ตอนที่ 808 จริงคือเท็จ เท็จคือจริง
เย่ว์หยางหลังจากตรวจสอบกฎสวรรค์ประจำวิหารปีศาจดินซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่นี่มิใช่ว่าถึงกับเรียกอสูรอัญเชิญไม่ได้เพียงแต่เรียกออกมาแล้วไม่สามารถสั่งให้ต่อสู้ได้ มิฉะนั้นจะถูกกฎสวรรค์ลงโทษ นี่คงเป็นผนึกที่คนรุ่นจอมปีศาจลี่ตี้สร้างขึ้นเพื่อป้องกันจอมปีศาจลี่ตี้หลบหนี เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีไปจากวิหารปีศาจดินโดยไม่ใช่พลังของอสูรศึก
นอกจากไม่สามารถใช้งานอสูรศึกแล้วในวิหารปีศาจดินจะใช้การกลั่นควบพลังโจมตีตามชอบใจไม่ได้
เมื่อกลั่นควบพลังโจมตีนั่นจะเป็นการกระตุ้นกลไกการทำงานของผนึก
จอมปีศาจลี่ตี้ไม่ยอมโจมตีง่ายๆ และกฎสวรรค์ที่ลงโทษจะถูกเปลี่ยนส่งไปที่อสูรพิทักษ์ที่อยู่ในรูปชายชราผมขาวโดยทักษะแฝงเร้นคืนสนองและกระจกทนทุกข์ เขาไม่กล้าสะสมพลังของผนึกไว้
อสูรปีศาจเดิมทีคิดว่าสามารถประเมินเย่ว์หยางได้โดยใช้กฎสวรรค์ประจำวิหารปีศาจดิน
ไม่มีใครคิดว่าเย่ว์หยางจะสามารถมองออกได้ทันที
ที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็คือการปรากฏของเพลิงอมฤต
“ตาย!”
ชายชราผมขาวผู้ถูกโซ่เก้าเส้นล่ามแขวนอยู่ในอากาศพยายามดิ้นรนดึงกระชากโซ่น้ำแข็งจนกระทั่งเท้าของเขายืนแตะอยู่บนพื้นพลังเยือกแข็งที่น่ากลัวกระจายผ่านเท้าของเขาลึกลงไปในดินและตรงไปที่เท้าของเย่ว์หยาง แม้จะมีเพลิงอมฤตคุ้มครองแต่เท้าของเย่ว์หยางถูกแช่แข็งทันทีพลังไฟกับพลังน้ำแข็งปะทะกัน แม้ว่าเพลิงอมฤตจะไร้พ่ายแต่พลังน้ำแข็งที่ชายชรารุกโจมตีอยู่นั้นกลับได้เปรียบอยู่สองสามวินาที
“ไปลงนรกเสียเถอะ!” จอมปีศาจลี่ตี้ไม่ยอมให้เย่ว์หยางมีโอกาสเรียกคัมภีร์อัญเชิญไม่ว่าการเรียกอสูรออกมาจะมีประโยชน์หรือไม่ เขาจะไม่ให้โอกาสเย่ว์หยางตอบโต้กลับ
ด้วยความเร็วยิ่งกว่าแสงร้อยเท่า
ขวานวิเศษในมือของจอมปีศาจลี่ตี้เงื้ออยู่เหนือศีรษะเย่ว์หยางฟันลงทันที
เย่ว์หยางประกบมือรับคมขวานเหนือศีรษะ
ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่ฟันเป็นแนวตรงไม่มีผลอะไร เพราะพลังของนางทำทำได้แค่สร้างรอยขีดตื้นๆ บนเกราะปีศาจฟ้าศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีคุณภาพดีที่สุดไม่สามารถทำอันตรายจอมปีศาจลี่ตี้ได้ พลังโจมตีของเสวี่ยอู๋เสีย ถูกกระจกทนทุกข์สะท้อนกลับไปที่ขา
มือของจอมปีศาจลี่ตี้ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเขายกเท้าข้างหนึ่งยันใส่หน้าอกเย่ว์หยาง
ท่าเท้านั้นพุ่งออกมาเหมือนค้อนสายฟ้าเย่ว์หยางไม่อาจขยับไหล่ได้
เขาหงายตัวงอเอวไปด้านหลัง
ในท่าสะพานเหล็ก
เย่ว์หยางหลบพ้นท่าเท้ายันของจอมปีศาจลี่ตี้ทั้งที่มือยังประกบจับขวานยักษ์ จอมปีศาจลี่ตี้คิดจะใช้เท้ายันใส่อีกครั้งแต่แขนอกและท้องถูกบิดไปมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนั้นจอมปีศาจลี่ตี้ใช้กระจกทนทุกข์ที่อยู่ในมือขวาช่วยเหลือช่วยสะท้อนพลังเตะ ลูกเตะนั้นเตะใส่ร่างของเย่ว์หยางที่กำลังหมุนตัว
สถานการณ์ต่อสู้ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ แต่เย่ว์หยางพลิกตัวบิดกลับไปกลับมาทันที
แค่เพียงหลบการหมุนเตะของจอมปีศาจลี่ตี้
ไม่ว่าจะเป็นจังหวะเวลาและระยะเตะเย่ว์หยางคำนวณไว้อย่างแม่นยำ
จอมปีศาจลี่ตี้เตะใส่อากาศและเปลี่ยนการตัดสินใจ และเพลิงอมฤตของเย่ว์หยางละลายพลังน้ำแข็งที่แข็งแกร่งของชายชราผมขาวและฟื้นฟูสภาพเย่ว์หยางอย่างสมบูรณ์ เย่ว์หยางเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตั้งกระบวนรบในรูปสามเหลี่ยม
ที่อกของเขามีรอยเท้าอย่างชัดเจนและรอยเท้าเดียวกันนั้นปรากฏให้เห็นบนผนังน้ำแข็งห่างออกไปหลายสิบเมตร
พลังระเบิดที่ซึมผ่านตัวเขาไปได้นั้นน่ากลัวมาก
ผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัวนี้
ถ้าหากปล่อยให้จอมปีศาจลี่ตี้โจมตีโดนเต็มที่ยากจะคิดถึงผลที่ตามมาได้จริงๆ
ที่มุมปากของเย่ว์หยางมีเลือดซึมออกมาช้าๆแม้ว่าจะไม่โดนโจมตีอย่างเต็มที่ แต่หากปล่อยให้จอมปีศาจลี่ตี้เตะถูก คงจะบาดเจ็บหนักหนาสาหัส โชคดีที่ประสบการณ์การต่อสู้ของเย่ว์หยางและทักษะการต่อสู้ของเขาดีกว่าสหายทุกคนและเสวี่ยอู๋เสียกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังช่วยหันเหความสนใจอยู่ด้านข้าง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงปล่อยให้จอมปีศาจลี่ตี้ฆ่าไปแล้ว
“เจ้าจะไม่มีทางโชคดีอย่างนั้นอีก” จอมปีศาจลี่ตี้ไม่เชื่อว่าการโจมตีอีกครั้งเจ้าเด็กผู้นี้จะหลบหลีกได้อีก
“เหลวไหล,อย่านึกว่าเจ้ามีอายุยืนเป็นหมื่นปีดีกว่า!” เย่ว์หยางเช็ดเลือดที่มุมปาก ตอนนี้ในที่สุดเขาก็รู้ได้ในที่สุดได้พิสูจน์ผลลัพธ์ว่ามีผลเช่นเดียวกับที่จักษุทิพย์ของเขามองเห็น วิหารปีศาจดินยังมีช่องว่างแห่งกฎอย่างหนึ่ง
จอมปีศาจลี่ตี้พบช่องโหว่ของกฎสวรรค์นี้ เขาเองก็พบเช่นกัน
คัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางเปล่งแสงสว่างวาบ
เขาไม่ได้เรียกอสูร แต่ตัวคัมภีร์เองและโลกคัมภีร์ยังคงมีอยู่ไม่จำเป็นต้องอัญเชิญ แม้แต่ในพื้นที่ต้องห้ามก็ยังไม่สามารถหยุดสภาพสนามพลังที่วุ่นวายจากการปรากฏขึ้นมาเองของคัมภีร์ เมื่ออสูรโลกคัมภีร์ปรากฏออกมาไม่ต้องพูดเรื่องให้พลังสนับสนุนเย่ว์หยางผู้เป็นนาย แค่พื้นที่โดยรอบตัวมันต่อให้เป็นวิหารปีศาจดินก็ตามก็ยังถูกดูดซับพลังงานเหมือนกับหลุมดำที่ขยายขึ้น..ไม่มีอะไรหยุดมันได้ เป็นไปตามที่เย่ว์หยางคาด (อสูรโลก)มันเป็นอสูรชนิดพิเศษที่คงอยู่นอกกฎทั่วไป
ถ้าเมื่อครู่ล้มเหลว เย่ว์หยางจะถูกกฎสวรรค์ประจำวิหารปีศาจดินลงโทษ
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะได้ยืนยันข้อพิสูจน์นี้ ความคงอยู่ของเพลิงอมฤตก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อพิสูจน์ยืนยันของเขา
ที่เหนือกว่ากฎสวรรค์ทั่วไป ยังมีกฎสวรรค์ที่สูงมากกว่า ก็เหมือนกับเทพธรรมดา และเทพระดับสูงกว่า
เพลิงอมฤต อสูรโลกไม่คำนึงถึงความคงอยู่นั้น
แม้แต่ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ในมือขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสมบัติประดิษฐ์ที่รองจากสมบัติเทพในมือของจอมปีศาจลี่ตี้และคัมภีร์แห่งสัจจะในมือของเสวี่ยอู๋เสียซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเย่ว์หยาง
“ตราบใดที่เจ้าไม่โจมตี เจ้าตอบโต้หรือป้องกันตัวเจ้าจะไม่ถูกกฎสวรรค์ที่นี่ลงโทษ” เสวี่ยอู๋เสียเปิดคัมภีร์แห่งสัจจะหน้าต่อไปและนางจึงได้คำตอบที่แท้จริง นี่เป็นผลสรุปเช่นเดียวกับที่เย่ว์หยางเห็นผ่านตาทิพย์ ด้วยคำตอบยืนยันเช่นนี้อย่างนั้นเย่ว์หยางสามารถแสดงพลังได้อย่างปลอดภัยไม่ต้องกังวลกฎสวรรค์ประจำวิหารปีศาจดินอีกต่อไป
“จมูกพยัคฆ์ในร่างข้ารับรู้เรื่องนี้ได้เสมอ” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนให้คำตอบรับรอง
“เมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นเราต้องเริ่มตอบโต้” เย่ว์หยางเหยียดมือ สตรีทั้งสองลอยตัวอยู่ใกล้ๆรอบๆ ร่างกายของเย่ว์หยางมีประกายระยิบระยับเหมือนดวงดาว
“...ฮึ..มดแมลงที่ยังพอมีฝีมืออยู่บ้าง” จอมปีศาจลี่ตี้รู้สึกตึงเครียดในใจ แต่ขาทั้งสองที่ถูกเพลิงอมฤตเผานั้นเจ็บปวดจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเกราะปีศาจฟ้าช่วยเขาคงถูกเพลิงเผาไปแล้ว และภายใต้แรงระเบิดของเพลงอมฤต เขาคงตายอย่างน่าอนาถ แน่นอนว่าเย่ว์หยางมีพลังระดับเตรียมปราณฟ้านั่นเป็นความเชื่อมั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาเชื่อว่ายังจะเอาชนะได้ แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะน่ากลัวผิดไปจากธรรมดาแต่ถ้าไม่มีพลังปณิธานราชันย์เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะในการต่อสู้ครั้งนี้
จอมปีศาจลี่ตี้ล่อหลอกและใช้ขวานฟันอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
ทันใดนั้นเขาทิ้งขวานลงจากในอากาศและปล่อยพลังปราณทำลายล้าง
ชายชราผมขาวไม่สามารถช่วยอะไรได้ในเวลานี้ตอนนี้แค่ลากโซ่น้ำแข็ง เขาจะถูกลงทัณฑ์ทันทีสายฟ้าขนาดใหญ่ระเบิดออกมาจากด้านบนของปราสาทและฟาดลงเหนือตัวเขา อย่างไรก็ตามก่อนที่จะถูกลงโทษ บุรุษชราผมขาวเปิดคัมภีร์โบราณและสร้างพลังงานคลุมตัวจอมปีศาจลี่ตี้และทั้งเย่ว์หยางเสวี่ยอู๋เสีย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทั้งสามคน พวกเขาไม่สามารถหลบพ้นแรงระเบิดของพลังสายฟ้าได้
ปัง!
เดิมทีเขาคิดว่าจะโจมตีจอมปีศาจลี่ตี้เพื่อส่งผลกระทบถึงเย่ว์หยางอีก และเขาพบว่าคนที่อยู่หน้าเย่ว์หยางก็เป็นเย่ว์หยางอีกคนหนึ่งที่กระทำเหมือนกัน
ขวานวิเศษแผ่คลื่นพลังระเบิดออกไปในแบบเดียวกัน..
จอมปีศาจลี่ตี้ถูกฟันในขวานเดียว
แม้ว่าเกราะปีศาจฟ้าบนร่างของเขาเป็นสมบัติคุณภาพดีที่สุดทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่เขาก็ยังร้องโหยหวนด้วยความตกใจ “เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา!”
รอบตัวเย่ว์หยางมีดวงดาวเล็กนับไม่ถ้วนส่องแสงที่เห็นได้ชัดที่สุดคือสิบสองดาวนักษัตรซึ่งมีอยู่ในท้องฟ้ายามปกติบังเอิญว่ากลุ่มดาวนักษัตรทั้งสิบสองกลุ่มคล้ายกับกลุ่มดาวแอรีส (กลุ่มดาวแกะ)ทอรัส (กลุ่มดาววัว) เจมินี่ (ดาวคนคู่) เหมือนกับว่าประวัติศาสตร์เป็นจริง
กลุ่มดาวแกะกำลังโคจรในท้องฟ้า
ทุกๆ ย่างก้าวจะมีจุดดวงดาวเพิ่มขึ้นและพลังของเขาจะเพิ่มทวีคูณ
เดินสั้นๆ ไม่กี่ก้าวพลังของกลุ่มดาวสิบสองนักษัตรก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า แต่หลังจากนั้นวัวกระทิงทองที่ดูดุร้ายต่างจากรูปดาวแกะที่ดูมีรูปลักษณ์สง่างามตาของมันสีแดงแทบถลนจากเบ้า จมูกของมันมีควันและเปลวไฟมันลดศีรษะต่ำเหมือนกับว่าจะใช้เขาขวิดดาวแกะ...
ทุกย่างก้าวของกระทิงทองจอมปีศาจลี่ตี้จะรู้สึกว่าแรงโน้มถ่วงเพิ่มขึ้น
มีแรงโน้มถ่วงที่ไม่อาจบอกได้เหมือนกับว่าต้องการจะดูดร่างของจอมปีศาจลี่ตี้ทั้งตัว
“สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนกับภาพลวงตาแต่ไม่ใช่ภาพลวงตา นี่เป็นสนามพลังแบบไหน?แม้แต่สำนึกเทพจะทำแบบนี้ก็ยังเป็นไปไม่ได้ เจ้าเป็นใคร?” จอมปีศาจลี่ตี้ผลักมือออกคิดว่าจะปล่อยพลังคลื่นระเบิดทำลายล้างกลุ่มดาวแกะและดาววัว ทันใดนั้นปรากฏเงาร่างหนึ่งค่อยๆเดินออกมาจากความมืด เงานี้เหมือนกับอยู่โลกมืดมาเป็นเวลานานมากและเดินออกมา เขาจ้องมองอยู่เป็นเวลานาน ทันใดนั้นจอมปีศาจลี่ตี้ตระหนักถึงคลื่นพลังงานที่แปลกประหลาดพลังคลื่นระเบิดของเขายังกลั่นควบได้ไม่เต็มที่ การปรากฏของเงานี้ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที
“เราคือเงาใคร?” เงานั้นออกมาถึงข้างหน้าของจอมปีศาจลี่ตี้ จอมปีศาจลี่ตี้พบว่าเงานี้เหมือนเขาราวกับพี่น้องฝาแฝดหรือเหมือนภาพสะท้อนในกระจก
“เจ้าพูดได้หรือ?” จอมปีศาจลี่ตี้ไม่คิดว่าพลังนี้จะทำให้เงานี้พูดได้เงาปีศาจนี้เหมือนเกินไปหรือเปล่า?
“ประตูเป็นตาย ประตูเป็นและตาย!” บุรุษผมขาวเตือนจอมปีศาจลี่ตี้ ว่านี่คือประตูแห่งความตายในหอทงเทียนภาพลวงตาของประตูเป็นตายเหมือนจริงมาก
“เจ้ามีความสามารถพิเศษอยู่มากแค่ไหน?” จอมปีศาจลี่ตี้ตกใจ จิตใจเขาหวั่นไหวแต่รีบทำใจให้มั่นคงทันทีแต่เมื่อมองดูเย่ว์หยางกำลังกลั่นกระบี่ดำกุยจ้าง และกระบี่ขาวซวงหัวเขาอดร้องตกใจมิได้ “เจ้าจะมากเกินไปแล้วเจ้าเป็นแค่นักสู้ระดับเตรียมปราณฟ้าธรรมดา เจ้ามีพลังมากมายไม่ธรรมดาได้ยังไง?ถ้านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา ปราณกระบี่ของเจ้าย่อมไม่ติดข้อจำกัดของผนึกหรือไม่?ปราณกระบี่ ปราณกระบี่นี้เป็นของเจ้าหรือ?”
“ข้าฝึกพลังฝ่ามือของข้ามายังต้องบอกเจ้าด้วยหรือ?” เย่ว์หยางพูดวางมาดเลียนแบบดาราโจวชิงสือราวกับไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ
กฎสวรรค์จำกัดปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเย่ว์หยางได้หรือไม่?
ทักษะแฝงเร้น สนามพลังสมบัติวิเศษและอสูรศึกไม่สามารถจำกัดพลังของปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ได้นั่นเป็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติกว่าสิ่งอื่นทั้งหมดเย่ว์หยางรู้แล้วว่าเขาไม่สามารถรับประกันได้ว่ายังจะถูกจำกัดไว้หรือไม่ ตอนนี้เขาลองกลั่นควบพลังและค้นพบความลับว่าอย่างน้อยวิหารปีศาจดินไม่สนใจความคงอยู่ของปราณกระบี่
เย่ว์หยางยังคงมองว่าเขาสามารถใช้พลังสังหารได้
ขณะที่จอมปีศาจลี่ตี้รู้สึกหวั่นเกรงกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัวทันใดนั้นเขาเห็นเย่ว์หยางรวบนิ้วคล้ายกับกำเส้นเบาบาง
เขากลัวจนร่างแทบทรุดกับสิ่งที่เห็นนั่นกฎสวรรค์น้อย?
เจ้าเด็กนี่รู้จักกระทั่งพลังกฎสวรรค์น้อยหรือ?
จอมปีศาจลี่ตี้ร้องลั่น
เขาต้องการจะหนีแต่พบว่าร่างของเขาอ่อนล้าไปชั่วครู่แทบจะขยับไม่ได้
เขามองดูเย่ว์หยางกับสตรีทั้งสองลอยอยู่ในอากาศและปราณกระบี่มรณะทั้งสองกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาเงาความตายปรากฏในใจเขาในรอบหลายพันปี เขาตื่นตระหนกหวาดกลัวตะโกนลั่น“เป็นไปไม่ได้ เจ้าเป็นแค่ภาพลวงตา ประตูเป็นตายแท้จริงก็คือภาพลวงตา
“ผู้อาวุโส,เชิญท่านคร่ำครวญเสียใจก่อนตายได้เลย!” เย่ว์หยางตอบ