงมีพลังมากมายหลากหลายรูปแบบไม่สามารถป้องกันได้
นางยังสมมติตัวเองว่าเป็นศัตรูกับกองทัพที่อยู่ข้างหน้านาง ‘ข้าจะทำยังไงกับกองทัพของข้าเมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพน้อยนี้?’ สิบวินาทีต่อมา นางสั่นไปทั้งตัว,นางตระหนักว่าไม่ว่านางจะพยายามยังไง นางก็ไม่สามารถต้านรับพวกเขาได้
ทั้งสองฝ่ายต่างระดับกันอย่างสิ้นเชิง
นี่คือสิ่งที่กระทบใจนางที่สุด ไม่มีอะไรที่ทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดมากในฐานะที่เป็นคนหยิ่งภูมิใจ
นางยืนอยู่กับที่ราวกับว่าวิญญาณหลุดออกจากร่างเหลือแต่ร่างที่เหมือนกับหุ่นเชิดภายนอก
ฝูเจิ้งจือและทุกคนพยายามรีบฟื้นฟูพลังทุกหยดในร่างกายพวกเขาทุกคนนอนอยู่บนพื้นอย่างเหนื่อยอ่อนพยายามใช้เวลาพื้นฟูพลังให้มากเท่าที่เป็นไปได้ เมื่อได้ยินนายท่านโอ้อวดกับตู้เค่อทำให้เขาตะลึงครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขารู้สึกยินดี ท่านตู้เค่อบุรุษอันดับหนึ่งของแดนบาปก็ยังกลัวและประหลาดใจ นี่เป็นเรื่องไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ
ไม่มีใครกล้าชักช้าและเสียเวลา พวกเขารู้ว่าเจ้านายมีการฟื้นฟูพลังตัวเองที่ผิดมนุษย์ธรรมดาทั่วไป หลังจากฝึกฝนต่อเนื่องพวกเขาเข้าใจนิสัยถังเทียนนานแล้ว ถ้าพวกเขาไม่ฟื้นฟูให้ทันเวลา พวกเขาจะต้องลำบากในการฝึกรอบต่อไป
เป็นไปตามคาด สองสามวินาทีต่อมาพวกเขาได้ยินถังเทียนพูดกับตู้เค่อโดยไม่ลังเลใจ “ไว้ข้าค่อยคุยกับท่านอีกครั้ง ข้าต้องกลับไปฝึกต่อ”
จากนั้น เขาหันกลับไปตะโกน “ลุกขึ้น พวกเจ้าลุกขึ้นให้หมดเตรียมตัวเริ่มฝึกกันอีกครั้ง!”
ทุกคนที่กำลังนอนอยู่บนพื้นตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
‘หุหุ,เรารู้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้...’
ทันใดนั้นตู้ซินหวี่อดถามไม่ได้ “พวกเขายังไม่ฟื้นฟูพลังเต็มที่ ถ้าเจ้าฝึกอย่างนั้นจะทำให้มีผลต่อการฝึกไม่ใช่หรือ?”
สิ่งที่นางคาดไม่ถึงก็คือถังเทียนตอบรับตรงๆ “ใช่มันเป็นเช่นนั้น”
ขณะที่นางพยายามคลี่คลายปัญหานี้ด้วยนางเองถังเทียนอธิบายว่า “แต่นี่เป็นแนวทางที่มีในสถานการณ์สู้รบ ถ้าพวกเขาสามารถทำกลยุทธในสภาพที่จำกัดได้สำเร็จ อย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นครั้งไหนๆพวกเขาก็สามารถทำได้สำเร็จเช่นกัน และยังจะทำให้บรรลุขีดจำกัดของพวกเขาได้ง่ายด้วย มีประโยชน์มากมาย แค่เพียงยอมเหนื่อยเพิ่มอีกนิด”
‘แค่เหนื่อยเพิ่มอีกนิด?’
ทุกคนหน้าเขียวคล้ำ หน้าที่เคร่งขรึมของพวกเขากลายเป็นโกรธ ‘เจ้านายยยย...นี่น่ะเหรอแค่เหนื่อยเพิ่มอีกนิด?’
พวกเขาต้องยอมว่าการฝึกที่ระดับขีดจำกัดของพวกเขาได้ผลเกินคาด เพราะพวกเขาสามารถรู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นมากมาย ใครๆ ก็รู้ สำหรับคนแก่อย่างฝูเจิ้งจือ,พวกเขาผ่านปฐมวัยของการเติบโตมาแล้ว แต่ก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงความก้าวหน้า สำหรับคนอย่างจี๋เจ๋อยิ่งเติบโตก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด
ตู้ซินหวี่ตะลึง
‘นี่...นี่ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!’
นางรู้เรื่องความสามารถบรรลุเกินขีดจำกัดได้มาก แต่การรู้และการทำให้สำเร็จได้จริงเป็นเรื่องที่แตกต่างกัน ไม่ใช่แค่เพียงเคี่ยวเข็ญพวกทหารเท่านั้น แต่เขายังต้องเคี่ยวเข็ญตัวเอง
ตู้เค่อต้องประเมินถังเทียนใหม่อีกครั้ง เขาต้องยอมรับว่าเขาต้องจัดระเบียบความคิดของเขาเกี่ยวกับบุรุษที่อยู่ข้างหน้าเขาใหม่
เด็กหนุ่มผู้สามารถเคี่ยวเข็ญตัวเองอย่างหนักหาได้ยากในแดนบาป
ตู้เค่อรู้สึกมีอารมณ์ซับซ้อนในตัวเขา ทางเลือกเป็นพันธมิตรกับถังเทียนของเขาเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดอย่างมิต้องสงสัย ความสามารถในการต่อสู้ที่ทรงพลังของกองทัพเกราะเทพเจ้าทำให้เขารู้สึกมั่นใจมากว่าจะตะลุยผ่านประตูบาปได้
‘แม้แต่ประตูบาปคงไม่สามารถทนพลังโจมตีที่ทรงพลังเช่นนั้นได้!’
แต่เมื่อคิดเรื่องวัยของถังเทียน ตู้เค่ออดรู้สึกอิจฉาไม่ได้ ต่อให้เขาเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในแดนบาป แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าถังเทียน เขาไม่สบายใจเลย
เขาได้แต่ฝืนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ‘ความจริงเมื่อเทียบกับคนอื่นมีแต่จะทำให้โมโหตัวเองที่ต้องพ่ายแพ้แน่นอน ข้าเป็นกบที่อยู่ก้นบ่อมาตลอดเวลา การเป็นอันดับหนึ่งในแดนบาปก็แค่นั้น’ เมื่อคิดเรื่องนั้น เขาเต็มไปด้วยความปรารถนาจะบุกออกไปนอกแดนบาป โลกภายนอกที่กว้างขวางคงงามสง่ามาก
เมื่อคิดเรื่องนั้นแล้ว เขายิ่งตื่นเต้น
ตู้ซินหวี่ถามทันที “เราจะเรียนรูปแบบการสะท้อนผิวกฎธรรมชาติได้ไหม?”
“ไม่เราทำไม่ได้” ตู้เค่อส่ายศีรษะ เขารู้ว่าน้องสาวผิดหวังกับการพ่ายแพ้ แต่ก็ยังบอกนางตามตรง “ถังเทียนสามารถรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้เป็นเพราะเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ของเขา เกราะเทพเจ้าของเขาสร้างขึ้นจากเคล็ดพิเศษของเขาเอง หมัดเทพเจ้า,เทพอสูรหกมุทราและสภาวะที่พิเศษเฉพาะ เป็นอย่างเดียวกับที่ข้าทำได้ในเฉพาะเวลาที่วิกฤติ”
ตู้ซินหวี่ไม่รู้จะพูดอะไร
“ดูเหมือนว่าครั้งนี้เราจะสามารถบุกผ่านประตูบาปได้แน่นอน” ตู้เค่อพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
ตู้ซินหวี่เงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดทันที “เรายังคงใช้วิธีฝึกนี้ฝึกขณะที่อยู่ในขีดจำกัดได้”
ตู้เค่อรู้ว่าน้องสาวเขาได้รับแรงกระตุ้นจึงอดยิ้มไม่ได้
ตู้ซินหวี่เงยหน้า “ถ้าเราสามารถกลับไปดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ เราจะกำหนดเส้นทางของเรายังไง?”
ตู้เค่อตกใจชั่วขณะ เขาไม่เคยคิดเรื่องนั้นมาก่อนจริงๆ เขาเข้าใจสิ่งที่น้องสาวเขาหมายถึงทันที กองทัพเกราะเทพเจ้าแข็งแกร่งพอ ความเป็นไปได้ที่จะกลับไปยังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ไม่ถือว่าน้อยอีกต่อไป แต่พวกเขาจะทำอะไรเมื่อกลับไปยังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์?
ตู้เค่อกล่าวอย่างจริงจัง “น้องพี่, ช่วยแนะนำข้าด้วย!”
ตู้ซินหวี่ลังเลเล็กน้อย จากนั้นกล่าว “เราจะติดตามถังเทียน”
ตู้เค่อประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะก่อตั้งความเป็นพันธมิตรกับถังเทียน แต่เขาไม่เคยคิดเรื่องติดตามเขา แต่เขารู้นิสัยของน้องสาวของเขา นางไม่ใช่คนบุ่มบ่ามใจเร็ว จึงกล่าวขึ้น “น้องพี่, ช่วยพูดให้ละเอียด”
ตู้ซินหวี่หัวเราะเบาๆ “ประการแรก ถังเทียนกับเรามีศัตรูร่วมกัน ประการที่สองเราจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มานานเกินไป และเราไม่รู้เรื่องของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ใครจะรู้กันว่าอาจจะแตกต่างจากที่บรรพบุรุษของเราบันทึกไว้ การเที่ยวไปตามลำพังมีความเป็นไปได้มากว่าจะต้องผจญกับอุปสรรค นอกจากนี้แดนบาปใช้กฎธรรมชาติ ขณะที่ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีพลังงานนั่นจะส่งผลอิทธิพลต่อเรามากมายเพียงไหน และเราจะสามารถสร้างอิทธิพลได้มากเพียงไหน นี่เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้”
ตู้เค่อพยักหน้า เขาไม่ขัดจังหวะน้องสาวของเขา เนื่องจากสองจุดนี้ชี้ให้เห็นถึงอันตราย
จากนั้นตู้ซินหวี่ถอนหายใจเบาๆ “ประการที่สาม,ถ้าเราต้องแสวงหาที่ของเราเอง เราจะอ่อนแอและเราต้องการพลังสนับสนุนเราให้อยู่รอดได้อย่างไม่ต้องสงสัย และข้าคิดว่าท่านพี่ก็รู้อารมณ์ปัจจุบันของแดนบาปทั้งหมดมีคนน้อยมากที่ยินดีจะเคลื่อนไหวเหมือนกับท่านพี่ ไม่มีคนก็ไม่มีวาระประชุม เราจะทำกิจการอะไรให้สำเร็จได้?”
ตู้เค่อเงียบ เขารู้สึกไม่สบายใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก “บางทีในช่วงเวลาหนึ่ง พวกเขาจะเข้าใจและยอมตื่นจากฝันร้ายนี้”
“นั่นคงอีกนาน” ตู้ซินหวี่พูดตามตรง “ท่านพี่ ท่านจะรอจนถึงตอนนั้นหรือ? ข้าเกรงว่าทวีปกวงหมิงจะไม่ปล่อยให้ท่านพี่ทำตามต้องการ”
“และถังเทียนจะสนใจแดนบาปด้วยหรือ?” เขาถามอย่างจริงจัง
ตู้ซินหวี่หัวเราะคิกคัก “ไม่ว่าถังเทียนจะสนใจหรือไม่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตราบใดที่ท่านพี่ใส่ใจ อย่างนั้นท่านก็ต้องมีชีวิตอยู่ ท่านต้องมีชีวิตอยู่ให้นานเท่าที่ท่านจะไม่ลืมสาเหตุที่ท่านต้องการจากไป เอาเป้าหมายไปกับท่านด้วยเพราะท่านก็สามารถเปลี่ยนดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้”
ตู้เค่อลุกขึ้น และเขาพูดทันที “ข้าจะไปคุยกับถังเทียนเดี๋ยวนี้!”